วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

กทม.เปิดพื้นที่ทั่วกรุงจัดยิ่งใหญ่ ลอยกระทงวิถีใหม่ สไตล์ New Normal

ไทยอันดีงาม เผยจุดไฮไลท์ สะพานพระราม 8 คลองโอ่งอ่าง และ
สวนสาธารณะทั่วกรุง ทั้ง 30 แห่ง 
 

กรุงเทพมหานคร เตรียมจัดยิ่งใหญ่ งานเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด  “ลอยกระทงวิถีใหม่ สไตล์ New Normal” เปิดพื้นที่ให้ประชาชนร่วมลอยกระทง เพื่ออนุรักษ์และสืบสานประเพณีไทย สืบทอดวิถีชีวิตของชุมชนที่มีต่อสายน้ำ และตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอันดีงาม เผยจุดไฮไลท์ สะพานพระราม 8 คลองโอ่งอ่าง และสวนสาธารณะทั่วกรุง ทั้ง 30 แห่ง   

นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานแถลงข่าว การจัดงานเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2563  กล่าวว่า ปีนี้กรุงเทพมหานครกำหนดจัดงานลอยกระทงโดยเปิดพื้นที่หลักของกรุงเทพมหานคร    ให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรม เพื่อสืบสานประเพณีไทย และสืบทอดวิถีชีวิตของชุมชนที่มีต่อสายน้ำ โดยให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย  มีการเว้นระยะห่าง พร้อมแจกหน้ากากอนามัยฟรี สำหรับประชาชนที่นำกระทงมาลงทะเบียน จำนวน 500 ท่านแรก พร้อมกันนี้ ห้ามจุดพลุ ดอกไม้เพลิง และมีการรณรงค์ใช้วัสดุธรรมชาติในการจัดทำกระทง 1 กระทง 1  ครอบครัว เพื่อลดปริมาณขยะ สำหรับกิจกรรมแต่ละจุดมีไฮไลท์ที่น่าสนใจแตกต่างกัน เช่น บริเวณสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี เขตบางพลัด จัดในวันเสาร์ที่ 31  ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 17.00 – 22.00 น.  มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น การแสดงเพลงฉ่อย การแสดงรำโทน การแสดงวงโปงลางอินเตอร์ การแสดงวงสุวรรณหงษ์ และ การแสดงจากศิลปินลูกทุ่งชื่อดัง อาทิ ลำไย ไหทองคำ  นอกจากนี้ยังมีการจัดโซน ตลาดโบราณย้อนยุค สัมผัสกับของเล่นโบราณ ของกินที่หาทานได้ยาก และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร (Bangkok Brand) ของดี 50 เขต  ทั้งสินค้าหัตถกรรม และอาหารดังจากทุกเขตของกรุงเทพมหานคร


อีกหนึ่งจุดสำคัญ คือ บริเวณคลองโอ่งอ่าง ช่วงสะพานหัน ที่สำนักงานเขตพระนคร ร่วมกับสำนักงานเขต สัมพันธวงศ์ จัดงานเทศกาลลอยกระทง ในระหว่างวันที่ 29-31 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา17.00 น. เป็นต้นไป  ณ ริมคลองโอ่งอ่าง เขตสัมพันธวงศ์ และเขตพระนคร ช่วงสะพานหัน ถึง สะพานภาณุพันธุ์ ภายในงานมีกิจกรรมการประกวดหนูน้อยนพมาศ การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงดนตรีไทยและดนตรีร่วมสมัย และการสาธิตประดิษฐ์กระทง และ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง Street Art และ Street Performance อีกมากมาย 

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร มีการเปิดสวนสาธารณะ 30 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ให้ประชาชนลอยกระทง โดยสำนักงานเขต ได้บูรณาการทำงานร่วมกับภาคประชาชนและเอกชน  ในการจัดงานเทศกาลลอยกระทงในพื้นที่ 50 เขต นอกจากนี้ยังได้เปิดสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร จำนวน 30 แห่ง เพื่อให้ประชาชน
ได้เข้าไปลอยกระทง จนถึงเวลา 24.00 น. และยังมีหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงภาคเอกชนจัดงานเทศกาลลอยกระทง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่  งาน River Festival 2020  เทศกาลสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย  “รื่นเริง แสงศิลป์”  


ปีนี้จัดกิจกรรมในวันที่ 29-31 ตุลาคม 2563 ณ 10 ท่าน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ วัดโพธิ์ วัดอรุณฯ วัดระฆังฯ วัดกัลยาฯ วัดประยูรฯ ท่ามหาราช ยอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค ล้ง1919 สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม 
และเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์  ใกล้ที่ไหน ไปร่วมกิจกรรมได้ที่นั่นเลย


กระทรวงพาณิชย์ โดย GIT เปิดตัว เครื่องประดับเพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการ เครื่องประดับที่มากกว่าความสวยงาม

กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เผยโฉมเครื่องประดับ ตอบโจทย์ทั้งทางด้านความสวยงามและทางด้านสุขภาพ พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย 

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มอบนโยบายในปีงบประมาณ 2564 ให้สถาบัน เร่งผลักดันอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ในทุกมิติ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รวมทั้งกระตุ้นความต้องการในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ในฐานะการเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก 

ซึ่งโครงการเครื่องประดับเพื่อสุขภาพ ถือได้ว่าเป็น หนึ่งในโครงการที่ได้มอบหมายให้กับสถาบันบูรณาการร่วมกับสถาบันการศึกษา อย่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพื่อนำงานวิจัยและเทคโนโลยีด้านสุขภาพ มาสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมเครื่องประดับ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน  ทั้งยังเป็นการต่อยอดงานวิจัยให้สามารถนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับอีกด้วย 

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย รองผู้อำนวยการสถาบัน รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวว่า ในปี 2563 นานาประเทศทั่วโลก นี้ต้องประสบกับปัญหาวิกฤตไวรัสโควิด 19 และประเทศไทยเองยังเผชิญกับปัญหามลภาวะ PM 2.5 ที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพระยะยาว ซึ่งสภาวะเหล่านี้ ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายสินค้าเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทางสถาบันจึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาเครื่องประดับสุขภาพ เพื่อพัฒนาสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับให้มีประโยชน์ใช้สอย มากกว่าเพื่อความสวยงาม เช่น เครื่องประดับเพื่อสุขภาพ เครื่องประดับเพื่อความทรงจำ เป็นต้น 





