วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

28 ปี ทีเค.พาเลซ ฯ สร้างศักยภาพโรงแรมพร้อมก้าวสู่ผู้นำ


โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น ฉลองความสำเร็จ

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เน้นความทันสมัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมตอกย้ำการบริการต้องเป็นเลิศ


กว่าจะมี ทีเค.พาเลซ ฯ
คุณทวีศักดิ์ พันธุ์เสงี่ยม  ประธานกรรมการทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น เล่าว่า ขอย้อนอดีตไม่คิดว่าจะมายืนตรงจุดนี้ เพราะเป็นคนที่เกเรมากตั้งแต่เรียนอยู่ที่เชียงใหม่ วันหนึ่งก็คิดอยากจะเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯเลยตัดสินใจมาเรียนที่กรุงเทพ โดยเข้าเรียนที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ และพักอาศัยกับน้าสาว ซึ่งเราต้องช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง  
(คุณแม่สอนไว้ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น)  หลังจบจากมัธยมปลายที่อำนวยศิลป์ และสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้


ในปีแรกที่เรียน พี่ชายก็ช่วยส่งเสียค่าเล่าเรียน แต่พอเข้าปีที่ 2 ไม่มีคนส่งเสียให้เรียน คิดว่าถ้าไม่ทำอะไรเลยคงแย่แน่ เลยไปหารุ่นพี่ (พิชัย มณีโชติ)เพื่อของานทำ ซึ่งรุ่นพี่เขาก็น่ารัก ให้เราพักอาศัยในที่ทำงาน  ช่วยดูแลออฟฟิศทำความสะอาด ให้เงินเดือนๆ ละ 800 บาท  ซึ่งอยู่มาพักใหญ่รุ่นพี่เห็นแววว่าน่าจะช่วยงานอื่นได้มากกว่าทำความสะอาดที่ทำงาน จึงได้ให้ไปเดินเอกสารในหน่วยงานราชการต่างๆ เพราะรุ่นพี่ทำบริษัทขายปุ๋ย ติดต่อกับหน่วยงานราชการกระทรวงเกษตร จนเรียนจบก็ยังช่วยรุ่นพี่เป็นเซลล์ขายปุ๋ย-ยาฆ่าแมลง ต่ออีก 2-3 ก่อนมาเปิดบริษัทเอง
ก่อนเริ่มต้นมาเป็นโรงแรมทีเค พาเลซ




ประสบการณ์งานที่เคยได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ มาเปิดบริษัทประมูลงาน ขายของทุกอย่างให้กับหน่วยงานราชการ จนในปี 2533 มีเงินสดในแบงค์พอสมควร เราจึงคิดว่าจะทำอสังหาริมทรัพย์ สร้างมูลค่าที่เพิ่มมากขึ้น โดยซื้อที่ดินย่านแจ้งวัฒนะทำอพาร์ทเม้นท์  ลำลูกกา ทำคอนโด และสุดท้ายหันมาทำ TK PALACE อย่างเดียว (ในตอนแรกเราคิดแค่เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ) จนมาเป็นโรงแรมขนาดเล็กๆ


วิกฤติครั้งใหญ่
ในปี 2540 เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง  ต้องให้ธนาคารยึดคอนโดที่ลำลูกกา และทำแต่  TK PALACE อย่างเดียว ซึ่งเราก็ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ก่อนที่จะได้เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กช่วยเหลือ ดร.อุทัต สุวิทย์ศักดิ์ดานนท์(เฮียใหญ่)  ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย (ประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา) ซึ่งเรามีหนี้กับแบงค์ 160 ล้านบาท  เฮียใหญ่ ได้เข้ามาปลดหนี้ตรงนี้ให้ และช่วยเรามาโดยตลอด ทั้งให้กู้เพิ่มเพื่อสร้าง TK PALACE เพิ่ม ขยายพื้นที่เพื่อให้รองรับลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น  TK PALACE จากพื้นที่ 3-4 ไร่ ในวันนั้น  เป็น 10 ไร่ 5 อาคาร ในวันนี้  เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยการช่วยเหลือของเฮียใหญ่ ที่เป็นทั้งพี่ เพื่อน และผู้มีพระคุณ  นอกจากการช่วยเหลือของเฮียใหญ่ เรายังมีพนักงาน ที่ช่วยกันมาแต่ต้น ทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็ง สู้ด้วยกันมายาวนาน



การปรับเปลี่ยนเพื่อความทันสมัย
จากอดีตโรงแรมเล็ก ๆ วันนี้ TK PALACE ขยายหลายเท่าตัว เรามีการพัฒนาทุกรูปแบบ ซึ่งรูปแบบของดีไซน์ ก็เน้นความทันสมัย สวยหรู เมื่อลูกค้ามาแล้วต้องชอบ นอกจากดีไซน์ การบริการ เป็นสิ่งสำคัญ ทำอย่างไรให้ลูกค้ามาแล้วประทับใจ ทั้งเรื่องของความสะอาด มารยาท การต้อนรับ รวมถึงอาหาร สิ่งสำคัญมากเช่นกัน อาหารของโรงแรม ต้องสะอาดและดี รสชาติต้องถูกปากลูกค้า นอกจากบุฟเฟต์ ที่ขายรวมกับห้องพักและงานสัมมนา เรายังมีร้าน WYNN CAFEE & BISTRO กำลังเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า มีทั้งอาหารทานเล่น อาหารจานหลัก และเครื่องดื่ม สำหรับกาแฟสดนั้น เราใช้กาแฟของดอยช้าง  เรียกได้ว่าเราเป็นโรงแรมที่สมบูรณ์แบบในย่านแจ้งวัฒนะ 
คุณธีระพัฒน์ พันธุ์เสงี่ยม รองประธานกรรมการทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กล่าวว่า หลังจากที่คุณพ่อ
(ทวีศักดิ์ พันธุ์เสงี่ยม) ได้สร้างโรงแรม ทีเค พาเลซ แอน์ คอนเวนชั่น มา ในฐานะลูกชายที่ต้องสานงานตามรอยคุณพ่อ ซึ่งก็เห็นท่านลุยงานคลุกคลีกับลูกน้องมาโดยตลอด ทุกคนก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ คือ ที่นี่เราทำงานกันอย่างพี่น้อง มีความเป็นประชาธิปไตย มีถูก มีผิด ผมก็จะรับฟังความคิดเห็นของลูกน้องเช่นกัน  
ผมอยากให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาเพิ่มมากขึ้น มีการอบรมเรียนรู้เพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ซึ่งมองว่าการที่เราไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนา เพื่อศักยภาพให้กับบุคลากรของโรงแรมให้เติบโตขึ้น


