แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวประกัน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวประกัน แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2565

TQM อัดแคมเปญ‘เที่ยวสงกรานต์สุขใจ ประกันภัยดูแล’มัดรวมประกันภัยเด็ด! ให้คนไทยฉลองสงกรานต์อย่างสบายใจ

ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ หรือ TQM ส่งแคมเปญพิเศษร่วมฉลองสงกรานต์ให้คนไทยเดินทาง-กลับบ้าน-ท่องเที่ยวอย่างสบายใจไร้กังวล ขนโปรดักส์ประกันภัยที่ตอบโจทย์และคุ้มค่ามาแบบจัดเต็ม ด้วยแพกเก็จประกันภัยที่มีความคุ้มครองครอบคลุมตลอดช่วงเทศกาล ทั้งประกันภัยการเดินทาง ขยายความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด เบี้ยเริ่มต้นเพียง 65 บาท ประกันอุบัติเหตุ รับเพิ่มเป็น 2 เท่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะเข้าร่วมเทศกาล คุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท ประกันรถยนต์ระยะสั้น เบี้ยราคาสบายกระเป๋า ให้ขับขี่อย่างมั่นใจตลอดเส้นทาง และประกันภัยบ้าน คุ้มครองการถูกโจรกรรมงัดแงะ ออกไปเที่ยวไม่มีใครอยู่บ้านก็คลายกังวลได้เพราะมีประกันดูแล

ดร.นภัสนันท์  พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า TQM ได้รวบรวมโปรดักส์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าสำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ เพื่อให้คนไทยได้ร่วมเฉลิมฉลองอย่างคลายกังวลท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีแนวโน้มการแพร่ระบาดขยายวงกว้างมากขึ้น ในครั้งนี้ TQM ได้นำเสนอแพกเก็จประกันภัยที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนไทย ด้วยโปรดักส์ประกันภัย 4 ประเภทที่จำเป็นต้องมีติดตัวไว้ก่อนออกเดินทาง

ดร.นภัสนันท์  พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ 

โดยภายใต้แคมเปญ ‘เที่ยวสงกรานต์สุขใจ ประกันภัยดูแล’ ประกอบด้วย ประกันภัยการเดินทาง เบี้ยเริ่มต้นเพียง 65 บาท ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด-19 และแผนประกันที่พร้อมคุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง กระเป๋าหรือทรัพย์สินสูญหาย ไปจนถึงการถูกยกเลิกเที่ยวบินที่ไม่คาดคิด ประกันอุบัติเหตุ ด้วยคอนเซ็ปต์ "คุณเจ็บ เราจ่าย" คุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุทั่วไป และรับความคุ้มครองเพิ่มเป็น 2 เท่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะร่วมเทศกาล ประกันรถยนต์ระยะสั้น สำหรับผู้ที่ไม่มีประกันรถยนต์ ก่อนออกเดินทางมีประกันติดไว้สบายใจกว่า คุ้มครอง 30 วัน เบี้ยเริ่มต้นเพียง 555 บาท และ ประกันภัยบ้าน แม้ไม่มีใครอยู่บ้านก็หมดห่วงด้วยประกันภัยบ้านที่คุ้มครองการโจรกรรม งัดแงะ ครอบคลุมไปถึงกรณีไฟไหม้ ไฟฟ้าลัดวงจร 

 นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษที่คัดสรรมาร่วมรายการอีกมากมายสำหรับผู้ที่ซื้อแบบประกันภัยภายใต้แคมเปญดังกล่าว อาทิ บริการตรวจเช็คระยะฟรีมูลค่า 300 บาท ที่ศูนย์บริการ COCKPIT และ A.C.T ,รับส่วนลดสูงสุด 200 บาท เมื่อซื้อสินค้าผ่าน www.NocNoc.com ,รับส่วนลดสูงสุด 50% ห้องพักในเครือ Imperial Hotels & Resorts เป็นต้น สามารถเข้าไปซื้อแบบประกันภัยได้ง่ายๆ แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ www.tqm.co.th หรือคลิก https://bit.ly/35uhhNH และช่องทาง Line Official TQM Insurance Broker หรือโทร 1737 ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันนี้ – 20 เมษายน 2565


วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565

TQM ผนึก FSMART มอบประกันอุบัติเหตุให้อสม. ฟรี 1 ล้านสิทธิ์ ผ่านแอป ‘สมาร์ทอสม.’

ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ TQM  (ลำดับที่ 10 จากซ้าย) ร่วมงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ พร้อมจับมือ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) มอบประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,000,000 สิทธิ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่  อสม. ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนางานสุขภาพของคนไทยทั่วประเทศ ผ่านแอปพลิเคชั่น ‘สมาร์ท อสม.’

 ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 50,000 บาท นาน 3 เดือน รับประกันภัยโดยบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มให้สมัครรับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม – 31 พฤษภาคม

วันพุธที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2564

วิริยะประกันภัยเปิดเกมรุกปี64 เลือก3 บริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก

ปรับสถาปัตยกรรมไอทีเพื่อความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าตลอดกาล

“วิริยะประกันภัย” เปิดแผนงานการดำเนินงานปี 64 มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีระดับ Deep Tech พร้อมเลือกบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก อาทิเช่นOracle, Microsoftและ MuleSoftร่วมวางแผน 5 ปี เพื่อปรับสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและสร้างนวัตกรรมบริการ เผยเมื่อแผนบรรลุผลจะก้าวสู่ความเป็น Total Experience ที่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในทุกๆ จุดที่ได้สัมผัสกับวิริยะประกันภัย  ส่วนผลประกอบการปีที่ผ่านมาแม้เจอวิกฤตโควิด แต่ฐานะการเงินยังแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน มีเงินกองทุนสูงเกินค่ามาตรฐานถึง 224.70%  ขณะที่เบี้ยประกันรับรวมยังสะพรั่งเป็นอันดับหนึ่งของตลาด 3.8 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะประกันภัยสุขภาพมาแรงสุด จึงต้องเดินหน้าเป็นHealth Advisor เต็มสูบ

นายอมร ทองธิว กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี2564 นี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ภายใต้แผนธุรกิจปี 2564“Customer Centric : องค์รวมประสบการณ์ แห่งการเป็นอันดับ 1 ในใจลูกค้าตลอดกาล” อันเป็นผลมาจากความชัดเจนในนโยบายของบริษัทว่า วิริยะประกันภัยมองเรื่อง Customer Centric เป็นหลัก ไม่ได้มองเรื่องยอดขาย ไม่ได้มองว่าจะบุกตลาดอะไรอย่างไร และที่สำคัญ Philosophy ที่วิริยะประกันภัยใช้มาตลอดคือ ทำหน้าที่บริการ เป็นหลักประกันสังคม ทำบริการให้ดี ลูกค้าพึงพอใจส่งต่อความพึงพอใจ ลูกค้าบอกต่อเป็น Word of Mouthการใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์ Customer Centric 

“ต้องตอกย้ำว่าถึงแม้เราจะมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี แต่เราก็ไม่ทิ้งคน เรามีคนในเครือข่าย 76 จังหวัด บุคลากรกว่า 6,500 คน พนักงานเคลมสินไหมกว่า 2,000 คน เรามองเป็นจุดแข็ง Touch Point ซึ่งบุคลากรเหล่านี้เราต้องเพิ่มศักยภาพให้กับเขา ติดเทคโนโลยีให้เขา เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสามารถบริการลูกค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น” นายอมรกล่าว

นายอมรเปิดเผยต่อไปอีกว่า การพัฒนาเทคโนโลยีในปีนี้ บริษัทฯ ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 200 ล้านบาทพร้อมเลือกบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลกมาร่วมกันพัฒนา คือ OracleและMuleSoftอีกทั้งยังได้เลือก Microsoft เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความปลอดภัยทางเทคโนโลยี โดยกำหนดเป็นแผนงานที่จะดำเนินการต่อเนื่องภายใน 5 ปี ซึ่งสาระสำคัญที่จะดำเนินการคือ การปรับสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้แพลตฟอร์มต่างๆ ที่ได้จัดทำขึ้นมาก่อนหน้าและที่กำลังจะจัดทำ เกิดการเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวหรือกล่าวง่ายๆ เชื่อมต่อทุกคนทำงานด้วยข้อมูลชุดเดียวกัน และเป็นเรียลไทม์

โดยล่าสุดได้ดำเนินการคิกออฟไปแล้วเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นั้นก็คือโครงการ Project Oracle ERP ภายใต้ชื่อคอนเซ็ปต์  Viriyah One Finance and  Accounting “ VFin”  อันเป็นการเชื่อมโยงระบบการเงิน บัญชี เป็นหนึ่งเดียว สามารถบริหารจัดการตรวจสอบ การจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญทำให้ระบบการจ่ายสินไหมทดแทนรวดเร็วขึ้น

นายอมร ได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า เมื่อสิ้นสุดแผน 5 ปี Customer Centric ที่วิริยะประกันภัยมุ่งมั่นทำงานมาตลอดจะมีความสมบูรณ์แบบ เป็นระบบเทคโนโลยีที่สามารถรองรับความเป็น Total Experience องค์รวมประสบการณ์ เพื่อการสู่กระบวนยุทธCXM(การบริหารประสบการณ์ลูกค้า : Customer Experience Management)อันส่งผลให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในทุกๆจุดที่ได้สัมผัสกับวิริยะประกันภัย อีกทั้งต้องไม่ลืมว่าการไปให้ถึงเป้าหมายที่ว่านี้ ใช้เทคโนโลยีอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ มันต้องมีDatabase ด้วย และแน่นอน74ปีที่ผ่านมาวิริยะประกันภัยสั่งสมประสบการณ์กับลูกค้ามามากที่สุด เป็นData-Driven อีกหนึ่งหัวใจที่สร้างการเติบโต จนวิริยะประกันภัยก้าวเข้ามาสู่การเป็นอันดับ 1 มาจนทุกวันนี้

สำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา นายอมรเปิดเผยเพิ่มเติมว่าปี 2563 เราต้องเผชิญวิกฤตไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เพราะในปีก่อนๆเรายังประสบกับDigital Disruption ซึ่งคิดกันเพียงแค่จะขับเคลื่อนองค์กรให้ทันสมัยสอดรับกับยุคได้อย่างไร ต่อเมื่อเกิดไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดไปทั้งโลก กลายเป็นภัยพิบัติที่มีผลกระทบต่อสังคมไทยทุกระดับ ดังนั้นการขับเคลื่อนองค์กรจึงต้องคิดให้ครบทุกมิติ

สำหรับวิริยะประกันภัยในห้วงภาวะวิกฤตโควิด-19 เมื่อทุกคนต้องปรับตัว วิริยะประกันภัยเองต้องมีการปรับตัวเช่นกัน  เราต้องปรับกระบวนธุรกิจทั้งด้านผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อให้สอดรับความเป็นจริงของรายได้ผู้คนที่ลดลง อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปอาทิ คนเริ่มใช้รถน้อยลง วิริยะประกันภัยจึงได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ตามการใช้งานและความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป

“ในภาวะที่คนไทยเผชิญกับวิกฤตสุขอนามัยจากไวรัสโควิด-19  เราหาทางแบ่งเบาความเสี่ยงให้กับประชาชน นอกจากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ประกันที่มีอยู่ให้มีความคุ้มครองเหมาะสม เรายังออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ “โควิด-19 ชิลด์” ซึ่งเราสามารถสร้างยอดขายได้เกือบ 2 ล้านกรมธรรม์  อีกทั้งกรมธรรม์ดังกล่าวยังได้รับรางวัลอีกด้วย ขณะที่ต้นน้ำเราปรับปรุงผลิตภัณฑ์ตามปัญหาที่คนไทยกำลังเผชิญ ปลายน้ำคือส่วนบริการหลังการขาย เราใช้เทคโนโลยีมารองรับงานบริการเคลมที่เรียกว่า VClaim on VCallการเคลมนัดหมายผ่านวิดีโอคอลจากที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องมีการพบปะกันตามหลักการของ Social Distancing บริการดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี”นายอมรกล่าว

นายอมรเปิดเผยอีกว่าในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีในปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาใน 3 ด้านหลักคือ เทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลจากลูกค้า เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อทางธุรกิจกับคู่ค้า และเทคโนโลยีเพื่อบริการสินไหมทดแทน โดยปีที่แล้วบริษัทฯได้เลือกบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลกคือ Salesforce มาจัดทำระบบCRM  (Customer Relationship Management) ซึ่งได้ผลเป็นอย่างมากเพราะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและได้รับการบริการด้านประกันภัยได้ในหลากหลายช่องทาง และที่สำคัญทำให้บริษัทฯเชื่อมต่อกับคู่ค้าได้รวดเร็วขึ้นและในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ส่วนผลประกอบการ นายอมรเปิดเผยว่าในปี 2563 วิริยะประกันภัยมีผลประกอบการที่พอใจ ด้วยเบี้ยรับรวมกว่า 38,143ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor)33,315 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์(Non-Motor)4,827 ล้านบาท ในขณะที่ความมั่นคงของบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เช่นเดียวกัน วิริยะประกันภัยยังมีฐานะการเงินที่เข็มแข็ง มีสินทรัพย์ 76,149 ล้านบาท มีเงินกองทุน 41,219 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุนอยู่ที่ 224.70% สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กฏหมายกำหนดไว้ที่ 120%


ส่วนทางด้านนายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด(มหาชน)ได้กล่าวถึงตลาดประกันภัยรถยนต์ว่าเป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการให้อยู่ในสภาวะสมดุลย์ เพราะเป็นที่ทราบกันว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ลดลงทั้งระบบ ย่อมที่จะส่งผลให้กรมธรรม์ประกันภัยรถใหม่หรือรถป้ายแดงย่อมลดลงตามไปด้วย ดังนั้นบริษัทประกันภัยจำต้องดูแลลูกค้าเก่าไว้ให้ดี ซึ่งในการสร้างสมดุลย์นี้วิริยะประกันภัยทำได้ดีมากๆ แม้ยอดประกันรถป้ายแดงลดลง แต่อัตราการต่ออายุกรมธรรม์ประกันรถยนต์ของวิริยะประกันภัยยังอยู่ในระดับสูงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

“เราเชื่อมั่นว่า การดูแลของเราทำให้ลูกค้ายังรู้สึกผูกพัน แล้วก็ยังพึ่งพาเราได้ ไม่ว่าจะเป็นยามวิกฤตหรือไม่ก็ตาม ที่สำคัญเรามีคู่ค้า ประกอบไปด้วย สถาบันการเงินที่ทำFloor Planกับผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ก็ส่งงานกับวิริยะประกันภัยเป็นหลักใหญ่ รวมไปถึงผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แต่ละค่ายก็ส่งงานกับวิริยะประกันภัย เรียกว่าเป็นเปอร์เซนต์สูงเลย นอกจากนี้เราก็ยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแทนของเรา ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศก็ยังคงมีความเข้มแข็งและก็มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นงานต่ออายุ ได้ถึงร้อยละ 80 กว่าเปอร์เซนต์ ซึ่งแสดงถึงความเหนียวแน่นระหว่างตัวแทนซึ่งมีต่อลูกค้าทั่วๆไป นอกจากตัวแทนเรายังมีตลาดองค์กร ซึ่งเขามีการทำขายประกันในซุปเปอร์มาร์เก็ต เขาก็ยังส่งงานที่วิริยะเป็นหลักใหญ่เช่นกัน ก็จะเห็นว่าตลาดโดยรวมของวิริยะนั้น จะบอกว่าจริงๆแทบจะไม่กระทบกระเทือนอะไร” นายสยมกล่าว

