วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รมช.มท. แถลงข่าวจัดงาน Otop midyear 2025

     
นางสาว ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน แถลงข่าวการจัดงาน Otop midyear 2025  ภายใต้แนวคิด OTOP ทันโลก ทันสมัย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน   โดยมี นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นาย วรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน   , นายไพโรจน์ โสภาพร รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน , ผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ผู้บริหารหน่วยงานพันธมิตร ผู้บริหารกลุ่มเซนทรัล เข้าร่วม ณ    Zone Groove  the Office ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์         



นางสาว ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  กล่าวว่ารัฐบาลมีนโยบายในการส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพมีงานทำและสร้างรายได้ โดยการสนับสนุนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สนับสนุนให้ชุมชนได้มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้สมัยใหม่แหล่งเงินทุน รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการ และการตลาดเพื่อเชื่อมโยงสินค้า จากชุมชนสู่ตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยมุ่งหวังให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้า ประกอบกับกระทรวงมหาดไทยมีนโยบายในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาด และการจำหน่าย “มุ่งเน้นการลดรายจ่าย สร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ทั้งในระดับครัวเรือนและชุมชน โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนตามอัตลักษณ์ที่โดดเด่น (OTOP) ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการประสานกับภาคเอกชน เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มตลาดมากขึ้น การสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ซึ่งจะนำสู่การส่งออกสินค้าเชิงวัฒนธรรม และนำหลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ให้ผู้ประกอบการในชุมชนท้องถิ่นเป็นหน่วยธุรกิจในการสร้างงานสร้างรายได้ตามแนวทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Economy) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า การจัดงานในครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถขยายตลาดและสร้างการรับรู้ให้กับงานศิลปหัตถกรรมจากภูมิปัญญาของคนไทยให้สามารถแพร่หลายและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งชาวไทย และต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมากรมการพัฒนาชุมชนได้มีการนำนวัตกรรมด้านต่างๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา อาทิ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงาม, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีอายุยาวนานขึ้น มีความทันสมัย เหมาะแก่การใช้งานมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจะสามารถเป็นการเพิ่มรายได้และยกระดับความเป็นอยู่ของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ให้ดียิ่งขึ้นอีกทั้งยังคงเป็นการผลักดันเศรษฐกิจไทยให้สามารถเติบโต ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่สินค้าเพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีคุณภาพ นำไปสู่การขายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในอนาคต คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ได้ไม่น้อยกว่า 2000 ครัวเรือน โดยจะสามารถสร้างรายได้ให้เกิดเงินหมุนเวียนใน ระบบเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท ส่งผลให้คนในชุมชนได้ มีกิน มีใช้ สร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็งของประเทศต่อไป OTOP ทำให้เกิดโอกาสกับคนต่างจังหวัด แต่ปัจจุบัน OTOP ไปได้ไกล และนับเป็นพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาที่ทรงแบบลายผ้าและพระราชทานให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ได้นำไปต่อยอดพัฒนาหลากหลายผลิตภัณฑ์ ที่เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย



นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมโดยการส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพมีงานทำและสร้างรายได้ รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการ และการตลาดเพื่อเชื่อมโยงสินค้าจากชุมชนสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังมุ่งหวังให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าการจัดงาน “OTOP Midyear 2025 ในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งเสริมการตลาดสินค้า OTOP และกระตุ้นเศรษฐกิจกลางปีที่สำคัญงานหนึ่งของประเทศไทย ผ่านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เติบโต เข้มแข็ง และเชื่อมโยงไปยังเศรษฐกิจระดับมหภาค เพื่อสร้างรายได้ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน โดยภายในงาน มีกิจกรรมหลากหลาย ประกอบด้วย โซนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิรา ลงกรณพระวชิราเกล้าเจ้าอยู่หัว โซนนิทรรศการกิจกรรมและการจำหน่ายสินค้าของหน่วยงานภาคี โซนแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP 3 - 5 ดาว กว่า 2,000 บูธ โซนโอทอปชวนชิม กว่า 160 ร้านค้าทั่วประเทศ โซน OTOP Trader ประเทศไทย และ OTOP Trader จังหวัด ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานการจัดหาช่องทางการตลาดสินค้า OTOP ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัท โอทอป อินเตอร์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และไฮไลต์สำคัญคือ  โซนศิลปิน OTOP จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากศิลปิน OTOP กว่า 40 รายที่อนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น, โซนชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี, โซนจักสานสู่สากล มีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์จักสานมากกว่า 50 รูปแบบที่ผ่านการพัฒนาสู่ความเป็นสินค้าในระดับพรีเมียม ที่พร้อมมานาเสนอให้กับลูกค้าทุกท่านได้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ มีหลากหลายรูปแบบ, โซนผ้าไทยใส่ให้สนุก และ First Lady ที่จัดแสดงผ้าที่มีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด แต่มีดีไซน์ที่ทันสมัยเหมาะกับทุกรุ่น ทุกเพศ ทุกวัย  ที่สำคัญพลาดไม่ได้กับโซนพิเศษภายในงาน  ที่พลิกโฉม OTOP ไทยสู่โลกออนไลน์และการค้าโมเดิร์นเทรด  โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้ร่วมกับ 8 หน่วยงานพันธมิตร  ได้แก่ Good Goods ภายใต้ วิสาหกิจเพื่อสังคมเซ็นทรัล ของกลุ่มเซ็นทรัล, บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด, บริษัท ติ๊กต็อก (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด (NocNoc), บริษัท เน็กซ์ เจน ช้อป จำกัด (NexGen e-commerce), บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด   (7-11) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (โครงการไทยเด็ด) ที่ร่วมกันส่งเสริมด้านการตลาดให้ OTOP มีช่องทางการตลาด สู่โลกออนไลน์และการค้าโมเดิร์นเทรด สามารถสร้างรายได้ มีกำไรกลับคืนสู่ชุมชน         

 
นอกจากนี้ ยังมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องชื่อดังมาร่วมสร้างความบันเทิง  พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในงานอีกมากมาย อาทิ การจับสลากรางวัลชิงโชค ร่วมลุ้นรับทองคำ มูลค่ากว่า 400,000 บาท นอกจากนี้ กรมการพัฒนาชุมชน ยังได้ร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชน เพิ่มช่องทางการจำหน่ายนำเสนอสินค้า OTOP ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์  เพิ่มช่องทางการขายผ่านโซเชียลมีเดีย  ต่างๆ ผ่าน Studio Live สร้างความน่าสนใจด้วยคอนเทนต์และกิจกรรมออนไลน์แบบทันสมัย  เพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์  เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อเชื่อมต่อกับผู้ผลิตแบบตรงๆ และร่วมสร้างชุมชนดิจิทัล
        

จึงอยากขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านร่วมสนับสนุนสินค้าจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการOTOP ในงาน “OTOP Midyear 2025  ภายใต้แนวคิด OTOP ทันโลก ทันสมัย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน  พบกับความหลากหลายของสินค้าที่คัดสรรจากทั่วทุกภูมิภาคของไทยมาให้ ชม ชิม ช้อป กันอย่างเพลิดเพลิน  ตั้งแต่วันที่
7 - 15  มิถุนายน 2568 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 - 3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี หรือท่านใดที่ไม่มีเวลาแวะมาเลือกซื้อ เลือกช้อปกันที่เมืองทอง ก็สามารถร่วมอุดหนุนสินค้าจากภูมิปัญญาของชุมชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน ขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุก
คนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุนในการสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ให้พี่น้องผู้ผลิต ผู้ประกอบการ กันนะครับ” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกล่าว

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

JB Group สยายปีก ผนึกพันธมิตรปักธงตลาดจีน Laos Model


จับตา JB Group ภายใต้การกุมบังเหียน ของ “ CEO JIM ” ชาคริต นักสอน สยายปีก ผนึกพันธมิตรนำทัพสินค้าไทยเปิดตลาดจีน นำร่องปักธง "สิบสองปันนา" ยึดแนวทางความสำเร็จการค้า  "Laos Model”  ก่อน
ตั้งเป้า รุกเชื่อมโยง เส้นทางสายไหมยุคใหม่ (BRI - Belt and Road Initiative) สู่นคร คุนหมิง และมหานคร ฉงชิ่ง, คาซัคสถาน ,รัสเซีย  รวมไปถึงยุโรป ด้าน กงศุลพาณิชย์คุนหมิง พร้อมหนุนผู้ประกอบการไทย
โกอินเตอร์ เวทีตลาดโลก


เมื่อวันที่  29 พฤษภาคม 2568 คุณชาคริต นักสอน ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท เจ บี  (JB Group) ร่วมลงนามในพิธีเซ็นเอ็มโอยู (MOU) ระหว่าง บริษัท JB Bangkok กับ คุณอันซาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Xishuangbanna Taibanna จำกัด ผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่จากประเทศจีน  ณ ห้องประชุมบริษัท JB Bangkok โดยมีคณะผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานและแสดงความยินดีในความร่วมมือเป็นคู่ค้า นำสินค้าไทยไปจำหน่ายประเทศจีนตอนใต้ นำร่องในพื้นที่สิบสองปันนา 


คุณชาคริต  เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัท เจบี กรุ๊ป มีธุรกิจ หลัก ในการจัดจำหน่ายสินค้าใน สปป.ลาว  มากกว่า 20 ปีและถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีอัตราเติบโตของ ยอดขาย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ เป็นตัวแทน จัดจำหน่าย สินค้าอุปโภคบริโภค แต่เพียงผู้เดียวใน สปป..ลาว ให้กับ กลุ่มบริษัท พันธมิตร  อาทิ  บริษัทดัชมิลล์ ประเทศไทย, บริษัทในเครือ BJC เบอร์ลี่ ยุคเกอร์,บริษัท อาหารยอดคุณ ,บริษัท f-plus  (ฟ้าไทย)  เป็นต้น 

จากความสำเร็จอย่างมากในการสร้างรากฐานการจัดจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่ง ใน สปป. ลาว จึงจุดประกายให้ตนเองจะยึดเป็น "โมเดลลาว" ในการขยายโอกาสมุ่งหน้าสู่ตลาดจีน และมีการเซ็นเอ็มโอยู กับบริษัทคู่ค้าจากจีน คือ Xishuangbanna Taibanna ในครั้งนี้

โอกาสนี้ ยังได้เชิญ ผู้บริหาร Xishungbanna Taibanna ร่วมแนะนำสินค้า ของแบรนด์พันธมิตร ในงาน THAIFEX-Anuga Asia 2025 อิมแพค เมืองทองธานี ด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากเจ้าของสินค้าทุกแบรนด์ที่เคยร่วมค้าขายด้วยกันมา จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายการจัดจำหน่ายสู่ ตลาดจีนตอนใต้ สิบสองปันนา ก่อนในระยะแรก


สำหรับแผนในอนาคตอันใกล้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นภายใน 2 ปีข้างหน้า ทาง JB Bangkok ตั้งเป้าทำการค้าเชื่อมโยงบนเส้นทางสายไหมยุคใหม่ (BRI - Belt and Road Initiative) เพื่อขยายการจัดจำหน่ายไปสู่ นครคุนหมิง และมหานคร ฉงชิ่ง, คาซัคสถาน ,รัสเซีย จนถึงยุโรปต่อไป "ผมหวังว่า เรื่องราวความสำเร็จของ JB Bangkok จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทย ผู้ประกอบการสินค้าไทย กล้าที่จะมองโลกให้กว้างขึ้น และก้าวออกไปทำการตลาดในต่างประเทศ ดังเช่นที่ JB Bangkok กำลังทำ ถ้ามองภาพ ให้ชัดเจนขึ้นคือ ปัจจุบันประชากรในลาวและจีนตอนใต้ (สิบสองปันนา) อาจจะมีประมาณ 9 ล้านคน แต่หากรวมประชากรทั้งหมดตามเส้นทาง BRI ไปจนถึงยุโรป ตัวเลขจะพุ่งสูงเกือบ 900 ล้านคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า โอกาสทางธุรกิจนั้นมีอยู่มากมายมหาศาลสำหรับประเทศไทย" คุณชาคริต กล่าวย้ำ


ด้านคุณอันซาน กล่าวว่า  บริษัท เป็นผู้จำหน่ายสินค้า ในมณฑลยูนนานและสิบสองปันนา ประเทศจีน มานาน ซึ่งที่ผ่านมาก็นำเข้าผลผลิตการเกษตร ผลไม้ สินค้าอุปโภคบริโภค จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลักอยู่แล้ว  ส่วนเหตุผลที่เลือกค้ากับ ทาง JB Bangkok เนื่องจาก ได้รู้จักชื่อเสียง และจากคำแนะนำ ของท่านกงศุลพาณิชย์ นครคุนหมิงรวมทั้งได้มีโอกาส พบปะในงานแสดงสินค้าที่ภาครัฐและเอกชนไทยจัดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และทราบว่า เจบี กรุ๊ป ทำธุรกิจในลาว ประสบความสำเร็จ อย่างมาก จึงมั่นใจว่าการตกลงทำการค้าร่วมกันครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จเหมือนที่ใน ประเทศลาวได้ 

