วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี

ดีเหลือเกิน ถ้าเราได้เดิน เคียงข้างกัน รักนี้ "ให้" เธอ
ณ.สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี




ชมรมเว็ปคลับ ไทยแลนด์ ร่วมกับสมาชิกสื่อมวลชนและองค์กรภาคี ขานรับเดือนแห่งความรัก ด้วยการจัดงานกิจกรรมการกุศล โครงการ รักนี้ “ให้” เธอ (สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี)  จะมีขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 10.30 น. ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 


นางสาวนาริฐา จ้อยเอม ประธานชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ในนามชมรม " WebClub Thailand” 
ได้จัดทำโครงการ รักนี้ ”ให้” เธอ( สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี)
  กิจกรรมเพื่อการกุศล อันถือเป็น Charity No 1 ของสมาชิกชมรมเว็บคลับ ไทยแลนด์ ซึ่งประกอบด้วยสื่อมวลชนจากหลากหลายแขนง อาทิ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สำนักข่าวออนไลน์
ทางชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแบ่งปันความรัก ความเอื้ออาทร เพื่อมอบให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม ในเทศกาลเดือนแห่งความรักนี้ จึงจัดระดมทุนทรัพย์หรือของใช้ที่มีความจำเป็นสำหรับสตรี โดยเชิญชวนองค์กรพันธมิตรหลายแห่งที่มีความประสงค์จะร่วมโครงการ รักนี้ “ให้”เธอ เพื่อคนไร้ที่พึ่ง  ซึ่งอยู่ในความดูแลของ นางปรานอม ประดิษฐกำจรชัย ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จำนวนทั้งสิ้น 438 คน อายุตั้งแต่ 18 ปีจนถึงผู้สูงวัย มีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล 38 คน 

ทั้งนี้ "Web Club Thailand"ได้ลงพื้นที่จริง และพูดคุยกับผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ฯ พบว่ามีปัญหามากมายที่รอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญอีกจำนวนมาก ท่านสามารถเดินทางร่วมกิจกรรมหรือมอบเงินหรือสิ่งของบริจาค ในรูปแบบที่ท่านสะดวก โดยกำหนดการจัดกิจกรรม รักนี้ ”ให้”เธอ (สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี) ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 10.30 น. ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดย นายอุเทน ชนะกุล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ"


นางปรานอม ประดิษฐกำจรชัย ผู้ปกครองสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เผยว่า “สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี เป็นสถานที่ ๆ ให้ความช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งหญิงตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ทั้งเรื่องปัจจัย 4 อาหาร ที่พัก เครื่องใช้ที่จำเป็น การรักษาพยาบาลโดยเจ้าหน้าที่พยาบาล,แพทย์ทางจิตเวชและผิวหนัง จัดทำทะเบียนประวัติ ติดต่อญาติ ให้คำปรึกษาแนะนำแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูสภาพจิตใจ จัดทำกิจกรรมบำบัดผ่อนคลายความตึงเครียด เช่น งานหัตถกรรม ตัดเย็บ เสริมสวย และการเกษตรเพื่อให้ผู้สูงอายุมีกำลังใจและสามารถช่วยเหลือบุคคลอื่นได้ด้วย จำนวนผู้ที่อยู่ในความดูแลมีจำนวนทั้งสิ้น 438 คนต่อความดูแลของเจ้าหน้าที่ 38 คน” 



โดยสามารถร่วมบริจาคได้ตามช่องทางดังนี้
1.บริจาคด้วยตนเอง ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 10.30 น.
ณ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิง ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

2.โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นาริฐา จ้อยเอม
เลขที่บัญชี 7622356931 (กรุณาบันทึกช่วยจำในสลิปการโอนเงินว่า
  เพื่อโครงการ รักนี้ ให้ เธอ)
 กรุณาส่งหลักฐานการโอนเงิน พร้อมทั้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ อย่างชัดเจน มาที่ Line 0815547272 (ก๊อก Btripnews)
 เพื่อดําเนินการออกใบเสร็จรับเงิน

3.สำหรับสิ่งของบริจาค สามารถส่งไปที่ กองหนึ่งใจ... เดียวกันฯ 255. ภายในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ถนนราชวิถี  แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี  กทม.10400 (ส่งต่อ : สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี โครงการ  รักนี้ “ให้” เธอ)  เจ้าหน้าที่ประสานงาน กองหนึ่งใจ คุณเปรม 09 1879 7982 คุณจิ๋ม 06 3192 7485
หรือ สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี เลขที่ 7 หมู่ 2 ถนน รังสิต - นครนายก ตำบลรังสิต
อำเภอธัญบุรี ปทุมธานี 12110 โทร. 0 2577 1148
  (โครงการ  รักนี้ “ให้” เธอ) 
(เปิดรับบริจาคตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 16.00 น.)
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่ Facebook : Webclub Thailand


ชมรม เว็บคลับ ไทยแลนด์  Web Club Thailand (WCT)
7/162 บูรพา 25  ซอยเวฬุวนาราม 36 ตำบล ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210
โทร 081 5547272
     

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563

งานโยคะยิ่งใหญ่ครั้งแรกในเชียงใหม่

ททท จัดงานโยคะยิ่งใหญ่ครั้งแรกในเชียงใหม่
ททท สำนักเชียงใหม่ ร่วมกับ บริษัท เมคเฟรนส์ ฟอร์ยู จำกัด

โยคะที่มีท่วงท่างดงาม  ททท สำนักเชียงใหม่ ร่วมกับ บริษัท เมคเฟรนส์ ฟอร์ยู จำกัดจัดขึ้นฟกิจกรรม Chiangmai Yoga Art & Dance 2020 เพื่อต้อนรับวาเลนไทม์ โดยการจัดงานโยคะยิ่งใหญู่ ที่ วันนิมมาน พร้อมลมหนาวกลางใจเมืองเชียงใหม่เริ่มขึ้นในวันที่ 14-16 กพ 2563  รวมครูโยคะ  ครูสอนเต้น กว่า 30 คนทั้งในประเทศ และเอเชีย พร้อมกับคลาสฝึกฝนกว่า 50 คลาสเพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุลมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาโรคต่างๆ  มีความสุข กับการฝึกโยคะ การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ขอให้ขยัน มีวินัย อดทน อย่าท้อ




โยคะยิ่งใหญู่ ที่ วันนิมมาน ชั้น 5 , ชั้น 1 โดยรวมครู ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ เทคนิคพิเศษต่างๆ โดยพิเศษสุด ห้องโยคะเรืองแสง สร้างสีสันโดย AIA Vatality มาให้ความสุข สนุกสนาน ในการเล่นโยคะมากขึ้น

การจัดงาน 3 วัน 14-16 ก.พ 63 ตั้งแต่ 8.30-20.00 น พร้อมกิจกรรมมากมายภายในงาน อาทิ เช่น