นายสยมเปิดเผยต่อไปอีกว่า หัวใจที่สำคัญในอันที่จะมัดใจลูกค้าเอาไว้นั้นก็คือการบริการหลังการขาย อันเป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจและมีความผูกพันกับเราอย่างยั่งยืน วิริยะประกันภัยจึงเน้นการพัฒนาในเรื่องของงานดูแลเรื่องสินไหมทดแทน  ล่าสุดได้พัฒนาจุดบริการให้ครอบคลุมทั่วไทยมากขึ้น จากที่วิริยะประภัยมีศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในแต่ละจังหวัดแล้ว ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบอุบัติเหตุในพื้นที่ที่เป็นรอยต่อของจังหวัดและในปีนี้จากข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุที่วิริยะประกันภัยได้รวบรวมเอาไว้ และได้จัดทำเป็นโครงการเผยแพร่ข้อมูลจุดเสี่ยงทั่วประเทศ  เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักระมัดระวังเมื่อขับผ่านจุดเสี่ยงเหล่านี้ ตลอดไปถึงการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเพื่อลดอุบัติเหตุจราจรแล้ว จุดเสี่ยงเหล่านี้เองวิริยะประกันภัยจะจัดตั้งเป็นจุดบริการเรียกว่า “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ”โดยจะไปจัดเช่าพื้นที่ในปั๊มน้ำมัน เพื่อให้พนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุไปนั่งทำงาน

“เป็นที่ทราบกันว่าพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุของวิริยะประกันภัยทำงานบนสมาร์ทโฟน ดังนั้นการไปนั่งทำงานในพื้นที่ปั๊มน้ำมันจึงเป็นเรื่องง่าย  มีห้องเล็กๆให้นั่งและเวลาพวกเขาไปทำเคลมมาแล้ว แทนที่พวกเขาต้องกลับมาออฟฟิศเพื่อมาทำเรื่องของรายการอุบัติเหตุ เขาสามารถคีย์งานบนมือถือได้เลย ซึ่งจะช่วยให้การทำงานด้านสินไหมของพวกเขาหรือของพวกเราเองสะดวกยิ่งขึ้น ลูกค้าก็ได้รับการบริการ การดูแลด้วยความฉับไว ตั้งแต่ออกตรวจสอบอุบัติเหตุ จนกระทั่งถึงขั้นให้คำแนะนำไปศูนย์ซ่อม เราก็จะมีในเรื่องของศูนย์ซ่อมให้ลูกค้าเลือกจากสมาร์ทโฟนเลยว่าในพื้นที่ที่ลูกค้าประสงค์จะซ่อมมีศูนย์ซ่อมอะไรบ้าง ลูกค้าสามารถเลือกได้เลย อย่างนี้ลูกค้าก็จะสะดวก และเราก็สามารถออกหลักฐานผ่านมือถือได้อีก เพื่อให้ลูกค้านำไปติดต่อยังศูนย์ซ่อมที่ลูกค้าประสงค์จะทำการซ่อม ซึ่งเราจะทำอย่างไรให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราอยู่ใกล้ชิดกับลูกค้าตลอดเวลา”นายสยมกล่าว

นายสยมเปิดเผยต่อไปอีกว่า อีกแผนงานหนึ่งที่สำคัญและจะเริ่มดำเนินการในปีนี้คือการพัฒนาพนักงานที่เกี่ยวข้องด้านสินไหมทดแทน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุพนักงานสรุปรายการความเสียหาย ด้วยการจัดทำหลักสูตรขึ้นมารองรับเรียกว่า“V-Shine”เพื่อให้พนักงานตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนเอง ให้พนักงานเข้ามาเรียนรู้ว่าความต้องการของลูกค้าต้องการอย่างไร เขาต้องปรับตัวอย่างไร และเขาจะต้องทำงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างไร เขาต้องทำงานกับผู้บังคับบัญชาอย่างไร เพื่อให้เกิดทีมงานที่มีประสิทธิภาพ 

นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด(มหาชน) ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานการประกันภัยที่มิใช่รถยนต์Non-Motor ว่าภาพรวมผลประกอบการในช่วงปีที่ผ่านมา วิริยะประกันภัยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดเบี้ยประกันภัยรับตรง ด้าน Non-Motor เป็น 4.5% จาก สัดส่วน 4.1% ในปีก่อนหน้า โดยมีเบี้ยรับประกันภัยอยู่ที่ 4,827 ล้านบาท และนอกจากนี้ยังคงสามารถเพิ่มสัดส่วนงานประกันภัย Non-Motor ให้มีสัดส่วนที่ 12.65% ของเบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2562 อยู่ที่ 10.48% ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายที่ต่อเนื่องของบริษัทฯ ที่จะเพิ่มสัดส่วนขยายงานประกันภัย Non-Motor ให้มากยิ่งขึ้น

