วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ก้าวครั้งใหม่ส่งท้ายปีเพื่อชาวเหนือ!

 

ก้าวครั้งใหม่ส่งท้ายปีเพื่อชาวเหนือ!… ‘ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ ภาคเหนือ’ งานวิ่งการกุศลครั้งล่าสุดนี้จัดขึ้นบนเส้นทางจังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ รวมระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร โดยมีเหล่านักวิ่งหัวใจแกร่งมารวมตัวกันออกกำลังกายตลอดเส้นทางกว่า 8,000 คน!!! งานนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  บริษัทคนไทย ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ไม่พลาดที่จะร่วมส่งกำลังใจอย่างต่อเนื่อง ความพิเศษครั้งนี้ คิง เพาเวอร์ จัดเต็มชวนพันธมิตรภาคเหนือ อารมณ์ดิน หนึ่งในผู้ประกอบการ ภายใต้โครงการกิจกรรมเพื่อสังคม ด้านชุมชน สร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมสไตล์ป๊อบอาร์ต ตุ๊กตาปั้น พี่ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย พร้อมลายเซ็น ที่มีเพียง 7 ชิ้นในโลก!!! เท่านั้น เพื่อประมูลหารายได้สมทบโครงการฯ ผ่านช่องทางเพจเฟสบุ๊ค ก้าว ช่วยเหลือ 7 โรงพยาบาลชุมชนในภาคเหนือที่ขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์





ตุ๊กตาปั้นแฮนด์เมดรูปพี่ตูนสวมใส่ชุดและหมวกชนเผ่าพื้นเมืองชาวไทยภูเขา ชูนิ้วชี้ ที่เป็นสัญลักษณ์ของโครงการก้าวคนละก้าว       มีขนาดสูง 11 นิ้ว ผลิตขึ้นเป็นพิเศษจำนวนเพียง 7 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งแต่ละชิ้นแตกต่างกันที่สีเสื้อ ซึ่งมีทั้งหมด 7 สี ได้แก่ ม่วง, ฟ้า, แดง, เขียว, ชมพู, เหลือง และส้มแสด แทน โรงพยาบาล ชุมชนภาคเหนือ โดยมีชื่อโรงพยาบาลไว้ที่ฐาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโรงพยาบาลนั้นๆ โดยได้ทำการประมูลผ่านเพจเฟสบุ๊ค ก้าว ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2562 – 31 มกราคม 2563 เวลา 20.00 นสำหรับการประมูลจะเริ่มต้นด้วยราคา 999 บาท และราคาที่จะประมูล bid เพิ่มครั้งละ 1,000 บาท


นายอรรถเทพ สมัครธัญกิจ ประธานกลุ่มเครื่องปั้นดินเผาอารมณ์ดิน กล่าวว่า “ในฐานะพันธมิตรของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ที่ได้รับการสนับสนุนด้านการผลิต และช่องทางการตลาดทำให้ตุ๊กตาปั้นฝีมือคนไทย ได้โลดแล่นอยู่ในสายตาคนทั่วโลก พร้อมยังสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชน วันนี้อารมณ์ดินรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นพลังเล็กๆ ช่วยให้ความตั้งใจของพี่ตูนประสบความสำเร็จ ผ่านตุ๊กตาปั้นมอบให้กับโครงการ ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ ภาคเหนือ’ นำไปประมูลหารายได้มาช่วยคนภาคเหนือ โดยการปั้นตุ๊กตาพี่ตูนฯ ในครั้งนี้ผมได้นำจุดเด่นของแบรนด์อารมณ์ดิน และจุดเด่นของพี่ตูน มาผสมผสานกันให้มีความลงตัวมากที่สุด คือ อารมณ์ดินเป็นงานตุ๊กตาปั้นดินเผาสื่ออารมณ์สนุกสนาน ดูแล้วรู้สึกอารมณ์ดี แต่ยังคงคาแร็คเตอร์พี่ตูน โดยเฉพาะดวงตา และรอยยิ้ม ให้เหมือนพี่ตูนมากที่สุด ซึ่งตุ๊กตาปั้นพี่ตูนนี้ จะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประเทศไทย”

ในงาน ‘ก้าวต่อไปด้วยพลังเล็กๆ ภาคเหนือ’  กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยังได้ระดมพนักงานจิตอาสาสาขาเชียงใหม่มาร่วมวิ่งออกกำลังกายด้วย นอกจากนี้มีบูธกิจกรรมให้ร่วมสนุกสนานมากมาย อาทิ บูธถ่ายภาพสวยๆ คู่กับแสตนดี้พี่ตูน และก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ แบบสมจริง ณ บริเวณสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 – 22 ธันวาคม 2562


สำหรับยอดบริจาคช่วยเหลือ 7  โรงพยาบาลชุมชนจากการวิ่งในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 24,060,983 บาท (ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2562) โดยจะถูกแบ่งไปช่วยเหลือทั้ง โรงพยาบาล ประกอบด้วย โรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์โรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตากโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอนโรงพยาบาลเวียงแก่น จ.เชียงรายโรงพยาบาลสะเมิง จ.เชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เสียงสะท้อนจากเวทีแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 69