บูธขายสินค้าทั้งในเชียงใหม่ กรุงเทพ และต่างประเทศ บูธแสดงศิลปะของเชียงใหม่ การเพ๊นท์ร่ม การทำเครื่องเงิน กานวดแบบล้านนา และพิเศษสุด ตรวจสุขภาพฟรี เจาะเลือด เช็คเบื้องต้น โดย AIA Vatality



ติดต่อซื้อบัตรล่วงหน้าได้ที่www.eventpop.me/e/6631

คนเชียงใหม่ ราคาพิเศษที่ www.asiawellness.net,

Tel/Line : 090 657 3020

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

“ถึงกับเหวอ! สาวสุดสงสาร เจอลุงขอทานตาบอด แต่โป๊ะแตก ลุงขับรถฟอร์จูนเนอร์

พส. ชี้แจง กรณี สื่อสังคมออนไลน์ลงข่าว  


       จากกรณีสื่ออนไลน์ นำเสนอข่าว เจอลุงขอทานตาบอด ขับรถฟอร์จูนเนอร์นำมาจอดไว้บริเวณหน้ารั้ววัดดอนสะแก ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
     กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนนทบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว และสอบถามข้อมูลกับผู้ประกอบการร้านค้า พ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาชื้อของในตลาด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 – 60 ปี แต่งกายเสื้อผ้าเก่าสวมแขนยาว กางเกงขายาว สวมแว่นตาสีดำ ถือไม้เท้า สวมหมวก มีลำโพงและไมค์ เพื่อใช้ในการร้องเพลง บางครั้งจะมีผู้หญิงเดินจูงเพื่อขอเงิน และใช้วิธีการเดินจากวัดไปตลาดและบริเวณข้างเคียง โดยการร้องเพลง จะเริ่มเดินขอทานช่วงเวลา 15.30 – 17.00 แต่ไม่ได้มาทุกวัน จะพบเห็นวันจันทร์กับวันศุกร์ และไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่บริเวณแถวนั้น เพลงที่ใช้ร้องส่วนใหญ่ เป็นเพลงลูกทุ่ง ร้องเป็นทำนอง และไม่พบเห็นบัตร
ผู้แสดงความสามารถ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 บางครั้งมีพฤติกรรมแกล้งเป็นคนตาบอดถือไม้เท้าร้องเพลง เพื่อให้ประชาชนบริเวณ ซอยตลาดพระปิ่น 3 ซอย 9 เกิดความสงสาร และมอบเงินให้ ซึ่งประชาชนที่เดินไปมา จะพบเห็นพฤติกรรมการขอเงิน 




     กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ขอชี้แจง ว่าจากกรณีดังกล่าว ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการลงพื้นที่ในทันที แต่ไม่พบชายรายดังกล่าว ได้สอบถามผู้ประกอบการในตลาดพระปิ่น 3 และประชาสัมพันธ์กับผู้ประกอบการ หากพบเห็นชายไม่ทราบชื่อดังกล่าวให้โทรแจ้ง หรือถ่ายคลิปพฤติกรรมดังกล่าว ส่งให้ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนนทบุรี เพื่อจะได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 หากพบชายรายดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งข้อมูลสภาพความเป็นอยู่ รายได้ สภาพปัญหา เพื่อให้การช่วยเหลือ และหากประสงค์จะมีบัตรผู้แสดงความสามารถ จะได้แนะนำการจดทะเบียนเป็นผู้แสดงความสามารถ ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่อไป
   
     นอกจากนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงกระบวนการทำงานตามภารกิจของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ รวมถึงให้ความรู้ด้านกฎหมาย โดยได้อธิบายว่า กรณีทั่วไปหากพบผู้ที่มีพฤติการณ์อันแสดงออกว่าเป็นการขอทานตามกฎหมายมาตรา 13 จะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน  พ.ศ. 2559 อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาขอทาน จะประสบผลสำเร็จได้นั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชน ซึ่งเป็นผู้หยิบยื่นเงินให้แก่ผู้ทำการขอทาน ถือว่าเป็นผู้ที่มีจิตใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ขอให้ท่านโปรดฉุกคิดสักนิดถึงผลกระทบจากการให้ดังกล่าวว่าอาจเป็นการส่งเสริมขบวนการขอทาน จึงอยากจะสื่อสารสังคมให้เกิดความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559 กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงได้จัดทำคลิปวิดีโอสั้นเรื่อง “ให้โอกาส เปลี่ยนชีวิต หยุดคิด…ก่อนให้ทาน”




 เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการขอทานในสังคมไทย สร้างความเข้าใจในการให้ทานอย่างถูกวิธี และการส่งเสริมทัศนคติใหม่ในการบริจาคโดยการให้โอกาส การสร้างงานสร้างอาชีพให้กับบุคคลเหล่านั้น ให้สามารถพึ่งตนเองได้ หรืออาจจะบริจาคให้แก่หน่วยงาน องค์กรที่มีบทบาทภารกิจในการพัฒนากลุ่มเป้าหมายโดยตรง เพื่อเป็นการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง ทั้งนี้ หากใครพบเห็นคนขอทาน คนไร้ที่พึ่ง สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

เปิดตัวเว็บแอพฯ Thai Standard Boat สร้างมาตรฐานเรือรับจ้าง ป้องนักท่องเที่ยว

กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัวเว็บแอพพลิเคชั่น Thai Standard Boat สำหรับตรวจสอบเรือรับจ้างเพื่อการท่องเที่ยว ผ่านมาตรฐานกรมการท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว


กรมการท่องเที่ยว สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีภารกิจในการส่งเสริม พัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย โดยมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยเป็นมาตรฐานที่เน้นในเรื่องการให้บริการและความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้มีความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนสู่ระดับนานาชาติ และเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานในระดับสากล ทั้งด้านบริการ แหล่งท่องเที่ยว ธุรกิจนำเที่ยวมัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยว ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก และสนับสนุนให้มีมาตรการป้องกันด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เน้นในเรื่อง ความปลอดภัย ความสะอาด ความเป็นธรรม ความยั่งยืน และรักษ์สิ่งแวดล้อม

กรมการท่องเที่ยว ได้พัฒนาและเปิดเว็บแอพพลิเคชั่น คือ Thai Standard Boat แพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบข้อมูลของเรือโดยสารท่องเที่ยวได้ ทั้งเรือโดยสารขนาดเล็ก เรือขนาดกลาง และเรือขนาดใหญ่ ที่ผ่านการรับรองด้านความปลอดภัย และผ่านมาตรฐานของเรือโดยสารจากกรมการท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการเรือโดยสารแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย

เว็บแอพพลิเคชั่น Thai Standard Boat คือ แพลตฟอร์ม (Platform) สื่อกลางในการเผยแพร่ข้อมูลเรือรับจ้างเพื่อการท่องเที่ยวที่ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากกรมการท่องเที่ยว หรือมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวอื่น ๆ แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบข้อมูลเรือโดยสารท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์มได้ทันทีแบบ Real time (เรียลไทม์) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยด้านการเดินทางโดยเรือโดยสารให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ตลอดจนบริษัทนำเที่ยวต่าง ๆ ที่ใช้บริการเรือโดยสารด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้แพลตฟอร์ม Thai Standard Boat ที่สามารถตรวจสอบมาตรฐานของเรือโดยสารท่องเที่ยว ยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวด้านความปลอดภัยต่าง ๆ



เช่น ข้อควรปฏิบัติในการโดยสารเรือ ความหมายของธงสัญลักษณ์ต่าง ๆ กองทุนเยียวยานักท่องเที่ยว
เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน สภาพภูมิอากาศก่อนเดินทาง และข้อมูลศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวได้เตรียมตัวก่อนเดินทางได้เป็นอย่างดี ซึ่งแพลตฟอร์มเว็บแอพพลิเคชั่น Thai Standard Boat ได้จัดทำขึ้น 3 ภาษาด้วยกัน คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากทั่วโลกที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย

นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า “กรมการท่องเที่ยวมีภารกิจ ในการพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยว ได้จัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย (Certified Standard) นำไปสู่
การตรวจประเมินและรับรองมาตรฐาน โดยเฉพาะมาตรฐานเรือรับจ้างเพื่อการท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นด้านมาตรฐานความปลอดภัยทางเรือแก่นักท่องเที่ยว และเพื่อยกระดับผู้ประกอบการเรือรับจ้างที่ได้รับมาตรฐานการท่องเที่ยวได้ (Certified Standard) ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว บริษัทนำเที่ยว ตลอดจนสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย

ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติของประเทศนั้น ๆ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากจากหลายประเทศทั่วโลก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในปี 2562 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 39 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 1.93 ล้านล้านบาท โดยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การให้ความดูแลนักท่องเที่ยวให้ได้รับความปลอดภัยในฐานะเจ้าบ้าน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศด้านการท่องเที่ยวต่อไป

นอกจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกรมการท่องเที่ยว ยังให้การสนับสนุน การท่องเที่ยวควบคู่กับการยกระดับผู้ประกอบการเรือโดยสาร และเรือโดยสารที่ได้รับรองมาตรฐานการท่องเที่ยว (Certified Standard) หรือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของนักท่องเที่ยว ตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวในด้านความปลอดภัยของเรือโดยสาร และเตรียมพร้อมด้านความปลอดภัยของเรือไว้รองรับนักท่องเที่ยว

ตลอดจนเตรียมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการอย่างเพียงพอ แพลตฟอร์มเว็บแอพพลิเคชั่น Thai Standard Boat ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประชาสัมพันธ์ ที่แสดงให้เห็นมาตรฐานการให้บริการเรือโดยสาร คุณภาพ และความปลอดภัยการให้บริการของผู้ประกอบการไทยหรือมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวอื่น ๆ และยังมีส่วนร่วมในการประเมินจากนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการ (Satisfaction Rating) อีกด้วย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : กรมการท่องเที่ยว www.dot.go.th/home
ติดตามข่าวสาร Thai Standard Boat ได้ที่ : www.thaistandardboat.dot.go.th


วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2563

Digital Day : D-Day



กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จัดกิจกรรม Digital Day : D-Day ปั้น ปรุง เปลี่ยน  SMEs ให้ดีพร้อมเพื่อเตรียมเข้าสู่ยุค  ดิจิทัล 5G
  • ขอเชิญท่านผู้ประกอบการ เข้าร่วมงาน Digital Day : D-Day ปั้น ปรุง เปลี่ยน  SMEs ให้ดีพร้อมเพื่อเตรียมเข้าสู่ยุค  ดิจิทัล 5G 
  • โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน
  • พร้อมรับการวินิจฉัยจากที่ปรึกษาของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมรับซอฟต์แวร์เพื่อธุรกิจ 6 เดือน -1 ปี ฟรี 
  • พบกับการสัมมนา หัวข้อ การปรับตัวของ SMEs ไทย ในยุค Digital Transformation โดย นายไผท ผดุงถิ่น CEO & Co-Founder จากบริษัท บิลค์ เอเชีย จำกัด และบริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด
  • วันที่ 30 มกราคม 2563  เวลา 12.30-17.00 น. 
  • ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ ห้องบอลรูม 2 ชั้น 3
+++++++++++++++++++++++++++
จัดโดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่นั่งจำนวนจำกัด
สามารถลงทะเบียนสำรอง ได้ 2 ช่องทาง
1. สแกน QR Code
2. ลงทะเบียน Online ผ่านลิงค์
http://www.toboon.co.th/iweb/member/register/1/index



วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563

“Wongnai Users’ Choice 2020 Sponsored By Mali”ประกาศแล้ว! 5 สุดยอดร้านอาหารยอดนิยมที่เป็น “ที่สุด” แห่งปี


Wongnai ผู้นำด้านซูเปอร์ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มสัญชาติไทยที่ให้ค้นหาข้อมูลรีวิวจากผู้ใช้จริงแบบครบวงจร จัดงาน “Wongnai Users’ Choice 2020 Sponsored By Mali” นำโดย ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วงใน มีเดีย จํากัด และ สุดถนอม กรรณสูต กรรมการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด (นมตรามะลิ) ประกาศรางวัลสุดยอดร้านอาหารยอดนิยมที่เป็นที่สุดของ Wongnai Users’ Choice โดย ร้านหน่องริมคลอง, Seen Bangkok, Copper International Buffet, R.HAAN และ ไก่ทอง ออริจินัล ติดโผสุดยอดร้านอาหารยอดนิยมที่ต้องลิ้มลองสักครั้งในชีวิต
โดยสุดยอดร้านอาหารยอดนิยมที่เป็นที่สุดของ Wongnai Users’ Choice 2020 ทั้ง 5 ร้านที่เป็น “ที่สุด” จากจำนวนทั้งหมด 552 ร้าน ที่ผ่านการคัดเลือกจาก 6 ภูมิภาคทั่วไทย ได้แก่

1) ร้านอาหารขวัญใจมหาชนประจำปี ได้แก่ ร้านหน่องริมคลอง ร้านอาหารจานเดียวที่จัดเต็มเมนูซีฟู้ดล้นจาน ในวัตถุดิบคุณภาพ ชิ้นใหญ่ สดใหม่ ปรุงด้วยรสชาติอันจัดจ้าน เมนูไฮไลท์ ได้แก่ ปู-กุ้งผัดพริกขี้หนู, ไข่ข้นปู, กุ้งฟูผัดพริกขี้หนู, กุ้งผัดกระเพรา และทะเลผัดผงกะหรี่