“ในส่วนของการประกันภัย Non-Motor ด้านประกันภัยสุขภาพ เราสามารถเติบโตได้ถึง 317.85%  สืบเนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิด-19 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแผน “ประกันโควิด-19 ชีลด์”  ซึ่งวิริยะเป็นอันดับต้นๆ ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์นี้สู่ตลาด และผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมแห่งปีอีกด้วย นอกจากนี้เรายังเปิดตัวแผนประกันสุขภาพ “Viriyah Healthcare by BDMS”ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คุ้มครอง คุ้มค่า ราคาเพื่อคนไทย” ซึ่งเป็นแผนประกันที่เรามีความตั้งใจให้ค่าเบี้ยจับต้องได้ และความคุ้มครองเข้าใจง่าย แบบเหมาจ่าย ไม่ซับซ้อน ตามคอนเซ็ปต์ ประกันภัยสุขภาพจากวิริยะ” นางฐวิกาญจน์ กล่าว

นางฐวิกาญจน์ เปิดเผยต่อไปอีกว่าในส่วนของเป้าหมายปี 2564 ด้านการประกันภัย Non-Motor วิริยะประกันภัยยังคงขยายแผนงานประกันภัยสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายช่องทางการตลาดทางตรง เป็น 180 อัตราภายในสิ้นปี ทั้งการตลาดทางโทรศัพท์ และการตลาดประจำบูธต่างๆ และยังคงเน้นการสรรหา พันธมิตร และ คู่ค้า ควบคู่ไปกับการพัฒนาช่องทางการขายผ่านตัวแทน โดยได้วางแผนพัฒนาระบบเพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อให้ตัวแทนได้ใช้เป็นเครื่องมือในการขยายงานด้านประกันภัยสุขภาพ แบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น  รวมถึงการพัฒนา Health Advisory การบริการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ก่อน ระหว่าง และหลังการรักษาพยาบาล ให้ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่แล้ววิริยะประกันภัยได้มีการเปิดตัว แบบ Soft Launch เพื่อช่วยลูกค้าได้วางแผนการรักษาและค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับความคุ้มครอง และตรงตามความต้องการของลูกค้า 

โดยได้เริ่มการบริการ ให้กับ 2 กลุ่มคือกลุ่มโรคที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น โรคทางเดินหายใจส่วนบนส่วนล่าง โรคหวัด หรือ การเกิดอุบัติเหตุ กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง โดยในปีนี้เรามีการวางแผนจะเปิดบริการให้กับกลุ่มที่สาม คือ กลุ่มโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โดยเป้าหมายของเรา คือการดูแลลูกค้าให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและมีชีวิตที่ยืนยาว นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนพัฒนาระบบการจัดการกรมธรรม์ และการจัดการสินไหมให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปี 2564 นางฐวิกาญจน์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า วิริยะประกันภัยมุ่งหวังที่จะให้ครอบคลุมและตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาได้มีการออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพ Comprehensive มาแล้วหลายผลิตภัณฑ์ ในปีนี้เราจึงมีโครงการที่จะออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพเฉพาะโรค เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยเงื่อนไขการรับประกันภัยที่ยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงแผนประกันภัยโควิด-19 ซึ่งจะเพิ่มผลประโยชน์ความคุ้มครองในภาวะโคม่าสำหรับการแพ้วัคซีน รวมถึงแผนประกันสุขภาพและอุบัติเหตุอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่เราตั้งใจจะปรับโฉมให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยแผนทั้งหมดนี้จะสอดคล้องตามแผนงานการเติบโตด้านประกันภัยสุขภาพ ให้เป็นไปตามเป้าหมายของเราที่จะคุ้มครองและดูแลลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีที่สุด ด้วยความจริงใจ และเป็นธรรม

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2564

วิริยะประกันภัย คว้ารางวัล “BEST INSURANCE COMPANY” ต่อเนื่อง 18 ปีซ้อน

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นประธานมอบรางวัล “CAR & BIKE OF THE YEAR 2021” ประเภท “BEST INSURANCE COMPANY” ให้แก่ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายกฤษณ์ หิญชีระนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส ฝ่ายส่วนกลางบริหาร เป็น

ผู้แทนรับมอบ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับรางวัลดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 โดยมี ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหารบริษัทวิริยะประกันภัย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีมอบครั้งนี้ ณ.ห้องรอยัลจูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

​สำหรับพิธีมอบรางวัล “CAR & BIKE OF THE YEAR” เป็นงานประกาศรางวัลอันยิ่งใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่ง บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) จัดขึ้น เพื่อสนับสนุนภาพลักษณ์ที่ดีทางด้านธุรกิจยานยนต์ ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย จึงนับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่บริษัทฯ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 นับตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ทั้งสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย ผู้ทรงคุณวุฒิสายวิศวกรรมยานยนต์จากสถาบันต่างๆ และบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) อันเป็นการตอกย้ำว่า บริษัท วิริยะประกันภัย จํากัด (มหาชน) คือผู้นําด้านประกันภัยรถยนต์ของประเทศ