‘ทุกฝ่ายต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน’ 

เสียงสะท้อนจากเวที แข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ภูมิภาค ภาคกลางและภาคตะวันออก
ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์และบรรลุตามวัตถุประสงค์ของการจัดงานอย่างแท้จริง สำหรับการจัดการแข่งขัน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ครั้งที่ 69 ประจำปีการศึกษา 2562 ของภูมิภาค ภาคกลางและภาคตะวันออก ภายใต้แนวคิด “ศิลปหัตถกรรมล้ำค่า ภูมิปัญญาล้ำสมัย เทคโนโลยีก้าวไกล นำชาติไทยสู่สากล” โดยมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต 1 เป็นหัวเรือใหญ่ดำเนินการจัดการแข่งขัน ซึ่งมี 60 เขตพื้นที่การศึกษา และ 26 ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด จาก 26 จังหวัด ในภาคกลางและภาคตะวันออก ที่เข้าร่วมแข่งขันกันอย่างคึกคัก และเพื่อให้ เกิดประโยชน์กับผู้เรียนมากที่สุด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต 1 ในฐานะหน่วยงานหลักในการประสานงาน ก็ได้ รวบรวมเสียงสะท้อนจากผู้เกี่ยวข้องในการจัดงาน เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาปรับปรุงการจัดกิจกรรมในปีต่อไปให้ดียิ่งขึ้น



เริ่มจาก ดร. รุ่งสุรีย์ สิงหราช ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดใหญ่ ซึ่งรับผิดชอบ ศูนย์การแข่งขันกิจกรรมในกลุ่มการงานอาชีพ งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระบุว่า “ในยุค 4.0 นี้ เด็กๆ สามารถออกแบบมาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงงานอาชีพ อาทิเช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่างๆ การแกะสลัก ทำอาหารคาวหวาน นักเรียนได้ใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมาในการแข่งขัน ทั้งหมดจะเป็นเรื่องของการงานอาชีพทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เด็กมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง ได้สร้างมูลค่าจากสิ่งของเหลือใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และสามารถทำเป็นอาชีพในสังคม โดยต่อยอดจากกิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เพื่อฝึกฝนทักษะที่ตนเองสนใจในชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนการสอน”
สอดคล้องกับ นางรัชดาวัลย์ ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดแค สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการเขต สะท้อนภาพพัฒนาการของการจัดการแข่งขันที่ผ่านมาในแต่ละยุค “เป็นเวทีแห่งชาติ ที่เด็กๆ จะได้เห็นผลงานของเพื่อนต่างโรงเรียน เห็นการทำงานของทีมอื่นๆ แต่ละทีมได้เรียนรู้ว่าทำไมงานชิ้นนั้นถึงได้รางวัล เน้น Active Learning เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ เป็นการฝึกทักษะไปในการเรียนรู้ของเขา การทำงานแบบนี้มาจากใจรัก มาจากทักษะ และจิตวิญญาณ สามารถนำไปต่อยอดในอาชีพอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการโรงแรม ด้านอาหาร การท่องเที่ยวต่างๆ หรือแม้กระทั่งธุรกิจส่วนตัว
เน้นเรื่องความเป็นไทยมาก”
ด้านนายสุนทร สุวงศ์ชัย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองกระทิง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรรมการตัดสินการ์ตูนเรื่องสั้น (Comic Strip) กล่าวว่า “งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่เสริมขึ้นมาตามความสนใจของนักเรียน

จากอดีตโปรแกรมในการแข่งขันจะจำกัด แต่ปัจจุบันจะใช้โปรแกรมที่หลากหลายขึ้น พัฒนาขึ้น เด็กสนใจขวนขวายศึกษาเพิ่ม ซึ่งทำให้มีทักษะการสร้างสรรค์ลายเส้นที่สวยงามขึ้น จากฝีมือและผลงานของเขา เรามองเห็นว่าเขามีอนาคต เพราะตลาดอาชีพด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ก็ยังต้องการคนอยู่มาก อย่างที่เราได้เห็นแล้วเด็กเราทำได้ ที่ต่างประเทศ ที่ฮอลลีวู้ดก็ยังมีคนไทย
สิ่งเหล่านี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ได้”
สำหรับ ว่าที่ร้อยโท ชวลิต ชมพู ครูผู้ฝึกสอน โรงเรียนเด็กพิเศษของมูลนิธิคุณพ่อเรย์ จังหวัดชลบุรี ให้ทัศนะว่า “การที่จะผลักดันให้เด็กพิเศษ มีความรู้ความสามารถเท่ากับเด็กปกติทั่วไป การฝึกซ้อมเด็กต้องทำให้เขามีใจ เราก็ต้องรักในการสอนเขา ต้องทำให้เด็กมีสติมีสมาธิในการทำงาน ฝึกฝนให้เขามีทักษะในการเรียนรู้ การทำงานร่วมกัน สามารถนำทักษะที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันและสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ กำลังใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญเพื่อจะผลักดันเขาไปถึงเป้าหมายได้”