2) ร้านอาหารยอดนิยมที่มีรีวิวเยอะที่สุดประจำปี ได้แก่ ร้าน Seen Bangkok นอกจากบรรยากาศภายในร้านจะเป็นแบบสไตล์ลอฟท์ในสวนแล้ว ยังมีเมนูเบเกอรี่จากวัตถุดิบพรีเมียมสูตรเฉพาะของทางร้าน ไม่ว่าจะเป็น “ขนมปังมัทฉะบอมบ์”, “ขนมปังช็อกโกเลอะ”, “ขนมปังไชยาไข่ย้อย” ที่ตกแต่งหน้าตาได้อย่างสวยงาม

3) ร้านอาหารยอดนิยมที่มี 5 ดาวมากที่สุดประจำปี ได้แก่ ร้าน Copper International Buffet ร้านบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่นำเสนอเมนูพรีเมียมจากทั่วโลกมาให้กินได้ไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูซิกเนเจอร์อย่าง “ซุปเห็ดทรัฟเฟิล” หรือล็อบสเตอร์สดๆ จากมหาสมุทร, สเต็กเนื้อวากิว, สเต็กเนื้อแกะ, อาหารสไตล์ยุโรปไปจนถึงอาหารญี่ปุ่น และอีกมากมาย

4) ร้านอาหารไทยแนะนำโดย Mali ได้แก่ ร้าน R.HAAN ร้านอาหารไทยต้นตำรับในรูปแบบไฟน์ไดน์นิ่ง โดยเซเลบริตี้เชฟชุมพล แจ้งไพร ซึ่งได้นำเสนอความเป็นไทยในคอนเซ็ปต์ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” เสิร์ฟอาหารแบบสำรับไทย โดยมีเมนูอันโด่งดังมากมาย ทั้งต้มยำกุ้งแม่น้ำอยุธยาโบราณแบบทันสมัย, มัสมั่นเนื้อน่องโคขุนไทยกำแพงแสน, แกงเขียวหวานปลาเก๋าแดง, ผัดเผ็ดหมูป่าหน่อกระวานจันทรบูร และทอดมันกุ้งสามน้ำ

5) ร้านเมนูขนมหวานแนะนำโดย Mali ได้แก่ ร้านไก่ทอง ออริจินัล ร้านอาหารสไตล์ไทยจีนที่การันตีรสชาติ และคุณภาพมานานแล้วกว่า 20 ปี พร้อมกับเมนูของหวานไฮไลท์ “ปังชาไทย”
ร้านอาหารยอดนิยมที่ผ่านการคัดเลือกจาก Wongnai Users’ Choice 2020 มีครบทุกประเภทอาหาร ตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดไปจนถึงร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่ง ซึ่งใช้เกณฑ์การตัดสินและคัดเลือกร้านอาหารจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 3 แสนร้าน ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือที่สุดด้วยจำนวนเรตติ้งและรีวิวจริงจากเสียงของสมาชิก Wongnai ที่เป็นผู้กินตัวจริงเสียงจริงกว่า 3 ล้านคน โดยวิธีการคัดเลือกอันเข้มงวดของ Wongnai Users’ Choice 2020 จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ร้านที่ได้รับรางวัลนั้นควรค่าแก่การไปลิ้มลองสักครั้งในชีวิต ซึ่งเกณฑ์การตัดสินมีดังต่อไปนี้
เป็นการคัดเลือกจากการรีวิวของสมาชิก Wongnai โดยเงินไม่สามารถซื้อได้
ค่าเฉลี่ยคะแนนรีวิวจากสมาชิก Wongnai เรตติ้งมากกว่า 4.0
ความนิยมที่ได้รับ โดยดูจากจำนวนรีวิวและจำนวนข้อมูลประกอบ ขั้นต่ำ 30 เสียง เช่น รีวิว และ รูปถ่ายจากสมาชิกครอบคลุมหลากหลายประเภทอาหารและระดับราคา

สำหรับร้านสาขา ทุกสาขาจะต้องผ่านเงื่อนไขข้างต้น
ทีมบรรณาธิการจะคัดเลือกร้านที่เข้าเกณฑ์ข้างต้นอีกครั้งหนึ่ง โดยดูทั้งความหลากหลายของประเภทร้าน ราคา พิกัด และพัฒนาการของร้านในปีที่ผ่านมา
โดยทั้ง 552 ร้านที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับประกาศนียบัตร Wongnai Users’ Choice 2020 เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตีถึงการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของร้านอาหาร ทั้งยังนับเป็นเกียรติในความสำเร็จและสนับสนุนให้รักษามาตรฐาน พร้อมทั้งพัฒนาเดินหน้าต่อไปไม่มีหยุดยั้ง
ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วงใน มีเดีย จํากัด เผยว่า “จะเห็นได้ว่า ในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา มีการจัดงานประกาศรางวัลเกี่ยวกับร้านอาหารเกิดขึ้นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นจากทางยุโรปหรือฝั่งเอเชียเองก็ตาม ทำให้ปัจจุบันนี้ตามร้านอาหารจะมีป้ายหรือรางวัลต่างๆ ติดอยู่ตามร้านเพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ Wongnai Users’ Choice โดดเด่น และเป็นที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือ เป็นรางวัลที่มาจาก ‘เสียงของสมาชิก Wongnai ที่เป็นผู้กินตัวจริงเสียงจริงกว่า 3 ล้านคน’ ซึ่งทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือกร้านอาหารยอดนิยมอย่างแท้จริง ทั้งรีวิวหรือเรตติ้งซึ่งเรารวบรวมมาตลอดทั้งปีจนกลายเป็นรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจในแต่ละปี ซึ่งผมหวังว่ารายชื่อร้านอาหารทั้งหมดนี้จะเป็นตัวช่วยให้กับคนไทยและสมาชิก Wongnai ทุกคน ไม่ว่าจะไปเที่ยวจังหวัดไหนก็สามารถตามไปชิมได้ง่ายๆ เพราะพวกเราเชื่อว่าไม่มีใครสามารถแนะนำรสชาติที่คนไทยชื่นชอบได้ดีเท่ากับคนไทยด้วยกันเอง”
งานประกาศรางวัล “Wongnai Users’ Choice 2020 Sponsored By Mali” จัดขึ้น ณ ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมี “เดี่ยว-สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล” และดีว่าสาวเสียงสวย “แก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น” มาร่วมเป็นสักขีพยานและโชว์พลังเสียงสะกดคนดูภายในงาน
“ในโอกาสที่ปีนี้ Wongnai ครบรอบ 10 ปี ซึ่งนับเป็นปีที่พิเศษอย่างยิ่ง ผมอยากจะขอเน้นย้ำว่า สิ่งที่เรายึดมั่นมาโดยตลอดคือ Wongnai จะเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อสิ่งดีๆ ให้กับคนไทยทุกคน โดยเรื่องอาหารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งดีๆ ที่เราตั้งใจอยากให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ในการรับประทานอาหารที่ดี” ยอด ชินสุภัคกุล กล่าวทิ้งท้าย