สถาบัน ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพื่อนำงานนวัตกรรมที่น่าสนใจมาร่วมพัฒนา และออกแบบร่วมกับ นักออกแบบเครื่องประดับและผู้ประกอบการ เป็นเครื่องประดับต้นแบบ โดยครั้งนี้ได้นำเทคโนโลยีที่ใช้ในเครื่องกำจัดฝุ่น PM 2.5 เพื่อนำมาใช้เป็นองค์ประกอบของเครื่องประดับ โดยมีหลักการทำงานคล้ายเครื่องฟอก-อากาศ เพื่อดักจับอนุภาคของฝุ่น PM 2.5 ทำให้อนุภาคฝุ่นเป็นกลางหล่นลงสู่พื้น คงเหลือแต่อากาศที่สะอาดปราศจากฝุ่นควันกลับสู่ธรรมชาติ มีความปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้งานได้จริง ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยผลักดันจุดแข็งด้านงานวิจัยมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การออกแบบ สร้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์ เป็นการสร้างคุณค่า และมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับให้มีคุณสมบัติที่เป็นมากกว่าเครื่องประดับทั่วไป อีกทั้งยังได้มีการออกแบบเครื่องประดับเพื่อสุขภาพเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ และ ช่วยในการเคลื่อนไหว อาทิ แหวนกันนิ้วล็อค และ เครื่องพยุงกล้ามเนื้อเพื่อช่วยในการเดิน เป็นต้น 





รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยเทคโนธานี  มหาวิทยาลัยมีความยินดีที่ให้การสนับสนุนในด้านการประสานงานการปรับแปลงวงจรของเครื่องฟอกอากาศ โดยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปสู่การผลิต ซึ่งเป็นภารกิจหนึ่งของมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ภาคเอกชน รวมทั้งผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนางานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมของตนเองอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนการนำผลงานวิจัยมาถ่ายทอดให้คำปรึกษาเชิงลึก พร้อมผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยไปสู่การใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของสังคมและประเทศ ซึ่งการได้ร่วมมือกับ GIT ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ต่อยอดงานวิจัยให้เกิดผลผลิตที่แท้จริง”

นอกจากนี้ นายสุรศักดิ์ มณีเสถียรรัตนา หนึ่งในนักออกแบบ และ นักวิจัยอิสระ ที่ได้ร่วมออกแบบผลิตภัณฑ์ต้นแบบในโครงการ Beyond Jewelry ได้เสริมถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบว่า “แรงบันดาลใจในการออกแบบครั้งนี้ ถอดแบบจากการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ ที่ใช้หลักการของประจุบวก และ ประจุลบ (ION) ของน้ำ ซึ่งอยู่รอบตัวเรา มาเป็นแรงบันดาลในการออกแบบ สร้องคอ ต่างหู และสร้อยข้อมือ โดยใช้เทคนิคการออกแบบให้มีความน่าสนใจ โดย คอลเลคชั่น Water Harmony I ใช้เทคนิคความสมมาตรทั้งซ้าย และ ขวา ซึ่งส่งให้เครื่องกรองอากาศมีความโดดเด่น และเปล่งประกายดังอัญมณี ส่วน Water Harmony II ใช้แนวคิดของการออกแบบที่ไม่มีความสมมาตร มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และใช้เทคนิคที่ชื่อ Slice & Lock เพื่อให้ผู้ใส่สนุกกับการสวมใส่เครื่องประดับมากขึ้น 



นอกจากนี้ GIT ยังมีผลงานที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมเผยโฉมและจะทำให้คุณมองเครื่องประดับเปลี่ยนไป 


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  02 634 4999 ต่อ 635 - 642


ช้อปดีมีคืน ประหยัดสุดคุ้มถึง 3 ต่อ


บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล 
ขานรับนโยบายรัฐบาล ร่วมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ“ช้อปดีมีคืน”ชวนลูกค้าช้อปสินค้าภายในร้าน ท็อปส์ ,เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท,
มัทสึโมโตะ คิโยชิ ทุกสาขา และท็อปส์ ออนไลน์ 
รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 
30,000 บาทตามมาตรการของรัฐตั้งแต่วันที่ 23 .. – 31 .. 63

 ช้อปดีมีคืน ประหยัดสุดคุ้มถึง 3 ต่อ

·          คุ้มที่ 1 ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 30,000 บาท เพียงแสดงใบเสร็จพร้อมบัตรประชาชนที่จุดบริการลูกค้า เพื่อออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบภายในวันที่ซื้อสินค้า

·          คุ้มที่ 2 ประหยัดเพิ่ม กับสินค้า “ล็อคราคา” Red hot ลดสุดขีด สินค้าซื้อ 1 แถม 1 และอื่นๆอีกมากมาย

·          คุ้มที่ 3 ลดแรงแซงทุกโปร ฟรี!!! สติ๊กเกอร์ลดแล้วลดอีก สูงสุด 25ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.  – 5 พ.ย. 63

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th,เฟซบุ๊กTopsThailand,หรือ
แอปพลิเคชันไลน์
: @TopsThailand@Topsonlineหรือ เฟซบุ๊ก FamilyMart Thailand
หรือเฟซบุ๊ก Matsumoto Kiyoshi Thailand         

เอสซีจีเซรามิกส์แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563

ไรยังเติบโตดี เร่งผลักดันสินค้าปูพื้นและบริการใหม่เสริมรายได้ มั่นใจขยายสาขา คลังเซรามิค ตามเป้าหมายไม่หวั่นตลาดซบเซา

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด มหาชน (COTTO)ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTOโสสุโก้ (SOSUCOและ คัมพานา (CAMPANAเปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 3  ปี2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,640 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ จึงทำให้ปริมาณขายลดลง และราคาขายเฉลี่ยลดลงเล็กน้อย 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมีกำไร 171 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 96เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่อง จากการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนพลังงานลดลงจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 

นายนำพลกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ความต้องการของตลาดยังคงอ่อนตัวจากมาตรการปิดเมืองซึ่งกระทบต่อความต้องการของตลาดเซรามิกด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม หากพิจารณายอดขายของบริษัท ในไตรมาสนี้ลดลงเพียง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ถือว่าเรายังมีความสามารถในการทำกำไรได้ในระดับที่น่าพอใจ ในสถานการณ์ที่ปัจจัยภายนอกรวมถึงสถานการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวย  เราจึงหันมาให้ความสำคัญกับการควบคุมปัจจัยภายในอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะเรื่องการลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 

            นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม CLM จากการการแพร่ระบาดของโควิด-19ในเมียนมาซึ่งที่ผ่านมาได้มีการออกมาตรการจำกัดจำนวนรถขนส่งสินค้าเข้าประเทศรวมถึงมาตรการควบคุมพรมแดนอย่างเข้มงวดในจุดอื่น ๆ ส่งผลต่อการขนส่งสินค้าข้ามแดนและล่าสุดมาตรการล็อคดาวน์ของเมียนมามีผลกระทบโดยตรงต่อการขายสินค้าด้วย  อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดและได้ปรับกลยุทธ์การส่งออกในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว  

            ในส่วนของกลยุทธ์การดำเนินงานที่สำคัญในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นร้านผู้แทนจำหน่าย ร้านโมเดิร์นเทรด และคลังเซรามิค โดยไตรมาสนี้ บริษัทฯ ยังคงทยอยเปิดคลังเซรามิคสาขาใหม่เพิ่มตามแผนงาน ขณะนี้สามารถเปิดได้ 35สาขาแล้วคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้ครบตามเป้าหมาย 42สาขาในปีนี้ ได้อย่างแน่นอน 

            "แม้ว่าตลาดเซรามิกในไตรมาสนี้จะยังไม่คึกคักและมีแนวโน้มที่จะหดตัวลงตามสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์และสิ่งก่อสร้าง แต่เรายังคงเดินหน้าเพิ่มจำนวนสาขาของคลังเซรามิคให้ได้ตามแผนงานโดยพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายของแต่ละสาขาให้ต่ำที่สุด ตามกลยุทธ์หลักของเราที่จะสร้างช่องทางการขายที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ร้านผู้แทนจำหน่าย ร้านค้าปลีก ร้านค้าช่วง โมเดิร์นเทรดและCOTTOLifeออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะเข้าถึงและซื้อสินค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้นแล้วยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและสร้างรายได้ให้บริษัท รวมทั้งเป็นช่องทางติดต่อและแนะนำสินค้าและบริการใหม่ด้วย นายนำพล 

            เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดในประเทศ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงตามกำลังซื้อจึงทำให้ตลาดเซรามิกซบเซาลงด้วย บริษัทฯจึงเร่งแผนงานขยายการให้บริการโซลูชั่นและสินค้าใหม่นอกเหนือจากการขายสินค้ากระเบื้องเซรามิก ได้แก่ แผ่นปูพื้นLT แบบSmart Flexibleby COTTOซึ่งเป็นวัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงามติดตั้งง่ายรวดเร็วและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึง ธุรกิจให้บริการติดตั้งภายใต้ชื่อ CTIS (Certified Tile Installation Service)โดยทั้งสองธุรกิจเริ่มมีการเติบโตและสร้างรายได้ให้กับบริษัท 

            ผู้บริโภคยังมีความต้องการวัสดุกรุผิวประเภทอื่น ๆ นอกเหนือจากกระเบื้องเซรามิก ทั้งในด้านของสินค้าและบริการติดตั้ง ประกอบกับตลาดต่อเติมและปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิมยังพอไปได้ เพราะผู้บริโภคหันมาปรับปรุงบ้านแทนการสร้างหรือซื้อบ้านใหม่กันมากขึ้น ถือว่าเป็นโอกาสของบริษัทฯที่จะเร่งพัฒนาและคัดสรรสินค้าใหม่และนำเสนอบริการติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างจริงจัง เพราะขณะนี้เรามีความพร้อมทั้งในเรื่องสินค้า และมีทีมงานที่มีประสบการณ์ในเรื่องการติดตั้งวัสดุกรุผิวประเภทต่างๆ อยู่แล้ว 

            นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เริ่มรุกขยายธุรกิจด้านพลังงานอย่างจริงจัง ภายใต้ แบรนด์ “SUSUNN” เพื่อดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดจำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดหลากหลายประเภทโดยเฉพาะระบบโซล่าเซลล์ รวมถึงธุรกิจให้บริการออกแบบและวางแผนระบบออโตเมชันและการบริหารจัดการในโรงงานตามแนวทางของอุตสาหกรรม 4.0 ตลอดจนวางระบบการจัดการนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 

            บริษัทฯ มีทีมEngineering Solution Businessซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและพลังงานทดแทนที่มีประสบการณ์ คว้ารางวัลด้านการอนุรักษ์พลังงานทั้งในและต่างประเทศจากหลายสถาบันติดต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนานต่อเนื่องเราจึงเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ได้ เนื่องจากเรามีความพร้อมทั้งในด้านทีมงานและธุรกิจพลังงานทดแทนก็เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง  ขณะนี้เรามีกลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่ที่มีความต้องการใช้พลังงานจำนวนมากคาดว่าในอนาคตจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ และเป็นธุรกิจที่จะเติบโตต่อไป นายนำพล กล่าวสรุป

วิริยะประกันภัย ร่วมสนับสนุน “คปภ.เพื่อชุมชน” ปี 63 ชุมชนนาอ้อ จ.เลย

 

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธกิจกรรมของ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายณัฐพงศ์ บุญเย็น ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) พร้อมทีมงาน ร่วมให้การต้อนรับ ในโอกาสที่บริษัทฯ ร่วมสนับสนุนโครงการ “คปภ.เพื่อชุมชน” ประจำปี 2563 (ลงพื้นที่ครั้งที่ 3) ชุมชนนาอ้อ โดยงานจัดขึ้น ณ หอประชุมเทศบาลตำบลนาอ้อ อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย

                สำหรับโครงการ “คปภ.เพื่อชุมชน” ครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดย สำนักงาน คปภ. ร่วมกับ ภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ร่วมบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยเชิงรุกไปสู่ประชาชนทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม พร้อมลงพื้นที่ชุมชนถอดบทเรียนเรื่องราวเกี่ยวกับการประกันภัยที่น่าสนใจ ตลอดจนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รับทราบปัญหาและความต้องการของชุมชน เพื่อนำระบบประกันภัยมาใช้ในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ชุมชนที่ได้รับคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวน 5 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้ารวังกะ จ.กาญจนบุรี, ชุมชนบ้านแหลมมะขาม จ.ตราด, ชุมชนนาอ้อ จ.เลย, ชุมชนบ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช และชุมชนปางห้า จ.เชียงราย