เช่นเดียวกับที่ ครูยุทธนา อังคะคำมูล โรงเรียนบ้านซำฆ้อ สพป. ระยองเขต 2 ครูผู้ฝึกสอน ที่ได้เน้นย้ำบทบาทของครูในยุค 4.0 ว่าเด็กสมัยใหม่ใกล้ชิดเทคโนโลยีมากขึ้น จำเป็นที่จะต้องให้การชี้แนะที่เหมาะสมและไม่เป็นการปิดกั้นเด็ก “ต้องยอมรับเลยว่า บางครั้งเราอาจจะตามเด็กไม่ทันด้วยซ้ำ เพราะเด็กสามารถสืบค้นข้อมูลต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย เราก็พยายามแนะนำ ตักเตือนเขาให้รู้เท่าทัน พรบ.คอมพิวเตอร์ ไม่ให้เขากระทำความผิด เพราะไม่อยากปิดกั้นเขา แต่เราก็ต้องส่งเสริมให้ถูกทางถูกต้องด้วย”
ด้าน นางสาวมัณฑนา ทัพโพธิ์ ครูผู้ฝึกสอน ทีมเด็กประกวดภาพยนตร์สั้น สะท้อนการเชื่อมโยงเด็กให้เรียนรู้วิถีชุมชนและการเรียนการสอนว่า “การผลักดันนักเรียนไปให้ถึงฝันให้ได้ ต้องใช้ทั้งคำหวาน คำดุและกำลังใจ ทุกครั้งที่เราร่วมงานกัน ทำงานกัน วางแผนกัน ก็จะกระตุ้นให้เขาจุดไฟในตัวเองตลอดเวลา ยิ่งในเรื่องของภาพยนตร์สั้นต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างเรื่อง ผูกเรื่อง โดยชุมชนของเรามีวัฒนธรรมไทยดำซึ่งเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว ก็พยายามให้เขาได้เห็นอัตลักษณ์ชุมชนและอนุรักษ์ไว้... ถ้าเขามีโอกาสก็ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำต่อไป”

นอกจากนี้ยังมีเสียงสะท้อนจากทีมงานนักเรียนที่เป็นฝ่ายอำนวยการด้วย ทั้ง ด.ช. มารุต ศรีสังข์ ที่รับหน้าที่ด้านการจราจรและการโบกรถ ด.ญ. กุลมียา ใบกุล หัวหน้าฝ่ายสุขาภิบาลเก็บขยะรอบอาคาร ด.ญ. ภัทรวาดี ชุ่มเชื้อ ดูแลห้องน้ำ เก็บขยะและยกของ ทีมงานจากโรงเรียนวัดราษฎร์บูรณะ ที่ประสานเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน “ทีมพวกเรามี 30 คน แบ่งเป็นฝ่ายระเบียบ สุขาภิบาล โภชนาการ จราจร แต่ก็ร่วมมือช่วยกันทั้งหมด อย่างการจราจร จะเริ่มจากการจัดระเบียบรถที่มา ว่าต้องการขนของหรือไม่ ถ้าต้องการก็จะให้ไปจอดบริเวณสถานที่แข่งขันก่อน เมื่อเสร็จแล้วจะให้ไปจอดด้านหลัง ใช้เวลานานเหมือนกันนะ เพราะเป็นปีแรกที่เป็นเจ้าภาพ อาจารย์ก็ให้คำแนะนำว่าส่วนงานนี้ต้องทำอะไรบ้าง เราก็ไปคิดต่อไปคุยกันในทีม เพราะตั้งใจทำให้ออกมาดีที่สุด”

สำหรับ นางสาวปิยธิดา แนงแหยม จากโรงเรียน วัดสุทธาวาส หนึ่ง ในผู้เข้าแข่งขันหุ่นยนต์ระดับพื้นฐาน 3 ชั้น ม.1-ม.3 สื่อความรู้สึกออกมาว่า “ที่สิ่งได้จากการแข่งรายการนี้ก็คือ เราได้แก้ปัญหา ได้สู้กับปัญหา ... ตอนแรกที่บ้านไม่เข้าใจ เป็นผู้หญิงทำไมกลับบ้านดึก มันไม่เหมาะสม ก็เกือบจะถอดใจ แต่เราก็แอบทำเพราะเราชอบ จนที่บ้านยอมและทุกวันนี้ก็สนับสนุนเต็มที่ ยิ่งรู้ว่าได้มาแข่งที่นี่เขาก็ยินดี ดีใจกับเรา เราอยากทำโมเดลหุ่นยนต์ให้รุ่นน้องรุ่นต่อไป”

