วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2565

SHARGE กางโรดแมป Scale Up EV Future รับนโยบาย EV 1 ล้านคัน

 จับมือ 50 พันธมิตรขยายEV Ecosystem เพิ่มสถานีชาร์จแตะ 600 แห่ง 2,400 หัวชาร์จ

SHARGE โชว์โรดแมป Scale Up EV Future ตอบโจทย์เป้ารถ EV ทุกประเภท 1.05 ล้านคันในปี 2568 เดินหน้าเพิ่มจำนวนพันธมิตร EV Charging Ecosystem สู่ 50 รายในปี 2568 เพิ่มโอกาสเจาะตลาดสถานีชาร์จและหัวชาร์จ EV ทั้งในที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้าอาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา จุดพักรถ สถานีพลังงาน บริษัทด้านโลจิสติกส์ หวังมีสถานีชาร์จแตะ 600 แห่ง 2,400หัวชาร์จภายในปี 2565ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในตลาดที่อยู่อาศัย พร้อมเดินหน้าขยายการให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ นำร่องสร้างแลนด์มาร์คด้วยสถานีSuper Fast Charge ร่วมกับพันธมิตรขยายขอบเขตการบริการสู่รถทุกประเภทผ่านการจับมือ Fleet Operator ทั้งบริษัทขนส่งคนและสิ่งของ สร้างรายได้ระยะยาว ร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศสู่การใช้พลังงานสะอาด ลดมลภาวะตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำการให้บริการ EV Charging Solution ครบวงจร พร้อมกวาดยอดขายสะสม 5 ปี 3,000 ล้าน 

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่าสถานการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (EV)ทั่วโลก มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมจำนวนรถ EV ทั่วโลกระหว่างปี 2553-2563 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ราว 76% ต่อปี สู่จำนวน 10.2 ล้านคัน และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากประเทศมหาอำนาจทั่วโลกต่างออกมาตรการสนับสนุนและนโยบายที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตรถ EV อย่างต่อเนื่อง เช่น จีนที่มีการใช้รถ EV มากกว่า 4.5 ล้านคัน จากการยกเว้นภาษีและสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ผลิต ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ EV อย่างสถานีชาร์จและจำนวนหัวชาร์จ ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเช่นเดียวกัน เฉพาะในเยอรมนี คาดว่าจะมีสถานีชาร์จสาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 จุดในปี 2568 และทะลุ 700,000 จุดในปี 2573


SHARGE โชว์โรดแมป Scale Up EV Future ตอบโจทย์เป้ารถ EV ทุกประเภท 1.05 ล้านคันในปี 2568 เดินหน้าเพิ่มจำนวนพันธมิตร EV Charging Ecosystem สู่ 50 รายในปี 2568 เพิ่มโอกาสเจาะตลาดสถานีชาร์จและหัวชาร์จ EV ทั้งในที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้าอาคารสำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา จุดพักรถ สถานีพลังงาน บริษัทด้านโลจิสติกส์ หวังมีสถานีชาร์จแตะ 600 แห่ง 2,400หัวชาร์จภายในปี 2565ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในตลาดที่อยู่อาศัย พร้อมเดินหน้าขยายการให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ นำร่องสร้างแลนด์มาร์คด้วยสถานีSuper Fast Charge ร่วมกับพันธมิตรขยายขอบเขตการบริการสู่รถทุกประเภทผ่านการจับมือ Fleet Operator ทั้งบริษัทขนส่งคนและสิ่งของ สร้างรายได้ระยะยาว ร่วมเปลี่ยนผ่านประเทศสู่การใช้พลังงานสะอาด ลดมลภาวะตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำการให้บริการ EV Charging Solution ครบวงจร พร้อมกวาดยอดขายสะสม 5 ปี 3,000 ล้าน 

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่าสถานการณ์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (EV)ทั่วโลก มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมจำนวนรถ EV ทั่วโลกระหว่างปี 2553-2563 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ราว 76% ต่อปี สู่จำนวน 10.2 ล้านคัน และยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากประเทศมหาอำนาจทั่วโลกต่างออกมาตรการสนับสนุนและนโยบายที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตรถ EV อย่างต่อเนื่อง เช่น จีนที่มีการใช้รถ EV มากกว่า 4.5 ล้านคัน จากการยกเว้นภาษีและสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ผลิต ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ EV อย่างสถานีชาร์จและจำนวนหัวชาร์จ ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเช่นเดียวกัน เฉพาะในเยอรมนี คาดว่าจะมีสถานีชาร์จสาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 จุดในปี 2568 และทะลุ 700,000 จุดในปี 2573