“สุขสยาม” สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า จัดมหกรรมศิลปวัฒนธรรมแห่งสายน้ำ

“รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม” อลังการประติมากรรมกระทงหลากสไตล์แห่งเดียวในไทย  
มหัศจรรย์ลอยกระทงวิถีไทย ระหว่างวันที่ 26 ต.ค.-1 พ.ย. ศกนี้
ณ เมืองสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยาม
 


Ø เชิดชูความงดงามของประติมากรรมกระทงหลากสไตล์ อาทิ กระทงสาย กระทงลอยฟ้า กระทง 4 ภาค และกระทงเซียมซี ผลงานศิลปะไทยอันวิจิตรผสานกับนวัตกรรมใหม่ที่สร้างมูลค่าเพิ่มเชิงสร้างสรรค์

Ø ตื่นตาการแสดงสุดมหัศจรรย์ลอยกระทงวิถีไทย พร้อมเต็มอิ่มไปกับบทเพลงอันไพเราะจากเยาวชนรุ่นใหม่และลูกทุ่งไอดอลดีกรีแชมป์

Ø ร่วมลุ้นและเชียร์สาวงามของเทศกาลลอยกระทง กับเวทีประกวดนางนพมาศ 2 วัย และชวนแต่งผ้าไทยฉลองเทศกาลสืบสานประเพณีอย่างยั่งยืน

“สุขสยาม” เมืองสารพัดสุข สนุกแบบไทย ผนึกกำลัง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน) ร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามและมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า พร้อมอนุรักษ์เทศกาล “ลอยกระทง” ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สายน้ำแห่งความรุ่งเรืองของรัตนโกสินทร์ จัดมหกรรมศิลปวัฒนธรรมแห่งสายน้ำสุดยิ่งใหญ่ในงาน “รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม”ระหว่าง 26 ต.ค.- 1 พ.ย. ศกนี้ เมืองสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยาม  

            คุณสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ โครงการสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม  กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า “เพื่อเป็นการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของคนไทย และเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา ตลอดจนเพื่อเป็นการส่งเสริม และกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และประเพณีไทยของนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติในประเทศ เมืองสุขสยาม จึงจัดงานฉลองเทศกาลลอยกระทงอย่างยิ่งใหญ่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในปีนี้เราได้นำเสนอความเป็นไทยแบบร่วมสมัย โดยสอดประสานนวัตกรรมรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงสร้างสรรค์ โดยภายในงาน

ทุกท่านจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศและความงดงามของศิลปวัฒนธรรมไทย ในขณะเดียวกันก็จะรู้สึกถึงความร่วมสมัย พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงและกิจกรรมต่างๆ ตลอดการจัดงาน”  

 ·       ประติมากรรมกระทงหลากสไตล์ นวัตกรรมความงามอันวิจิตร

            ไฮไลท์ของมหกรรมศิลปวัฒนธรรมในครั้งนี้ ผู้ร่วมงานจะได้ตื่นตาไปกับ “กระทงสายประกายแสง”  ส่องสว่างรับคืนวันเพ็ญด้วยกระทงกาบกล้วยจากชุมชนแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ที่นำมาตกแต่งบริเวณท่าน้ำภาคกลางของสุขสยาม ร้อยเรียงเป็นสายสวยงาม และร่วมประดิษฐ์กระทงด้วยกาบกล้วยสำหรับผู้ลงทะเบียน 300 สิทธิต่อวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น.  เฉพาะวันที่ 30-31 ตุลาคม 2563

             เต็มอิ่มไปกับการแสดง “กระทงลอยฟ้า” ความงดงามของ “กระทง 4 ภาค” ที่รังสรรค์ โดย นักประติมากรรุ่นใหม่ เอกลักษณ์ สระแก้ว นำเทคนิคการตัดติดประกอบ Era foam จากแผ่นยาง เพื่อความงดงามอย่างร่วมสมัย ได้แรงบันดาลใจสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมที่โดดเด่นของหน้าจั่ว ช่อฟ้า ใบระกา ภายใน "วัดไทย" ประดับด้วยดอกไม้ประจำสื่อถึงอัตลักษณ์แต่ละภาค อาทิ ภาคกลาง-ดอกบัวหลวง ภาคใต้-ดอกพะยอม ภาคเหนือ-ดอกทองกวาว และ ภาคอีสาน-ดอกราชพฤกษ์ นอกจากนี้ ยังจัดให้มี “กระทงเซียมซี…สมหวังดวงดีดั่งตั้งใจ” กระทงเสี่ยงทายแบบรับผลทันที ที่นำมาประยุกต์ให้ทันสมัยด้วย ณ บริเวณสายน้ำภาคใต้ 

·       ประกวดนางนพมาศ 2 วัย สีสันความสุขคู่ประเพณีลอยกระทง

เวทีประกวดนางนพมาศ อีกหนึ่งความสุขประจำเทศกาลลอยกระทง ปีนี้เมืองสุขสยามเนรมิตเวทีการประกวด  “นางนพมาศ 2 วัย” เชื่อมสายสัมพันธ์  ผู้สมัครจะมาเป็นคู่แม่ลูก หรือคู่ยาย-ย่าของหลานๆ ในคืนวันลอยกระทง 31 ต.ค. 2563 รางวัลชนะเลิศและรางวัลรองชนะเลิศจะได้รับโล่รางวัล พร้อมสายสะพายและเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 20,000 บาท 