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

วิริยะประกันภัย ร่วมสนับสนุน เครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 “Nano 9 Silver Nano”

นายพงษ์ทิวา กฤษณพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 1 (ภาคเหนือ) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ ส่งมอบเครื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค “Nano 9 Silver Nano” ให้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สาธารณะ ทั้งนี้ ทางวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้นำเครื่องพ่นน้ำยาดังกล่าวส่งมอบต่อให้กับสวนสัตว์เชียงใหม่
เป็นแห่งแรก โดยมี นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ รับมอบ เพื่อนำไปใช้ในการพ่นฆ่าเชื้อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่และพื้นที่โดยรอบ อันเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรที่ปฏิบัติงาน
รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคารสำนักงานสวนสัตว์เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563

วิริยะประกันภัย ปฏิบัติการ FIRST AID กู้รถยนต์ น้ำท่วมพร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้

วิริยะประกันภัย งัด “ปฏิบัติการ FIRST AID” รุดกู้และซ่อมรถยนต์ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบหลังประสบอุทกภัยจากพายุมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ประเมินเบื้องต้นมีรถเอาประกันภัยไว้กับบริษัทฯ เกือบ 150 คัน ความเสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท เผยจังหวัดนครศรีธรรมราชมากสุด 102 คัน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ระดมธารน้ำใจจากวิริยะจิตอาสาทั่วประเทศส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ช่วยประชาชนในพื้นที่

​นายประสิทธิ์ สุนะชูแสง ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 5 (ภาคใต้) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยอันเนื่องมากพายุมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ยังให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ในหลายจังหวัด ส่งผลให้ประชาชนต่างได้รับความเดือดร้อน บ้านเรือนและทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัด         สุราษฎร์ธานี จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส ที่สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง และในบางพื้นที่ยังคงต้องคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

​ สำหรับบริษัทวิริยะประกันภัย มีการรับประกันภัยเอาไว้ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ และคาดว่าน่าจะประสบภัยน้ำท่วมไม่ต่ำกว่า 200 คัน อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากผู้เอาประกันภัยตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในพื้นที่ ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2563 เวลา 17.00 น. มีรถยนต์ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ จำนวนรวมทั้งสิ้น 135 คัน โดยจังหวัดที่มีรถยนต์ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด คือ
จังหวัดนครศรีธรรมราช 102 คัน รองลงมา คือ จังหวัดสงขลา 18 คัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 9 คัน จังหวัดพัทลุง 4 คัน และจังหวัดปัตตานี 2 คัน ประเมินความเสียหายเบื้องต้นรวมเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท

​นายประสิทธิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมจำนวนมาก ด้วยการนำโมเดล “ปฏิบัติการ FIRST AID” อันเป็นระบบที่บริษัทฯ ได้คิดค้นขึ้นมา เพื่อดำเนินการกู้และซ่อมแซมรักษารถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมจากการเกิดอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทยเมื่อปี 2554 และยังคงมีการพัฒนากระบวนการทำงานอยู่เสมอ อีกทั้งเมื่อเกิดเหตุอุทกภัยในครั้งต่อๆ มา บริษัทฯ ยังได้นำ “ปฏิบัติการ FIRST AID” มาใช้จนเป็นผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นได้ว่าไม่ว่าอุทกภัยจะเกิดขึ้นที่ไหน และมีรถยนต์เสียหายจำนวนมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนก็สามารถทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการสั่งการ ตลอดไปถึงการส่งทีมงานจากส่วนกลางเข้าไปช่วยเหลือ

บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญจากการปฏิบัติการ FIRST AID ในเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา และมีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ที่จะต้องใช้ความรวดเร็วในการเข้าไปยังพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งหัวใจหลักของระบบ First Aid อยู่ที่ความรวดเร็วในการฟื้นฟูหรือซ่อมแซม นำรถยนต์ออกจากน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ความเสียหายขยายตัวไปมากกว่าเดิมทั้งนี้การจำแนกระดับความเสียหายโดยตรวจสอบระดับน้ำสูงสุดที่ท่วมตัว ได้แก่ ระดับน้ำ A-B สูงถึงพื้นรถยนต์ แต่ไม่ถึงเบาะนั่ง ระดับ B-C สูงถึงเบาะนั่ง และระดับน้ำ C-D สูงเกินกว่าเครื่องยนต์ไปจนถึงหลังคารถ เนื่องจากปริมาณน้ำในระดับที่ต่างกัน จะมีผลต่อชิ้นส่วนที่ต้องตรวจสอบ และทำความสะอาดด้วย ส่วนขั้นตอนการทำงานจะเหมือนกับไลน์ผลิตรถยนต์  ในขณะที่การประเมินความเสียหายที่ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของการเคลมประกันภัย อาทิ การตรวจสอบหลักฐานว่าอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยครบถ้วนเพียงใด จะเป็นเรื่องที่ดำเนินการในภายหลัง หรืออย่างน้อยๆ ต้องผ่าน 2 ขั้นตอนแรกไปก่อน คือการนำเอารถออกจากพื้นที่น้ำท่วมและการเปลี่ยนถ่ายระบบน้ำมันหล่อลื่นภายใน