ขณะที่ คุณณัฐ วิมลจันทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง (กงศุล ฝ่ายพาณิชย์) เปิดเผยว่า มีความยินดีและภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ทั้งสองบริษัท ได้พบปะเจรจาการค้าร่วมกัน จนบรรลุข้อตกลงการเซ็นเอ็มโอยู สู่การดำเนินธุรกิจต่อไป

"ผมมั่นใจว่า การเซ็นเอ็มโอยู ร่วมกันระหว่าง JB Bangkok และ Xishuangbanna Taibanna จะเป็นก้าวสำคัญที่ผู้ประกอบการไทย ได้สามารถทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับ และเปิดตัวเข้าสู่ตลาดจีนในสิบสองปันนา เชียงรุ้ง มณฑลยูนนาน และมณฑลต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น และถือเป็นความภาคภูมิใจของของสถานกงศุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ที่ได้ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย สามารถโกอินเตอร์ และเติบโตต่อไปในอนาคตครับ" คุณณัฐ กล่าวในตอนท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงาน "THAIFEX-Anuga Asia 2025" อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค.68 นั้น คุณชาคริต ยังนำคณะผู้บริหาร JB Bangkok และบริษัท Xishungbanna พร้อมคณะสื่อมวลชน ร่วมเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้า ของแบรนด์สินค้าชั้นนำที่เป็นพันธมิตรของ BJC (บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมี คุณพัชร ปรีดาศักดิ์ Sr.Business Manager-laos & Vietnam ให้การต้อนรับ  และยังเยี่ยมชมบูธ บริษัทอาหารยอดคุณ จำกัด อย่างดีมาตลอด ได้แก่ดัชมิลล์, BJC ,ยอดคุณ, เอฟพลัส ผงปรุงรสฟ้าไทย, เซปเป้บิวตี้ดริ้ง,  ฉั่วฮะเส็ง ,thai coco และ ครัววังทิพย์ เป็นต้น ซึ่งการเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าต่างๆ ดังกล่าว ยังได้รับการต้อนรับและแนะนำสินค้าอย่างอบอุ่น เป็นกันเอง จากผู้บริหารและเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ สร้างความประทับใจต่อคณะผุู้บริหาร JB Bangkok และ บริษัท Xishuangbanna เป็นอย่างมาก 

ล่าสุด คุณชาคริต พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท Xishuangbanna ยังเข้าพบปะเจรจาการค้ากับคณะผู้บริหารบริษัท  เอสดี กัทธรี อินเตอร์เนชั่นแนล มรกต จำกัด (มหาชน)  ผู้ผลิตน้ำมันและผลิตภัณฑ์ ประกอบอาหารจากปาล์ม ถั่วเหลือง เมล็ดดอกทานตะวัน ข้าวโพด และดอกคาโนลา ชั้นนำของประเทศไทยอีกด้วย โดยมีคุณอัสนี มาลัมพุช กรรมการผู้จัดการ, คุณนุชนาถ สุขมงคล ผู้จัดการทั่วไป ให้การต้อนรับ ซึ่งมีผลสรุปร่วมกันอย่างดี ในการนำน้ำมันพืชมรกต ไปจำหน่ายที่สิบสองปันนา ในเร็วๆ นี้


วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

สหฟาร์มพลิกโฉมอาหารฮาลาล อวดเมนูใหม่ในงาน THAIFEX 2025

 เปิดตัวแคมเปญ “Halal With Heart” ชูศรัทธา สู่มาตรฐานโลก

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ “ความเชื่อมั่นในสิ่งที่กิน” มากกว่าราคาและรสชาติ “อาหารฮาลาล” จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของศาสนา แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของความสะอาด ปลอดภัย และเคารพต่อผู้บริโภคในระดับโลก – และนั่นคือเหตุผลที่ สหฟาร์ม (SAHA FARMS) เดินหน้าตอกย้ำจุดยืนของผู้นำในตลาดอาหารฮาลาลอย่างเต็มรูปแบบ ในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025: Beyond Food Experience ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคมนี้ ณ บูธ 2-U29, อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2, เมืองทองธานี

สหฟาร์มพลิกโฉมอาหารฮาลาล เปิดตัวแคมเปญ “Halal With Heart” ชูศรัทธา สู่มาตรฐานโลก

ไฮไลต์พิเศษในงานวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 คือกิจกรรม “Halal Cooking Experience” โดย ดร.จารุวรรณ โชติเทวัญ ประธานสายการตลาดต่างประเทศ บัญชี และการเงิน บริษัท สหฟาร์ม จำกัด ที่จะมาร่วม สาธิตเมนูเด็ดจากผลิตภัณฑ์ฮาลาล พร้อมแชร์เบื้องหลังการพัฒนาแนวคิด “Halal With Heart – ฮาลาลด้วยหัวใจ” ที่ชูจุดแข็งของสหฟาร์มในฐานะผู้ผลิตอาหารฮาลาลที่เข้าใจศรัทธาอย่างแท้จริง

ดร.จารุวรรณ กล่าวถึงที่มาของแคมเปญว่า “ฮาลาลสำหรับเรา ไม่ใช่แค่ตรารับรอง แต่มันคือหัวใจของการผลิตทุกวัน ดังนั้นเราต้องการให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสิ่งที่เขากิน สะอาด ถูกหลักศาสนา”

แคมเปญ “Halal With Heart” คือการยกระดับความเชื่อมั่นในอาหารฮาลาล ด้วย 3 เสาหลักแห่งคุณภาพ:

1.คนมุสลิมจริง ดูแลจริง – ทีมงานมุสลิมในสายการผลิตและควบคุมคุณภาพที่เข้าใจและปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลามทุกขั้นตอน

2.มาตรฐานฮาลาลจากสำนักกรรมการกลางอิสลามฯ – ครอบคลุมทั้งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ทำความสะอาด และโลจิสติกส์

3.ศรัทธา และความใส่ใจต่อการอยู่ร่วมกัน – โรงงานจัดพื้นที่ละหมาดที่สะอาดและสงบ สนับสนุนการใช้ชีวิตตามหลักศาสนาอย่างจริงจัง