และปิดท้ายที่ ปิยวะดี พุมพวง ผู้ปกครองของนักเรียนชั้นประถมศึกษา จังหวัดกาญจนบุรี ที่ติดตามมาให้กำลังใจทีมในการแข่งขันกิจกรรมแกะสลักผลไม้ได้สะท้อนบทสรุปของการจัดการแข่งขันไว้ว่า “การแกะสลักจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ซึ่งศิลปะการแกะลายไทยไม่ใช่เรื่องง่าย และการแข่งขันในแต่ละรอบลงทุนเยอะ แต่ละครั้งที่ต้องซื้อผักผลไม้ ซึ่งโรงเรียนก็ไม่ค่อยมีทุนทรัพย์ อะไรที่เราพอช่วยเหลือได้ก็จะช่วยกันเน้นสนับสนุนทุนทรัพย์ และเราก็จะติดตามไปให้กำลังใจ ซึ่งคิดว่า ประสบการณ์ที่เขาได้กิจกรรมนี้มันจะติดตัวเขาไปตลอด มันเป็นงานฝีมือที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้ ถ้าเราไม่สนับสนุนงานลักษณะนี้ ก็จะไม่มีงานที่มีเอกลักษณ์ไทยลงเหลืออยู่”

นี่คือเสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจาก จัดการแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ครั้งที่ 69 ปีการศึกษา 2562 ของภูมิภาค ภาคกลางและภาคตะวันออก ที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้เรียนรู้ในแง่มุมต่างๆ ไปพร้อมๆ กันนั่นเอง

วันหยุดยาว



อย่าลืมเมมเบอร์กันไว้
ถ้ามีปัญหาด้านการประกัน
สายด่วน คปภ.
 1️⃣1️⃣8️⃣6️⃣ พร้อมบริการประชาชน 🚗🛵 ด้วยความห่วงใยจาก สำนักงาน คปภ. 🤟

“กินฟรี ช้อปฟรี เที่ยวฟรี” ตลอดปี 2563



ธนาคารออมสิน เปิดตัวบัตรเครดิต
ธนาคารออมสิน มาสเตอร์การ์ด
ออมสิน จับมือมาสเตอร์การ์ด เปิดตัว “บัตรเครดิต World และ E-Commerce ”เพิ่มทางเลือกกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน ชอบท่องเที่ยว และช้อปสินค้าออนไลน์
ธนาคารออมสิน เปิดตัวบัตรเครดิตธนาคารออมสิน มาสเตอร์การ์ด พบกับโปรโมชั่น “กินฟรี ช้อปฟรี เที่ยวฟรี” ตลอดปี 2563 พร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษมากมาย เริ่มสมัครใช้บริการบัตรได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2563 เป็นต้นไป

วันที่ 25 ธันวาคม 2562 ณ บริเวณลานหน้าธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ ได้มีพิธีแถลงข่าวเปิดตัว บัตรเครดิตธนาคารออมสิน เวิลด์ (GSB World Credit Card) และ บัตรเครดิตธนาคารออมสิน อีคอมเมิร์ซ (GSB E-Commerce Credit Card) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารออมสิน กับ Mastercard ผู้ให้บริการเครือข่ายด้านการชำระเงินครอบคลุมทั่วโลก เพื่อเชื่อมต่อและเพิ่มทางเลือกบริการด้านการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของธนาคารออมสิน ให้มีความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมี ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว และ นายภวัต กฤษฤานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารธนาคารออมสิน ร่วมในพิธีแถลงข่าว


ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า โลกยุคดิจิทัลในปัจจุบันการเชื่อมเครือข่ายบริการการชำระเงินเพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่มีความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารฯ ได้ร่วมกับ VISA ให้บริการบัตรอิเล็กทรอนิกส์ครอบคลุมช่องทางการชำระเงินทั้งบัตรATM บัตรเดบิต บัตรเครดิต ให้บริการทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ล่าสุดธนาคารออมสินได้กำหนดแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตให้มีความทันสมัยและรองรับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันให้มีทางเลือกและบริการที่มากขึ้น รวมถึงตอบสนองนโยบายรัฐบาลมุ่งสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) จึงได้ร่วมกับ Mastercard เครือข่ายผู้ให้บริการบัตรเครดิตระดับโลกเพื่อพัฒนาระบบบัตรเครดิตรองรับความต้องการของลูกค้า โดยได้ออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตใหม่ 2 บัตร คือ บัตรเครดิตธนาคารออมสิน เวิลด์ และ บัตรเครดิตธนาคารออมสิน อีคอมเมิร์ซ ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ณ สาขาธนาคารออมสินกว่า 1,060 แห่งทั่วประเทศ