Wongnai Users’ Choice 2020 ร้านอาหารยอดนิยมที่ได้รับการไว้วางใจจากสมาชิก Wongnai ที่
เป็นผู้กินตัวจริงเสียงจริงกว่า 3 ล้านคน ให้เป็นร้านอาหารที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพชีวิตและปากท้องประชาชนชาวไทย ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารยอดนิยมแห่งปี 2020 สามารถติดตามรายชื่อ 552
ร้านอาหารทั่วไทย

Wongnai Users’ Choice 2020 ได้ที่ https://www.wongnai.com/users-choice

“GRAND OPENING สมาคมวิชาชีพช่างผมไทย”

เชิญ “ดร.สมศักดิ์ ชลาชล” นั่งเก้าอี้นายกคนแรกของสมาคม


ดร.สมศักดิ์ ชลาชล นายกสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย จัดงานเปิดตัวสมาคมฯอย่างเป็นทางการ “GRAND OPENING สมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย” เพื่อนำเสนอแฟชั่นโชว์สุดอลังการ และ Talk Show ในหัวข้อ “ ฮวงจุ้ยการจัดร้านให้รวย ดัง และ ปัง ในปีหนูทอง ” ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร. คฑา ชินบัญชร “หมอดูแนวหน้าของเมืองไทย” ที่ได้มาให้ความรู้ ด้าน ฮวงจุ้ย ในการทำธุรกิจเสริมสวย การจัดแต่งร้านอย่างไรให้ร่ำรวย ดังดัง ปังปัง ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ เอกมัย (โรงที่6)


หนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ต้องจารึก ธุรกิจช่างผมแบรนด์ไทย ที่ผ่านร้อนหนาวมาจนประสบความสำเร็จ และเป็นที่ประจักษ์ว่า อาชีพช่างทำผมของไทย ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเอง ครอบครัว และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้อีกด้วย ดร.สมศักดิ์ ชลาชล นายกสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย มีเป้าหมายที่จัดเจนในการพัฒนาวิชาชีพเข้ากับวิชาการเพื่อยกระดับช่างผมไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูล สร้างวิสัยทัศน์ ทัศนะคติที่ดี และพัฒนาความรู้ ช่างทำผม ให้มีฝีมือมาตรฐานระดับประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุน และชี้แนะในการประกอบอาชีพช่างทำผมเป็นไปโดยถูกต้องตามหลักการและมีจรรยาบรรณ อีกทั้งมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แห่งชาติ และเป็นตัวแทนในการทำงานร่วมมือกับรัฐ และเอกชนทั้งข่าวสารในและต่างประเทศเพื่อผลักดันวิชาชีพช่างทำผม พร้อมทั้งดำเนินการจัดกิจกรรมให้มีส่วนร่วม ความสามัคคีของสมาชิกช่างทำผม หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศล เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีในการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เพื่อส่วนรวม และสังคม


ทั้งนี้ทางสมาคมฯ จะจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อให้การดำเนินการของสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีทิศทางเดียวกันตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวข้างต้น โดยภายในงานจัดให้มีแฟชั่นโชว์ผม จากคณะกรรมสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจสร้างสรรค์ผลงานสุดอลังการ อาทิ
ร้าน Oazis Salon คุณดุสิตา ศุภผลา
ร้าน Kespaiboon Hairsalon คุณวรพันธ์ เลิศวิริยะประภา
ร้าน Thongchai Hairtraining Center คุณธงชัย ม่วงบำรุง
ร้าน Venus Hair Team ดร.ทศพร นพวิชัย
ร้าน The Lounge Hair Salon คุณพรเทพ หวันปาเต๊ะ
ร้าน Jiro Unique Hair Creative คุณศิรภพพ์ โอคาเบ
ร้าน The White Box คุณชัชวาล พัวธัญวงศ์

สมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย เชื่อว่าการจัดงาน “GRAND OPENING สมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย” ในครั้งนี้จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนยุคใหม่ที่หลงใหลในงานแฟชั่น ได้ค้นพบทางเดินในวงการแฟชั่นผมมากไปกว่านั้น ทางสมาคมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ ถึงระบบการบริหาร การจัดการ ให้กับเพื่อนร่วมวงการอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยพัฒนาวงการช่างทำผมให้มีมาตรฐาน สร้างบุคลากรที่มีคุณภาพสู่ตลาดแรงงานใน ภาคบริการต่อไป

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2563

“โจอี้ ยัป” อาจารย์ด้านโหรศาสตร์เบอร์หนึ่งของโลก

งานสัมมนาที่จะทำให้ปี 2020 ของคุณ เป็นปีที่ดีที่สุดในทุกด้าน!!
FENG SHUI & ASTROLOGY 2020


โจอี้ ยับ (Joey Yap) นักโหราศาสตร์จีนระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญโหราศาสตร์จีนทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็น ศาสตร์เฟิงสุ่ย หรือที่คนไทยเรียกว่า ศาสตร์ฮวงจุ้ย,  ศาสตร์แห่งการดูดวงดาว และดวงเกิด ตลอดจนวิชา ฉีเหมินตุ้นเจีย ที่จัดเป็นศาสตร์ที่สำคัญของจีนโบราณ นิยมใช้ในการทำศึกษาสงคราม เพื่อการเอาชนะคู่ต่อสู้ในสมัยก่อน ซึ่งในประเทศไทยนั้น ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เป็นต้น นอกจากนี้ โจอี้ ยัป ยังเป็นผู้ก่อตั้งและอาจารย์ผู้สอนของสถาบัน Mastery Academy of Chinese Metaphysics องค์กรระดับโลกที่สอนเรื่องฮวงจุ้ย การดูดวงตามตำราจีนแบบปาจื่อ (รหัสโชคชะตาหรือสี่เสาแห่งโชคชะตา) การอ่านใบหน้า (เมี่ยนเซียง) และวิชาอภิปรัชญาจีนอื่นๆ ทั่วโลก เขายังเป็น CEO ของ Yap Global Consulting บริษัทที่ปรึกษาระหว่างประเทศ ซึ่งชำนาญพิเศษในการให้บริการและตรวจสอบฮวงจุ้ยและโหราศาสตร์จีนอีกด้วย




โจอี้ ยับ (Joey Yap) นักโหราศาสตร์จีนระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญโหราศาสตร์จีนทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็น ศาสตร์เฟิงสุ่ย หรือที่คนไทยเรียกว่า ศาสตร์ฮวงจุ้ย,  ศาสตร์แห่งการดูดวงดาว และดวงเกิด ตลอดจนวิชา ฉีเหมินตุ้นเจีย ที่จัดเป็นศาสตร์ที่สำคัญของจีนโบราณ นิยมใช้ในการทำศึกษาสงคราม เพื่อการเอาชนะคู่ต่อสู้ในสมัยก่อน ซึ่งในประเทศไทยนั้น ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เป็นต้น นอกจากนี้ โจอี้ ยัป ยังเป็นผู้ก่อตั้งและอาจารย์ผู้สอนของสถาบัน Mastery Academy of Chinese Metaphysics องค์กรระดับโลกที่สอนเรื่องฮวงจุ้ย การดูดวงตามตำราจีนแบบปาจื่อ (รหัสโชคชะตาหรือสี่เสาแห่งโชคชะตา) การอ่านใบหน้า (เมี่ยนเซียง) และวิชาอภิปรัชญาจีนอื่นๆ ทั่วโลก เขายังเป็น CEO ของ Yap Global Consulting บริษัทที่ปรึกษาระหว่างประเทศ ซึ่งชำนาญพิเศษในการให้บริการและตรวจสอบฮวงจุ้ยและโหราศาสตร์จีนอีกด้วย
       