ขณะที่ประเทศไทยเอง มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนให้เกิดการใช้งานรถ EV อย่างเป็นรูปธรรม โดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ตั้งเป้าให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท รวมกว่า 1.05 ล้านคันภายในปี 2568 

จากเป้าหมายดังกล่าว บริษัทคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะมีความต้องการชาร์จพลังงาน EV ไม่น้อยกว่า 1 ล้านหน่วยต่อสัปดาห์ในปี 2568 และมีความจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้าน EV รวมถึงสถานีชาร์จ EV ที่เพียงพอ บริษัทจึงจะเดินหน้าแผน Scale Up EV Future พร้อม 4 กลยุทธ์หลักได้แก่ Stronger Ecosystem – More Station – New Solution – More Innovation เพื่อช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จ EV ให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศไทยในอนาคต และสอดคล้องกับเมกะเทรนด์การเติบโตของ EV ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก


เริ่มจากด้านStronger Ecosystemเดินหน้าจับมือพันธมิตรใหม่ๆ ในระบบนิเวศการชาร์จ EV ทั้งกลุ่มผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย กลุ่มผู้พัฒนาศูนย์การค้า กลุ่มผู้พัฒนาอาคารสำนักงาน กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจบริหารจัดการนิติบุคคลโครงการ กลุ่มผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกพลังงาน กลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ สถานศึกษา โรงพยาบาลไปจนถึงกลุ่มผู้ประกอบการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้มีสถานีชาร์จรถ EV รองรับความต้องการของผู้ใช้ในอนาคตอย่างครบวงจร คาดว่าจะมีจำนวนพันธมิตรเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 27 รายภายในปี 2565 และเพิ่มเป็น 50 รายภายในปี 2568 

“การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในทุกเซ็กเตอร์ นับเป็นเรื่องจำเป็นและจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมีจำนวนสถานีชาร์จและหัวชาร์จที่เพียงพอรองรับความต้องการมหาศาลในอนาคต SHARGE จึงเปิดกว้างที่จะเข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการในหลากหลายเซ็กเตอร์ ตลอดจนผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการมี EV Charger อยู่ในที่พักอาศัยของตัวเอง เพื่อร่วม Scale Up EV Future ขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความพร้อมด้าน EV ทัดเทียมระดับโลก ร่วมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีมลภาวะลดลงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” นายพีระภัทร กล่าว

ด้านMore Station เพิ่มจำนวนสถานีชาร์จและหัวชาร์จทั้งแบบกระแสสลับ(AC)ตามที่อยู่อาศัย สู่การบริการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศและแบบกระแสตรง(DC)ที่เป็น Super Fast Charge ตามจุดพักรถและสถานที่สำคัญต่างๆกระจายไปตามจุดพักรถในทั้ง 4 ภูมิภาค นำร่องในปี 2565 ด้วยจำนวนสถานีชาร์จทุกประเภทสะสมไม่น้อยกว่า 600 สถานี และจำนวนหัวชาร์จ2,000-2,400 หัวชาร์จ ตอกย้ำและยืนหยัดการเติบโตในฐานะผู้นำอันดับ 1 ของตลาด EV Charging Station ในที่อยู่อาศัยขณะเดียวกัน ในปีนี้จะมีการสร้างสถานีชาร์จแลนด์มาร์คที่ใหญ่ที่สุดในรัศมี 200 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ​ มีจุดเด่นสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1.มีจำนวนหัวชาร์จมากกว่าสถานีปกติ 2.เป็นสถานีที่มีหัวชาร์จ DC แบบ Super Fast Chargeที่จ่ายไฟได้เร็วที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้ไลฟ์สไตล์การชาร์จไฟฟ้าใช้เวลาใกล้เคียงกับการเติมพลังงานแบบดั้งเดิม โดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค และ 3.มีอาหารและบริการที่ตอบโจทย์ทั้งคนและรถยนต์



