วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2567

หมอจุ๊บ ไพ่เทพ ผ่าดวง จับมือ ศูนย์การค้า Fortune Town

 

ศูนย์การค้า Fortune Town ศูนย์รวมแห่งไอทีระดับประเทศ  ร่วมกับ หมอจุ๊บ ไพ่เทพ ผ่าดวง นักพยากรณ์ชื่อดัง ซึ่ง ขึ้นชื่อว่ามีความรู้ด้านองค์เทพเป็นอย่างดี โดยเฉพาะองค์เทพทางประเทศอินเดีย และ มีความรู้ด้าน ศาสตร์ฮินดูโบราณ  ได้ร่วมกันจัดสร้างพระแม่มหาลักษมี เทพซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเทพที่ ประทานพร ในด้าน โชคลาภ ความร่ำรวย และด้านความรัก  โดยทางศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ร่วมกับหมอจุ๊บไพ่เทพ ผ่าดวง ได้จัดพิธีบวงสรวงใหญ่ และเป็นการ Grand opening ขึ้น ณ ลานฟอร์จูนสตรีท (ด้านหน้า) ฟอร์จูนทาวน์

โดยภายในงาน นอกจากจะมีการบวงสรวงอย่างเป็นทางการแล้ว ยังมีการแสดงนาฏยะลีลาบูชาพระแม่ลักษมี จากโรงเรียนบูรณะศึกษา, การแสดงจาก ศิลปะ วง XWYNN และการแสดงพุดเดิ้ลโชว์ จากคุณพุดเดิ้ลอีกด้วย และในงานนี้ยังได้รับเกียรติจาก เซเลบริตี้ อาทิ คุณวีรินทร์ บุญร่วม, คุณณภัสวรรณ จิลลานนท์, คุณศศิวิมล ดารารัตนโรจน์, คุณปิยะมาลา ดำริกาญจน์, ปัทมวดี  เสนาณรงค์  ฯลฯ 



คุณชัยวัฒน์  เอมวงศ์  ผู้อำนวยการอาวุโส  บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND ในฐานะผู้บริหารฟอร์จูนทาวน์   กล่าวว่า “ต้องบอกอย่างนี้ก่อนว่าศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ซึ่งทำเลถือว่าดีมากๆ บนสี่แยก ถนนรัชดา -พระราม 9 ซึ่งเรามีพระพิฆเนศที่วางประดิษฐานไว้ปีนี้เป็นปีที่สองแล้วและก็ยังมีกิจกรรมที่ทำอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน พอได้มาเจอหมอจุ๊บ ก็เลยปรึกษาหารือกัน และได้ความเห็นตรงกันว่าควรจะจัดสร้างพระแม่ลักษมีมาประดิษฐานบริเวณหน้าฟอร์จูนทาวน์เพื่อให้คนต่างชาติ และผู้คนบริเวณนี้ได้เข้ามาสักการะ ซึ่งพอผมได้เห็นรูปปั้นขององค์พระแม่ลักษมีก็รู้สึกชื่นชอบมากครับ ซึ่งที่เราจัดตั้งบริเวณเดียวกับองค์พระพิฆเนศวรก็เกี่ยวกับฮวงจุ้ยด้วยครับ เพราะฟอร์จูนทาวน์ของเรายาวเป็นแนวเดียวกัน ซึ่งตามความเชื่อของอินเดียพระพิฆเนศกับพระแม่ลักษมี ก็มีความเกี่ยวข้องกัน จึงเป็นที่มาของการประดิษฐานอยู่บริเวณเดียวกัน  และที่สำคัญประชาชนที่มาสักการะนั้นเดินทางสะดวก สามารถเข้ามาสักการะและขอพรได้ตลอดเวลาเลยครับ 

ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นปีมูเก็ตติ้ง  ก็คือ Marketing กับมูเตลูมาร่วมกัน ดังนั้นการที่เราเป็นศูนย์การค้าเราก็คาดหวังว่าประชาชนทั้งคนไทยและต่างชาติที่มีความศรัทธาในองค์พระพิฆเนศวรและองค์พระแม่ลักษมี ที่จะมาร่วมขอพรซึ่งไม่ต้องไปไหนไกลครับ ขึ้นรถรถไฟฟ้าใต้ดินมาก็เจอสะดวกในการเดินทาง ซึ่งเราก็มองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี การที่เราเป็นศูนย์การค้าพอประชาชนได้เข้ามาสักการะองค์เทพก็อาจจะได้มีโอกาสเข้าไปช้อปปิ้งหรือทานอาหารด้านในศูนย์การค้าของเราด้วย