ทั้งนี้ บัตรเครดิตธนาคารออมสิน เวิลด์ ภายใต้สโลแกน “ท่องเที่ยว อุ่นใจ ยิ่งใช้ ยิ่งได้เพิ่ม” เหมาะกับผู้ที่เดินทางและใช้จ่ายด้วยสกุลเงินต่างประเทศเป็นประจำ เพราะมีความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทางต่างประเทศวงเงินสูงสุดถึง 8 ล้านบาท เมื่อชำระค่าตั๋วเดินทางผ่าน GSB World Credit Card พร้อมคุ้มครองการสูญหายหรือความเสียหายของกระเป๋าเดินทาง 40,000 บาท ให้ความคุ้มครองความล่าช้าในการเดินทางสูงสุด 15,000 บาท คุ้มครองความล่าช้าของกระเป๋าเดินทางสูงสุด 15,000 บาท ได้รับเครดิตเงินคืน 1% สูงสุด 5,000 บาท สำหรับการใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศ และรับสิทธิ์ใช้บริการห้องรับรองพิเศษ Airport Lounge (Lounge Key) ณ สนามบินทั่วโลก เมื่อใช้จ่ายในหมวดสกุลเงินตราต่างประเทศครบ 50,000 บาท รับสิทธิ์ 1 ครั้ง (สูงสุด 2 ครั้ง/ปี) และรับเครดิตเงินคืน 1% เมื่อใช้จ่ายในหมวดสกุลเงินตราต่างประเทศ สูงสุด 5,000 บาท ต่อรอบบิล รับสิทธิ์ผ่อน 0% ปีแรกตลอดทั้งปี ผ่อนสะสมได้ไม่เกินวงเงินบัตร พร้อมกันนี้ยังมอบความคุ้มครองภัยโจรกรรม สูงสุด 50,000 บาท จากการสูญหายหรือความเสียหายของทรัพย์สินภายในบ้าน เรียกว่า “ท่องเที่ยวอุ่นใจ ฝากบ้านไว้กับออมสิน” และสิทธิ์การใช้แต้ม 1,000 Points แลกเป็นสลากออมสินมูลค่า 100 บาท


พร้อมกันนี้ ธนาคารได้จัดโปรโมชั่นสำหรับ “บัตรเครดิตธนาคารออมสิน เวิลด์” เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรทุก 1,000 บาท ได้รับสิทธิ์ลุ้นท่องเที่ยวทั่วโลก 5 ทวีป 9 ประเทศ (สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี รัสเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ และ สิงคโปร์) ตลอดปี 2563 รวมมูลค่าของรางวัลกว่า 2 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิ์แลกไมล์ กับแอร์เอเชีย big Loyalty


สำหรับ บัตรเครดิตธนาคารออมสิน อีคอมเมิร์ซ มาพร้อมสโลแกน “ช้อปอุ่นใจ ใช้ดีมีคืน” ให้ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทางต่างประเทศวงเงินสูงสุดถึง 8 ล้าน พร้อมคุ้มครองการสูญหายหรือความเสียหายของกระเป๋าเดินทาง 40,000 บาท โดยบัตรนี้มีคุณลักษณะพิเศษที่โดดเด่นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมด้วยความคุ้มครองสินค้าเมื่อชำระเงินด้วยบัตรนี้สูงสุด 5,000 บาทต่อครั้ง คุ้มครองสูงสุด 10,000 บาท/บัตร/ปี รับเครดิตเงินคืน 10% ของดอกเบี้ยที่เรียกเก็บที่ชำระตรงเวลาตามกำหนด รับสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% ปีแรก ผ่อนได้สูงสุด 6 เดือน รับสิทธิ์ผ่อน 0% ปีแรกตลอดทั้งปี ผ่อนสะสมได้ไม่เกินวงเงินบัตร และสิทธิ์การใช้แต้ม 1,000 Points แลกเป็นสลากออมสิน 100 บาท และในช่วงเปิดตัวบัตรนี้ เพียงใช้จ่ายผ่านบัตร ทุก 500 บาท ได้รับสิทธิ์ในการลุ้น “กินฟรี ช้อปฟรี เที่ยวฟรี” ลุ้นทุกเดือนตลอดปี 2563 และโปรโมชั่นสุดพิเศษกับพันธมิตรธนาคารออมสินชั้นนำ อาทิ Grab, Lazada, Joox, MK Restaurant, Pizza Company, Mcdonald, Shopee เป็นต้น รวมมูลค่าของรางวัลกว่า 3 ล้านบาท

“เป็นการขยายกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิต เพื่อสร้างความพึงพอใจในบริการของธนาคารฯ แก่ลูกค้า โดยกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารมุ่งหวัง เป็นกลุ่มลูกค้าวัยทำงานที่มี Life Style ในการชอบค้นหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างความสุขในการใช้ชีวิต ชื่นชอบการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะทำให้ธนาคารฯ มีรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมต่างๆ เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของธนาคารออมสินในการเป็น Digi –Thai Banking” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวในที่สุด
.
ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ / GSB Credit Card Call Center โทร.02-299 8888 / ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ธนาคารออมสิน โทร.1115 / ตามสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคาร ได้แก่ Website : www.gsb.or.th, Facebook : GSB Society, Official Line : GSB ธนาคารออมสิน

วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2562

กิจกรรม “สพฐ. - เอ.พี. ฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี ปีที่ 15