“มีรถยนต์หลายคันที่กู้ขึ้นมาและเข้าสู่ระบบการฟื้นฟูหรือซ่อมแซมในเบื้องต้นไปแล้ว แต่เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเคลมประกันภัยก็พบว่าไม่ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทฯ หรือเป็นการประกันภัยประเภทอื่นที่ไม่มีความคุ้มครองภัยน้ำท่วม ซึ่งกรณีนี้บริษัทฯ ยินดีที่จะให้คำปรึกษาและแนะนำถึงกระบวนการต่อไปว่าควรทำอย่างไรกับสภาพความเสียหายจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อรองรับการบริการและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที” นายประสิทธิ์ กล่าว

นอกจากการระดมสรรพกำลังเข้าไปกู้และซ่อมแซมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของบริษัทฯ แล้ว  การเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในรูปแบบอื่นๆ ทางบริษัทฯ ก็ได้ดำเนินการควบคู่ไปพร้อมๆ กัน โดยนายประสิทธิ์ ได้กล่าวถึงการดำเนินงานในส่วนนี้ว่า เป็นภารกิจหลักของกลุ่มพนักงานวิริยะจิตอาสา  ซึ่งเริ่มจากกลุ่มพนักงานสำรวจภัยซึ่งต้องทำหน้าที่เข้าไปสำรวจรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมตามที่ได้รับแจ้งอยู่แล้ว จะทำหน้าที่สำรวจความเดือดร้อนของผู้คนในพื้นที่นั้นๆ ไปด้วยเลยว่า ต้องการให้ช่วยเหลือในเรื่องของเครื่องอุปโภคและบริโภคอย่างไรบ้าง จากนั้นจะส่งข้อมูลความต้องการเหล่านี้มายังศูนย์กลางประสานที่สาขานครศรีธรรมราช ศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนทุ่งสง และศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งจะทำหน้าที่ประมวลความต้องการและดำเนินการจัดซื้อ รวมไปถึงการผลิตอาหารพร้อมรับประทาน จากนั้นก็จะส่งไม้ต่อให้กลุ่มพนักงานจิตอาสาของ ศูนย์ฯ/สาขา ตัวแทน ศูนย์ซ่อมมาตรฐาน ตลอดไปถึงคู่ค้า ดีลเลอร์รถยนต์ ฯลฯ ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ตามพิกัดข้อมูลที่ได้รับมา เพื่อกระจายกำลังออกไปมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์และอาหารพร้อมทานถึงมือผู้ประสบภัยโดยตรงอย่างรวดเร็วและทันต่อความต้องการ

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

วิริยะประกันภัย KICK OFF โครงการ “V SHINE”

นำร่องพัฒนาทักษะความรู้บุคลากรด้านงานสินไหมฯ

​นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิด “โครงการ V SHINE” ซึ่งบริษัทฯ จัดขึ้น เพื่อพัฒนาทักษะการบริหารงาน เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ

ในการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง ตลอดจน สร้างจิตสำนึกให้มีความรับผิดชอบ เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
และ เสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกในการทำงาน ให้กับบุคลากรทุกระดับ ทั้งผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน, หัวหน้าส่วนสินไหมทดแทน, เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ และเจ้าหน้าที่สรุปรายการความเสียหาย ณ ห้องฟอร์จูน ชั้น 3 โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว กรุงเทพ ฟอร์จูน ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

​สำหรับ “โครงการ V SHINE” บริษัทฯ เล็งเห็นว่านอกจากการพัฒนางาน ระบบ เครื่องมือ เทคโนโลยีในด้านต่างๆ แล้ว องค์ประกอบที่สำคัญและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานให้บรรลุผลสำเร็จ คือ บุคลากรผู้ปฏิบัติงาน บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการฯ ด้วยโปรแกรมการเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรในยุคใหม่ (Learning and Development) ในเชิงจิตวิทยาการบริหาร และจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน อาทิ การสื่อสารสารอย่างมีประสิทธิภาพ บทบาทของผู้นำและลูกน้อง การสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับบุคลากร การทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จและก่อเกิดประโยชน์อย่างสุดสุดต่อองค์กร ซึ่งบุคลากรจะได้รับการฝึกอบรม และลงมือปฏิบัติจริง รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และกระบวนการโค้ชโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้นำร่องโครงการฯ ในพื้นที่ฝ่ายปฏิบัติการภาค 6 (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) และจะดำเนินการขยายผลโครงการไปยังภาคอื่นๆ ต่อไป

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

วิริยะประกันภัย ร่วมสนับสนุน “คปภ.เพื่อชุมชน” ปี 63 ชุมชนนาอ้อ จ.เลย

 