พร้อมกันนี้ยังมอบความสนุกสุขสร้างสรรค์ จากการแสดงมหัศจรรย์กับลอยกระทงวิถีไทย โดยแบ่งเป็น 3 องค์ ซึ่งจัดแสดงทุกวันตลอดระยะการแสดง โดยจัดให้มีรอบการแสดงวันละ 3 รอบ  ได้แก่ วันที่ 30 ต.ค. รอบเวลา 17.30 น. และ 18.30 น. วันที่ 31 ต.ค. รอบเวลา 12.00 น., 15.30 น., 17.00 น. และ 18.30 น.  และวันที่ 1 พ.ย. รอบเวลา 12.00 น., 16.00 น. และ 18.00 น.  เริ่มจาก “แสงนวลผ่องคืนพระจันทร์ 15 ค่ำเดือน 12” เรื่องราวของดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนไป และดวงจันทร์วันเพ็ญเคลื่อนเข้ามาให้ความสุขสว่างแทน ท่ามกลางดวงดาวระยิบระยับ ของคืน 15 ค่ำเดือน 12 ส่วนองค์ที่ 2 “ส่องสะท้อนเด่นประกายสายน้ำ”  เรื่องราวของสายน้ำ อันเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดของคืนวันลอยกระทง เพื่อรำลึกถึงคุณค่าของสายน้ำผู้ให้ชีวิตสุขจนถึงปัจจุบัน องค์ที่ 3 “สุขสยามนำ…อเมซิ่งสุข สู่นภาลัย” เป็นการแสดงที่รวบรวมความสนุกด้วยเสียงดนตรีที่เปลี่ยนเข้าสู่จังหวะของการเฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทงจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ผสมกลิ่นอายของดนตรีในแต่ละภาค โดยมีแสงสีเสียง กระทงลอยฟ้า โดยโดรนประดับไฟที่นำกระทงลอยขึ้นสู่ฟ้า การแสดงนี้ถ่ายทอดลีลาผ่านนักแสดงยิมนาสติกลีลาในอุปกรณ์ที่แตกต่างกันตามคอนเซ็ปท์ของแต่องก์ได้อย่างลงตัว  

            นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีไทยและศิลปะแบบไทยคับคั่งที่หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนตลอดทั้งงาน อาทิ ระนาดเอกมือฉมังเยาวชน จากโรงเรียนเก่งดนตรีอโยธยา ศิษย์ “ขุนอินโหมโรง”ประชัน วง “โปงลางศิลป์สาธร ราชมงคลกรุงเทพ” ซาบซึ้งกับบทเพลงจากนักรองลูกทุ่งเจ้าของรางวัลอันทรงเกียรติจากรายการลูกทุ่งไอดอล เขตต์- ศิรสิทธิ์ พันยา และ แอมมี่ ศิริลักษณ์  ฯลฯ และช้อปกันให้เพลินกับตลาดใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ ที่รวบรวมนานาสินค้าไทยที่รังสรรค์ขึ้นอย่างวิจิตรที่ได้รับการยกระดับให้เป็นเสน่ห์ภูมิปัญญาและหัตถกรรมอันทรงคุณค่า อาทิ ผ้าไหม, ผ้าลายอย่าง,ผ้าทอไตลื้อ,ผ้าไหมแพรวา และเครื่องประดับไทยแท้ เครื่องเงินเชียงใหม่, ทองสุโขทัย เป็นต้น    

            นอกจากนี้เมืองสุขสยามร่วมกับกิจกรรม Bangkok River Festival 2020 “รื่นเริง แสงศิลป์” เทศกาลสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 6  จัดโดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน) โดยเปิดให้ประชาชนได้ล่องเรือฟรี  (Free Shuttle Boat) 10 ท่าน้ำสำคัญ ณ จุดลงทะเบียน เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ระหว่างวันที่ 29 - 31 ต.ค. 2563 เวลา 17.00 - 22.00 น. และจัดท่าน้ำเมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ให้เป็นหนึ่งใน 10 ท่าเรือยอดนิยมของนักท่องเที่ยว  และเป็นจุดประทับตรา เพื่อลุ้นรับของรางวัลจากกิจกรรม เมื่อประทับครบ 3 ท่าน้ำ อาทิ "น้ำมนต์มงคล 5 วัด ในถุงผ้าขาวม้าชุมชน" หรือของที่ระลึกอื่นๆ

 ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทงอันทรงคุณค่า และขอขมาพระแม่คงคาเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต พร้อมสนุกสนานไปกับงาน “รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม” อย่างเต็มอิ่ม โดยขอเชิญชวนทุกท่านร่วมแต่งกายผ้าไทยในเทศกาลลอยกระทง ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายนนี้

ณ เมืองสุขสยาม บริเวณชั้น G ไอคอนสยาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 02-658-1000 หรือ www.sooksiam.com 
FB: sooksiam

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563

“สุขสยาม” เปิดรับสมัครประกวดนางนพมาศ 2 วัย ประชันความสามารถตามวิถีไทย

เทศกาลลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ “รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม” 
ณ ไอคอนสยาม สมัครด่วน!! ตั้งแต่วันนี้ถึง 26 ตุลาคมศกนี้ 

“เมืองสุขสยาม”  ชั้น G  ไอคอนสยาม เมืองสารพัดสุข สนุกแบบไทย ร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามและอนุรักษ์วัฒนธรรมแห่งสายน้ำเจ้าพระยาในเทศกาล “ลอยกระทง” ชูมหกรรมศิลปวัฒนธรรมสุดยิ่งใหญ่ใน
งาน “รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม” ระหว่างวันที่  30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2563 ณ เมืองสุขสยาม 
ชั้น G ไอคอนสยาม  พร้อมไฮไลท์ “การประกวดนางนพมาศ 2 วัย” ซึ่งคู่ที่คว้ารางวัลชนะเลิศจะได้รับโล่รางวัล พร้อมสายสะพายและเงินรางวัล มูลค่า 10,000 บาท  ส่วนรองชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับสายสะพาย พร้อมเงินรางวัล มูลค่า 7,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับ 2  ได้รับสายสะพาย และเงินรางวัล มูลค่า 5,000 บาท 




สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าประกวดต้องเป็นเพศหญิงคู่แม่ลูก หรือ คู่ยาย-ย่า+หลาน (เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี / ผู้ใหญ่อายุ 35 ปีขึ้นไป) โดยส่งหลักฐานการสมัคร ด้วยการกรอกประวัติส่วนตัว พร้อมภาพถ่ายคู่ เป็นภาพสีจำนวน 1 ภาพ และคลิปวีดิโอแนะนำตัว(คู่) ความยาวไม่เกิน 1 นาที ภายในวันที่ 26 ตุลาคม 2563 โดยจะประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบในวันที่ 27 ตุลาคม 2563 เพื่อขึ้นเวทีประกวดรอบชิงชนะเลิศในวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563 ณ ลานเมือง 1 เมืองสุขสยาม ชั้น G  ไอคอนสยาม