หมอจุ๊บ ไพ่เทพ ผ่าดวง กล่าวว่า “สำหรับพระแม่มหาลักษมี ฟอร์จูนทาวน์ เป็นการจัดสร้างพระแม่ลักษมีปางธนลักษมี ซึ่งเราเน้นการประทานพรด้านความรัก ความร่ำรวย ให้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ทางศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ และได้เปิดโอกาสให้ผู้ศรัทธาโดยทั่วไปคนในย่านใจกลางเมืองรัชดา พระรามเก้า มากราบไหว้ขอพรพระแม่ลักษมีได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างที่เราทราบๆ กันว่า พระแม่ลักษมีก็จะมีประดิษฐานที่ใจกลางเมืองอย่างห้างเกษรบ้าง หรือวัดแขกบ้าง ครั้งนี้ที่เราจัดสร้างก็อยากให้คนย่านรัชดา ลาดพร้าวหรือ ที่ใกล้เคียงได้มาสักการะ แบบง่ายๆ ใกล้บ้านบ้าง และฟอร์จูนทาวน์ก็ถือเป็นแหล่งที่เดินทางไปมาสะดวกด้วยค่ะ


สำหรับความเชื่อ เกี่ยวกับพระแม่ลักษมีนั้น เชื่อกันว่าท่านเป็นพระเทวีผู้ประทานพรในเรื่องความมั่งคั่งร่ำรวย มีโชคในเรื่องการเงิน การค้าธุรกิจ และที่สำคัญคือขอพรเรื่องความรักแท้คู่ครองที่ดี ถือว่าเป็นกระแสการมู การขอพรองค์เทพที่คนทั่วไปนิยมมาขอพรท่านกันแบบไม่ขาดสาย จนเกิดเป็นกระแส I told พระแม่ลักษมี ทำให้คนมากราบไหว้สักการะขอพรพระแม่ลักษมีเทวีมากมายอย่างในปัจจุบันค่ะ

พระแม่มหาลักษมี ฟอร์จูนทาวน์  จัดสร้างตามความเชื่อว่าหากท่านสถิตอยู่ ณ สถานที่เป็นมงคลจะยิ่งมีพลังแห่งความสำเร็จ ตามความหมายของพระแม่คือ Fortune ซึ่งตรงกับชื่อฟอร์จูนทาวน์  (Fortune Town) นับว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง กับผู้ที่ได้มาบูชาขอพรสำเร็จสมหวัง  สำหรับใครที่เป็นสายมู หรือใครที่อยากได้ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ สามารถเดินทางมาสักการะท่านกันได้นะคะ ที่นี่สามารถมาสักการะได้ทุกวันค่ะ เรียนเชิญทุกๆ ท่านได้เลยนะคะ

คุณแอร์ วีรินทร์ บุญร่วม เจ้าของธุรกิจนำเข้าผลไม้สดจากต่างประเทศ บริษัท นวธัญ เวิล์ด ฟรุ๊ต ( nvt) 
ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายมูตัวแม่ และมีความเชื่อและนับถือองค์เทพมาก กล่าวว่า "ถ้าจะถามว่าแอร์มีความเชื่อเกี่ยวกับพระแม่ลักษมีมากแค่ไหน จริงๆ ก็เชื่อมากนะคะ แอร์มีไปสักการะถึงแหล่งก็คือ ที่ประเทศอินเดีย ทุก 2 เดือน สำหรับประเทศไทยก็ไปทุกวันนะคะโดยเฉพาะวัดแขก

ปกติไปวัดแขกกับห้างเกษรตลอด สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ที่ไปขอแล้วคิดว่าได้ก็เรื่องงาน เรื่องเงิน ส่วนใหญ่ก็จะประสบความสำเร็จ สำหรับปางที่ด้านหน้าฟอร์จูนทาวน์ ปางนี้ไม่เคยเห็นแต่ก็เคยมาสักการะที่นี่แล้วก็สำเร็จ ถ้าถามว่าดีใจมั้ยที่มีในย่านรัชดาก็ดีใจเพราะที่เห็นย่านนี้จะมีแต่พระพิฆเนศวร พระศิวะ แต่พอมีพระแม่ลักษมีมาประดิษฐานก็ดีใจนะคะ แอร์เคยมาขอที่นี่หลายครั้งตั้งแต่ก่อนยังไม่ได้เปิดให้สักการะอย่างเป็นทางการ มาขอแต่ละครั้งก็ได้นะคะ ใครที่ชื่นชอบอยากให้ลองมาสักการะที่นี่ดูค่ะ



วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2567

พม. จับมือ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์, GDH, และ มูลนิธิ 5 For All พาคุณตา คุณยาย ไปดูหนัง

ส่งเสริมคุณค่าความสำคัญระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว


วันนี้ 26 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดแถลงข่าวความร่วมมือการส่งเสริมคุณค่าความสำคัญระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด และ มูลนิธิ 5 For All โดยคุณแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ, คุณอรุโณชา ภาณุพันธุ์  กรรมการ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์, คุณปรียาวรรณ ภูวกุล  ผู้อำนวยการฝ่ายจัดจำหน่ายในโรงภาพยนตร์อาวุโส บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด และ คุณอุษา เสมคำ นักแสดงจากภาพยนตร์ “หลานม่า” ร่วมแถลงความร่วมมือนำผู้สูงอายุจากโรงเรียนผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 12 แห่ง และเครือข่ายผู้สูงอายุ  ชมภาพยนตร์ “หลานม่า” ฟรี!!
รวมจำนวนกว่า 4,200 คน 


“หลานม่า” ผลงานจาก "จีดีเอช” กำกับการแสดงโดย "พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์" และอำนวยการสร้างโดย "เก้ง จิระ มะลิกุล" และ "วัน วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์" นำแสดงโดย "บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล" "ดู๋ สัญญา คุณากร" ร่วมด้วย "เผือก พงศธร จงวิลาส", "เจีย สฤญรัตน์ โทมัส", "ตู ตะวัน ตันติเวชกุล" และนักแสดงหน้าใหม่วัย 76 ปี "แต๋ว อุษา เสมคำ"  "หลานม่า"  เป็นภาพยนตร์ไทยที่สร้างขึ้นเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันของครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกหลากหลายเจเนอเรชั่นมาอยู่ร่วมกัน ซึ่งนับวันจะหายไปจากสังคมไทย  ให้คนไทยกลับไปนึกถึงช่วงเวลาที่เคยอบอุ่นอีกครั้ง และจะทำให้คุณอยากกลับไปกอดคนที่บ้านอีกครั้ง โดยเล่าผ่านตัวละครหลานชายวัยรุ่นที่ต้องกลับไปดูแลอาม่าที่ป่วยระยะสุดท้าย โดยหวังว่าตัวเองจะกลายเป็นทายาทคนเดียวที่ได้รับมรดกหลักล้าน แต่เมื่อหลานกับอาม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี ต้องมาอยู่ร่วมกันความผูกพันจึงเกิดขึ้นทำให้หลานชายได้เรียนรู้คำว่า “ครอบครัวมีค่ามากกว่าเงิน”






คุณแรมรุ้ง กล่าวว่า ได้มีโอกาสรับชมภาพยนตร์ “หลานม่า” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้รู้สึกประทับใจมาก ได้เห็นการถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันของครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกหลากหลายเจเนอเรชั่นมาอยู่ร่วมกัน ทำให้หวนคิดถึงช่วงเวลาของครอบครัว และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา GDH ได้สนับสนุนการนำผู้สูงอายุจากศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี มาร่วมชมภาพยนตร์ “หลานม่า” ที่ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งทุกท่านที่ได้ร่วมรับชม ต่างก็รู้สึกประทับใจกับภาพยนตร์เรื่องหลานม่า และจะเห็นได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังช่วยกระตุ้น ให้คนไทยกลับมาให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุในครอบครัวมากขึ้น ส่งเสริมความรักความผูกพันของสถาบันครอบครัวและช่วยปรับความเข้าใจของคนต่างวัยให้อยู่ร่วมกันได้ 