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธกิจกรรมของ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายณัฐพงศ์ บุญเย็น ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) พร้อมทีมงาน ร่วมให้การต้อนรับ ในโอกาสที่บริษัทฯ ร่วมสนับสนุนโครงการ “คปภ.เพื่อชุมชน” ประจำปี 2563 (ลงพื้นที่ครั้งที่ 3) ชุมชนนาอ้อ โดยงานจัดขึ้น ณ หอประชุมเทศบาลตำบลนาอ้อ อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย

                สำหรับโครงการ “คปภ.เพื่อชุมชน” ครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดย สำนักงาน คปภ. ร่วมกับ ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยเชิงรุกไปสู่ประชาชนทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม พร้อมลงพื้นที่ชุมชนถอดบทเรียนเรื่องราวเกี่ยวกับการประกันภัยที่น่าสนใจ ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รับทราบปัญหาและความต้องการของชุมชน เพื่อนำระบบประกันภัยมาใช้ในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ชุมชนที่ได้รับคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวน 5 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้ารวังกะ จ.กาญจนบุรี, ชุมชนบ้านแหลมมะขาม จ.ตราด, ชุมชนนาอ้อ จ.เลย, ชุมชนบ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช และชุมชนปางห้า จ.เชียงราย

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

วิริยะประกันภัย มอบรางวัลผู้โชคดี กิจกรรม Like&Share ภาพยนตร์โฆษณา “ขอบคุณที่ทำให้เราเป็นอันดับ 1 ตลอดมา”


​นายอัสมัน มะลี ผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนปัตตานี บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ ร่วมแสดงความยินดีและมอบรางวัลโทรศัพท์ Oppo Reno 3 pro ให้แก่ นางสาวซารีปะ นาแว ผู้โชคดีจากกิจกรรม Like&Share ภาพยนตร์โฆษณา “ขอบคุณที่ทำให้เราเป็นอันดับ 1 ตลอดมา” ผ่านทาง Facebook Page : Viriyah Insuran ณ สาขาเฉพาะฯ จังหวัดยะลา

​สำหรับกิจกรรมที่บริษัทฯ จัดขึ้นครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญส่งเสริมภาพลักษณ์ประจำปีของบริษัทฯ ภายใต้แนวคิด “ขอบคุณที่ทำให้เราเป็นอันดับ 1 ตลอดมา” โดยเนื้อหาของภาพยนต์โฆษณาได้นำบุคลากรของบริษัทฯ ที่มีส่วนร่วมในการให้บริการ ทั้งกลุ่มตัวแทน/นายหน้าประกันวินาศภัย พนักงานส่วนรับประกัน พนักงานบริการสินไหมทดแทน และพนักงานกลุ่มสนับสนุนทุกภาคส่วน รวมไปถึงศูนย์ซ่อมมาตรฐาน และคู่ค้า มาแสดงความขอบคุณโดยตรง เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงพันธสัญญาว่า วิริยะประกันภัย
จะดูแลลูกค้าทุกคนอย่างดีที่สุด ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการประกันวินาศภัยที่สั่งสมมากว่า 73 ปี เพื่อตอบแทนความเชื่อมั่นไว้วางใจของลูกค้า รวมถึงผู้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯ ให้ยืนหยัดอย่างมั่นคงตลอดมา

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2562

วิริยะประกันภัย ลุยห้างชั้นนำ เปิดช่องทางบริการใหม่



นายสุรพงษ์ กิจชิต  ผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการภาค 6 (ภาคกรุงเทพฯ) ด้านสาขา บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดจุดบริการ “วิริยะประกันภัย สาขา เดอะมอลล์งามวงศ์วาน” (V-Station แห่งที่ 14) ตั้งอยู่ ชั้น 5 โซนธนาคาร ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์งามวงศ์วาน โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางการให้บริการประกันภัยอย่างครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการบริการได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีคุณภาพ ซึ่งนอกจากจุดบริการในรูปแบบดังกล่าวจะทำให้สามารถเข้าถึงและใกล้ชิดลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังสามารถเปิดให้บริการได้นอกเหนือจากเวลาทำการปกติ รวมถึงเปิดให้บริการในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์อีกด้วย

บริษัทยังคงฯ มุ่งมั่นพัฒนาการบริการอย่างไม่หยุดยั้ง และมีนโยบายชัดเจนในการเพิ่มจำนวนสาขา และศูนย์บริการสินไหมอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางการบริการภายในพื้นที่ศูนย์การค้ามาแล้ว 13 แห่ง ได้แก่ เดอะมอลล์บางแค, เดอะมอลล์บางกะปิ, เดอะมอลล์โคราช, เมกาบางนา, เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2, เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา, เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี, เซ็นทรัลพลาซา หาดใหญ่, เซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่, เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย,เซ็นทรัลเวิลด์,  เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น และศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน





ข่าวประชาสัมพันธ์

กสอ. จัดกิจกรรมส่งท้ายหนุนผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน ด้วย “DIPROM: NextAgriX 2025

กสอ. จัดกิจกรรมส่งท้ายหนุนผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน ด้วย “DIPROM: NextAgriX 2025 : เครือข่ายธุรกิจ เพื่ออนาคต >> เริ่ม...

โวยวายดอทคอม