หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับ
รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เตรียมจัดงานเสวนารู้ทันโรคตับ ตอนไวรัสตับอักเสบบี ซี ไขมันตับ มะเร็งตับ “กัญชาหรือยาหมอ” ในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 เวลา 08.00-16.30 น ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
รศ.นพ.ดร.ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับ
รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า “ ปกติแล้ว ศูนย์ฯ
นอกจากให้การรักษาบริการด้านการแพทย์โรคตับแล้ว ยังมีนโยบายการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับโรคตับ
ในทุกปีจะมีการจัดงานเสวนาใหญ่เพื่อประชาสัมพันธ์ด้านโรคตับ
และในแต่ละปีเราใช้คำว่า “งานเสวนารู้ทันโลกตับ”
แต่ธีมส์ในการเสวนาจะเปลี่ยนไปในทุก ๆ ปี ระยะหลังจะจัดงานค่อนข้างใหญ่ขึ้น ที่หอประชุมใหญ่
จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เป็นที่เดียวกับที่นิสิตจะรับปริญญา จุคน 1500 คน ประชาชนที่เข้ามา
ก็มาอย่างตั้งใจเพราะมีค่าใช้จ่ายในกาเข้าร่วมประชุมมากกว่า 1500 คน ต่อปีต่อครั้ง”
และในปีนี้จัดงานขึ้น 20 ตุลาคม 8.00-16.00 น.
โดยใช้ชื่อ เสวนารู้ทันโรคตับไวรัสตับอีกเสบบี ซี ไขมันพอกตับ มะเร็งตับ และยังมี
“กัญชาหรือยาหมอ “ เป็นไฮไลท์ของปีนี้ ...เมื่อรู้ทันโรคตับแล้ว
จะเลือกกัญชาหรือยาหมอ เป็นจุดสำคัญ ศ.นพ. ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา เป็นวิทยากร
ความเข้าใจผิดอุปสรรคใหญ่ในการรักษา
หัวหน้าศูนย์ฯ
กล่าวต่อถึงกิจกรรมภายในงานว่า “ตั้งแต่เช้าจะเน้นเรื่องของ โรคตับชนิดต่าง ๆ
โดยเฉพาะ ไวรัสตับ บี ซี แอลกอฮอลล์ ไขมันพอกตับ ที่สำคัญกว่านั้นคือปัจจุบันการรักษาโรคเหล่านี้
เปลี่ยนแปลงไป ไวรัสซี สามารถรักษาได้หายขาดเกือบ 100 % และนโยบายของรัฐเอง
คนทุกคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบซี สามารถเข้ารับการรักษาได้ ไวรัสบีเองก็มียาที่ดีมากร่วมยี่สิบปีแล้ว
นอกจากนี้ยังจะมีการสร้างความเข้าใจในด้านไขมันฟอกตับ
อีกประการหนึ่ง
คนที่เป็นโรคตับนอกจากความเข้าใจผิดแล้ว อีกเรื่องหนึ่งคือกำลังใจ การดูแลตัวเอง
กำลังใจที่จะกินยารักษา พลังใจที่จะลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร
พลังใจที่เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นตับแข็งเป็นมะเร็งตับแล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร
ทั้งที่โรคเหล่านี้หายขาดได้ แต่กำลังใจพังไปซะก่อนที่ตับจะพัง
คำว่ากำลังใจนี้สำคัญ
โดยจะมีผู้ป่วยโรคตับที่ได้รับการเปลี่ยนตับไปแล้ว จะดูแลตัวเองอย่างไร