รมว.กระทรวงศึกษาธิการร่วมเปิดตัวกิจกรรม สพฐ. - เอ.พี. ฮอนด้า
วิ่ง 31 ขา สามัคคี ปีที่ 15 คัด 77 ทีม 77 จังหวัด ลุ้นรวมพลังเยาวชนไทยทำลายสถิติโลก
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ผนึกกำลังร่วมกับ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย จัดกิจกรรม “สพฐ. - เอ.พี. ฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี ปีที่ 15" ภายใต้แนวคิด “ก้าว กล้า สามัคคี” โดยมีนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเกียรติเข้าร่วมเปิดตัวพร้อมให้กำลังใจน้อง ๆ นักกีฬา โดยรูปแบบการแข่งขันในปีนี้จะคัดเลือกทีมที่ดีที่สุดในแต่ละจังหวัดรวม 77 ทีม เข้ามาคัดเลือกแบบน็อคเอ๊าท์ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เพื่อชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ในปีนี้ เอ.พี. ฮอนด้า ได้ร่วมกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เดินหน้าสานต่อกิจกรรม “สพฐ. - เอ.พี. ฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี ปี 15" ภายใต้แนวคิด “ก้าว กล้า สามัคคี” ขึ้น เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาเยาวชนผ่านกิจกรรมกีฬา ควบคู่ไปกับการสร้างภาวะผู้นำให้กับเยาวชนไทย นอกจากนี้เรายังเล็งเห็นว่า การแข่งขันกีฬาที่ควบคู่ไปกับความสนุกสนาน ความตื่นเต้น จะทำให้น้องๆ เยาวชนเกิดความสนใจและจะทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ดี ๆ กลับไปมากขึ้น โดยตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา กีฬาวิ่ง 31 ขา สามัคคี ได้รับความสนใจและกลายเป็นกีฬาที่เยาวชนไทยเฝ้ารอคอยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันทุกปี และในปีนี้ จะเป็นปีแรกที่เราได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันเพื่อให้เยาวชนจากทุกจังหวัดได้มีโอกาสเข้าร่วมอย่างทั่วถึง”



“การคัดเลือกในรอบสุดท้าย เราจะนำทีมที่ดีที่สุดจาก 77 จังหวัด มาคัดเหลือเพียง 8 ทีมสุดท้าย เพื่อแข่งขันในแบบแพ้คัดออก (น็อคเอ๊าท์) โดยมีเวลาเป็นเกณฑ์กำหนด ทีมใดมีสถิติดีที่สุด จะได้เป็นแชมป์ประเทศไทย คว้าถ้วยพระราชทาน ฯ และเงินรางวัลอีกมากมาย ซึ่งในปีที่ 15 นี้เราจะมาร่วมลุ้นกันด้วยว่า จะมีการทำลายสถิติเดิมของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 08.53 วินาที ได้หรือไม่ และถ้าหากทีมไหนสามารถทำเวลาได้ดีกว่า 08.41 วินาทีซึ่งเป็นสถิติโลก ก็จะได้รับรางวัลพิเศษมูลค่าถึง 200,000 บาท ไปครองอีกหนี่งรางวัล อยากขอเชิญให้ทุกท่านได้มาร่วมลุ้นและเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ เยาวชนผนึกกำลังความสามัคคีโชว์ความพร้อมเพรียงกันมาก ๆ ครับ”


สำหรับกิจกรรม “สพฐ. - เอ.พี. ฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี ปีที่ 15" จะเป็นการแข่งขันวิ่งในแบบทีม
ในแต่ละทีมประกอบด้วยเยาวชน 30 คนผูกขาต่อกันเป็นแถวหน้ากระดาน วิ่งประชันฝีเท้าด้วยความพร้อมเพรียงและรวดเร็วในระยะทาง 50 เมตร แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รอบ เริ่มจากรอบเขตการ
ศึกษา เป็นการคัดเลือกทีมที่ดีที่สุดของแต่ละจังหวัดรวม 77 ทีม ให้เหลือ 8 ทีมสุดท้าย เข้าแข่งขัน
ในรอบชิงแชมป์ประเทศไทย และชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษา และของรางวัลรวม 1,000,000 บาท
ณ สนามกีฬาแห่งชาติ สนามศุภชลาศัย ในวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563


กิจกรรม “สพฐ. - เอ.พี. ฮอนด้า วิ่ง 31 ขา สามัคคี ปีที่ 15" ยังได้รับการสนับสนุนจากร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ทั่วประเทศ และภาคเอกชนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น บริษัท โรงงานฟุตบอลล์ไทย สปอร์ตติ้งกู๊ดส์ จำกัด (FBT), บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ The Pizza Company และ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่ม Milo ที่ร่วมสนับสนุนโครงการ และขับเคลื่อนพัฒนาเยาวชนอย่างต่อเนื่อง
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของการแข่งขันได้ที่
เฟซบุ๊กแฟนเพจ
fb.com/Honda31legs

งานด้านฮาลาล ที่การตอบแทนบุญคุณประเทศไทย

“Thailand Halal Assembly 2019”
งานด้านฮาลาล ที่การตอบแทนบุญคุณประเทศไทย โดยพี่น้องชาวมุสลิม

ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย จัดงาน “Thailand Halal Assembly 2019” การประชุมวิชาการและการแสดงสินค้าฮาลาลนานาชาติ ปีที่ 6 ภายใต้แนวคิด Algorithmic Touch of Halal เป็นกระบวนการสร้างรูปแบบการพัฒนาฮาลาลอย่างเป็นระบบรอบครอบที่จะนำไปสู่
การสร้าง halal blockchain และการจับคู่ธุรกิจ เพื่อสร้างเครือข่ายและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า
และบริการ ระหว่างวันที่ 20 – 22 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานจัดงาน Thailand Halal Assembly 2019 กล่าวว่า ในเวลานี้ กลับมาอีกครั้งกับงานฮาลาลที่กล่าวได้ว่าดีที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กับ การประชุมวิชาการและการแสดงสินค้าฮาลาลนานาชาติ “Thailand Halal Assembly” หรือ THA ซึ่งจัดโดย ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย โดยปีนี้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 สำหรับงาน “Thailand Halal Assembly 2019” 



การประชุมวิชาการและการแสดงสินค้าฮาลาลนานาชาติ ระหว่างวันที่ 20 – 22 ธันวาคม 2562 
ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด Algorithmic Touch of Halal เป็นกระบวนการสร้างรูปแบบการพัฒนาฮาลาลอย่างเป็นระบบรอบครอบที่จะนำไปสู่การสร้าง Halal Blockchain และการจับคู่ธุรกิจ เพื่อสร้างเครือข่ายและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ
โดยได้รับเกียรติจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาเป็นประธานเปิดงานในวันที่ 20 ธันวาคม 2562 และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ศักยภาพฮาลาลประเทศไทย”

การจัดงาน THA มาตลอด 6 ปี ทำให้เราตระหนังถึงการขาดแคลนการเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบ ซึ่งคอนเซปต์แนวคิดของการจัดงานครั้งนี้ เพื่อบ่งบอกให้ประชาคมโลกให้ได้รับรู้ว่าการดำเนินการธุรกิจ สร้างฐานทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็งนั้นต้องการเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบ คิดไตร่ตรองอย่างรอบครอบ ซึ่งประเทศไทยจะถือว่าเป็นประเทศที่นำเสนอ Halal Blockchain ประเทศแรกของโลก และจะเป็นต้นแบบให้กับการประเทศอื่นๆ ทั้งประเทศที่เป็นมุสลิม และไม่ใช่มุสลิม เฉกเช่นที่เราเคยเป็นต้นแบบด้าน “ศาสนารับรอง วิทยาศาสตร์รองรับ” จนทั่วโลกให้การยอมรับมาแล้ว
ซึ่งภายใน การประชุมวิชาการและการแสดงสินค้าฮาลาลนานาชาติ “Thailand Halal Assembly” ประกอบไปด้วย งานประชุมวิชาการนานาชาติ HASIB ครั้งที่ 12, งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล, นิทรรศการ “Social Enterprise” หรือ กิจการเพื่อสังคม, กิจกรรมจับคู่ธุรกิจภิวัฒน์, การสร้างเครือข่ายการรับรองฮาลาล ประเทศไทย, การประชุมประชาพิจารณ์มาตรฐานฮาลาล

ส่วนสำคัญที่ผู้ร่วมงานไม่ควรพลาดเด็ดขาด !!! Thailand International Halal Expo 2019 หรือ THIHEX 2019 งานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลทั้งไทยและต่างชาติกว่า 341 บูท ทั้ง ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร, ผลิตภัณฑ์คอสเมติกส์, การท่องเที่ยว, โลจิสติกส์ และการเงินการธนาคาร รวมถึงไฮไลท์พิเศษที่จะรวมรวมมัสยิด 33 มัสยิด เอาผลิตภัณฑ์ของชุมชนในมัสยิดมานำเสนอ ที่จะทำให้ผู้ร่วมงานได้ ชิม ช้อป ใช้กันอย่างสนุกสนาน และยังเป็นการรวมกลุ่มกันระหว่าง ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 33 มัสยิดในการทำกิจกรรม “Social Enterprise” หรือ กิจการเพื่อสังคม เพราะ “มัสยิด” คือ สถานที่ซึ่งมุสลิมใช้ประกอบศาสนกิจ โดยจะต้องมีละหมาดทุกวันศุกร์
รวมถึงเป็นสถานที่สอนศาสนาอิสลาม แต่ในทางปฏิบัติ มัสยิดไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่ใช้เพียงแต่ปฏิบัติศาสนากิจ แต่มัสยิดยังเปรียบเสมือนหัวใจของชุมชน เป็นศูนย์กลางในการรวมสมาชิกหรืออาจเรียกว่า สัปปุรุษประจำมัสยิด เพื่อการดูแลและรับผิดชอบคุณภาพชีวิตต่อสมาชิกในชุมชน ทั้งในเรื่องการให้การศึกษาเยาวชน การแต่งงาน การหย่าร้าง การดูแลความสงบปลอดภัยของคนในชุมชน รวมไปถึงการเสียชีวิตและการจัดการมรดกอีกด้วย