โจอี้ ยัป ถือว่าเป็นโหราศาสตร์จีน ที่เป็นสายตรงในต้นกำเนิดของศาสตร์ฮวงจุ้ย ที่เหลือไม่กี่คนบนโลกนี้ นั่นจึงทำให้ ข้อมูลต่างๆ หรือแม้แต่เคล็ดลับในการใช้ศาสตร์นี้ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากต้นกำเนิด จึงทำให้การนำมาปรับใช้นั้น มีความแม่นยำสูงมาก ซึ่งจุดเด่นของโหราศาสตร์ท่านนี้ คือ การไม่งมงาย และไม่พูดในสิ่งที่เร้นลับ จับต้องไม่ได้ ทุกอย่างที่ทำนายหรือแนะนำ สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง อีกทั้งยังเห็นผล จนเป็นที่กล่าวขาน นอกจากนี้ โจอี้ ยัป ยังเป็นโหราศาสตร์จีน คนเดียวที่สื่อของต่างประเทศ อาทิ CNN, CNBC, Forbes และ Bloombertg ให้ความสนใจ และเชิญมาพูดออกอากาศในทุกๆ ปีของเทศกาลตรุษจีน ในเรื่องของเศรษฐกิจโลก และประมวลผลทางเศรษฐกิจในปีนั้นๆ อีกด้วย
           
นอกจากนี้ เขายังเป็นที่ปรึกษา ให้กับบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ในอีกหลายประเทศ และยังเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีเกี่ยวกับฮวงจุ้ย โหราศาสตร์จีน การอ่านใบหน้า และอี้จิง ซึ่งหนังสือหลายเล่มของเขาติดอันดับขายดีในร้านหนังสือ MPH ในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ และขณะนี้ผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาไทย อาทิ อ่านคนได้ ใช้คนเป็น, อ่านคนได้ ใช้คนเป็น เบญจลักษณ์บนใบหน้า, ฮวงจุ้ยคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์, ฮวงจุ้ยภายในบ้าน, ฮวงจุ้ยภายนอกบ้าน, ฮวงจุ้ยตู้ปลาเพื่อโชคลาภและความมั่งคั่ง เป็นต้น

           
โจอี้ ยัป (Joey Yap) ยังเป็นนักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลงของชีวิต โดยใช้ความรู้ด้านโหรศาสตร์ที่มีมาประยุกต์ในการพูดให้น่าสนใจ  ซึ่งเคยเดินทางมาจัดสัมมนาในเมืองไทยเมื่อปี 2553 ในหัวข้อ “แต่งบ้านและคอนโดด้วยฮวงจุ้ย”, “อ่านคนได้ ใช้คนเป็น เมื่อเห็นแค่ใบหน้า” และใจดีสู้ (ปี) เสือ และถัดมาในปี 2554 ในหัวข้อ “ศาสตร์ปาจื่อ” โดยในปี 2020 นี้ ได้กลับมาอีกครั้งกับงาน FENG SHUI & ASTROLOGY 2020 “Year of the metal rat” ในหัวข้อเรื่อง “Make 2020 Your Best Year Ever - สิ่งใดที่จะทำให้ปี 2020 เป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตคุณ” โดยจะพูดถึง ดวงชะตาประจําปี ทั้งของประเทศไทย และตัวคุณ ว่าเหมาะที่จะลงทุนในด้านใด แบบไหนจะรุ่ง แบบไหนจะร่วง อีกทั้งการออกแบบเส้นทางความสําเร็จ และการวางแผนดําเนินงาน เพื่อทําให้ปี 2020 เป็นปีที่ดีที่สุดของคุณ พร้อมวิธีแก้ไขปัญหาที่ท้าทายที่สุด ทั้งในด้านการงานและชีวิตส่วนตัว ธุรกิจมาไหนที่เหมาะจะลงทุนและช่วยให้คุณประสบความสําเร็จได้อย่างง่าย รู้ถึงความเสี่ยง ป้องกันจุดอ่อนในตัวคุณเอง
           
โดยสัมมนา FENG SHUI & ASTROLOGY 2020 “Year of the metal rat” ในหัวข้อเรื่อง “Make 2020 Your Best Year Ever - สิ่งใดที่จะทำให้ปี 2020 เป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตคุณ”  จะจัดขึ้น  ในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 09.00 – 17.00 น. ณ ชั้น 2 ห้องแซฟไฟร์ อิมแพคฟอรัม  เมืองทองธานี  ภายในงาน แบ่งเป็น 3  โซน คือ แพทินั่ม,  โกลด์ และซิลเวอร์  (ราคาบัตร 3,500/ 2,500 และ 1,500 ตามลำดับ) “เพราะการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจอย่างรวดเร็วและการแข่งขันที่สูง การรู้ข้อมูลธุรกิจเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ทุกอย่างล้วนมีองค์ประกอบ และปัจจัยภายนอกอีกมากมาย ข้อมูลด้านโหราศาสตร์ จึงเป็นส่วนสําคัญในการช่วยให้คุณเสริมจุดแข็ง ลดจุดอ่อนในธุรกิจ และเพิ่มความเฉียบคมในการตัดสินใจ ปลดศักยภาพที่ดีที่สุดของตัวคุณเองและธุรกิจ พร้อมก้าวเป็นผู้นําในโลกธุรกิจได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง” จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่

https://www.eventpop.me/e/7529-joeyyap-fsa-bangkok
ติดตามข่าวสารงานสัมมนาได้ที่ Facebook Fanpage: Joey Yap Thailand

วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2563

เปิดโครงการ "เรียนจบ พบงาน" ฝ่าวิกฤตคนไทยตกงานอื้

เรียนจบ แล้วพบงาน ไม่ตกงาน!! 


ทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ เดินเกมรุกแก้ปัญหานักศึกษาจบใหม่และคนตกงานล้นเมือง ส่งแอพพลิเคชั่น “Democrat เรียนจบ พบงาน” ‘@DemTum’ ช่วยค้นหางานตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ยกระดับเศรษฐกิจไทย สร้างรายได้ สร้างอาชีพ

พรรคประชาธิปัตย์ (15 มกราคม 2562) มีรายงานว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการจัดงานใหญ่เพื่อเปิดตัวโครงการ “เรียนจบ พบงาน” โดยมีแอพพลิเคชั่นเชื่อมโยงงาน/ที่ฝึกงานและการยกระดับทักษะอาชีพให้สอดคล้องกับยุค Digital Transformation ได้ง่าย ๆ ผ่าน ‘@DemTum’ ขึ้นมาให้กับคนไทยทุกคน เพราะตระหนักถึงปัญหาในการขาดแรงงานฝีมือในเมืองไทย ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อระบบเศรษฐกิจไทยในอนาคต


ผลกระทบจาก Digital Transformation ทำคนว่างงานในไทยมากกว่า 4 แสนราย
​จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่มีจำนวนผู้ว่างงานในไทยมากกว่า 4 แสนราย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปีนั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาของตลาดงานยุคเก่าที่ประสบผลกระทบจากยุคของ Digital Transformation ที่ทำให้ผู้ประกอบการน้อยใหญ่ต่างมองหาแนวทางในการทำให้ธุรกิจเติบโตและขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ และเริ่มนำนวัตกรรมการเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ส่งสร้างผลกระทบต่อแรงงานเดิมที่ปรับตัวไม่ทัน ต้องตกงานกันอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีแรงงานที่ประสบปัญหาว่างงานอยู่มาก รวมถึงนักศึกษาใหม่ที่จะจบออกมาแล้วจะพบปัญหาเดียวกัน ซึ่งถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ควรหาทางแก้ไข จากการเปลี่ยนแปลงของตลาดงานที่มีความต้องการคนคุณภาพที่พร้อมรับกับการพายุครั้งใหญ่จาก Digital Transformation & Disruption

ดังนั้นเพื่อให้เรื่องนี้ไม่ลุกลามเป็นปัญหา ซึ่งจะกลายเป็นกำแพงหนาของการพัฒนาประเทศในระยะยาว จึงจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดแนวคิดสร้างคนที่มีคุณภาพอย่างจริงจัง โดยทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งโครงการ ‘เรียนจบ พบงาน’ เพื่อเสริมสร้างให้มีแรงงานคุณภาพเพียงพอต่อตลาดงานอย่างเร่งด่วน

ปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แม่ทัพใหญ่ของโครงการ ทุ่มเทและทุ่มทำอย่างตั้งใจ  ​ปัจจุบันประเทศไทยกำลังขาดแรงงานฝีมือ และการสร้างทรัพยากรมนุษย์จึงไม่ใช่งานของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการเมือง ภาคประชาชนและ NGOs ที่จะต้องร่วมมือกันช่วยสร้างคนที่มีคุณภาพ ซึ่งในที่นี้ไม่ใช่แค่แรงงานยุคเก่าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบรรดานักศึกษาจบใหม่ที่พบปัญหาเดียวกัน จากระบบการศึกษาเดิมที่อาจจะขีดกรอบให้เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้รับประสบการณ์ที่ควรจะเป็นในโลกของงานยุคนี้ เฉกเช่นเดียวกันกับในหลายบริษัทเองก็ขาดแรงงานฝีมือดี โครงการนี้จึงเป็นโครงการที่จะทำให้ระบบนิเวศน์ของตลาดงานไทยเดินหน้าไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องยิ่งขึ้น


ทั้งนี้การที่นักศึกษา/คนรุ่นใหม่จะเรียนจบแล้วพบงานได้นั้น ต้องผ่านการฝึกงานเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และการเรียนรู้นอกห้องเรียน ก่อนที่จะเรียนจบ บริษัท/ผู้ประกอบการเองก็จะได้ประโยชน์จากการได้เด็กฝึกงานมาช่วยกิจการและได้ดูศักยภาพการทำงานในสนามจริง/เรียนรู้นิสัยใจคอของเด็กระหว่างฝึกงานด้วย เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจการจ้างงานในอนาคตได้ แต่ปัจจุบันนี้ นักศึกษาหลายคนยังไม่สามารถหาที่ฝึกงานที่ดีได้ และผู้ประกอบการเองก็ไม่สามารถรู้จักความสามารถที่แท้จริงของคนสมัครงานใหม่ ๆ ดังนั้นการมาพบกัน (matching) ในช่วงเวลาก่อนนักศึกษาจะเรียนจบจึงเป็นจังหวะเวลาที่ดีที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และนักศึกษาอาจมีรายได้เสริมระหว่างเรียนอยู่ได้อีกด้วย

​อย่างไรก็ตามแม้ทุกวันนี้โลกจะถูกเขย่าด้วยเทคโนโลยี แต่โลกยังต้องขับเคลื่อนด้วยมนุษย์ เพราะถึงแม้เทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยให้เกิดประสิทธิภาพและผลิตผลใหม่ ๆ ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่หุ่นยนต์ยังไม่สามารถชนะคนได้ในเร็ววัน เช่น วิชาชีพที่ต้องใช้ความเข้าใจ ความซับซ้อนทางความคิด การใช้หัวใจในการบริการ เช่น อาชีพที่ปรึกษาการลงทุน อาชีพงานบริการต่าง ๆ และอีกหลากหลายอาชีพที่ต้องใช้ Human Touch หรือการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับบุคคล ซึ่งต่อให้ในอนาคตหุ่นยนต์จะทำได้ แต่ก็ไม่มีเสน่ห์เท่ามนุษย์แอพพลิเคชั่น “Democrat เรียนจบ พบงาน” ‘@DemTum’ ใช้งานง่ายแค่ Add ไลน์เป็นเพื่อน ใช้ (AI) คอยวิเคราะห์และประมวลผล

แอพพลิเคชั่น ‘@DemTum’ ที่ถูกพัฒนาโดยทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ ทำงานผ่านระบบของ LINE เพียงแค่พิมพ์ ‘@DemTum’ จะค้นเจอชื่อ “เรียนจบ พบงาน” จากนั้น Add เป็นเพื่อน แล้วสามารถส่งประวัติ ส่ง CV หรือ Resume ไปได้เลย ซึ่งการใช้งานก็เหมือนการแชทไลน์ทั่วไป แต่ทุก ๆ การแชท ทุก ๆ คำถามจะมีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) คอยวิเคราะห์และประมวลผลบทสนทนาของผู้ใช้และตอบสนองโซลูชั่นต่าง ๆ ได้อย่างตรงความต้องการ เช่น “อยากหางาน / อยากฝึกงาน” ระบบจะทำการเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ใช้ไปหาสิ่งที่ต้องการได้ทันที ตั้งแต่การเทรนนิ่ง การจัดหางาน มีคอร์สเวิร์คช้อป แหล่งงาน (แบบเต็มเวลาและพาร์ทไทม์) แหล่งฝึกงาน และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อช่วยอัพเดท Skill ของผู้ใช้งาน