คุณแรมรุ้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่านวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รู้สึกชื่นชม GDH ที่สร้างสรรค์ภาพยนต์ที่มีคุณค่าต่อสถาบันครอบครัว เรื่อง “หลานม่า” ขึ้นมา ให้เห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ ความรัก ความผูกพัน ความอบอุ่นของสถาบันครอบครัวที่อยู่ร่วมกันของคนต่างวัย กระทรวง พม. จึงมอบโล่รางวัล “ภาพยนตร์ที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว” ในงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน เห็นความสำคัญของผู้สูงอายุและสถาบันครอบครัว และเพื่อให้ทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาครอบครัวให้มากขึ้น กระทรวง​ พม. ขอขอบคุณ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ และ บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด ที่ได้ให้การสนับสนุนและความร่วมมือในครั้งนี้ซึ่งนับเป็น การเริ่มต้นที่ภาครัฐและภาคเอกชนจะร่วมกันส่งเสริมการตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของผู้สูงอายุเสริมสร้างความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว และการอยู่ร่วมกันของคนทุกช่วงวัยให้มีความสุขอย่างยั่งยืน


คุณอรุโณชา ภาณุพันธุ์ กรรมการ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พม. และ GDH ในการจัดกิจกรรมพาผู้สูงอายุดูหนัง ในครั้งนี้ตรงกับวัตถุประสงค์ของ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ ที่ได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของน้อง ๆ คนพิการ และผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาสในสังคม โดยมุ่งเน้นการมอบโอกาสทางการศึกษา ช่วยเปิดโลกทัศน์ในการเรียนรู้ เติมเต็มประสบการณ์นอกห้องเรียน สร้างสรรค์พัฒนาการสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมมอบความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้น้อง ๆ ได้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของสังคม และทำให้ผู้สูงอายุมีความสุข ไม่รู้สึกเหงา โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าให้กับสังคมภายใต้แนวคิด “Care for Social” ที่ส่งมอบโอกาสและความอบอุ่นสู่ทุกหัวใจ ผ่านหลากหลาย กิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี  หนึ่งในกิจกรรมหลักที่เป็นจุดเริ่มต้นดี ๆ ในการส่งกำลังใจ มอบความสุข สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ นั่นคือ กิจกรรม “เปิดโลกกว้าง สร้างรอยยิ้ม” ที่นำน้อง ๆ คนพิการ และผู้สูงอายุที่ด้อยโอกาสเข้าชมภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจต่อยอดในการพัฒนาศักยภาพในโรงภาพยนตร์  ทุกสาขาของเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ


ครั้งนี้ได้ร่วมกับ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พม. มอบโอกาสให้กับผู้สูงอายุและเครือข่ายของศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 12 แห่งทั่วประเทศ เข้าชมภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” ฟรี!! รวม 4,200 คน ในโรงภาพยนตร์ของเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทั้งใน กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมมอบความสุขให้ผู้สูงอายุทุกท่านได้อร่อยกับ ป๊อปคอรน์และเครื่องดื่มในขณะชมภาพยนตร์ด้วย​ ระหว่างวันที่ 26-30 เมษายน 2567 ซึ่งภาพยนตร์ “หลานม่า” เป็นภาพยนตร์แนวครอบครัวดราม่าจากค่าย GDH มีแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่มีทุกครอบครัว  มีเนื้อหาอบอุ่นหัวใจสื่อถึงความผูกพัน ภาพยนตร์บันทึกช่วงเวลามีค่าของสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว” ที่ทำให้ผู้ชมจะได้หันกลับไปมองครอบครัวที่เราอาจจะเผลอลืมใครไป และทำให้อยากกลับไป บ้านไปกอดเขาอีกครั้ง

#ข่าวพม #esshelpme #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม
#พมหนึ่งเดียว #ศรส #พม #ผู้สูงอายุ #ผู้สูงอายุที่รัก #MajorCare #GDH
#มูลนิธิ5ForAll #หลานม่า #หลานม่าพาคุณตาคุณยายไปดูหนัง

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

GIT เปิดเวที! เชิญชวนนักออกแบบไทยและต่างชาติส่งผลงานประกวดออกแบบเครื่องประดับระดับโลก ปีที่ 18

ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 7,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ


24 เมษายน 2567: GIT จัดการแถลงข่าวโครงการประกวดการออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 18 “Enchanted Hues – Unlocking the Secrets of Primary Colors Theory” เฟ้นหาศักยภาพของนักออกแบบที่มีความคิดสร้างสรรค์โดดเด่นเหนือจินตนาการ พร้อมยกทีมผู้เชี่ยวชาญร่วมตีโจทย์ยกระดับต่อยอดการออกแบบสู่สากล ณ โรงแรม เลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ กรุงเทพฯ 