ดร.จารุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลาดฮาลาลนั้นใหญ่กว่าแค่กลุ่มมุสลิม โดยอาหารฮาลาลไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้บริโภคมุสลิมอีกต่อไป ด้วยภาพลักษณ์ของความ “สะอาด ปลอดภัย ถูกหลักศาสนา” ทำให้สินค้าฮาลาลได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความต้องการสินค้าโปรตีนที่ได้รับการรับรองฮาลาลเพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลที่ได้ทำการศึกษามา พบว่าตลาดอาหารฮาลาลโลกในปี 2025 มีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทย โดยเฉพาะแบรนด์ผู้นำอย่าง สหฟาร์ม มีบทบาทสำคัญในการป้อนสินค้าสู่ตลาดสากล ทั้งกลุ่มเนื้อไก่แช่แข็ง เนื้อไก่ปรุงสุก ไปจนถึงสินค้าประมง เช่น ปลาดุกแช่แข็งฮาลาล ที่เริ่มบุกตลาดใหม่ๆ แล้วเช่นกันเสียงจริงจากคนทำงานจริง โดยภายในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 สหฟาร์มยังเปิดตัวทีมงานชาวมุสลิมจากสายการผลิต 4 คน ที่จะร่วมพบปะและให้ข้อมูลโดยตรงแก่ลูกค้าและผู้สนใจภายในบูธ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า “เบื้องหลังสินค้า ทุกชิ้นคือหัวใจของคนทำงาน”

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ สหฟาร์มเคยคว้ารางวัล Prime Minister’s Export Award 2024 สาขา Best Halal และได้ร่วมงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านอาหารฮาลาลจากภาคเอกชน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากทั้งในและต่างประเทศอย่างชัดเจน จึงเป็นอีกก้าวนึงของเส้นทางเวทีโลกของสหฟาร์ม


ท่านใดสนใจพบกับสหฟาร์มได้ที่บูธ 2-U29 และร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับอาหารฮาลาลที่ “ทานได้ทุกศาสนา อร่อยได้ทุกวัน” ได้ที่งาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ในวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2568
ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2, เมืองทองธานี

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Beger เติมเต็มจังหวะแห่งแสงสีกับงาน “Floral Symphony”ด้วยพลังสีที่สะท้อนศิลปะและธรรมชาติอย่างงดงาม

นิทรรศการที่ทุกคนรอคอย เปิดอย่างเป็นทางการแล้วกับงาน “Floral Symphony” ที่ถ่ายทอดบทเพลงแห่งธรรมชาติผ่านจังหวะของศิลปะ โดยงานนี้...Beger ได้ร่วมขับเคลื่อน ความงดงามของพื้นที่ให้เปล่งประกายด้วยมิติใหม่ของสีสัน ผ่านนวัตกรรมสีทาภายใน BegerCool 2in1 Interior Matt นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยสะท้อนความร้อน ลดอุณหภูมิภายในอาคาร ใช้งานง่าย ไม่ต้องผสมน้ำ ไม่ต้องรองพื้น ทาได้ทันที กลิ่นอ่อน ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน สีเนียน กลบพื้นผิวเดิมได้ดี ประหยัดทั้งเวลาและแรงงาน สูตรเฉพาะของเบเยอร์ยังช่วยกลบพื้นผิวเดิมได้ดี สีเนียนสม่ำเสมอ กลิ่นอ่อน ไม่ฉุนจมูก ด้วยค่าการปล่อยสารระเหย (VOCs) ต่ำ ปลอดภัยต่อผู้เยี่ยมชมงานให้ผิวสัมผัสแมตต์เนียนเรียบ ดูหรูหรา ซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่เป็นพื้นหลังของงานศิลป์ แต่กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งเสริมอารมณ์และพลังของผลงานให้เด่นชัดและน่าประทับใจยิ่งขึ้น


ด้วยเฉดสีที่ถูกคัดสรรอย่างประณีตในแต่ละผลงาน ถ่ายทอดความรู้สึกของดอกไม้ในแต่ละบทเพลง ไม่ว่าจะเป็นความอบอุ่น ความอ่อนโยน หรือเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต โดยสีของ Beger ยังมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษ สะท้อนความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิผนัง และให้สัมผัสแมตต์เนียนสวย กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องอย่างกลมกลืนกับผลงานศิลป์



Beger ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมสีเพื่อสิ่งแวดล้อม ได้รับเกียรติเป็นพันธมิตรหลักของนิทรรศการครั้งนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่เชื่อมั่นว่า “สี” ไม่ใช่เพียงเครื่องประดับตกแต่ง แต่คือเครื่องมือในการสื่อสารอารมณ์ ความรู้สึก และบรรยากาศได้อย่างลึกซึ้ง โดยพิธีเปิดงานนิทรรศการ“Floral Symphony” ซิมโฟนีแห่งดอกไม้และศิลปะ โดยร่วมเฉลิมฉลองแรงบันดาลใจผ่านศิลปะ งานนี้ ได้รับเกียรติจาก นางสาวพวงเพ็ญ แสงเพชร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เบเยอร์ จำกัด เข้าร่วมแสดงความยินดีและร่วมชื่นชมผลงานศิลป์อันทรงคุณค่า ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่ Beger ยึดมั่นมาตลอดว่า “สี” คือพลังของแรงบันดาลใจ จึงขอเรียนเชิญทุกท่านที่ชื่นชอบงานศิลป์ มาร่วมชมงานนิทรรศการ “Floral Symphony” เปิดให้เข้าชมฟรี !!! ได้ตั้งแต่ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2568 สถานที่จัดแสดง: RCB Galleria 3 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

เริ่มแล้ว !! Phangnga Fair 2025 วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2568

ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต (ฝั่งเฟสติวัล) อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตชวนชิมช้อปสินค้าอัตลักษณ์พังงา สินค้าชุมชน อาหารทะเลแปรรูป และอีกมากมาย


จังหวัดพังงาเปิดงาน Phangnga Fair 2025 ที่ยกทัพสินค้าอัตลักษณ์จังหวัดพังงา รวมทั้งสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าชุมชน อาหารทะเล อาหารทะเลแปรรูป และอีกมากมาย รวมกว่า 50 ร้านค้า เดินสายโรดโชว์ข้ามจังหวัด ปักหมุดจัดงานครั้งแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต (ฝั่งเฟสติวัล) ระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 หวังขยายตลาดสร้างโอกาสให้สินค้าท้องถิ่นจังหวัดพังงา ได้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับชาวพังงา หนุนให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน


นายบุญธรรม ถาวรทัศนกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ประธานเปิดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอัตลักษณ์พังงา “Phangnga Fair 2025” ภายใต้โครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์และเชื่อมโยงตลาดสินค้า
อัตลักษณ์จังหวัดพังงา กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า “การจัดงาน Phangnga Fair 2025 ในวันนี้เป็นไปตาม
ความมุ่งมั่นตั้งใจของจังหวัดพังงา ที่ต้องการส่งเสริมสนับสนุนสินค้าอัตลักษณ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จำนวน 4 รายการ ได้แก่ ทุเรียนสาลิกาพังงา ข้าวไร่ดอกข่าพังงา มังคุดทิพย์พังงา และปลิงทะเลเกาะยาว รวมทั้งสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าชุมชน อาหารทะเล และอาหารทะเลแปรรูปของจังหวัดพังงา ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคและสร้างชื่อเป็นที่รู้จักแพร่หลาย รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการส่วนท้องถิ่นให้พัฒนาศักยภาพและสามารถแข่งขันได้”

สำหรับงานในวันนี้จัดเต็มกับคาราวานสินค้าจากร้านค้ามากมายกว่า 50 ร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอัตลักษณ์ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดพังงามาให้ผู้บริโภคได้จับต้องและช้อปชิม ได้แก่ ทุเรียนสาลิกาพังงา ข้าวไร่ดอกข่าพังงา มังคุดทิพย์พังงา ปลิงทะเลเกาะยาว นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าชุมชน อาหารทะเล และอาหารทะเลแปรรูปอีกมากมาย อาทิ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวไร่ดอกข่าพังงา อาหารแปรรูปเกาะปันหยี ปลาฉิ้งฉ้างเกาะยาว ขนมเต้าส้อ เครื่องประดับมุก และผ้าบาติกพังงาที่สำคัญภายในงานยังมีกิจกรรมที่สร้างสีสันอีกมากมาย เช่น กิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจ กิจกรรมการแสดงจากศิลปินและนักร้องชื่อดัง อาทิ รัชนก ศรีโลพันธุ์, ดอกแค ท๊อปไลน์, เฟียส ศิริวุฒิ, ดีเจเต้ วัชสันต์ , โบว์ ซุปเปอร์ วาเลนไทน์ และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่จัดต่อเนื่องทุกวัน

“สำหรับการจัดงานในครั้งนี้มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
ของจังหวัดพังงาให้เข้มแข็ง ก่อให้เกิดรายได้สร้างเงินสร้างงานสู่พี่น้องชาวเกษตรกร และผู้ประกอบการของจังหวัดพังงา ได้อย่างยั่งยืน จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แวะช้อปชิมสินค้าดี ๆ อัตลักษณ์ของจังหวัดพังงา โดยงานเริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต (ฝั่งเฟสติวัล) ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย” นายบุญธรรมกล่าวทิ้งท้าย



นอกจากงาน “Phangnga Fair 2025” จัดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต (ฝั่งเฟสติวัล) อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2568 ในครั้งนี้แล้ว “Phangnga Fair 2025” เตรียมจัดงาน
ครั้งที่ 2 ในจังหวัดพังงาอีกด้วย ดังนั้นพี่น้องชาวพังงาและจังหวัดใกล้เคียงเตรียมปักหมุดรองาน “Phangnga Fair 2025” ครั้งที่ 2 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา หมายเลขโทรศัพท์ 0 7648 1743

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

Sheep เปิดตัวเคส Disney Stitch Collection รับกระแสภาพยนตร์ลีโลแอนด์สติทช์ มาแรง


“Sheep” เคสสัญชาติไทย ผู้ผลิตและออกแบบแก็ดเจ็ตที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของสินค้าและคำนึงถึงภาพลักษณ์การใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าไทยจากร้าน AppleSheep แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์และไอที  ร่วมกับดิสนีย์ เปิดตัวงานคอลแลปครั้งใหญ่   “Disney Stitch Collection” ตอบรับกระแสภาพยนตร์ Lilo& Stitch (ลีโลแอนด์สติทช์ ) ไลฟ์แอ็กชั่นแห่งปี  โดยถ่ายทอดภายใต้คอนเซ็ปต์  “โต้คลื่นกับ Stitch” ในรูปแบบดีไซน์เฉพาะตัวของแบรนด์ Sheep   


นายอภินันท์ ตรีรัตน์พิจารณ์ Founder&CEO บริษัท ชีพ แก็ดเจ็ต จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ Sheep เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า  “ตอนนี้กระแสโด่งดังเป็นอย่างมากกับภาพยนตร์    Lilo& Stitch( ลีโลแอนด์สติทช์ )ที่กำลังฉายในโรงภาพยนตร์อยู่ในขณะนี้  กับตัวการ์ตูนสุดแสบซ่าจอมป่วนของ “สติทซ์”  แน่นอนว่าSheepเป็นแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ และสร้างสรรค์เคสคาแรกเตอร์ต่างๆมากมาย ตอบโจทย์สายแฟชั่นที่เกาะติดเทรนด์ใหม่ๆอยู่เสมอ   เป็นโอกาสดีที่เราได้ทำคอลเลคชั่นในช่วงเวลานี้  ให้แฟนๆแบรนด์Sheep ได้ใกล้ชิดกับตัวการ์ตูนสติทช์ผ่านคอลเลคชั่นล่าสุด Disney Stitch  เรายกจุดเด่นของคาแรกเตอร์สตริทช์ ตัวการ์ตูนจอมแสบที่สุดในจักรวาลดิสนีย์ สัตว์เลี้ยงหน้าตาประหลาดสีฟ้าสุดน่ารักของ ‘Lilo’  ที่เป็นซิกเนเจอร์ ออกมาอย่างชัดเจน  โดยเฉพาะโทนสีฟ้าและน้ำเงิน แฝงเรื่องราวการเดินทางพักผ่อนของ Stitch  บนเกาะฮาวาย   ผ่านธีมหลัก 4 ลายดีไซน์ด้วยกัน      (Travel, Aloha, Flower และ Beach)    ลายTravelลายที่รวบรวมตั๋วจากการเดินทางไปเที่ยวจากที่ต่าง ๆ ของ ‘Stitch’, 