การจัดงาน THA มาตลอด 6 ปี ทำให้เราตระหนังถึงการขาดแคลนการเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบ ซึ่งคอนเซปต์แนวคิดของการจัดงานครั้งนี้ เพื่อบ่งบอกให้ประชาคมโลกให้ได้รับรู้ว่าการดำเนินการธุรกิจ สร้างฐานทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็งนั้นต้องการเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบ คิดไตร่ตรองอย่างรอบครอบ
ซึ่งประเทศไทยจะถือว่าเป็นประเทศที่นำเสนอ Halal Blockchain ประเทศแรกของโลก เป็นต้นแบบ
ให้กับการประเทศอื่นๆ ทั้งประเทศที่เป็นมุสลิม และไม่ใช่มุสลิม เฉกเช่นที่เราเคยเป็นต้นแบบด้าน “ศาสนารับรอง วิทยาศาสตร์รองรับ” จนทั่วโลกให้การยอมรับมาแล้ว

ซึ่งภายใน การประชุมวิชาการและการแสดงสินค้าฮาลาลนานาชาติ “Thailand Halal Assembly” ประกอบไปด้วย งานประชุมวิชาการนานาชาติ HASIB ครั้งที่ 12, งานประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล, นิทรรศการ “Social Enterprise” หรือ กิจการเพื่อสังคม, กิจกรรมจับคู่ธุรกิจภิวัฒน์, การสร้างเครือข่ายการรับรองฮาลาล ประเทศไทย, การประชุมประชาพิจารณ์มาตรฐานฮาลาล



ส่วนสำคัญที่ผู้ร่วมงานไม่ควรพลาด Thailand International Halal Expo 2019 หรือ THIHEX 2019 งานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลทั้งไทยและต่างชาติกว่า 341 บูท ทั้ง ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร, ผลิตภัณฑ์คอสเมติกส์, การท่องเที่ยว, โลจิสติกส์ และการเงินการธนาคาร รวมถึงไฮไลท์พิเศษที่จะรวมรวมมัสยิด 33 มัสยิด เอาผลิตภัณฑ์ของชุมชนในมัสยิดมานำเสนอ ที่จะทำให้ผู้ร่วมงานได้ ชิม ช้อป ใช้กันอย่างสนุกสนาน และยังเป็นการรวมกลุ่มกันระหว่าง ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 33 มัสยิดในการทำกิจกรรม “Social Enterprise” หรือ กิจการเพื่อสังคม เพราะ “มัสยิด” คือ สถานที่ซึ่งมุสลิมใช้ประกอบศาสนกิจ โดยจะต้องมีละหมาดทุกวันศุกร์ รวมถึงเป็นสถานที่สอนศาสนาอิสลาม แต่ในทางปฏิบัติ มัสยิดไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่ใช้เพียงแต่ปฏิบัติศาสนากิจ แต่มัสยิดยังเปรียบเสมือนหัวใจของชุมชน เป็นศูนย์กลางในการรวมสมาชิกหรืออาจเรียกว่า สัปปุรุษประจำมัสยิด เพื่อการดูแลและรับผิดชอบคุณภาพชีวิตต่อสมาชิกในชุมชน ทั้งในเรื่องการให้การศึกษาเยาวชน การแต่งงาน การหย่าร้าง การดูแลความสงบปลอดภัยของคนในชุมชน รวมไปถึงการเสียชีวิตและการจัดการมรดกอีกด้วย

โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินงานด้านกิจการเพื่อสังคม ในการเริ่ม “โครงการ SMEs HERO in town” เพื่อพัฒนาศักยภาพ คุณภาพ ให้ความรู้และเข้าไปให้คำปรึกษาเชิงลึกในการผลิตสินค้า หรือบริการฮาลาล รวมถึงการส่งเสริมการตลาด แก่ผู้ประกอบการกิจการขนาดเล็กหรืออาจเร็ยกได้ว่าระดับ Micro SMEs เพื่อหวังให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง จากการมีผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและท้ายที่สุดสามารถส่งออกสินค้าไปยังนอกชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ในชุมชนตนเอง ส่งผลให้ปัญหาความเหลื่อมล้าที่เกิดขึ้นในปัจจุบันลดลงได้ในที่สุด โดยโครงการดำเนินงานไปแล้ว 5 ชุนชนภายใต้ความร่วมมือจากอิหม่าม คอเต็บ และกรรมการประจำมัสยิด คือ มัสยิดอัลอิสตีกอมะห์, มัสยิดบางหลวง, มัสยิดดารุ้ลอะมาน เพชรบุรีซอย 7, มัสยิดนูรุ้ลมู่บีน (บ้านสมเด็จ), มัสยิดนูรุ้ลหุดา (ตลาดมดตะนอย) และกำลังจะเริ่มโครงการ SMEs HERO in town กับมัสยิดอื่นๆ ให้ครบทั้ง 33 มัสยิดภายในปี 2563 นี้
-รศ.ดร.วินัย กล่าวปิดท้าย

สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสอบถามข้อมูล หรือติดตามข่าวสารต่างๆ
ได้ที่ 02-218-1053 www.Thailandhalalassembly.com , Facebook : Thailand Halal Assembly 

ข่าวประชาสัมพันธ์

“หินซ้อน” เปิดตัวเทศกาลท่องเที่ยว “มหัศจรรย์การอาบป่า“ ขานรับลมหนาวช่วงปีใหม่

  เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน สมาคมท่องเที่ยวสระบุรีและอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี  ร่วมกับตำบลห...

โวยวายดอทคอม