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือ GIT กล่าวว่า  อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ถือได้ว่าเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ สินค้าส่งออกในอันดับที่ 2 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.59 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย โดยมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 ขยายตัวตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 1,927.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 3,031.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ทั้งนี้ หากนำมูลค่าดังกล่าวข้างต้นหักออกด้วยการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป พบว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 1,822.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 14.78 ซึ่งเห็นได้ว่าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเผชิญอยู่กับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้น

สถาบันมีภารกิจในการพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ เข้าสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนารูปแบบเครื่องประดับขึ้นในวงการอัญมณีและเครื่องประดับอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้นักออกแบบรุ่นใหม่และผู้สนใจในการออกแบบเครื่องประดับได้มีโอกาสนำเสนอผลงานตลอดจนให้มีการนำผลงานออกแบบไปผลิตชิ้นงานจริง และสร้างความตื่นตัวในเรื่องการออกแบบ

สำหรับโครงการประกวดการออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 18 ได้กำหนดหัวข้อการประกวดภายใต้หัวข้อ “Enchanted Hues – Unlocking the Secrets of Primary Colors Theory” การออกแบบที่ต้องผสมผสานอัญมณีธรรมชาติ 3 สี ได้แก่ ทับทิม ไพลิน และบุษราคัม ผสมผสานองค์ประกอบของศิลปะ หลอมรวม ความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ สู่การออกแบบเป็นคอลเลกชั่น High Jewelry ที่เต็มไปด้วยจินตนาการและนวัตกรรมเป็นเครื่องประดับที่มีความสวยงามและน่าหลงใหลอย่างแท้จริง


ซึ่งการประกวดครั้งนี้ เปิดโอกาสให้กลุ่มนักออกแบบมืออาชีพและรุ่นใหม่ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่สนใจทั่วโลกได้มีเวทีในการแสดงศักยภาพแห่งความคิดสร้างสรรค์ นำไปสู่ทิศทางด้านการออกแบบฉายภาพแนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต (Jewelry Design Trend) โดยนักออกแบบจะต้องส่งแบบวาดไม่จำกัดเทคนิค หรือภาพเขียนจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่มีแนวคิดการออกแบบสอดคล้องกับหัวข้อการประกวด จำนวนไม่น้อยกว่า 3 ชิ้นใน 1 ชุด (คอลเลคชั่น) โดยในชุดนั้นจะต้องมีสร้อยคอเป็นเครื่องประดับหลักและเครื่องประดับอื่นๆ เช่น ต่างหู แหวน กำไล เป็นต้น

ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 เหรียญสหรัฐ โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 3,000 เหรียญสหรัฐ รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัลมูลค่า 2,000 เหรียญสหรัฐ รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 1,000 เหรียญสหรัฐ รางวัลชมเชย เงินรางวัล 500 เหรียญสหรัฐ และรางวัล GIT Popular Design เงินรางวัล 500 พร้อมโล่เกียรติยศ โดยสถาบันจะประกาศผลการตัดสินรอบแรกจากแบบวาดในวันที่ 11 มิถุนายน นี้ โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบ และผู้ที่คร่ำหวอดในวงการเครื่องประดับจากทั่วโลก 


และพิเศษสำหรับปีนี้ GIT ได้วางแผนในการต่อยอดเชิงพาณิชย์ให้กับผู้ที่ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวด โดยนักออกแบบสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Community Platform : GIT Jewelry Design Gallery ซึ่งเป็นช่องทางในการเชื่อมโยงระหว่างนักออกแบบและผู้ประกอบการในการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องประดับให้ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับนักออกแบบ และ 4 ผลงานที่ได้รับคัดเลือกเป็นคะแนนสูงสุด จะได้ผลิตเป็นเครื่องประดับจริงเพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศต่อไป

สำหรับผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวด สามารถส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2567 ผ่านทางเว็บไซต์ www.gitwjda.com หรือส่งผลงานพร้อมใบสมัครทางไปรษณีย์ หรือส่งผลงานด้วยตัวเองที่ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เลขที่ 140 อาคารไอทีเอฟ – ทาวเวอร์ ชั้น 3 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการ โทร. +66 2 634 4999 ต่อ 301-306 และ 311-313
หรือ LineOA: @gittrainingcenter และดูรายละเอียดการรับสมัครได้ที่ www.gitwjda.com 

“SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft”

 เชิญชวนผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI เปิดเวทีงานออกแบบ Craft Design Pitching & Matching 

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. ชวนผู้ผลิต หรือ ผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI ได้แก่ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม กลุ่มสมาชิกของ สศท. ช่างฝีมือ ชุมชนหัตถกรรม ผู้ประกอบการทั่วไป ร่วมกับ นักออกแบบ ได้แก่ นักสร้างสรรค์ และนักออกแบบผลิตภัณฑ์ กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยพร้อมบรรจุภัณฑ์ ผสานองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับนวัตกรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ มี
มาตราฐานสินค้าผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย เกิดคุณค่าและความยั่งยืน 


นางสาวนฤดี ภู่รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า โครงการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ กิจกรรม SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft ดำเนินการเป็น Craft Design Matching การจับคู่กันระหว่าง ผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI กับ นักออกแบบ โดยร่วมกันออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมบรรจุภัณฑ์ ที่เกิดจากการสืบสาน ต่อยอดองค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรมแบบดั้งเดิมที่ได้รับการต่อยอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น (From Root to Route) ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคุณรุ่นใหม่ให้มีความชัดเจนและพัฒนาให้เกิดความร่วมสมัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่สอดรับกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ในปีนี้ เราได้ออกแบบโครงการภายใต้แนวคิด 

GI Smart Craft Combinations: คราฟต์ ผสมผสาน อย่างชาญฉลาด คือ การสร้างเครือข่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมให้เพิ่มมากขึ้น ระหว่าง กลุ่มผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการด้านศิลปหัตถกรรม และนักออกแบบ เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ วัสดุ วัตถุดิบ การทำสี และการพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมยกระดับเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ให้สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ ภายใต้การกำกับดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราคาดหวังจะได้เห็นผลงานศิลปหัตถกรรมการออกแบบใหม่ ๆ ที่ฉีกกรอบเดิม และสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ทุกผลงานที่ผ่านเข้ารอบและพัฒนาจะได้เข้าร่วมแสดงนิทรรศการและทดสอบตลาด รวมถึงจัดทำหนังสือรวบรวมองค์ความรู้ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์

โครงการนี้ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละด้านร่วมพิจารณารอบคัดเลือก และรอบจับคู่ Pitching & Matching คณะกรรมการดำเนินการ พิจารณาข้อมูลเพื่อจับคู่ ผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม จำนวน 3 ราย ต่อนักออกแบบ จำนวน 1 ราย 

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครและส่งสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ – 1 พฤษภาคม 2567
ผ่านทาง https://www.sacit.or.th/th/detail/2024-04-19-17-44-37?event-project=1 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ที่อยู่ 59 หมู่ 4 ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13290 ; โทรศัพท์. 0 3536 7054-9; โทรสาร. 0 3536 7050-1; สายด่วน. 1289; อีเมล. info@sacit.or.th

ก.แรงงาน คว้ารางวัล หน่วยงานรัฐสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนดีเด่น ด้าน Decent Work and Economic Growth ในงาน SIAMRATH ONLINE AWARD 2024