ความพิเศษของ ‘@DemTum’ คือการได้รับความร่วมมือจาก ‘Career Visa Thailand’ บริษัทวิสาหกิจชื่อดังระดับโลก (ด้านการแนะแนววิชาชีพระดับโลก) ที่มีศักยภาพในการยกระดับฝีมือแรงงาน ซี่งได้มาตั้งสำนักงานที่ประเทศไทย รวมถึงบริษัท ‘Voxy’ แอพฯ การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่มีการนำระบบ AI เข้ามาช่วยเหลือผู้ใช้งานให้เลือกโหมดการใช้ภาษาได้ตามประเภทของความต้องการมาร่วมเป็นพันธมิตรกับโครงการ ‘เรียนจบ พบงาน’ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสให้กับตลาดงานของคนไทยในยุคนี้ได้มากยิ่งขึ้น


เปิดตัวโครงการยิ่งใหญ่ ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
โครงการ ‘เรียนจบ พบงาน’ ได้รับการตอบรับจากผู้คนในหลากหลายวงการที่พร้อมมาร่วมแชร์ประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจในการปรับตัวเพื่ออยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงมากมาย อาทิ
เฌอปราง แก้ว ตาหวาน BNK48 / อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับหนังพันล้าน / ตู่ ภพธร นักร้อง นักแสดง นักแต่งเพลง / โด่ง พีรพงศ์ ผู้ก่อตั้ง Origin Property / เมย์ ผู้ก่อตั้ง AfterU ร้านขนมชื่อดัง / ก้อง พณชิต นายกสมาคม Startup / เอ็ม ผู้ก่อตั้ง CareerVisa Thailand แนะแนวอาชีพมือโปร / หนึ่ง ปรมินทร์ อินโสม coding ตัวท็อป ผู้ก่อตั้ง Satang Pro พร้อมด้วยผู้บริหาร / เจ้าของกิจการ / HR บริษัทชั้นนำในสายอาชีพวิศวกร-ก่อสร้าง-ธนาคาร-โบรกเกอร์ โลจิสติกส์ ค้าปลีก การตลาด ท่องเที่ยว ดิจิตอล AI พลังงาน สื่อสารโทรคมนาคม มีเดีย/PR ฯลฯ อีกมากมาย

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เข้าร่วมกับโครงการ ‘เรียนจบ พบงาน’ และแอพพลิเคชั่น ‘@DemTum’ เพื่อสนับสนุนทั้งองค์ความรู้ในแง่ของตลาดงานยุคใหม่ รวมถึงการเปิดหาแรงงานที่หลากหลายอีกมากมาย เช่น กลุ่มเซ็นทรัล / กลุ่มสยามพิวรรธน์ / HUAWEI / WHA / กลุ่มธนาคารใหญ่ของไทย / กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ / บีกริม / สยามพารากอน / ไอคอนสยาม / ปตท. / แบล็คแคนยอน / มิลเลนเนี่ยมออโต้กรุ๊ป ฯลฯ


โครงการ “เรียนจบ พบงาน” โดยทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดกว้างแก่น้อง ๆ นักศึกษาทั่วประเทศ และรวมถึงอีกหลายท่านที่กำลังประสบภาวะตกงาน หากต้องการเดินหน้าต่อในยุค 4.0
สามารถเข้าใช้บริการ ‘@DemTum’ ในแอพลิเคชั่น LINE ได้แล้ว  ตั้งแต่วันนี้

Café Amazon for Chanc

รมว มว.พม. เปิดร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอนเพื่อการสร้างโอกาส 
(Café Amazon for Chance) มุ่งส่งเสริมผู้สูงอายุเป็นบาริสต้ากาแฟ พร้อมพัฒนากลุ่มเป้าหมายให้มีอาชีพและรายได้

วันนี้ (15 ม.ค. 63) เวลา 13.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดโครงการ ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อการสร้างโอกาส (Café Amazon for Chance) โดยมี นายสุทธิจันทรวงษ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมด้วยนายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. เข้าร่วมงาน ณ ร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อการสร้างโอกาส (Café Amazon for Chance) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ


นายจุติ กล่าวว่า รัฐบาลได้มุ่งเน้นการปรับปรุงระบบสวัสดิการ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำการให้บริการในแต่ละระบบ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาส และเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว และได้รับบริการอย่างมีคุณภาพ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีภารกิจในการพัฒนาคนและสังคมให้มีคุณภาพ โดยการสร้างเสริมเครือข่ายในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม และจัดระบบสวัสดิการที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายอยู่ในความรับผิดชอบ ได้แก่ เด็ก เยาวชน สตรี คนพิการ ผู้สูงอายุ คนไร้ที่พึ่ง และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ทั้งนี้ กระทรวง พม. โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ได้ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในรูปแบบการดำเนินกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) อันเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งได้นำ
การขับเคลื่อนงาน SE มาเป็นแนวทางในการสร้างโอกาสสร้างอาชีพและการมีรายได้ที่มั่นคง สนับสนุนผู้ด้อยโอกาสเข้าสู่ตลาดแรงงาน พร้อมทั้งสามารถยกระดับคุณภาพแรงงานและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน



นายจุติ กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. โดย พส. ร่วมมือกับบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอนเพื่อการสร้างโอกาส (Café Amazon for Chance) สาขากรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จนประสบผลสำเร็จและเปิดให้บริการได้ในวันนี้ สำหรับร้านกาแฟแห่งนี้ดำเนินการในรูปแบบ SE ที่เกิดขึ้นได้ด้วยพลังความร่วมมือ ร่วมใจ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของภาครัฐ และภาคเอกชน


โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในความดูแล ของกระทรวง พม. ได้รับการพัฒนาศักยภาพ ฝึกทักษะอาชีพ ส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุในการจ้างงานผู้สูงอายุเป็นบาริสต้ากาแฟ (Barista) ซึ่งภายในร้านยังมีการนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ของคนไร้ที่พึ่ง สมาชิกนิคมสร้างตนเอง ราษฎรบนพื้นที่สูง มาจัดจำหน่าย  เพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว รวมทั้งนำรายได้บางส่วนจากโครงการไปพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเป้าหมายและจัดสวัสดิการให้แก่บุคลากรของ พส.


นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวนับเป็นต้นแบบความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จ และผลักดันการมีส่วนร่วมให้ภาคธุรกิจเอกชน เข้ามาเป็นหุ้นส่วนทางสังคมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสังคมร่วมกัน เพื่อยกระดับการพัฒนาสังคม ของประเทศไทยให้มีคุณภาพ สามารถนำพากลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในความดูแลของกระทรวง พม. ไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อีกทั้งเกิดความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าของตนเอง สังคมให้การยอมรับ ลดการพึ่งพาภาครัฐ ซึ่ง
จะนำไปสู่การสร้างชุมชนเข้มแข็ง ทำให้สังคมมีความสุขและยั่งยืนต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์

วิวัฒนาการของแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก ในงาน STYLE Bangkok 2024

เตรียมตื่นตาตื่นใจกับหลากหลายแบรนด์ไทยที่ไปผงาดในเวทีตลาดโลก ในงาน STYLE Bangkok 2024 มหกรรมแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำของเอเชีย ระหว่างวันที่...

โวยวายดอทคอม