วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

มูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ ได้ร่วมมอบ เจลแอลกอฮอล์ สบู่สมุนไพร อิงอิง

ร่วมมอบข้าวสารอาหารแห้ง รบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื่อไวรัส (COVID-19) 

พระเดชพระคุณพระเทพสุวรรณเมธี, รศ.ดร.  เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ราชวรวิหาร  รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหาร เมตตาเป็นประธานโครงการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19)

พร้อมด้วยองพจนกรโกศล ดร. (พิสิษฐ์ เถี่ยนบ๊าว) เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ประธานมูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์และพระมหาวิจิตร กลฺยาณจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดมหาสวัสดิ์นาคพุฒาราม ประธานโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษากลุ่มที่ 1  นายบุญเชิด  กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม


สนองพระดำริสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ร่วมกับ วัดมหาสวัสดิ์นาคพุฒธาราม ได้ร่วมมอบข้าวสารอาหารแห้งให้แก่ประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื่อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ณ วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆศ นครปฐม

การนี้มูลนิธิพระยูไลไภษัชย์สงเคราะห์ ได้ร่วมมอบ เจลแอลกอฮอล์ ขนาด 50 ml. จำนวน 200 หลอด
และสบู่สมุนไพร อิงอิง จำนวน 300 ก้อน เพื่อแจกให้กับประชาชนในครั้งนี้ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

“ซีพี แบ่งกัน ปันอิ่ม” มอบอาหารมื้อเย็นแก่ชาวชุมชนมักกะสัน



ซีพีแรม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ซีพี แบ่งกัน ปันอิ่ม” มอบอาหารมื้อเย็นแก่ชาวชุมชนมักกะสัน ช่วยแบ่งเบาภาระ บรรเทาความเดือดร้อน กว่า 1,000 ครัวเรือน พร้อมส่งความห่วงใยในยามวิกฤตโควิด-19

ซีพีแรม ร่วมกับ เครือซีพี และบริษัทในเครือ นำอาหาร น้ำดื่ม ข้าวสารไปมอบให้แก่ชาวชุมชนมักกะสัน 6 แห่ง ได้แก่ ชุมชนริมคลองสามเสน, ชุมชนโรงเจมักกะสัน, ชุมชนริมทางรถไฟมักกะสัน, ชุมชนหลังวัดมักกะสัน, ชุมชนบ้านพักนิคมรถไฟมักกะสัน และชุมชนริมบึงมักกะสันซอยรัชฎภัณฑ์ เพื่อแบ่งเบาภาระและความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 และเป็นการต่อยอด โครงการ “ซีพี แบ่งกัน ปันอิ่ม” ที่ได้จัดกิจกรรมแจกอาหารมื้อเย็นพร้อมน้ำดื่มให้แก่ประชาชนในพื้นที่บริเวณรอบอาคารทรู ถนนรัชดาภิเษก ตลอดเดือนพฤษภาคม โดยพี่น้องคนไทยในพื้นที่ล้วนปราบปลื้มใจ และดีใจที่ไม่ทอดทิ้งแม้เป็นช่วงเวลาแห่งมรสุม หวังว่าทุกคนจะมีแรงใจ และแรงกายผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน



ทั้งนี้ ในการนำอาหารเข้าไปแจกจ่ายให้ชาวชุมชน ได้รับอนุญาตจากสำนักงานเขตราชเทวี โดยมีการกำหนดมาตรการความปลอดภัย จัดระยะห่างในการต่อคิวรับอาหาร และการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล ณ จุดตรวจคัดกรอง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ชาวชุมชนทุกคนที่มารับอาหารต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

วิริยะประกันภัยสนับสนุน สน.ลุมพินี บริจาคเครื่องบริโภคใส่ "ตู้ปันสุข ปันน้ำใจ"


พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี รับมอบสิ่งของเครื่องบริโภคสนับสนุน
“ตู้ปันสุข ปันน้ำใจ” จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)   โดยมี นางแก้วใจ เชาว์รัตนพิเศษ ผู้จัดการสาขาลุมพินี และ นางสาวสุพรรณา รัชฎาภรณ์กุล  ประธานชมรมตัวแทนสาขาลุมพินี ร่วมกัน
นำทีมวิริยะจิตอาสาในพื้นที่ส่งมอบสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของประชาชน อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำดื่ม เป็นต้น ณ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร


​โครงการดังกล่าวสืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ต้องการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจัดให้มีโครงการ "ตู้ปันสุข ปันน้ำใจ"


เพื่อนำมาจัดวางไว้ที่บริเวณหน้า สถานีตำรวจนครบาลทั่วกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้บริษัทฯในฐานะภาคเอกชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ ลุมพินี จึงขอเป็นส่วนหนึ่งการสนับสนุนช่วยเหลือสังคมและประชาชน ผู้เดือดร้อนจากวิกฤติ "โควิด19" ตามนโยบายรัฐบาล-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

บุ๋ม-ตรีรักจับมือเอ้-ชุติมา นำสบู่ป้องกันแบคทีเรีย เจลแอลกอฮอล์ สบู่เหลว และน้ำดื่มซัน-กรีน มอบให้กับ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า

บุ๋ม-ตรีรักจับมือเอ้-ชุติมา เป็นตัวแทนเหล่าศิลปินยุค 90
โครงการสบู่สู้ COVID-19
นำสบู่ป้องกันแบคทีเรีย เจลแอลกอฮอล์ สบู่เหลว และน้ำดื่มซัน-กรีน
มอบให้กับ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อใช้ระหว่างปฏิบัติหน้าที่สู้วิกฤติโควิด-19