คนที่ตับแข็งไปแล้ว เขาปรับชีวิตไปเป็นนักกีฬามาราธอน
ทำอย่างไรที่จะควบคุมอารมณ์จนโรคตับหายไป”
นอกจากนั้นภายในงาน ยังได้เชิญ คุณนวลพรรณ
ล่ำซำ ท่านไม่ได้เป็นโรคตับแต่ถือว่าเป็นบุคคลที่สำคัญในหลาย ๆ ด้าน
ที่สำคัญคือเป็นผู้นำเยาวชนในการออกกำลังกาย ความใส่ใจ ความสนใจในการออกกำลังกาย
เล่นฟุตบอลต่าง ๆ ซึ่งเป็นจุดสำคัญว่าเราจะต้าน โรคไขมันพอกตับได้อย่างไร
ในงานของการเสวนาเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
รศ.นพ.ดร.ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์ กล่าวต่อว่า
“หลังเสวนา ช่วงท้ายจะมี ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสตับอักเสบและเป็นผู้นำด้านการรักษาโรคคนหนึ่ง
ท่านจะมาคุยโรคเราจะได้ยิน WHO ว่า ไวรัสสับอักเสบจะหมดไปใน 2030
อีกสิบปีข้างหน้าประเทศไทยจะจัดการไวรัสตับอักเสบได้หมดไปตามนโยบายขององค์การอนามัยโรคจริงหรือไม่
ซึ่งจะมีข้อมูลจากงานวิจัยมาให้ประชาชนได้รับทราบและวางแผนในการใช้ชีวิต
หลายคนที่เข้ามาในการประชุมต้องการรู้มากว่า
ตอนนี้ไวรัสซี มียาที่หายขาดหรือไม่ ไวรัสบีมียาที่รักษาให้ตับแข็งหายแข็งได้แล้ว
ตับคนไข้นั้น เรารอจนกระทั่งตับหายแข็งไปเลยมี
แต่ความเชื่อของคนไทยเป็นอุปสรรคต่อการรักษา
เพราะฉะนั้นคนที่ต้องการจะรู้เกี่ยวกับการรักษาไวรัสที่ว่ามานี้ ต้องมาในงานนี้
ปัญหาคือคนที่เป็นโรคตับกว่าจะถึงระยะสุดท้ายต้องใช้เวลา 20-30 ปี
โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ามีโรคตับแอบแฝงอยู่ ในนี้ ( กลุ่มสื่อมวลชนที่สัมภาษณ์)
ใน 10 คนไม่รู้เลยว่ามี คนที่เป็นโรคตับแอบแฝงอยู่
เพราะฉะนั้นคนที่จะเป็นตับแข็งอีกยี่สิบปีจึงจะรู้หากไม่ไปตรวจร่างกาย
แต่โรคตับจะมาเหมือนกับตกเหวเลยทีเดียว
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมาเมื่อมีปัญหามากแล้ว มีน้ำโต ท้องมาร อาเจียนเป็นเลือด
ชีวิตจริงของจริง จะมีผู้ป่วยที่เป็นโรคตับมาแสดงจริงว่าเราจะทำอย่างไรกันบ้าง
ที่จะหยุดโรคนั้น
มะเร็งตับรักษาได้
หัวหน้าศูนย์ ฯ กล่าวต่อไปว่า “ชั่วโมงสุดท้ายมีการพูดถึงเรื่องมะเร็งตับว่าสามเดือนสุดท้ายเมื่อเป็นมะเร็งตับเตรียมตัวตาย
แต่จริงๆ แล้วปัจจุบันเราสามารถตรวจจับมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะต้น ผ่าตัดได้
เปลี่ยนตับได้ หายขาดได้ แต่ถ้าใครที่ปล่อยตัวเองไปจนกระทั่งถึงเป็นมากแล้ว
เรายังมีวิทยาการต่าง ๆ ที่จุฬาฯ เองสามารถจี้ด้วยความร้อน อุด ใช้ไมโครเวฟ ใช้แอลกอฮอลล์
ใช้รังสีทำลายมะเร็งหรือหยุดโรคมะเร็งได้