ด้านNew Solutionจากเดิมบริษัทมุ่งเน้นเจาะตลาด 3 กลุ่ม โดยแบ่งตามไลฟ์สไตล์การชาร์จของผู้ใช้งานทั่วไป (Lifestyle Charging Ecosystem) อันประกอบด้วย 1.NIGHTกลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่บ้านในช่วงกลางคืน2.DAYกลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จระหว่างวันเน้นการชาร์จที่จุดหมายปลายทางเช่นศูนย์การค้าแหล่งไลฟ์สไตล์อาคารสำนักงาน3.ON-THE-GOกลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จตามสถานีชาร์จระหว่างเดินทางระหว่างจังหวัดหรือสถานที่อื่นๆ แต่หลังจากนี้ บริษัทจะขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมรถยนต์และยานยนต์ทุกประเภท ผ่านการเจาะตลาดกลุ่มผู้มียานพาหนะให้บริการจำนวนมาก (Fleet Operator) เช่น บริษัทโลจิสติกส์ บริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่งคนและสิ่งของ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความต้องการลดต้นทุนด้านพลังงานเชื้อเพลิงจากการใช้พลังงานเดินทางมหาศาลทุกวัน หลายบริษัทเริ่มมีวิสัยทัศน์ชัดเจนที่ต้องการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด บริษัทจะเดินหน้าเจรจากับกลุ่ม Fleet Operator อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5 รายในปีนี้ เพื่อร่วมเปลี่ยนผ่านเครื่องยนต์สันดาปสู่เครื่องยนต์ไฟฟ้า และเป็นรากฐานสร้างรายได้ประจำระยะยาว (Recurring Income) คาดว่าจะเปิดเผยความร่วมมือได้อย่างน้อย 1 ราย ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมวงการ EV เร็วๆ นี้ 

สำหรับด้านMore Innovation บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชัน SHARGE โดยมีหลากหลายฟีเจอร์ใหม่ที่พร้อมตอบโจทย์ผู้ใช้บริการรถ EV ที่ต้องการเข้ามาใช้บริการสถานีชาร์จ EV เช่นQueuing Systemระบบที่รองรับความต้องการการใช้ไฟฟ้าที่มากขึ้นทำให้สามารถจองการใช้งานล่วงหน้าได้ Admin Dashboard อำนวยความสะดวกให้เจ้าของสถานีสามารถดูสถานการณ์ดำเนินงานของสถานีนั้นๆ ได้แบบ Realtime และ Privilegeตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการโซลูชั่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบฟลีท มีให้พร้อมดาวน์โหลดทั้งใน App Store และ Play Store

นายพีระภัทร กล่าวอีกว่าปัจจุบัน บริษัทถือเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการให้บริการ EV Charger ในโครงการที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว เมื่อเดินหน้าแผน Scale Up EV Ecosystem บริษัทจึงตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำการให้บริการ EV Charging Solution ครบวงจร มียอดขายสะสม 5 ปีนับจากนี้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อน EV Charging Ecosystem ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงพลังงานในราคาที่ถูกลง ลดมลภาวะทางอากาศ ร่วมสร้างอนาคตที่สะอาดขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นให้แก่คนไทย 

สำหรับบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGEเป็นผู้ให้บริการ EV Charging Solution แบบครบวงจรทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์รองรับ Lifestyle Charging Ecosystem เติบโตมาจากการเป็นสตาร์ทอัพ มีบริษัทขนาดใหญ่จากหลากหลายเซ็กเตอร์เข้าร่วมลงทุนเป็นผู้ถือหุ้น อาทิ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCPบริษัทเอ็กซ์สปริงแคปปิตอลจำกัด (มหาชน) หรือXPGและบริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด ปัจจุบัน SHARGE ให้บริการใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.การขายอุปกรณ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า 2.การเป็นเจ้าของสถานีชาร์จในแหล่งไลฟ์สไตล์ที่สำคัญ เช่น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ 3.การให้บริการแอปพลิเคชัน SHARGE และการจัดการซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับ EV Charging

ข่าวประชาสัมพันธ์

วิวัฒนาการของแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก ในงาน STYLE Bangkok 2024

เตรียมตื่นตาตื่นใจกับหลากหลายแบรนด์ไทยที่ไปผงาดในเวทีตลาดโลก ในงาน STYLE Bangkok 2024 มหกรรมแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำของเอเชีย ระหว่างวันที่...

โวยวายดอทคอม