     
วันที่ 24 เมษายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นผู้แทนเข้ารับรางวัล “หน่วยงานภาครัฐที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนดีเด่น ด้าน Decent Work and Economic Growth” ภายใต้งานประกาศรางวัล SIAMRATH ONLINE AWARD 2024 เนื่องในโอกาสครบรอบ 21 ปีสยามรัฐออนไลน์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อมอบรางวัลให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคลในวงการบันเทิง ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และเป็นที่ยอมรับของประชาชน ภายใต้การคัดเลือกของคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมี คุณกตพล คงอุดม รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามรัฐ จำกัด เป็นประธานเปิดงาน ในการนี้ นางสาวกรจิรัฏฐ์ พงจันทร์ศธร ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในงานดังกล่าวด้วย ณ ห้อง Auditorium อาคาร ทรู ดิจิทัล พาร์ค ถนน สุขุมวิท 101/1 เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า บริษัท สยามรัฐ จำกัด มอบรางวัล“หน่วยงานภาครัฐที่สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนดีเด่น ด้าน Decent Work and Economic Growth” ให้กับกระทรวงแรงงาน เนื่องจากเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน  (Sustainable Development Goals : SDGs) ซึ่งเป็นเป้าหมายสู่ความยั่งยืนของมนุษยชาติ และจากการทำงานของกระทรวงแรงงานที่มุ่งเน้นการยกระดับกลุ่มแรงงาน ทั้งทางด้านอัตราค่าจ้าง การพัฒนาฝีมือแรงงาน การดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพแรงงาน ตลอดจนการช่วยเหลือแรงงานที่ประสบภัยสงครามและภัยธรรมชาติในต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 8 มุ่งส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ผ่านการยกระดับผลิตภาพแรงงานและการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการผลิต โดยการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวต้องให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเป็นผู้ประกอบการ การสร้างงาน รวมถึงการดำเนินนโยบายเพื่อขจัดปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย แรงงานทาส และการค้ามนุษย์ ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานเต็มที่และมีผลิตภาพ และการมีงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับประเด็นด้านแรงงานเป็นการเฉพาะ รวมถึงประเด็นเรื่องการลดสัดส่วนของเยาวชนที่ไม่มีงานทำ ไม่มีการศึกษา และไม่มีทักษะ ยุติแรงงานทาสและแรงงานเด็ก ปกป้องสิทธิแรงงานและส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและมั่นคงสำหรับผู้ทำงานทุกกลุ่มอีกด้วย 



“กระทรวงแรงงาน โดยท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการพัฒนาแรงงานอย่างยั่งยืน และยังคงมุ่งมั่นดูแลแรงงานทุกคน ทุกกลุ่ม ด้วยการเพิ่มอัตราค่าจ้าง Up skill ดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพแรงงานให้ครอบคลุมทุกมิติ สอดคล้องกับนโยบาย ทักษะดี 

มีงานทำ หลักประกันสังคมเด่น เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” นายไพโรจน์ กล่าว

CP LAND พลิกโฉมโปรดักต์ใหม่ยกแผงทั้งแนวราบ – แนวสูง

เตรียมเปิดตัว 5 โครงการแฟล็กชิพใหม่ทั่วประเทศ

24 เมษายน 2567 – กรุงเทพฯ , บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ CP LAND บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดแผนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 เดินเกมส์รุก บุกตลาดใหม่ ปรับดีไซน์โปรดักต์ยกแผงทั้งแนวราบและแนวสูง พร้อมเริ่มรับประกัน 10 ปี** เตรียมเปิดตัว 5 โครงการแฟล็กชิพใหม่ใน 4 จังหวัดทั่วประเทศ 




นายกีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND เปิดเผยว่า  ผลประกอบการธุรกิจของ CP LAND ในปี 2566 สามารถสร้างรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจตลอดทั้งปี 2567 ตั้งเป้าหมายที่เติบโตเพิ่มขึ้น 60%  เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการลงทุนเพื่อเปิดตัว 5 โครงการแฟล็กชิพใหม่ใน 4 จังหวัดทั่วประเทศในปี 2567 ประกอบด้วย

1.โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ภายใต้แบรนด์ลักซ์ริวา เรสซิเดนเซส (LUXRIVA RESIDENCES) ตั้งอยู่ในจ.นครศรีธรรมราช ระดับราคาเริ่มต้นที่ 12 – 20 ล้านบาท โดยได้ทำการเปิดการขายรอบ VVIP – Pre-Sale ไปแล้วเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งได้ Sold Out ในส่วนของโครงการเฟสแรกไปแล้ว และได้เปิดขายเฟสต่อไปทันที คาดว่าจะพร้อมโอนได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/2567

2.โครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ใหม่ ตั้งอยู่ในจ.พิษณุโลก ระดับราคาเริ่มต้นที่ 7 – 15 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายโครงการได้ในช่วงไตรมาส 3/2567

3.โครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ใหม่ ตั้งอยู่ในจ.นครสวรรค์ ระดับราคาเริ่มต้นที่ 7 – 15 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายโครงการได้ในช่วงไตรมาส 3/2567

4.โครงการคอนโดมิเนียม High Rise ภายใต้แบรนด์ใหม่  ตั้งอยู่ในจ.ขอนแก่น ระดับราคาเริ่มต้นที่ 2.3 – 4 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายโครงการได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/2567

5.โครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ภายใต้แบรนด์ใหม่ ตั้งอยู่ในจ.ขอนแก่น ระดับราคาเริ่มต้นที่ 1.7 – 3 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายโครงการได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/2567