แต่ถ้ามะเร็งยังก้าวต่อไปเรายังมียาปัจจุบันที่ไปยับยั้งในเรื่องของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงตัวมะเร็ง
ยับยั้งตัวมะเร็งเองไม่ให้โตขึ้น มีหลายชนิด มีคนใช้อยู่เยอะ
ได้ผลประโยชน์จากยาเยอะ
แต่ที่ไปไกลจากกว่านั้นคือเดี๋ยวนี้เราเปลี่ยนวิทยาการรักษาไปถึงขั้นเราไม่ได้รักษาด้วยเคมีบำบัด
ไม่ได้รักษาด้วยยาหยุดมะเร็งเราใช้ภูมิต้านทานในการหยุดมะเร็ง ซึ่งก็เปลี่ยนไป
เราได้ยินคำว่า เคมีบำบัด เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นยามุ่งเป้า
การรักษายามุ่งเป้าจับในเซลล์มะเร็งโตไม่ได้
แต่ยุคนี้เปลี่ยนไปอีกไม่ได้ใช้ยามุ่งเป้าแล้ว แต่เป็นยาที่ไปกระตุ้นภูมิต้านทานของตนเองไปรู้จักว่ามะเร็งแอบอยู่ในร่างกายตรงไหน
เรามีตัวอย่างมากมาย ใครสนใจในการรักษา มะเร็งตับในวิธีใหม่ๆ น่าจะเข้ามาฟัง
สถานการณ์การเป็นมะเร็งตับในคนไทย
หัวหน้าศูนย์ ฯ เผยถึงสถานการณ์การเป็นมะเร็งตับในประเทศไทยว่า “ต้องใช้คำว่า ครองโลกมนุษย์เป็นอันดับหนึ่งของมะเร็งทั้งปวง ในผู้ชายอันดับหนึ่งคือ มะเร็งตับ รองลงมาคือมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่าง ๆ ผู้หญิงก็อาจจะมีมะเร็งเต้านม ปากมดลูก นำหน้าขึ้นมานิดหนึ่งแต่อันดับสามก็ยังคงเป็นมะเร็งตับ
ทำไมเป็นมะเร็งตับ เพราะมะเร็งตับมองสองแบบ
หนึ่งมะเร็งท่อน้ำดี เราเป็นเมืองหลวงของมะเร็งท่อน้ำดีของโลก อีสานบ้านเรามีผู้ป่วยเยอะมาก
เป็นของคนยุคเจนเนอเรชั่นเก่า ที่กินปลาส้ม ปลาร้า
ที่ก่อให้เกิดพยาธิใบไม้ทำให้ท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรังจนกระทั่งกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดี
ปัจจุบันเริ่มลดลง เพราะประเทศพัฒนาขึ้น
ส่วนมะเร็งที่ยังนำหน้าอยู่คือมะเร็งตับ โดยตรง ภาวะเสี่ยงที่ไปถึงตรงนั้น
ไวรัสตับอักเสบบี ซี อัลกอฮอลล์ ไขมันพอกตับ จะเป็นเยอะมาก
นอกจากนั้นเป็นโรคอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดเรื้อรัง
เช่นโรคแพ้ภูมิตัวเอง ทำให้ตับเรือ้รังได้กว่าคนเราจะตับแข็ง ติดเชื้อวันนี้
ดื่มเหล้าวันนี้ กว่าจะถึงขั้นตับแข็งใช้วเลาสิบถึงสามสิบปี เป็นโรคโดยไม่รู้ตัว
เราจึงได้ข่าวว่า คนที่เป็นมะเร็งตับเพราะมะเร็งโตขึ้นจนเต็มตับแต่เจ้าตัวไม่รู้
หรือเป็นตับแข็งหรือตับวายมาแต่เจ้าตัวไม่รู้ถ้าเรามองภาพว่า เด็กหรือผู้ใหญ่ ต่ำกว่า 30 ปี
จะหลุดจากภาวะนั้น แต่ถ้ามากกว่า 30 ปี ขึ้นไปต้องตรวจ
ปัญหาเรื่องโรคตับ
และเมื่อถามถึงการสังเกตุอาการก่อนจะเป็นโรคตับ
หัวหน้าศูนย์ ฯ กล่าวว่า “ต้องเดินเข้าไปตรวจอย่างเดียว
เช็คดูค่าการอักเสบของตับ บอกหมอได้เลยว่าขอเช็คไวรัสบี ไวรัสซี คัดกรอง
เสียค่าใช้จ่ายหลักร้อยเท่านั้น