เกณฑ์การตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะพิจารณาจากการแต่งกาย ความสวยงาม บุคลิกภาพ กิริยามารยาท และความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนรอบชิงชนะเลิศผู้ผ่านเข้ารอบจะต้องเตรียมการแสดงความสามารถพิเศษเพื่อสืบสานประเพณี อนุรักษ์วัฒนธรรมไทยบนเวที โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจาก ทักษะความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ ความพร้อมเพรียงของคู่ประกวด และปฏิภาณไหวพริบในการตอบคำถาม


ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมประกวดนางนพมาศ 2 วัย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานประเพณีลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ในงาน “รื่นเริง แสงศิลป์ อเมซิ่ง สุขสยาม” ณ เมืองสุขสยาม ชั้น G ไอคอนสยาม กรอกข้อมูลสมัครได้ที่ https://bit.ly/2HlB4CI หรือ QR Code ที่ปรากฏบนแพลทฟอร์ม Facebook Fanpage :: sooksiam หรือ สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ คุณณัฏฐ์ธิดา โกสุมขจรเกียรติ์ 062-790-5467 (เวลาราชการ) ตั้งแต่วันนี้ถึง 26 ตุลาคม 2563

เทรนด์มาแรง “เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ” อุดมด้วยโปรตีนจากพืช

 รับกระแส “วีแกน” ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ลดเสี่ยงโรคห่างไกลมะเร็ง

กระแส “No Animal Products” ของพวกวีแกน ซึ่งไม่บริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อเนยนมไข่ชีสน้ำผึ้ง และเจลาติน กำลังเป็นเทรนด์ฮอตมาแรงไปทั่วทุกมุมโลก ถึงขนาดมีการยกให้ปี 2019 เป็น ปีทองของ “เทรนด์วีแกน”ปลุกกระแสวงการอาหารเพื่อสุขภาพให้คึกคักขึ้นอย่างผิดหูผิดตา โดยผู้ผลิตอาหารและผู้นำวงการสุขภาพความงามรายใหญ่ๆ รวมถึง “กิฟฟารีน”ต่างหันมาบุกเบิกตลาดวีแกนกันอย่างจริงจัง มุ่งคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ปลอดเนื้อสัตว์ แต่ยังอุดมด้วยโปรตีนจากพืช เพื่อตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้นเรื่อยๆของชาววีแกน 

จากข้อมูลของ “เวิลด์ แคนเซอร์ รีเสิร์ช ฟันด์” (World Cancer Research Fund) บ่งชี้ว่า การไม่บริโภคเนื้อสัตว์ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 35% ขณะเดียวกัน การทานมังสวิรัติและทานเจอย่างเคร่งครัดแบบชาววีแกน ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงขึ้น และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ

อย่างไรก็ดี “โปรตีน” มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก นอกจากจะช่วยเรื่องการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆของร่างกาย โปรตีนยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อผิวหนังกระดูกอวัยวะต่างๆ และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วจากอาการเหนื่อยล้าและเจ็บป่วย หากร่างกายของเราได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ ย่อมจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยข้อมูลจาก สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล บ่งชี้ว่า ผู้ที่ได้รับโปรตีนในร่างกายไม่เพียงพอ มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่างกายอ่อนเพลียไม่สดชื่นภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อได้ง่ายแผลหายช้า ผิวหนังไม่แข็งแรง และระบบฮอร์โมน เอนไซม์ ทำงานผิดปกติ เสี่ยงต่อการเสียชีวิต 

พูดถึงคำว่า “โปรตีน” ไม่ได้มีแหล่งที่มาจากสัตว์เพียงอย่างเดียว แต่ “โปรตีนจากพืช”ที่พบได้ในถั่วและธัญพืชต่างๆ ยังอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ถือเป็นโปรตีนสะอาดไม่ก่อให้เกิดโรคภัย เพราะมีพฤกษเคมีที่มีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ ตรงกันข้ามกับ “โปรตีนจากสัตว์”ทั้งเนื้อสัตว์นมผลิตภัณฑ์จากนม และไข่ จะย่อยได้ยากเมื่อเราอายุมากขึ้น จึงอาจกระตุ้นให้เกิดมะเร็งลำไส้ ผลจากการศึกษาวิจัยพบว่า การทานโปรตีนจากพืชยังส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากโปรตีนจากพืชย่อยง่ายดูดซึมง่ายแคลอรี่น้อยกว่าโปรตีนสัตว์ไขมันดีมีมากกว่าโปรตีนสัตว์ไม่มีโคเลสเตอรอล แถมให้ปริมาณโปรตีนเข้มข้นสูง ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เทียบเท่ากับโปรตีนจากไข่ขาวและนม ที่สำคัญยังช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้

ในฐานะผู้นำธุรกิจเครือข่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม “กิฟฟารีน”มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อเอาใจกลุ่มคนรักสุขภาพและชาววีแกนมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรตีนจากถั่วเหลืองและถั่วลันเตาสีทอง “วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน”ผสมแคลเซียมและวิตามินดี มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แต่ปราศจากไขมันแลคโตส และโคเลสเตอรอล ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล  “อิริทริทอล” ในหนึ่งซอง (ขนาด 16 กรัม) มีโปรตีนสูงถึง 11 กรัม และ BCAAs 1,951 มิลลิกรัม แต่ให้พลังงานเพียง 50 กิโลแคลอรี่ โดย “วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน” เลือกใช้โปรตีนจากแหล่งที่ดีที่สุดเท่านั้น คือ โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา และโปรตีนสกัดจากถั่วลันเตาสีทอง ไม่ตัดแต่งทางพันธุกรรม นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ให้ปริมาณโปรตีนเข้มข้นสูง



นอกจากจะเหมาะสำหรับ “ชาววีแกน” ที่ต้องการลดการบริโภคโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ตลอดจนกลุ่มผู้บริโภคที่ทานมังสวิรัติและทานเจ “วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน” ยังตอบโจทย์คนรักสุขภาพผู้ที่ต้องการเสริมโปรตีนให้ร่างกาย และคนรักการออกกำลังกายที่อยากเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มความฟิต เช่นเดียวกับคนที่แพ้แลคโตสจากนมผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการพักฟื้นร่างกายผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างและผิวพรรณผู้สูงอายุ และเด็กวัยเรียน ก็สามารถเสริมโปรตีนจากพืชได้ง่ายๆ ด้วยการชง “วีแกน มัลติ แพลนท์ โปรตีน” ดื่มเป็นประจำทุกวัน จะชงกับน้ำอุ่นน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำเย็น ก็ได้รสชาติหอมอร่อยดื่มง่ายดีต่อสุขภาพ สามารถเสริมความอร่อยให้ฟินยิ่งขึ้นด้วยการปรุงเป็นเมนูเครื่องดื่มหลากหลายสไตล์  ดื่มได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความหวาน  และให้โปรตีนที่สามารถดูดซึมเร็ว ทำให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่


วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563

‘ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม’…ความอร่อยที่มากกว่าการกินเตี๋ยว

ด้วยยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองต้องประหยัดทุกค่าใช้จ่าย  หลายคนอยากหารายได้เสริม แต่ไม่รู้จะขายหรือทำอะไรดี วันนี้เรามีความอร่อยมาฝาก และสำหรับใครที่อยากมีรายได้เสริม ขอแนะนำร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม” ไว้เป็นอีกทางเลือก  เพราะ ดร.เบญจวรรณ สุจริต เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม  ต้องการส่งต่อความอร่อย รวมถึงอยากสร้างอาชีพให้คนที่กำลังมองหารายได้เสริม  

ดร.เบญจวรรณ สุจริต เผยว่า  ส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว เมื่อมีเวลาว่างก็จะเข้าครัวคิดสรรค์เมนูต่างๆ  และทำออกมาให้คนที่เรารักทาน  จนวันหนึ่งเราอยากทำตามความฝัน ที่ได้เห็นทุกคนมีความสุขกับการกินอาหารที่เราทำ  และอยากเปิดร้านขายอาหารเล็กๆ จึงปรึกษาครอบครัว ซึ่งโชคดีที่สามีสนับสนุนทุกความฝันที่เราคิด  จึงเกิดเป็นร้าน “ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม” ที่มาพร้อมสโลแกน “ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม เราให้มากกว่าการกินก๋วยเตี๋ยว”  เป็นสูตรก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยดั้งเดิมของคุณย่า ที่ทำรับประทานกันเองในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น  และด้วยตนเองเป็นคนเหนือเลยคุ้นชินกับเครื่องเทศพื้นเมืองต่างๆดีอยู่แล้ว  จากนั้นเริ่มพัฒนาสูตรของสุโขทัยมาเรื่อยๆ จนได้รสชาติกลมกล่อม อร่อยไม่เหมือนใคร  โดยตอนนี้มีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขาอุตรดิตถ์ , สาขาน่าน และสาขารัชดา 

“ที่อุตรดิตถ์เป็นสาขาใหญ่ของที่บ้าน และขยายไปน่าน ต่อมาเกิดการพูดปากต่อปาก ประกอบกับร้านของเราถูกเชิญไปออกรายการ 5 เช้าเม้าท์ใหญ่ ทางช่อง 5 ก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากคนที่ต้องการหารายได้เสริม  เพราะมีคนติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์เป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกับแนวคิดของเราที่อยากจะสร้างอาชีพแก่ทุกคน ให้เขามีรายได้ด้วยตัวเอง  และเปิดที่สาขารัชดา เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อรองรับลูกค้าในเมือง และนอกจากจะมีทานหน้าร้านแล้ว  เรายังรับจัดงานนอกสถานที่อีกด้วย”

ดร.เบญจวรรณ กล่าวอีกว่า เมนูเด็ดของทางร้าน ที่ไม่ว่าใครมาทานที่ร้านจะสั่งเมนูนี้เป็นอันดับแรก  คือ “ก๋วยเตี๋ยวไทยทรงเครื่อง” เพราะเป็นเมนูที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมูแดงอบน้ำผึ้ง หมูนุ่ม หมูสับ ผักลวก ที่ตกแต่งรสแบบต้นตำรับไทยโบราณ  คือ ถั่วป่น  พริกป่น และมะนาว อร่อยจัดจ้านโดยไม่ต้องใส่เครื่องปรุงเพิ่ม 

เมนูต่อมาที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เมนูแรก คือ หมูอบน้ำผึ้งทานกับน้ำจิ้มสามรส หรือน้ำจิ้มซีฟู๊ด ที่เมื่อได้ชิมไปจะรู้สึกถึงเนื้อหมูที่จิ้มในน้ำจิ้มทำให้สัมผัสรสชาติทั้ง เปรี้ยว เค็มและหวานพร้อมกัน  ประกอบกับความพิเศษของเนื้อหมูอบน้ำผึ้ง ที่ออกจากเตาร้อนๆ ทำให้มีน้ำหมูแดงไหลเยิ้มล้นจาน  

“เราเป็นคนชอบทานก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย และชอบทานหมู แต่มักเจอปัญหาหมูแห้งและแข็งกระด้าง บางร้านก็หั่นเนื้อบาง ซึ่งไม่ใช่แบบที่เราอยากทาน  เพราะเราอยากทานหมูนุ่มหอมกลิ่นสมุนไพร จึงพัฒนาสูตรประมาณปีครึ่ง ถึงได้เนื้อหมูและรสชาติแบบที่ต้องการ  ตั้งแต่ประเภทเนื้อหมู กระบวนการหมักหมู วัตถุดิบต่างๆ กระทั่งได้หมูตามสูตรของเรา  นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ที่ร้านยังมีเมนูอื่นๆอีกด้วย  เช่น ข้าวหมูอบน้ำผึ้ง ข้าวหมูนุ่มลวก เป็นต้น”  


ปัจจุบัน คนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ที่ร้านจึงมีนโยบายไม่ใช้ผงชูรสในการปรุงแต่งอาหาร  และหมูหมักน้ำผึ้งสามารถตอบโจทย์คนรักสุขภาพได้อย่างแน่นอน  เพราะเราใช้สารสกัดจากหญ้าหวานแทนน้ำตาล และน้ำผึ้งป่าในการหมัก โดยใช้เครื่องปรุงประมาณ 16 ชนิด ในการหมักแต่ละรอบ  จากนั้นนำเนื้อหมูมาหมักในเครื่องหมักเนื้อสุญญากาศ ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส  ซึ่งจะใช้เวลาในการหมักนานถึง 3 วัน 3 คืน ก่อนนำมาอบด้วยเตาถ่านต่อไป ทำให้เนื้อหมูมีความหอมเพิ่มขึ้นกว่าเดิม  