ปั้นแบรนด์ WYNN CAFÉ & BISTRO
ร้าน WYNN CAFÉ & BISTRO  ร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่น บรรยากาศของร้านต้องสบาย ๆ ดูโล่ง สะอาดตา ทันสมัย ในส่วนของอาหาร รสชาติต้องดี ทุกอย่างต้องตรงตามสูตร  ซึ่งรับรองได้เมื่อใครได้มารับประทานอาหารที่ร้าน แล้วจะต้องติดใจ นอกจากลูกค้าที่มาทานอาหารที่ร้าน WYNN CAFÉ & BISTRO แล้วชอบอยากสั่งมาทานที่บ้าน เราจะมีบริการส่งถึงบ้าน ผ่านวงใน-ไลน์แมน ฟู้ดแพนด้า
  
 หาสถานที่แต่งงานต้อง ทีเค พาเลซ ฯ
อีกหนึ่งงานที่อยากนำเสนอ คือการจัดงานแต่งงาน โรงแรมมีสถานที่พร้อมมากสำหรับงานแต่งงาน มี Wedding Planner ให้คำปรึกษา  มีห้องให้ลูกค้าเลือกตั้งแต่งานทำบุญเลี้ยงพระเช้า งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส มีห้องตั้งแต่ขนาด 100-1,000 คน  หลายคู่ที่มาจัดที่นี่ เกิดความประทับใจ ซึ่งเราคาดว่าในอนาคตอันใกล้ ทีเค พาเลซ ต้องเป็นหนึ่งในสถานที่เมื่อพูดถึงเรื่องการจัดงานแต่งงาน
ที่ลูกค้าพูดถึงสถานที่แต่งงาน

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าจาก โรงแรมเล็ก ๆ เมื่อ28 ปีก่อน จนวันนี้ โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น เป็นโรงแรมที่ถูกพูดถึงความเปลี่ยนแปลง จนต้องจับตามอง ซึ่งทุกเรื่องเราใส่ใจในทุกรายละเอียด อยากให้ลูกค้าที่มาใช้บริการประทับใจ และคิดถึงโรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น ตลอดไป
สามารถเข้าดูข้อมูลได้ที่ 
www.facebook.com/TKPALACEHOTELLine : tkpalaceโทร: 02 574 1588



วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

โครงการตู้ไปรษณีย์เพื่อบริการประชาชน ด้วย QR code “ศิลปะบนตู้ไปรษณีย์”

“ศิลปะบนตู้ไปรษณีย์”


ตู้ไปรษณีย์เพื่อบริการประชาชน ด้วย QR code “ศิลปะบนตู้ไปรษณีย์”
​การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานเชียงราย ได้ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด(ปณท) และสมาคมขัวศิลปะ กำหนดจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการตู้ไปรษณีย์เพื่อบริการประชาชนด้วย QR Code “ศิลปะบนตู้ไปรษณีย์” โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. และผู้บริหาร ปณท และ ททท. ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 และจัดนิทรรศการต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2562 ณ วัดร่องขุ่น อ.เมือง จ.เชียงราย ตู้ไปรษณีย์ทั้งหมดเป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดย ปณท ร่วมกับสมาคมขัวศิลปะเชียงราย ภายใต้ชื่อโครงการตู้ไปรษณีย์เพื่อบริการประชาชน ด้วย QR code เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหารและเครื่องดื่ม แหล่งเรียนรู้วิถีชีวิต แหล่งเรียนรู้คู่ชุมชน ของดีของเด่นและของฝากท้องถิ่น ผ่าน QR Code ที่ติดอยู่บนตู้ไปรษณีย์ ตามนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ในการเป็นไปรษณีย์ไทย 4.0 และเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไป รับทราบข้อมูลที่น่าสนใจของพื้นที่นั้นๆ

อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์


โดยตู้ไปรษณีย์ในส่วนของจังหวัดเชียงรายได้ร่วมกับศิลปินชาวเชียงรายจากสมาคมขัวศิลปะวาดภาพงานศิลปะลงบนตู้ไปรษณีย์ จำนวน 15 ตู้ 15 แบบ สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะติดตั้งตามสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่สำคัญที่เป็น Landmark ของจังหวัดเชียงราย


​นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวว่า โครงการตู้ไปรษณีย์เพื่อบริการประชาชนด้วย QR Code “ศิลปะบนตู้ไปรษณีย์” ดังกล่าว สามารถกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมาสู่จังหวัดเชียงรายได้ และตู้ไปรษณีย์เหล่านี้ถือเป็นผลงานศิลปะระดับ Master Piece ของจังหวัดเชียงราย เนื่องจากแต่ละตู้เป็นชิ้นงานที่รังสรรค์จากศิลปินเชียงราย และยังสะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย อีกทั้งเป็นตู้ไปรษณีย์แห่งเดียวของประเทศไทยที่วาดภาพศิลปะลงบนตู้ไปรษณีย์

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท.