อัลตราซาวน์ควรจะทำสักครั้งว่าจะมีก้อนอะไรอยู่ในตับหรือไม่ ควรรู้พื้นฐานก่อน ใครก็ตามที่มีญาติพี่น้องเป็นตับแข็ง
ต้องตรวจ อาจเป็นพันธุกรรม ซึ่งรักษากันแต่เนิ่น ๆ
ไวรัสซี เมื่อ 35 ปีที่แล้ว เราไม่รู้จัก
ใครที่ได้รับเลือด ยุคนั้นสมัยที่เรายังเป็นนักเรียนในยุคนั้น
คนทางเหนือตอนล่างที่พิษณุโลก หล่มสัก เพชรบูรณ์ น่าจะเป็นดงของไวรัสตับซี
จะเป็นเพราะยุคสงคราม หมู่บ้านหนึ่งไปสำรวจ มีไวรัสซีซ่อนอยู่ถึง 16 คนใน 100 คน
ทั่วประเทศไทย เฉลี่ย 2 %
ด้านความแตกต่างของไวรัสตับแต่ละตัว
หัวหน้าศูนย์ ฯ
กล่าวถึง อาการของไวรัสตับในแต่ละตัวว่า พอจะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ด้วยกัน คือ 1.
โรคตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสตับอักเสบหลายชนิด เช่น เอ บี ซี
ดี อี และเชื้อไวรัสตัวอื่น ๆ รวมทั้งยาหรือสารมีพิษต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยคือ
การทานยาทุกชนิด ทั้งแผนปัจจุบัน ยาไทย
ยาสมุนไพร ยาจีน ยาต้มยาหม้อ วิตามิน อาหารเสริม ซึ่งในระยะหลัง
ส่วนใหญ่ใช้โดยได้รับการโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางสื่อออนไลน์ โรคตับอักเสบเฉียบพลันส่วนใหญ่มีอาการ
รอจนเป็นผู้ป่วยอาจจะมีอาการของโรคตับคือ ตาเหลือง อ่อนเพลีย
ส่วนมากแล้วหากอาการไม่รุนแรงจะหายเองในระยะ 6 เดือน
2. โรคตับอักเสบเรื้อรัง
เป็นโรคตับจากสาเหตุต่าง ๆ ที่ไม่หายไปเองภายในเวลาหกเดือน
ผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการให้รู้ โรคตับจะเป็นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม โรคจะดำเนินต่อไปจนเกิดภาวะตับแข็ง และค่อย ๆ
เป็นมากขึ้นจนเริ่มมีอาการของภาวะตับวาย เช่น ขาบวม ท้องโต อาเจียนเป็นเลือด
ซึมสับสน และ เสียชีวิตในที่สุด หรือมีมะเร็งตับแทรกซ้อน
ส่วนใหญ่ในบ้านเราจะมีสาเหตที่สำคัญคือ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซี แอลกอฮอล์ และไขมันพอตับ
ซึ่งมักจะเกิดในคนที่มีน้ำหนักเกิน อ้วน และเบาหวาน
3. เนื้องอกในตับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อที่ดี
ไม่ใช่เนื้อร้ายไม่มีอันตราย
เพียงขอให้แพทย์ได้พิสูจน์เพื่อความมั่นใจเสียก่อนเพื่อความสบายใจ ส่วนมะเร็งตับมีทั้งมะเร็งท่อน้ำดี
และมะเร็งจากเนื้อตับ
ในประเทศไทยมะเร็งจากเนื้อตับพบมากเป็นอันดับหนึ่งในมะเร็งทั้งหมด
มักจะเกิดขึ้นผู้ป่วยที่มีโรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็งจากสาเหตุข้างต้น
วิถีการกิน วิถีการเกิดโรค
หัวหน้าศูนย์ฯ เผยถึงเรื่องที่น่าตกใจ และถือเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทย
คือการกินยา “ เราเปลี่ยนไปทุก ๆ ปีตามความนิยม