การเปิดตัวโครงการใหม่ทั้ง 5 โครงการใน 4 จังหวัดครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของ CP LAND เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ หลังจากที่ CP LAND มีการรีเฟรชแบรนด์ ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น ปรับดีไซน์โปรดักต์ใหม่ยกแผงทั้งแนวราบและแนวสูง รับประกันถึง 10 ปี** โดย Welcome Home Club by CP LAND ใน 4 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1.โครงสร้างของอาคาร 2.การรั่วซึมของหลังคา 3.การรั่วซึมของระบบท่อน้ำและไฟฟ้า และ 4.การใช้งานของประตู และหน้าต่าง  ในโครงการเปิดใหม่ทั้งหมด  เพื่อให้สอดรับกับแผนธุรกิจที่เริ่มปรับแผนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา โดยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่าง LUXRIVA RESIDENCES นครศรีธรรมราช ถือเป็นการเปิดแบรนด์ใหม่นำร่องแบรนด์แรก ก่อนที่ CP LAND จะทยอยเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆในส่วนของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกมาในช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2567





สำหรับแบรนด์ LUXRIVA RESIDENCES นครศรีธรรมราช ที่สามารถ Sold Out ในเฟสแรกได้อย่างรวดเร็วถือว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญของ CP LAND ยุคใหม่ที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง (High-Net-Worth Individuals) กลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จ หรือ Local Achiever และกลุ่มลูกค้าลักซ์ชัวรี่ภูมิภาค ซึ่งถือเป็นการวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย  มีการออกแบบดีไซน์บ้านแนวใหม่ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า ด้วยจุดแข็งที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่ได้รับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ภายใต้มาตรฐานการทำงานและก่อสร้างของบริษัท ที่มีการเริ่มรับประกัน 10 ปี**เป็นโครงการแรก  ตลอดจนการออกแบบโครงการที่ชูดีไซน์การออกแบบโมเดิร์น ผสมผสานเอกลักษณ์ระหว่างศิลปวัฒนธรรมไทย และ วัฒนธรรมท้องถิ่นของภาคใต้ โดยนำศิลปินนักออกแบบระดับประเทศ ร่วมนำเสนอภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้เข้ากับความร่วมสมัย พร้อมประยุกต์ดีไซน์ในส่วนต่าง ๆ ให้เข้ากับสภาพอากาศในประเทศเขตร้อนชื้น ทำให้ผู้พักอาศัยมีสภาวะความเป็นอยู่ที่สบายที่สุด รู้สึกถึงความร่มเย็น

“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จากการดูแนวโน้มทางเศรษฐกิจในปี 2567 ยังคงเป็นความท้าทายต่อแผนขับเคลื่อนธุรกิจของ CP LAND เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ แต่ในตลาดบ้านเดี่ยว กลุ่มลูกค้า Premium-Luxury Tier มีแนวโน้มจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สวนทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินกู้ เพียงแต่สินค้าต้องมีความตอบโจทย์ในทุกความต้องการขั้นพื้นฐาน ให้ความรู้สึกเป็นที่พักอาศัยอย่างแท้จริง ทาง CP LAND มองเห็นช่องโอกาสนี้จึงได้ตั้งใจพัฒนาสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ LUXRIVA RESIDENCES  และแบรนด์ใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านของภาพลักษณ์ และ ฟังก์ชันการใช้งาน ที่ผ่านการทำการศึกษาด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญ และมอบความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้า ด้วยการรับประกัน 10 ปี โดย Welcome Home Club by CP LAND ปี  เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจาก CP LAND ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ว่า หากจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้นึกถึง CP LAND ด้วยแนวคิดนี้ จึงเชื่อมั่นว่า แบรนด์ CP LAND จะมีความแข็งแรง เติบโตไปพร้อมความน่าสนใจและเป็นที่ต้องการในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆได้อย่างแน่นอน”นายกีรติ กล่าวทิ้งทาย 


 ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.CPLAND.co.th

ข่าวประชาสัมพันธ์

ยูเอฟเอ็ม ครบรอบ 60 ปี แจกทองคำเป็นล้าน รวมกว่า 6 ล้านบาท

เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี  บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ UFM ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งสาลีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จัดกิจกรรม “...

โวยวายดอทคอม