ดร.เบญจวรรณ  กล่าวต่อไปว่า  ช่วงนี้ยังอยู่ในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีคนตกงานมากมาย บางรายโดนลดเงินเดือนและกำลังมองหารายได้หลัก-เสริม  เราจึงต้องการสร้างอาชีพให้คนกลุ่มนี้  จึงมีความคิดที่ว่า ถ้าเราขายเกี่ยวกับอาหาร อย่างก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวหมูอบน้ำผึ้ง ก็น่าจะสร้างรายได้แก่เขาไม่มากก็น้อย และราคาแฟรนไชน์เริ่มต้นเพียง 2 หมื่นบาท ก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้แล้ว  โดยแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม มีทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบ A ชุดหมูยิ้มอบน้ำผึ้ง ราคา 29,999 บาท ได้เมนูข้าวหมูแดง  ข้าวหมูลวก และยำหมูแซบ  , รูปแบบ B ชุดเตี๋ยวหมูยิ้ม ขนาดกลางประมาณ 3-5 โต๊ะ ราคา 49,999 บาท เพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยว และรูปแบบ C ชุดร้านก๋วยเตี๋ยวหมูยิ้ม ขนาดใหญ่ 10 โต๊ะขึ้นไป ราคาขาย 79,999 บาท  โดยทุกรูปแบบจะได้รับอุปกรณ์ครบชุด รวมถึงวัตถุดิบทันที  หรือถ้าใครต้องการซื้ออุปกรณ์จากที่ร้านอื่นก็สามารถทำได้ มีเพียงแค่หมูแดงกับหมูลวกเท่านั้นที่ต้องสั่งกับทางร้าน  เพื่อรักษามาตรฐานของเนื้อหมูที่เหมือนกับร้านดั้งเดิมก่อนมีแฟรนไชน์    เมื่อพร้อมเราจะสอนงานจนกว่าจะเป็น กระทั่งเปิดร้าน โดยราคาอาหารต่อจาน-ชามละ 40-50 บาทเท่านั้น   

 “เราจะสอนตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การทำน้ำซุป การหมักหมู การเตรียม การอบหมู การจัดวางในถ้วย เทคนิคการขายและการบริการ โดยอบรมให้หลังได้รับเคาวเตอร์ พร้อมช่วยตกแต่งสถานที่จัดจำหน่าย  โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องออกค่าเดินทางและค่าที่พักให้ผู้สอน“

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2563

โฉมใหม่ ถนนข้าวสาร กทม.จัดใหญ่ งาน "สวัสดีข้าวสาร"

(20 ต.ค.63) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน) บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และประชาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร เตรียมจัดงาน “สวัสดีข้าวสาร” เปิดตัวถนนข้าวสารโฉมใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 30-31 ต.ค. 63 ภายใต้แนวคิด “The Modern Thainess สัมผัสความเป็นไทยในรูปแบบใหม่ ณ ถนนข้าวสาร” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก่อให้เกิดการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และผู้ประกอบการค้าย่านถนนข้าวสารอย่างเป็นรูปธรรม 

“เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้โครงการปรับปรุงถนนข้าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนขณะนี้เสร็จสมบูรณ์เต็มร้อยพร้อมเปิดให้ทำการค้าได้ สามารถรองรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสม มีการปรับสภาพผิวถนน และทางเท้าเดิมทั้ง 2 ฝั่ง ให้เป็นถนนระดับเดียวกัน โดยเพิ่มคอนกรีตเสริมเหล็กให้แข็งแรงขึ้น พร้อมปูพื้นถนนด้วยหินแกรนิตพ่นไฟหนากว่า 1 นิ้ว ที่มีความคงทนและสวยงาม สามารถทำความสะอาดได้ง่าย โดยมีเสาสแตนเลสชนิดเก็บลงพื้นได้ กั้นระหว่างช่องทางเดินรถกับทางเท้า ระยะห่าง 1.50 เมตรตลอดความยาวถนน ทำให้ถนนข้าวสารโฉมใหม่มีความสวยงาม สะอาด กว้างขวาง ซึ่งการจัดงาน “สวัสดีข้าวสาร” ตลอด 2 วัน จะเป็นการนำผู้ค้าเดิมที่เคยขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานเขตพระนครเมื่อปี 2559 ทั้งหมด รวมกับร้านค้าที่เป็นร้านค้าเฉพาะกิจที่จะมาทำการค้าขายในวันที่จะจัดงานรวมกว่า 240 ร้านค้า”






ภายในงานจะมีกิจกรรมมากมายที่เหมาะสมกับทุกวัย ทั้งเด็กนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน รวมถึงผู้สูงอายุ ตลอดวันตั้งแต่เวลา 09.00-24.00 น. ทั้ง 2 วัน อาทิ การประกวดวาดภาพ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยประยุกต์ มินิคอนเสิร์ตศิลปิน Whal & Dolph จุดเช็คอิน นิทรรศการประวัติความเป็นมาของถนนข้าวสาร กิจกรรม workshop การออกร้านจำหน่ายผลงานศิลปะของนักเรียนนักศึกษา ร้านค้าจำหน่ายอาหารคาว-หวานเลื่องชื่อของกรุงเทพมหานคร รวมถึงอาหารแปลกเอกลักษณ์ของถนนข้าวสาร ฯลฯ 


สำหรับวันที่ 31 ต.ค. 63 ซึ่งเป็นวันฮาโลวีน ได้กำหนดธีมงานในรูปแบบวันฮาโลวีน ซึ่งจะมีการประกวดชุดวันฮาโลวีนชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 30,000 บาท ส่วนด้านความปลอดภัย ได้เตรียมการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการตั้งจุดคัดกรองบริเวณทางเข้าทุกจุด เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิ รวมทั้งมีการตรวจคัดกรองอาวุธและของมีคม และการดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรโดยรอบให้ผู้ที่จะมาท่องเที่ยวและเลือกซื้อสิ่งของบริเวณถนนข้าวสารในวันดังกล่าวด้วย

กรุงเทพมหานครจึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมงาน “สวัสดีข้าวสาร” ระหว่างวันที่ 30-31 ต.ค. 63  ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook: กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์,Twitter: pr_bangkok ,www.prbangkok.com และ www.tat.or.th

ข่าวประชาสัมพันธ์

พม. จับมือ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์, GDH, และ มูลนิธิ 5 For All พาคุณตา คุณยาย ไปดูหนัง

ส่งเสริมคุณค่าความสำคัญระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว วันนี้ 26 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดแถล...

โวยวายดอทคอม