ยุคก่อนเป็นยุคโอท้อปก็เป็นกระชายดำ ยุคของการสารเพื่อรักษาเบาหวาน บอระเพ็ด มะรุม
ซึ่งโฆษณากันเยอะมาก เป็นมะรุมแคปซูล เมื่อปีที่แล้วเป็นยุคเห็ดหลินจือผง
สปอร์ทั้งหลาย เราเจอคนไข้ที่มาในสภาพตับอักเสบน้อยไปจนถึงเสียชีวิตเยอะในปีที่ผ่านมา
เมื่อปีกว่าที่ผ่านมา
จะเป็นยุคที่ไปกินโปรตีนสังเคราะห์หรือโปรตีนอาหารเสริมต่าง ๆ บอกยี่ห้อไม่ได้
แต่ก็มีบางยี่ห้อที่มีอันตราย ไปกินคอลลาเจน คอลลาเจนเฉย ๆ
หรือที่ขายตรงก็มักจะผสมอะไรก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นเราจะเจอคนที่กินคอลลาเจนรักษาผิวมาด้วยตับอักเสบเยอะมาก
ในยุคปีที่ผ่านมา
ถั่งเช่าตัวมันเองอาจจะรักษานู่นนี่
แต่ก็มีคนที่ทานแล้วมีผลกระทบจากตัวมันเองนิดหน่อย
แต่สารที่ผสมกับถั่งเช่าก็จะมีปัญหา คอลลาเจนตอนนี้มาแรงมาก ซึ่งไม่มีงานศึกษาวิจัยที่ชัดเจนว่าสามารถรักษาไวรัสตับได้
ส่วนของกัญชา
ดูเหมือนจะกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความวิตกให้กับแพทย์
นั่นคือ การใช้กัญชาในการรักษา หัวหน้าศูนย์ ฯ เล่าว่า “ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือคนไข้ในคลินิก
1000 คนมากกว่า 50 % รองใช้กัญชามาแล้วทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นคนไข้ไวรัสตับอักเสบก็คิดว่ากัญชาจะช่วยให้ไวรัสหายได้ ไขมันหายได้
มะเร็งตับ มากกว่า 80 % หยอดกัญชามาแล้วทั้งนั้น
มีข้อมูลจากผมเองที่เห็นคนไข้ที่ไปได้รับกัญชาแล้วทรุดลง อาจจะไม่บริสุทธิ์
หรือคนที่ตับแข็งระยะสุดท้ายได้รับกัญชาไปแล้วไม่ตื่น เพราะวิธีการใช้ เพราะขนาด
เพราะโดรส เขาไปนำกัญชานอกระบบมาใช้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก แต่ว่า
การเสวนานี้จะบอกว่า เมื่อคนไข้เลี่ยงไม่ได้ในการใช้กัญชา ก็ต้องใช้ให้เป็น
แนวทางการป้องกัน
“....ผมมักจะสอนเสมอว่า
วิธีการตรวจโรคตับหรือไปจนถึงระยะตับแข็งแล้ว จะไม่มีอาการบวม แต่ถ้าไปดูฝ่ามือ
เขาจะมีอุ้งมือด้านใต้นิ้วโป้งกับนิ้วก้อยจะแดงกว่าตรงอื่น เรียกว่าฝ่ามือแดง
เมื่อมาตรวจกับผม ฝ่ามือแดงผมบอกได้เลยว่าอีกสิบปีคุณเสียชีวิต หรือผื่นแมงมุมจะเห็นได้ตาม
หน้าอก หลัง แขน คอ ไม่ได้อยู่ส่วนหน้าของร่างกาย จะมีขาเหมือนแมงมุมแดง ๆ
ใครที่ดื่มอัลกอฮอลล์เยอะจะเห็นและก็จะบอกได้เลยว่าอีกสิบปีเสียชีวิตน่าจะมีตับแข็งอยู่
ใครเจอว่าตัวเองตัวเหลือง
ให้ดูที่ตาขาวสีเหลือง ปัสสาวะสีเหลืองเข้มขึ้นเวลาเกิดตับอักเสบ
ซึ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด ตับอักเสบ ตับแข็ง ไปดูอย่างนั้นช้าไป
มักไปถึงสุดท้ายแล้วค่อยโชว์ แต่คนที่กินคอลลาเจนตับอักเสบแบบเฉียบพลัน