ทั้งนี้ ททท. สำนักงานเชียงราย ยังมีแผนดำเนินการประชาสัมพันธ์ตู้ไปรษณีย์และทำการตลาดส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวชมตู้ไปรษณีย์ “ศิลปะบนตู้ไปรษณีย์” ตามสถานที่ตั้งต่างๆ และให้นักท่องเที่ยวร่วมสนุกโดยการเช็คอินถ่ายภาพคู่กับตู้ไปรษณีย์ 5 ตู้ ต่างสถานที่กัน และต้องเป็นตู้ไปรษณีย์ที่อยู่ต่างอำเภอกันอย่างน้อย 2 อำเภอ และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย แล้วรับรางวัลจาก ททท. สำนักงานเชียงราย และ ปณท ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2562 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563


​สำหรับตู้ไปรษณีย์ดังกล่าวหลังจากการจัดนิทรรศการนี้จบลง ทาง ปณท จะได้นำไปติดตั้งตามสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่สำคัญทั่วจังหวัดเชียงราย เพื่อใช้งานจริง ได้แก่
1. วัดร่องขุ่น
2. สิงห์ปาร์คเชียงราย
3. หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ (หอนาฬิกาพุทธศิลป์)
4. ตลาดไนท์บาร์ซ่า
5. อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
6. สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ
7. พระตำหนักดอยตุง
8. สามเหลี่ยมทองคำ
9. จุดผ่านแดนถาวรแม่สาย (วัดพระธาตุดอยเวา)
10. วัดห้วยปลากั้ง
11. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
12. ไร่ชาฉุยฟง
13. ตลาดเชียงของ (ชายแดนไทย-สปป.ลาว)
14. วัดแสงแก้วโพธิญาณ
15. ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน





​หากมีข้อมูลสอบถาม ติดต่อได้ที่ ททท. 
สำนักงานเชียงราย
โทร. 0 5371 7433, 0 5374 4674-5 ปณท เชียงราย 
โทร. 0 5371 1616 ต่อ 11

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

5 วิธีบอกรักแบบแมนๆ แต่อ่อนโยน ในแบบพ่อ vs ลูกชาย



คุณพ่อกับลูกสาวมักจะมีโมเม้นท์บอกรักมุ้งมิ้งแสนอบอุ่น แต่หันมามองพ่อกับลูกชายสิ! แอ็คหล่อใส่กันแบบแมนๆ จนไม่รู้ว่าแอ็คไหนดุ หรือแอ็คไหนเก๊กแต่จริงๆ อยาก Protect ปกป้องลูกชายกันแน่
ซึ่งจากการสอบถามครอบครัวหลายครอบครัว พบว่า พ่อและลูกชาย มักจะไม่ค่อยแสดงออกหรือบอกรักกัน เหมือนพ่อกับลูกสาว พบว่า 8 ใน 10 ของพ่อและลูกชายไม่เคยบอกรักกันเลย! และกว่าครึ่งของลูกชายไม่เคยได้ยินพ่อพูดตรงๆ ว่า “พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ” เลยสักครั้ง!!!
แต่รู้หรือไม่ว่า วิธีการแสดงออกอันแสนธรรมดานี่แหละ ที่พ่อกำลังบอกรักในแบบฉบับแมนๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาเผย 5 วิธีบอกรักที่แสนอ่อนโยนในแบบพ่อ มีอะไรบ้าง ไปอ่านกัน
1. จำได้ว่าเราชอบกินอะไรและซื้อกลับมาฝากเสมอ : การบอกรักในแบบฉบับพ่อที่แสนอ่อนโยนอีกวิธีหนึ่งคือการที่พ่อมักจดจำได้ว่าลูกชายชอบกินอะไร และมักจะซื้อติดบ้านไว้เสมอ เชื่อเถอะว่า เจ้าอาการนึกอยากกินอยู่พอดี แล้วพ่อก็ซื้อมาน่ะ ไม่ใช่ความบังเอิญแต่อย่างใด แต่เพราะท่านคิดถึงเราอยู่เสมอ เห็นอะไรก็นึกถึงนั่นแหละท่านเลยมักซื้อของที่เราชอบติดไม้ติดมือมาให้
2. โทรถามว่าอยู่ไหน ดึกดื่นแค่ไหนรอเปิดประตูบ้าน : หนุ่มๆ หลายคนที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกับ
คุณพ่อ-คุณแม่ อาจเคยเจอเหตุการณ์ที่คุณพ่อรอเปิดประตูบ้านให้ ไม่ว่าคุณจะรู้สึกผิด เกรงใจ หรือ
เป็นห่วงเพราะอยากให้ท่านพักผ่อนนอนไวก็แล้วแต่ รู้หรือไม่ว่านี่เป็นวิธีบอกรักอย่างหนึ่งของท่าน เหมือนสมัยวัยเด็กที่ท่านเคยรอเรากลับจากโรงเรียน แล้วมักจะพบแผลฟกช้ำตามตัวจากกิจกรรม
แก่นเซี้ยวมาเป็นของฝากให้พ่อต้องหาหยูกยามาทำแผล ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ เชื่อเถอะว่าพ่อยัง
คงเป็นห่วง และต้องการปกป้อง ดูแลเราเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย
3. อยู่เบื้องหลังงานบวชทุกสเต็ป: งานใหญ่ในชีวิตลูกผู้ชายมีไม่กี่งาน ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคืองานบวช ที่ถือเป็นประเพณีความเชื่อดั้งเดิมว่าเป็นการทดแทนคุณพ่อแม่ ซึ่งถึงแม้ปัจจุบันจะไม่ได้เคร่งครัดเท่าในอดีต แต่ “งานบวช” ก็ยังคงเป็นงานสำคัญของครอบครัวไทยอยู่ดีซึ่งงานนี้ผู้ที่เข้าใจหัวอกลูกชายที่สุดก็คือคุณพ่อ เรียกว่าทั้งภูมิใจ ปลื้มปริ่ม และเป็นห่วงผสมกัน
ความภาคภูมิใจลึกๆ ที่จากวันหนึ่งเด็กชายตัวน้อยลืมตาดูโลกกำลังจะเติบโตสู่บทบาทผู้ใหญ่เต็มขั้น บวชเรียนศึกษาพระธรรมเพื่อแทนคุณบุพการี ซึ่งวิธีบอกรักผ่านมุมอ่อนโยนที่พ่อจะมอบให้ลูกชายในยามนี้คือ การดูแลปกป้องจุดที่บอบบางที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บหรือระคายเคือง นั่นก็คือการเลือกอุปกรณ์โกนผมที่มีระบบการปกป้องผิวแม้ในจุดบอบบางที่สุด เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บหรือระคายเคืองหนังศรีษะ ซึ่งเป็นผิวหนังส่วนที่เป็นศูนย์รวมเส้นเลือดปริมาณมากนับพันเส้น
4. เฮไหนเฮนั่น ทำกิจกรรมกับลูกชายเสมอ : ลูกชายและคุณพ่อมักมีความชอบที่คล้ายกัน และทำกิจกรรมร่วมกันเสมอ...อะแฮ่ม นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นอกจากการเลี้ยงดูที่พ่อจะปลูกฝังลักษณะนิสัยความชอบพื้นฐาน อาหาร งานอดิเรก กีฬา และกิจกรรมอื่นๆ ให้ลูกแล้ว การพยายามปรับตัวให้เข้ากับวัยของลูกชาย เพื่อให้ได้เป็นเพื่อนต่างวัยของลูก ทำกิจกรรมทุกอย่างร่วมกัน เฮไหน เฮนั่นได้ทุกที่ถือเป็นการบอกรักลูกชายที่น่ารักที่สุด
5. ใช้การตักเตือนแทนการปกป้อง ใช้คำสอนแทนการดูแล ให้ลูกชายอ่อนโยนไม่อ่อนแอ : พ่อและลูกชายบางบ้านเปรียบเสมือนไม้เบื่อไม้เมา ที่หลายครั้งลูกเองไม่เข้าใจในการกระทำของพ่อ มานี่สิ!
เราจะบอกอะไรให้!