 ลายAloha ลายที่เน้นการเล่นสุดซนของ ‘Stitch’ พร้อมโทนสีซัมเมอร์ดูสนุกสนาน,  ลายFlower ลายที่เหมาะกับคนชอบสีโทน ฟ้า-ชมพู พร้อมกับ ‘Stitch’ ที่กำลังเล่นดอกไม้  และ   ลายBeach พักผ่อนบนหาดทราย และกินไอศกรีมให้สดชื่นกับ ‘Stitch’    แต่ละลายที่แบรนด์Sheepทำมีจุดโดดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์กับทุกสไตล์   ในรูปแบบลิขสิทธิ์แท้ ”
โดยเคสคอลเลคชั่นนี้รองรับโทรศัพท์  ไอโฟน 11 – 16 และซัมซุง S23 Ultra – S25 Ultra พร้อมขบวนอุปกรณ์เสริมระดับพรีเมี่ยมแบบครบครัน สำหรับ iPhone, iPad และ MacBook และ Mouse Pad  MagSafe Griptok , MagSafeWallet, และ Phone Charm  รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ อีกหลายรายการ  ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวคอลเล็กชันครั้งใหญ่ที่ร่วมกับดิสนีย์สำหรับปีนี้             

คอลเลคชั่น Disney Stitch เราหยิบเทคนิคการพิมพ์ลายแบบพิเศษมาใช้ มีเคสแบบทึบและแบบใส รวมถึงลายพิมพ์สองชั้น เผยให้เห็นรายละเอียดที่พิถีพิถันในการออกแบบเป็นอย่างมาก  แต่ยังคงเน้นฟังก์ชั่นตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า   ถือว่าเป็นงานท้าทายเป็นอย่างมาก เนื่องจากการออกแบบเราดึงภาพจำและเอกลักษณ์ของ Characterสตริทซ์มานำเสนออย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันยังคงภาพลักษณ์ของผู้ใช้งานสินค้า  คือต้องตอบโจทย์สะท้อนตัวตนกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี   เพื่อส่งมอบความพิเศษสำหรับลูกค้าแบรนด์ Sheepทุกคน

โดยแบรนด์ Sheep ได้เปิดตัว   Disney Stitch Collection” ที่ชั้น1 สยามพารากอน ในงาน  ป๊อปอัป “Stitch Island Vibes” ซึ่งเป็นงานอีเว้นท์ใหญ่ของดิสนีย์ ที่เนรมิตงานบรรยากาศให้เป็นเกาะฮาวายจากเรื่องราวของสติทช์   ในวันที่ 22-26 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา  งานนี้แบรนด์Sheep ได้นำคอลเลคชั่นใหม่มาโชว์และจำหน่าย   ให้สาวกที่ชื่นชอบ สติทช์ได้ช้อปแบบจุใจ  นอกจากนั้นเรายังต้องการขยายฐานเปิดตลาดลูกค้าต่างประเทศเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ๆนอกเหนือจากลูกค้าคนไทย  เพราะสยามพารากอนเป็นศูนย์การค้าระดับโลก ที่เป็นศูนย์กลางการช้อปปิ้งที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางจากทั่วโลก   นอกจากที่นี่แล้วแบรนด์Sheep ยังได้รับความไว้วางใจจากร้านค้าชั้นนำระดับประเทศมากมายให้วางสินค้าจำหน่าย    เรามั่นใจในคุณภาพและสินค้าที่ดีของแบรนด์และเรายังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สินค้า พัฒนาในทุกมิติพร้อมปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ”   นายอภินันท์  กล่าวทิ้งท้าย   

ปัจจุบันพบกับสินค้าแบรนด์Sheepได้ที่ Sheep Flagship Store ที่เซ็นทรัลเวิลด์และร้านAppleSheep   9 สาขาด้วยกัน  , เซ็นทรัลลาดพร้าว , แฟชั่นไอส์แลนด์ , เซ็นทรัลรามอินทรา, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ ,เมกา บางนา , ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต 2 แห่ง ,  เซ็นทรัลขอนแก่น ,เซ็นทรัลหาดใหญ่

ติดต่อช่องทางออนไลน์ได้ที่  www.applesheepth.com, Line: @applesheep, Facebook: AppleSheep
เคส ipadpro มีที่เก็บปากกา, Instagram: applesheepth, Tiktok: applesheepth


เปิดประตูสู่โลกแห่งสุขภาพ! เครือเฮอริเทจ ยกขบวนผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม มาตรฐานสากล

กรุงเทพ-เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เตรียมสร้างความฮือฮาอีกครั้งในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก THAIFEX – ANUGA ASIA 2025 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Beyond Food Experience” การนำเสนอประสบการณ์ที่มากกว่าเพียงรสชาติ สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ในเครือที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการผลิตระดับโลก ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ในปีนี้ เครือเฮอริเทจมาพร้อมคอนเซ็ปต์ "เปิดประตูสู่โลกแห่งสุขภาพ" นำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น “เฮอริเทจ” ผลิตภัณฑ์ถั่ว ธัญพืช และผลไม้อบแห้งพรีเมียม สำหรับเป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร, ”บลูไดมอนด์” ผลิตภัณฑ์ถั่วอัลมอนด์จากแคลิฟอร์เนีย และเครื่องดื่มน้ำนมอัลมอนด์ "อัลมอนด์ บรีซ", “ซันคิสท์” ผลิตภัณฑ์ถั่วพิสทาชิโอ ถั่วพรีเมียมคุณภาพหลากหลายชนิด และเครื่องดื่มน้ำนมพิสทาชิโอ, “นัท วอล์คเกอร์” ขนมขบเคี้ยวประเภทถั่วและเมล็ดพืช, “เนเจอร์ เซ็นเซชั่น” ผลิตภัณฑ์ธัญพืชและผลไม้อบแห้ง, “วันเดอร์พัฟฟ์” ข้าวโพดอบกรอบผสมถั่วพรีเมียม, “ฟรังซัว” คุ้กกี้สไตล์โฮมเมด, “เลอรูท” อาหารคลีนพร้อมทาน, “ลาชายา” ผลิตภัณฑ์ชาดอกไม้และผลไม้ออร์แกนิค  


ภายในงานมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์หลายรายการ อาทิเช่น เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโอ๊ต แบรนด์ ลัฟ นมทางเลือกยอดนิยม เปิดตัวมา 2 รสชาติ ได้แก่ สูตรไม่เติมน้ำตาล และ รสช็อกโกแลต ลัฟ นมโอ๊ต มีวิตามินอี ใยอาหาร และแคลเซียมสูง ปราศจากแลคโตสและกลูเตน ไม่มีส่วนผสมของถั่วเหลือง หอม อร่อย ดื่มง่ายได้ทุกเพศทุกวัย โดยมี “คุณศิริลักษณ์ คอง หรือ หลิง หลิง คอง” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ สื่อภาพลักษณ์ของการเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีสุขภาพดี ดูแลตัวเอง และใส่ใจในสุขภาพอยู่เสมอ ให้เป็นตัวแทนสื่อสาร โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก

"เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA อีกครั้ง งานนี้เป็นเวทีสำคัญให้เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพของเราสู่สายตาผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังเป็นโอกาสอันดีในการสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่หลากหลายและมีคุณภาพของเราจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพได้อย่างแน่นอน โดยในปีนี้ มีการนำเอาเครื่องดื่มน้ำนมข้าวโอ๊ต แบรนด์ ลัฟ มาเป็นส่วนประกอบหลัก ในการทำเครื่องดื่มสลัชชี่ หอมมันกลมกล่อมอย่างลงตัว มีทั้งหมด 3 เมนู ได้แก่ Choco Pistachio Crunchy / Oat Milk Perfect Match / Triple Choco Banana เพื่อแสดงให้ผู้ประกอบการเห็นถึงความสามารถในการนำผลิตภัณฑ์ของเราไปต่อยอดได้ เพิ่มมูลค่าสินค้า อีกทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีความแปลกใหม่ อร่อย และได้สุขภาพ " คุณวศธร พลไพศาล ผู้บริหารเครือเฮอริเทจ กล่าว

“แบรนด์ “นัท วอล์คเกอร์” ปีนี้ มาพร้อมความอร่อยซีรีส์ใหม่ กับครั้งแรกในไทยที่นำอัลมอนด์คุณภาพพรีเมียมมาเคลือบกรุบกรอบ   เพิ่มประสบการณ์ความแซ่บเผ็ดซี้ดถึงใจ 2 รสชาติ 2 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Nut Walker Fiery Hot Crunchy Almonds ที่ได้แรงบันดาลใจจากรสชาติยอดนิยมฝั่งตะวันตก เน้นความอร่อยแบบดุดัน เข้มข้น เผ็ดร้อน เคี้ยวมันส์ และ Nut Walker Sizzling BBQ Crunchy Almonds นำเสนอเอกลักษณ์รสบาร์บีคิวสไตล์เอเชียนแท้ ๆ  ผสานความกลมกล่อมจากเครื่องเทศนานาชนิด หอมกรุ่นกลิ่นรมควัน จัดจ้านถึงใจ อร่อยเต็มคำ ทานเล่นแบบเพลิน ๆ จนหมดซอง และยังได้ประโยชน์หลากชนิดจากอัลมอนด์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน”

“นอกจากนี้ เครื่องดื่มน้ำนมอัลมอนด์ แบรนด์ บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ ยังได้รับเกียรติจากผู้บริโภค ที่ร่วมโหวตให้แบรนด์คว้ารางวัล Thailand’s Most Admired Brand ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร BrandAge โดยทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวไทย เกี่ยวกับแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบและประทับใจมากที่สุดอีกปีหนึ่ง โดย อัลมอนด์ บรีซ ได้รับรางวัลนี้ถึง 3 ปีซ้อน ได้แก่ ปี  2023 จากกลุ่มนมจากธัญพืช ในปี 2024 และ ปี 2025 จากกลุ่มนมอัลมอนด์ ถือได้ว่าเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเรา ในการนำเสนอนมอัลมอนด์ที่มีคุณภาพ ผลิตจากอัลมอนด์นำเข้าจากแคลิฟอร์เนีย รสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เรา พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคชาวไทย”

คุณวศธร เสริม “และอีกหนึ่งรางวัลที่เครือเฮอริเทจภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก คือ รางวัล Prime Minister’s Export Award สาขา Best Halal 2024 นับเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในด้านระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับสากล ไม่ใช่แค่เพื่อผู้บริโภคชาวไทย แต่คำนึงถึงความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั่วโลก” คุณวศธร กล่าวปิดท้าย

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเครือเฮอริเทจได้รับการคัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติคุณภาพสูง ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับสากล ได้รับการจดทะเบียนรับรองทั้ง HACCP, GHPs, BRCGS, และ ISO 22000 พร้อมด้วยมาตรฐานอาหารฮาลาลและโคเชอร์ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและมีคุณค่าทางโภชนาการแก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ ภายในบูทของเครือเฮอริเทจ ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับกิจกรรมที่น่าสนใจ การชิมผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะงานนี้เท่านั้น


ติดตามกิจกรรมและข่าวสารของเครือเฮอริเทจได้ที่ www.facebook.com/Heritagegroupthwww.instagram.com/heritagegroupth 
และ www.heritagethailand.com

โรงเรียนสอนทำซูชิแบบเข้มข้นจากญี่ปุ่น ปั้นเชฟซูชิคนไทยสู่เวทีโลก

วิทยาลัยอินโชคุจิน (Insyokujin College) สถาบันจากประเทศญี่ปุ่น เปิดโรงเรียนสอนทำซูชิ แห่งแรกในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการเป็นเชฟซูชิ รองรับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลักสูตรเน้นการอบรมด้านซูชิ ปลา อาหารทะเล และการออกแบบเมนูในรูปแบบญี่ปุ่น โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเปลี่ยนสายงานเข้าสู่อาชีพเชฟ ผู้ที่สนใจในสายอาชีพอาหาร และเจ้าของกิจการร้านอาหารที่ต้องการเรียนรู้ทักษะการทำซูชิแบบมืออาชีพภายในระยะเวลาอันสั้น

โซอิจิ โยโกยามะ ประธานกรรมการบริหาร วิทยาลัยอินโชคุจิน กล่าวว่า “จากการศึกษาตลาด พบว่าในประเทศไทยตลาดร้านอาหาร โรงแรม และซูเปอร์มาเก็ตมีความต้องบุคลากรวิชาชีพด้านเชฟซูชิในอัตราสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเรียนแบบเข้มข้นในระยะเวลาจำกัดพร้อมใบรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเราพบว่ามีผู้ที่สนใจเรียนรู้ทักษะเชฟซูชิเพื่อนำไปต่อยอดเป็นอาชีพ สร้างโอกาสเข้าสู่งานในระบบร้านอาหารหรือเปิดกิจการของตัวเองเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเชฟมืออาชีพ คนที่อยู่ในแวดวงอาหาร เจ้าของกิจการร้านอาหาร รวมถึงคนที่กำลังอยากเปลี่ยนงานเพื่อรายได้มากขึ้น