บางทีมาด้วยเหลือง สังเกตที่ตา ปัสสาวะ อาการเพลีย
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือ ต้องตรวจสุขภาพ
“...เราเป็นสถานที่อบรมแพทย์เฉพาะทางโรคตับ
การบริการเราสอนนักเรียนเพื่อออกไปให้ความรู้และดูแลประชาชน
แต่สำหรับประชาชนทั่วไป หาข้อมูลได้จากเวปไซต์ของทางศูนย์ฯ
แต่ผมแนะนำว่า ใครที่รู้หรือสงสัยว่าจะเป็นให้ไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้านก่อน
เชื่อว่าหมออายุรแพทย์รุ่นใหม่จะสามารถคัดกรองโรคได้
เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะคัดกรองว่าคนไข้คนนั้นจะเข้าสู่ศูนย์ฯ ในภาคนั้น
เมื่อภาคนั้นรักษาไม่ไหวก็จะมาที่ภาคกลางก็จะมีโรงเรียนแพทย์หลายๆ แห่ง
ที่ศูนย์ ฯ ปัจจุบันแห่งนี้ มีเครื่องมือพิเศษ
อัลตราซาวด์พิเศษที่อื่นอาจจะยังไม่มี เป็นวิทยาการที่ใหม่ มีเครื่องฉายรังสีเฉพาะจุด เราหมอผ่าตัดที่ชำนาญ มีทีมงานแพทย์ที่จะดูแล
แต่ถ้ามาทั้งประเทศไม่ไหว แต่เราก็มีแพทย์ที่เราสอนทั้งยี่สิบรุ่น
ก็ได้กระจายไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เขาก็จะคัดกรองและส่งต่อ”
ใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อออนไลน์
การเสพข้อมูลของคนเราปัจจุบันเปลี่ยนไป
ไม่ว่าตั้งแต่การรักษาตัวไปยันการเมือง เราเสพอะไรที่ผิดแล้ว
เราจะเห็นว่าผิดตั้งแต่การเมืองยันไม่เมือง พอการไม่เมืองเสร็จโดยเฉพาะสาธารณสุข
เฉพาะโรคตับเฉยๆ เยอะมาก เพราะคนปัจจุบันมีแนวโน้มไปสนใจเรื่องอาหารเสริมมากกว่า
วิตามิน คอลลาเจน ถั่งเช่า การทานคลีน ซึ่งหลายๆ คนทานคลีนตับอาจจะหายไปเลยก็ได้
เพราะฉะนั้นข้อมูลเหล่านี้บอกยาก
ผมอยากให้ใช้วิจารณาณ โดยปกติแล้ว
ข้อมูลจากออนไลน์เมื่อมีการอัพข้อมูลแล้วจะตบท้ายว่า
แหล่งที่มาของข้อมูลนั้นมาจากไหน ถือว่าสำคัญที่สุด ความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา
หรือหากประชาชนกลัวจริง ๆ หลังจากได้ยาหรือวิตามินนั้นไปสักสองอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนมักจะเกิดไวรัสตับอักเสบ
ก็ไปตรวจร่างกาย” หัวหน้าศูนย์ ฯ กล่าวในท้ายสุด
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าฟังการเสวนาในครั้งนี้จะรับจำนวนจำกัดเพียง
1,000
คนเท่านั้น โดยสมัครลงทะเบียนผ่านทาง QR Code ตั้งแต่วันที่ 2
กันยายน – 11
ตุลาคม 2562
โดยเสียค่าสมัครคนละ 400
บาท พร้อมรับหนังสือ ของว่าง อาหารกลางวัน
รายได้ทั้งหมดบริจาคเข้าสมทบทุนผู้ป่วยโรคตับ มูลนิธิคณะแพทย์ศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-256-4691, 062-362-4348 โทรสาร
02-256-4000 ต่อ
3467 ID
Line:@liverunit e-mail:chulaliverunit@gmail.com