พ่อส่วนใหญ่นั้นมักจะเห็นตัวเองในตัวลูกชาย และรักลูกชายคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน จึงอย่าแปลกใจถ้าการเลี้ยงดูของพ่อจะมีการตักเตือนบ่อยครั้ง เพราะพ่อเห็นตัวเขาในคุณ และเขาอยากปกป้องไม่ให้คุณไปเจอสิ่งร้ายหรือพลาดพลั้งในแบบที่เขาอาจเคยพบมา และนอกจากการตักเตือนแล้ว คำสอนของพ่อยังเปรียบได้กับการดูแลให้เราไม่นอกลู่นอกทาง เดินตรงไปสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ โดยแม้ในวันที่ลูกชายรู้สึกท้อแท้ เสียใจ ภาวะอารมณ์เปราะบางที่สุด พ่อก็จะยังคงเป็นที่พักพิงที่อบอุ่น ที่คอยดูแลปกป้องให้ลูกชายกลับมามีกำลังใจสู้ต่อได้เสมอ ซึ่งนี่แหละที่เราอยากจะมอบแฮชแทค “#อ่อนโยนในแบบพ่อ” ให้แก่คุณพ่อทุกคน ที่พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ เพราะไม่ว่าลูกชายจะเปลี่ยนไปจากเด็กชายเป็นผู้ชายเต็มตัว พ่อก็จะยังคงปกป้องและดูแลลูก ผ่านคำสอนดีๆ ที่ถูกบันทึกเป็นมรดกติดตัวลูกไปตลอดชีวิต


ใครที่คิดถึงคุณพ่อ และได้รับความรักจากคุณพ่อแบบนี้ แม้ท่านจะไม่เคยบอกตรงๆ หรือแสดงออกชัดเจน แต่ให้รู้ไว้เลยว่านี่แหละคือความ #อ่อนโยนในแบบพ่อ ที่พ่อกำลังบอกรักเราอยู่นั่นเอง

“ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” เสิร์ฟความอร่อย 5-15 ธ.ค.62



“ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอร์น โปรเจค จำกัด และ ประธานกรรมการ บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด ผู้ผลิตและดำเนินรายการโทรทัศน์ “ครัวคุณต๋อย” ในฐานะผู้จัดงาน “ครัวคุณต๋อย EXPO” ไฟแรงไม่หยุด หลังประสบความสำเร็จจากการจัดงานมา 4 ครั้ง กำลังเร่งโปรเจกต์ใหม่ ตามคำเรียกร้องจากเหล่านักชิม ลุยจัดงาน “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ย่อส่วนการจัดงานให้เล็กลงด้วยจำนวนบูทร้านอาหาร 52 บูท เสริมทัพด้วยการจัดบูทจำหน่าย “วัตถุดิบอาหาร” ภายใต้แนวคิด “ครัวคุณต๋อย Selected” บนความเชื่อ “อาหารที่ดีเกิดมาจากวัตถุดิบที่ดี” เพื่อให้ผู้มาร่วมงานได้เลือกซื้อวัตถุดิบคุณภาพกลับไปประกอบอาหารเองตามสูตรเด็ดเฉพาะของแต่ละบุคคล