วิทยาลัยเล็งเห็นความต้องการดังกล่าว จึงเปิดสาขาจัดให้มีการเรียนการสอนขึ้นในประเทศไทย เพื่อความสะดวกและคล่องตัวของผู้เรียน และได้พัฒนาหลักสูตรเข้มข้นที่มีระยะเวลา 3 เดือน เน้นการฝึกปฏิบัติจริงเป็นหลักกว่า 80% ของเนื้อหา เรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงเทคนิคระดับเชฟมืออาชีพ รวมถึงมีการฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จริงและเรียนรู้การบริหารจัดการร้านอาหาร สอนโดยคณาจารย์ที่เป็นเชฟและมีร้านของตนเองจึงสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้จากมุมมองของเชฟตัวจริงที่หาไม่ได้จากที่อื่น”

หลักสูตรของวิทยาลัยอินโชคุจินมีความแตกต่างจากสถาบันอื่นตรงที่มีการออกแบบเพื่อผู้ไม่มีพื้นฐานมาก่อน โดยเน้นภาคปฏิบัติอย่างเข้มข้น ผู้สอนทุกคนล้วนมีประสบการณ์ตรงในวงการอาหาร และมีระบบการดูแลผู้เรียนทั้งในระหว่างและหลังจบการศึกษา เช่น การสัมภาษณ์ให้คำปรึกษารายบุคคล การฝึกงานในร้านของวิทยาลัยและร้านพันธมิตร รวมถึงการเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายร้านอาหารทั้งในไทยและญี่ปุ่น โดยเนื้อหาหลักสูตรประกอบด้วย

เดือนที่ 1 : จิตวิญญาณการบริการ (โอโมเตะนัทชิ) เปรียบเทียบโครงสร้างและรสชาติปลา ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับปลาและการแล่ปลาเบื้องต้น เรียนรู้ต้นกำเนิด ประวัติศาสตร์และความรู้เกี่ยวกับซูชิ การพัฒนาทักษะการใช้มีด และเรียนรู้วิธีการเตรียมและการปรุงอาหารทะเล

เดือนที่ 2 : การฝึกปฏิบัติซ้ำๆ การไปศึกษาที่ตลาดปลา (เรียนรู้นอกสถานที่) การพิจารณาคุณภาพของปลา  ฝึกปฏิบัติการจัดการปลาจนเสร็จสมบูรณ์ และ เรียนรู้การทำอาหารเซ็ตแบบญี่ปุ่นเซ็ต ซาชิมิ อาหารจานเล็ก และจานพิเศษ

เดือนที่ 3 : ศึกษาการประมูลปลาที่ท่าเรือ (กิจกรรมเสริมหลักสูตร) การเลือกซื้อปลาและฝึกใช้ปลาสดจริง  ฝึกการคิดเมนู คอร์สอาหารจนถึงการทำซูชิ การคำนวณต้นทุน การเลือกวัตถุดิบ ฝึกปฏิบัติเพื่อให้บริการ

กับลูกค้าจริง (แขกรับเชิญ) เรียนรู้การบริหารจัดการร้าน ออกนอกสถานที่ไปฝึกประสบการณ์ในร้านซูชิ

(ทัศนศึกษา) โดยนักเรียนต้องมีอัตราการเข้าเรียนไม่น้อยกว่า 80% จึงจะมีสิทธิ์สอบจบได้

โซอิจิ โยโกยามะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับจนถึงปัจจุบัน เรามีนักเรียนที่จบหลักสูตรนี้มากกว่า 1,300 คน โดยในจำนวนนั้นกว่า 80% ไม่มีพื้นฐานด้านการทำอาหารมาก่อน แต่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และกว่า 90% ของผู้เรียนทั้งหมดสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพ หรือสามารถเปิดกิจการของตนเองได้ภายในไม่กี่เดือนหลังจบหลักสูตร เรามองว่าโอกาสของผู้เรียนไม่ได้จบแค่ในห้องเรียน แต่ยังสามารถขยายต่อไปสู่ธุรกิจร้านอาหารของตัวเอง หรือเข้าร่วมเครือข่ายร้านอาหารทั้งในไทยและญี่ปุ่นที่เรามีอยู่จำนวนมาก”

ทั้งนี้ร้านอาหารที่ดำเนินการโดยตรงภายใต้การบริหารของวิทยาลัยได้รับการแนะนำใน Michelin Guide 5 ปีติดต่อกัน และ ปัจจุบัน วิทยาลัยมี 4 สาขาในประเทศญี่ปุ่น และอยู่ระหว่างการขยายสาขาในไต้หวัน เกาหลี ไทย และมาเลเซีย


วิทยาลัยอินโชคุจิน สาขาประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ ซอยสุขุมวิท 20 โดยบนชั้น 3 ของอาคาร ยังมีร้าน “Ceramic Valley Mino Japan” ในเครือฯ ซึ่งจัดจำหน่ายงานเซรามิกจากแหล่งผลิตมิโนะ จังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเซรามิกคุณภาพสูง คิดเป็นประมาณ 60% ของการผลิตในประเทศญี่ปุ่น

โดยมีทั้งงานคราฟต์และของใช้ในชีวิตประจำวันวางจำหน่ายในพื้นที่ พร้อมช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee และ Lazada อีกทั้งยังมีธุรกิจ “Yamaguchi Tofu” เต้าหู้ที่ผลิตจากถั่วเหลืองในจังหวัดเชียงใหม่และเกลือธรรมชาติจากจังหวัดน่าน ด้วยกรรมวิธีดั้งเดิมของญี่ปุ่น ปราศจากสารเติมแต่ง จัดจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำหลายแห่ง เช่น Fuji Super, Rimping, Siam Takashimaya, Mitsukoshi One Bangkok และร้านOhkajhu

วิทยาลัยอินโชคุจิน สาขาประเทศไทย เปิดสอนหลักสูตรซูชิไมสเตอร์ ภาคกลางวัน ระยะเวลา 3 เดือน เรียนวันจันทร์ถึงเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. ค่าเล่าเรียน 270,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://linktr.ee/Insyokujincollegebkk และ Line ID: @insyokujinbkk

ข่าวประชาสัมพันธ์

สหฟาร์ม เดินหน้ายกระดับสู่ความยั่งยืน ขับเคลื่อนโครงการ GO Green อย่างเป็นรูปธรรม

สหฟาร์ม เดินหน้ายกระดับสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ติดตั้งโซลาร์เซลล์ร่วม WHAUP พร้อมทดสอบระบบ EV หนุนองค์กรก้าวสู่อนาคตพลังงานสะอาด โชว์...

โวยวายดอทคอม