โดยงานจะจัด ระหว่างวันที่ 5–15 ธันวาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 10.30 -21.30 น. ณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น จี เดอะมอลล์ บางแค...เท่านั้นยังไม่พอ เพราะ แว่ว ๆ มาว่า งานนี้ “อาต๋อย” เตรียมแผนกระจายความอร่อยให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ รวมถึงพัทยา โดยปักหมุดไว้แล้วว่า ในปี 2563 จะจัดงาน “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ตามห้างสรรพสินค้าในย่านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องถึง 9 ครั้ง งานนี้ “นักชิม” คงต้อง “ล้างท้องรอ” รับความอร่อยที่การันตีโดย “ครัวคุณต๋อย”

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

“Mintchyy” Beauty Blogger ชื่อดัง เป็น Brand Ambassador คนไทยคนแรก ​

นู ฟอร์มูล่า (NU FORMULA) แบรนด์ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่สามารถตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว




 “The New Gen Skincare Brand to Global” หลังเปิดตัวในร้านค้าชั้นนำ
ที่ประเทศจีนกว่า 1,000 สาขา และมาเลเซีย พร้อมมุ่งเป้าขยายตลาดสู่ พม่า, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว ในปี 2020 และก้าวไปสู่ตลาด Global ในอนาคต ทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยการเปิดตัว “Mintchyy” Beauty Blogger ชื่อดัง เป็น Brand Ambassador คนไทยคนแรก สื่อถึงความจริงใจและแพสชันกล้าลองผิดลองถูก มุ่งมั่นเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด และพร้อมส่งต่อสิ่งดีๆ ให้ลูกค้า และตั้งเป้าเป็นแบรนด์ไทยที่ได้รับการยอมรับในตลาดสกินแคร์ระดับโลกอีกด้วย


นางสาวพรสุดา วังวิทยากุล ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท คอนเน็ต อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า แรกเริ่มเดิมที “นู ฟอร์มูล่า” หรือ NU FORMULA เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการมุ่งเน้น “คิดค้นสูตรที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว” จนนำมาสู่การวิจัยและพัฒนานานกว่า 5 ปี ตั้งแต่เริ่มค้นหาแหล่งวัตถุดิบที่ดีที่สุดทั่วทุกมุมโลก รวมถึงทดลองไขว้สูตรมากกว่า 10,000 สูตร จนได้ 1 สูตรดีที่สุดเพื่อแก้ปัญหาผิวแพ้ง่ายทุกรูปแบบ สามารถตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวรอบด้านได้อย่างแท้จริง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ “นู ฟอร์มูล่า” ได้รับเสียงตอบรับที่ดีในหมู่ผู้ใช้งานจริง และมีจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศไทยมากกว่า 700 สาขา รวมถึงได้รับการยอมรับจาก Beauty Blogger จนมีการรีวิวสินค้ามากกว่า 100 ท่าน และได้รับรางวัล Best Of the Year ทุกปี

​นู ฟอร์มูล่า (NU FORMULA) เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่สามารถตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว และเหมาะกับผิวทุกประเภท ด้วยมีการคิดค้นสูตรที่เน้นคุณภาพสูง ปลอดภัย ราคาจับต้องได้ และให้ความรู้สึกที่ดี ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกสูตรของ นู ฟอร์มูล่า จะมีนวัตกรรมสูตรเฉพาะเป็นของตัวเอง แต่คงแนวคิด ‘3 Balancing Brand’ ที่เหมือนกันไว้ คือ มีประสิทธิภาพและการใช้งานที่ดี (Effectiveness-Functional) มีเนื้อสัมผัสที่ดีและความรู้สึกที่ประทับใจต่อผิว (Impressive feeling) และมีความปลอดภัยต่อผิว (Safety)

นางสาวพรสุดา กล่าวอีกว่า “หลังจาก นู ฟอร์มูล่า มีการเติบโตและประสบความสำเร็จในประเทศไทย กลุ่มผู้ก่อตั้งจึงมองว่าแบรนด์มีศักยภาพมากพอในการก้าวไปสู่ขั้น Global Brand บริษัทฯ จึงเริ่มขยายตลาดไปยังประเทศจีนก่อนเป็นอันดับแรก โดยเริ่มจากการนำ Hero Product ของแบรนด์อย่าง
‘นู ฟอร์มูล่า มิเนอรัล คลีนซิ่ง วอเตอร์’ ไปจำหน่ายในแพลตฟอร์ม Weibo page และต่อมา นู ฟอร์มูล่า ก็สามารถขยายช่องทางจำหน่ายขึ้นสู่ร้านค้า ด้วยการผ่านมาตรฐานการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เข้มงวดของจีนได้สำเร็จภายในครั้งเดียว และปัจจุบัน นู ฟอร์มูล่า ได้มีจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศจีนแล้วกว่า 1,000 สาขา”



ความสำเร็จในการขยายตลาดประเทศจีนของ นู ฟอร์มูล่า เกิดจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วจากผู้ใช้ชาวจีน โดยเฉพาะกลุ่ม Beauty Blogger และ Influencer ชาวจีนในแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Red App, Tiktok, Kuaishou, Taobao ที่ให้เสียงตอบรับไปในทิศทางบวก รวมถึงการยอมรับจาก “KEVIN” (Kevin Teacher) อาจารย์เควินผู้เชี่ยวชาญด้านสกินแคร์และเมคอัพกูรูชื่อดัง ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 50 ล้านคนในประเทศจีน ที่ยกให้ นู ฟอร์มูล่า เป็น “สินค้า 1 ใน 10 The Must Have Items” ที่ต้องซื้อเมื่อมาประเทศไทย นับได้ว่าเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ในการนำพาแบรนด์ นู ฟอร์มูล่า เข้าไปสู่การเป็น “The New Gen Skincare Brand to Global” และนำมาซึ่งการเปิดตลาดในประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการในปี 2019 รวมถึงการขยายการเติบโตไปสู่ประเทศกลุ่ม AEC อย่าง พม่า, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว ในปี 2020 และขยายตลาดไปสู่ระดับโลกในอนาคตอีกด้วย

นอกจากนี้ นู ฟอร์มูล่า ยังได้สร้างความแข็งแกร่งและภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการยกระดับไปสู่ Global Brand ด้วยการเปิดตัว Brand Ambassador คนไทยคนแรก โดยใช้ Beauty Blogger ชื่อดังอย่าง “Mintchyy” นางสาวสมัชญา อัศวนิเวศน์ (มิ้น) Youtuber ผู้ที่ชื่นชอบความสวยความงาม และรักในการแบ่งปันเคล็ดลับและความสุขให้คนดู โดยมีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน เพื่อเป็นตัวแทนสื่อสารความจริงใจไปยังผู้บริโภค ว่าแบรนด์เลือกผู้ใช้จริงอย่าง Mintchyy ผู้ที่มีแพสชันกล้าลองผิดลองถูก มุ่งมั่นเลือกสรรจนเจอสิ่งที่ดีที่สุด และพร้อมที่จะส่งต่อสิ่งดีๆให้คนอื่นเสมอ เช่นเดียวกับ นู ฟอร์มูล่า นั่นเอง

นางสาวพรสุดา กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเลือก Mintchyy ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงก้าวใหม่ของ แบรนด์ที่แสดงความจริงใจอย่างชัดเจนขึ้น ด้วยการบอกตัวตนของแบรนด์ผ่าน Mintchyy ที่มีทั้งคาแรคเตอร์ที่สดใสร่าเริง มีไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจดูแลตัวเองในทุกๆ เรื่อง กล้าลองผิดลองถูก มุ่งมั่นเลือกสรรจนเจอสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง และมั่นใจที่จะบอกต่อสิ่งดีๆ เหล่านั้นให้กับผู้อื่น อีกทั้ง Mintchyy ยังเป็นผู้ใช้จริง ที่มีผิวแพ้ง่าย จึงจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผิวอย่าง นู ฟอร์มูล่า มาตลอด จึงถือว่า Mintchyy เป็น Brand Ambassador ที่สอดคล้องกับแบรนด์อย่างแท้จริง”

ปัจจุบันแบรนด์ “นู ฟอร์มูล่า” (NU FORMULA) มีโปรดักส์ไลน์ที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิวถึง 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผิวบอบบางแพ้ง่าย (Sensitive skin to all skin types) และกลุ่มผิวผสมถึงผิวมัน (Combination to oily skin) โดยมี นู ฟอร์มูล่า มิเนอรัล คลีนซิ่ง วอเตอร์ (NU FORMULA Mineral Cleansing Water) ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งวอเตอร์ที่อ่อนโยนและสะอาดต่อผิว เป็น Hero Product ของแบรนด์ รวมถึงอีก 3 ผลิตภัณฑ์สำคัญอย่าง นู ฟอร์มูล่า เดอร์ม่า เฟเชี่ยล คอตต้อน (NU FORMULA Derma Facial Cotton), นู ฟอร์มูล่า อัลตร้า เจนเทิ่ล เฟเชี่ยล คลีนเซอร์ (NU FORMULA Ultra Gentle Facial Cleanser) นู ฟอร์มูล่า พอร์ ดีพ คลีนซิ่ง โฟม (NU FORMULA Pore Deep Cleansing Foam) พร้อมเปิดตัวสินค้าล่าสุด นู ฟอร์มูล่า อัลตร้า เจนเทิ่ล เฟเชี่ยล คลีนเซอร์ (NU FORMULA Ultra Gentle Facial Cleanser) ที่พร้อมพา นู ฟอร์มูล่า ก้าวไปสู่การเป็น “The New Gen Skincare Brand to Global” เพื่อเติบโตในตลาด สกินแคร์ระดับโลกอย่างมั่นค


ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ นู ฟอร์มูล่า (NU FORMULA) สกินแคร์แนวคิดใหม่ ที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว สามารถหาซื้อได้ที่ Watsons, KONVY.com, EVEANDBOY, Beautrium, Matsumoto Kiyoshi, Beauty Market, Stardust, Hej, Nineti9, 24-shopping, shopat24, 7-Eleven, Beauty Playground และพบกันเร็วๆนี้ได้ที่ Boots Retail
Website: www.nu-formula.com, Facebook: nuformulathailand 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ เบญจวรรณ อุคชธรรม (PR manager)
บริษัท อะโบฟแอนด์บียอนด์ เซอร์วิสแอนด์ซัพพลาย จำกัด โทร. 02-933-6623


“วันดินโลก” 5 - 8 ธันวาคม 2562 น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9


กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงาน “วันดินโลก” 5 - 8 ธันวาคม 2562 น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9 “นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” (Humanitarian Soil Scientist Award) พระองค์แรก และพระองค์เดียวของโลก

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงาน “วันดินโลก” 5-8 ธันวาคม 2562 ภายใต้แนวคิด “ปกป้องอนาคต ลดการชะล้างดิน : Stop Soil Erosion, Save our Future” น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร “นักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” (Humanitarian Soil Scientist Award) พระองค์แรกและพระองค์เดียวในโลก ภายในงานจัดแสดงนิทรรศการพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาทรัพยากรดินเพื่อการเกษตรอย่างครบวงจร ส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์หน้าดินให้คงความสมบูรณ์ พร้อมร่วมฟังเสวนาระดับนานาชาติ และนิทรรศการวิชาการ รวมถึงกิจกรรมต่างๆอีกมากมาย ระหว่างวันที่ 5 - 8 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดิน เสื่อมโทรมเขาชะงุ้มอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


นอกจากนี้ในส่วนภูมิภาค สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดร่วมกับส่วนราชการต่างๆและหน่วยงานในท้องถิ่นร่วมกันจัดกิจกรรมวันดินโลก ตลอดช่วงเดือนธันวาคม 2562 เพื่อสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนรับทราบสถานการณ์ทรัพยากรดิน เกิดความตระหนักในการร่วมกันปกป้องดูแลรักษาทรัพยากรดิน ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับการผลิตปัจจัยสี่ในการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์

ทั้งนี้ กลุ่มสมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินโลก (Global Soil Partnership - GSP) ได้จัดกิจกรรม วันดินโลกเป็นประจำทุกปีและกำหนดหัวข้อหลักการจัดงานของแต่ละปี โดยคัดเลือกประเด็นสำคัญ ที่ต้องการผลักดันให้เกิดข้อสรุปหรือส่งผลต่อสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของโลก โดยประเทศต่างๆ จะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างการรับรู้ และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรดิน สำหรับวันดินโลกในปี 2562 นี้ GSP ได้กำหนดหัวข้อ “STOP SOIL EROSION, SAVE OUR FUTURE : ปกป้องอนาคต ลดการชะล้างดิน” ซึ่งเน้นความสำคัญของการมีส่วนร่วมขององค์กร และบุคคล สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ดินและน้ำ ป้องกันและลดการชะล้างการพังทลายของดินเพื่อรักษาระบบนิเวศให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ชุมชน และประชาชน ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยได้ร่วมกับเครือข่ายดังที่กล่าวแล้ว จะขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์และรักษาทรัพยากรดินตามศาสตร์พระราชาให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป


นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า ภายในงานวันดินโลก ระหว่าง
วันที่ 5 - 8 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น นิทรรศการพระราชกรณียกิจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นิทรรศการพระราชกรณียกิจเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยจัดแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต แสดงภาพ 3 มิติ การจัดการดินและที่ดิน ตั้งแต่ภูเขาจนถึงทะเล เพื่อให้เห็นภาพการป้องกันชะล้างพังทลาย ของดิน การจัดประชุมวิชาการทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ เสนอผลงานเด่น ความสำเร็จของ การปกป้องดูแลดิน และการแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างหมอดินอาสา เกษตรกรและนักวิชาการ เพื่อสนับสนุนการปกปักรักษาดิน มิให้เสื่อมโทรมจากการใช้
ที่ดินของมนุษย์

สำหรับในพิธีเปิดงานจัดให้มีการมอบรางวัล King Bhumibol World Soil Day Award ซึ่งเป็นรางวัลที่ประเทศไทย และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations-FAQ) ร่วมกันจัดตั้งขึ้น เพื่อมอบแก่บุคคล องค์กร หรือประเทศ ที่รังสรรค์ผลงานการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของดินให้เป็นที่ประจักษ์ ในปี 2562 จะได้มีพิธีประกาศรางวัลและเข้ารับรางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยในปีนี้ผู้ที่ได้รับรางวัล King Bhumibol World Soil Day Award ได้แก่ หน่วยงาน Costa Rican Soil Science Association (ACCS) ของสาธารณรัฐคอสตาริกา ซึ่งเป็นองค์กร ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่ดำเนินงานด้านการจัดการดิน โดยกิจกรรมที่ส่งเข้าประกวด ได้แก่ การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยหมักในพื้นที่สวนสาธารณะของเมืองซานโฮเซ ทุกวันที่ 5 ธันวาคม โดยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 จนเป็นประเพณี ซึ่งกิจกรรมได้เชื่อมโยงสู่การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ 2 ประการคือ มลพิษทางดิน และ Climate change และยังส่งผลให้เกิดแผนระดับชาติในการลดปริมาณคาร์บอนในอากาศ

ทั้งนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ สำหรับเยาวชน และผู้เข้าชมงานทั่วไปอีกมากมาย อาทิ การประกวดวาดภาพกระดานดำ การประกวดถ่ายภาพ การจำหน่ายผลผลิตจากการทำเกษตรอินทรีย์ สินค้าเฉพาะของโครงการพระราชดำริและกิจกรรมเดิน Trail วันดินโลก @ เขาชะงุ้ม ตามรอยพระบาทบนแผ่นดินของพ่อ ในวันอาทิตย์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตั้งแต่เวลา ๐๖.๓๐ - ๐๙.๓๐ น.ระยะทาง ๒ กิโลเมตร เพื่อขึ้นเขาไปชมพลับพลาที่ประทับทรงงานและชมทัศนียภาพที่ปัจจุบันมีความสวยงามในรูปแบบเบิร์ดอายวิวสามารถมองเห็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ ที่เกิดมาจากพระราชดำริ “ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก” ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่สามารถเปลี่ยนพื้นที่เขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ


นอกจากนั้นกิจกรรมที่สำคัญอีกกิจกรรมหนึ่งในวันดินโลกปี 2562 คือ การแสดงพระธรรมเทศนา “ภูมิกถา” ซึ่งเป็นกัณฑ์เทศน์ เกี่ยวกับดินและวันดินโลก ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชได้มีพระมหากรุณาธิคุณ ให้มหาเถรสมาคมดำเนินการ โดยได้มีมติให้จัดทำกัณฑ์เทศน์ดังกล่าว เพื่อให้วัดทั่วประเทศไทยได้ใช้แสดงพระธรรมเทศนาให้พุทธศาสนิกชนได้รับทราบและตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรดินและร่วมกันปกป้องดูแลรักษาทรัพยากรดินให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนและเป็นสมบัติที่มีคุณค่าที่จะรักษาส่งมอบให้แก่ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์สืบไป ด้วยเห็นว่าวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกและกว้างขวาง ดังนั้นในวันที่ 6 ธันวาคม 2562 จะจัดให้มีการเทศนา ณ ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ราชบุรี โดยพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ผู้ประพันธ์กัณฑ์เทศน์ เป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนา รวมทั้งจัดให้วัดทั่วประเทศได้แสดงพระธรรมเทศนาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป

จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมงาน “วันดินโลก” (World Soil Day) ระหว่างวันที่ 5 - 8 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และร่วมเฝ้ารับเสด็จฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2562 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2579 - 8515 หรือ http://www.worldsoil.in.th/

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

พลาดไม่ได้ !!! 30 พ.ย.นี้ “Blockchain Thailand Genesis 2019”


มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในไทย

พลิกโฉมธุรกิจ การเงิน การลงทุนไทย สู่อนาคต


 สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ผนึกกำลังความร่วมมือหลายภาคส่วน จัดงาน “Blockchain Thailand Genesis 2019” มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในไทย ภายใต้แนวคิด “The Future of Financial Disruption” เพื่อขับเคลื่อนวงการเทคโนโลยีไทย ให้เตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกรรมของคนทั้งโลก พลิกโฉมธุรกิจ การเงิน และการลงทุน หรือแม้แต่บริการภาครัฐ นำความท้าทายมาสู่หลายอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวให้เท่าทัน โดยจะจัดงานขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป ณ ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์ ชั้น 5


 นายกานต์นิธิ ทองธนากุล เลขาธิการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า บล็อกเชน เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก มาถึงไทยแล้ว เราจะใช้มันสร้างโอกาสทอง เพิ่มกำไรชีวิตและพัฒนาการงานทํากําไรให้ตุงกระเป๋าอย่างไร  วิทยากรผู้มากประสบการณ์และความรู้จะมาแชร์มุมมองวิสัยทัศน์ของพวกเขาให้เราฟัง ทั้งด้านการใช้พัฒนาระบบหลังบ้าน และหน้าบ้าน การลงทุน การระดมทุน
พบกับไฮไลท์พิเศษภายในงาน “Blockchain Thailand Genesis 2019” อาทิ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Blockchain & The future of Thailand's Digital Economy” พร้อมด้วยบุคคลสำคัญอีกมากมายที่จะมาร่วมพูดในหัวข้อต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็น ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการสำนักงาน กลุ่มสังคมและกำลังคนดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) พูดในหัวข้อ “แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านบล็อกเชน”, ดร.นภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน สำนักงาน ก.ล.ต. พูดในหัวข้อ “สินทรัพย์ดิจิทัลและการกำกับดูแลในประเทศไทย”, นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ พูดในหัวข้อ “GovTech และ Blockchain: อนาคตแห่งโลกนวัตกรรมดิจิทัล” รวมถึงหัวข้อสำคัญที่ขาดไม่ได้ตั้งแต่เส้นทางของ Bitcoin และ Blockchain ตลอดจนมุมมองของตลาดหลักทรัพย์ 2.0 โดยกูรูประจำวงการอย่างคุณอัครเดช เดี่ยวพานิช (Coinman) ประธานกรรมการ Cryptomind และคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bitkub Group

และภายในงานยังมีวงเสวนาสุดเข้มข้น ในหัวข้อ “เมื่อมหาอำนาจของโลกสร้างเงินดิจิทัล - CBDC, Libra, Stablecoin” โดย คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์, คุณทิพยสุดา ถาวรามร, คุณตฤบดี อรุณานนท์ชัย รวมถึงวงเสวนาหัวข้อ ธนาคารและการปฏิวัติครั้งใหญ่ในยุคดิจิทัล โดยบุคลากรคนสำคัญจากโลกการธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น คุณญาณวิทย์ รักษ์ศรี Principal Visionary Architect, KBTG คุณอิทธิพันธ์ เจียกเจิม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Global Transaction Banking Services, SCB และคุณพัชรินทร์ บุญล่ำสัน Commercial Digital Solutions, Krungsri, นอกจากนี้ คุณวิชิต ซ้ายเกล้า Founder, ChitBeer ที่จะมาพร้อมกับหัวข้อที่น่าจะเรียกเสียงฮือฮาได้ อย่าง คราฟต์เบียร์ บิตคอยน์ และประชาธิปไตย

และรวมถึงการพูดคุยในหัวข้อที่มีประโยชน์ทั้งต่อผู้ที่สนใจและบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ อาทิ การระดมทุนแห่งอนาคตด้วย ICO/STO, Blockchain for Business Transformation, Decetranlized Finance การเงินแบบไร้ตัวกลาง, ลงทุนอย่างไรไม่ให้ถูกหลอก

อีกทั้งยังมีกิจกรรม Workshop สุดพิเศษเพื่อเข้าร่วมงานทุกท่านเข้าไปนั่งเรียนกัน อาทิ Bitcoin & blockchain 101 (บิทคอยน์ และบล็อกเชน คืออะไร), Crypto Wallet 101 (ความสำคัญของ Crypto Wallet ทำไมทุกคนควรต้องมี), Trading 101 : Cryptocurrency Trading เทคนิคพื้นฐานการเทรดคริปโต และหัวข้อสุดฮอตมาแรงระดับโลกที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด “Libra Workshop 101” ที่อัดแน่นไปด้วยความรู้เกี่ยวกับสกุลเงิน Libra ที่กำลังสั่นสะเทือนไปทั่วโลก

ห้ามพลาด! งาน “Blockchain Thailand Genesis 2019” มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในไทย ภายใต้แนวคิด The Future of Financial Disruption ในวันเสาร์ 30 พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป ณ ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์ ติดตามรายละเอียดและซื้อบัตรเข้างานที่ www.blockchain-th.com , https://www.eventpop.me/e/6958-blockchainthailand2019 และ www.facebook.com/blockchainthailandevent

ข่าวประชาสัมพันธ์

Gathering Space ชวนคิด ออกแบบอย่างแคร์เมือง

ผู้เชี่ยวชาญถกแนวทางพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ในงาน SX2024 เสวนาซีรีส์ “City that cares” ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX2024) อภิ...

โวยวายดอทคอม