คุณบุ๋ม ตรีรัก รักการดี (ที่ 3 จากขวา) และคุณเอ้ ชุติมา นัยนา (ที่ 4 จากขวา) เป็นตัวแทนของเหล่าศิลปินยุค 90 ในโครงการสบู่สู้ COVID-19 ได้นำสบู่จิ๊กซอว์ มี บูล การ์เดียน โซพ ที่มีส่วนผสมของสาระสำคัญ Chloroxylenol สามารถทำความสะอาดและลดการสะสมของแบคทีเรีย จำนวน 1,000 ก้อน มอบให้โรงพยาบาลที่สอง โดยมีพลเรือตรี ธนรักษ์ เอี่ยวสานุรักษ์ (ที่ 3 จากซ้าย) รองเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นผู้รับมอบ และยังมีผลิตภัณฑ์ของอีก 3 บริษัทที่เป็นพันธมิตรของโครงการฯ ได้แก่ น้ำดื่มตรา ซัน-กรีนจำนวน 480 ขวด โดยคุณวรพรรณ สินธุโสภณ (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.จี.เอ็น. วอเตอร์ จำกัด, เจลแอลกอฮอล์ จำนวน 28 ลิตร โดยคุณณภัชชา จีโชตินันท์ (ที่ 1 จากขวา) ประธานการบริหารการเงิน บริษัท วธูธร จำกัด และ SRS เจลแอลกอฮอล์ จำนวน 50 หลอด และเซริเซ่ สบู่เหลว จำนวน 18 ขวด โดยคุณศิริญญา พงษ์ประยูร ประธานกรรมการ บริษัท เซริเซ่ แมนนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมนำของมามอบให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อให้คุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ นำไปใช้ทำความสะอาดล้างมือและอาบน้ำหลังจากเสร็จจากวอร์ด COVID-19 และได้ดื่มน้ำสะอาดมีคุณภาพระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่เกิดวิกฤติการระบาดไวรัสโควิด-19
ร่วมส่งกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และหน่วยงานต่างๆ โดยการร่วมกันสมทบทุนสนับสนุน โครงการสบู่สู้ COVID-19” เพียงบริจาคเงินคนละ 30 บาท ได้ที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี โครงการสบู่สู้ COVID-19 เลขที่บัญชี 214-1-42581-7 ในการจัดหาสบู่ที่มีส่วนผสมของสารสำคัญ Chloroxylenol และอุปกรณ์ป้องกันไวรัส COVID-19 ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยโครงการแรกจะทำการมอบสบู่ให้กับ 10 โรงพยาบาล แห่งละจำนวน 1,000 ก้อน ในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ด้วยพลังน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศที่ส่งมอบให้คุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางแพทย์ด้วยหัวใจ แล้วเราจะผ่านวิกฤติไวรัส COVID-19 นี้ไปด้วยกัน
สามารถติดตามข่าวสารของ
โครงการสบู่สู้ COVID-19”Facebook : สบู่สู้ COVID-19ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 063-351-9649

“คู่มือพิชิต Covid-19” เพื่อช่วยเหลือชุมชน

สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนำทัพผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ อุปกรณ์ป้องกันพร้อม
 “คู่มือพิชิต Covid-19” เพื่อช่วยเหลือชุมชน 
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส Covid-19

 ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำทีมคณะผู้บริหารและบุคลากรลงพื้นที่แจกถุงยังชีพ พร้อม “คู่มือพิชิต Covid-19” ซึ่งเป็นคู่มือพิชิตโรคและให้ความรู้ฝ่าวิกฤตสู้ภัยโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชน ทั้งพุทธ มุสลิม และคริสต์ กว่า 6 ชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดจากไวรัสโควิด-19 หวังสร้างน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เข้าขั้นวิกฤติ เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวลของคนทั้งโลก ทำให้ทุกองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนต่างระดมความคิดความร่วมมือ เพื่อร่วมมือร่วมใจกันในการเตรียมการหาวิธีการรับมือกับไวรัสโควิด-19 เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่กระจายของโรคระบาดในวงกว้าง ประชาชนทุกคนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต หลีกเลี่ยงการปะปนผู้คนแบบใกล้ชิด ลดการออกจากที่อยู่อาศัย ทำงานจากบ้าน หมั่นดูแลและรักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้การอยู่ในช่วงสถานการณ์ระบาดจากไวรัสโควิด-19 เป็นไปได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทำให้มีประชากรมากมายต้องที่ต้องสูญเสียรายได้จากการที่ต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านในช่วงที่โรคระบาดเกิดขึ้นนี้


ด้วยเหตุนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีภารกิจหลักในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงได้นำเสนอแนวคิด วิถีฮาลาล เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาและความรู้ด้านการป้องกันไวรัสโควิด-19 และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฮาลาล ภายใต้ “โครงการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ประสบภัยจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2563”

เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้เป็นที่พึ่งของชุมชน พร้อมบรรเทาสาธารณภัยทางด้านความเป็นอยู่
อาหารการกิน อุปกรณ์ป้องกันไวรัสแก่ประชาชนทั่วไป ลงพื้นที่มากกว่า 6 ชุมชน แจก “คู่มือพิชิต
Covid-19” หรือ คู่มือพิชิตโรคและให้ความรู้ฝ่าวิกฤตสู้ภัยโควิด-19 พร้อมด้วยถุงยังชีพ ที่ประกอบด้วย ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา สบู่ ผงซักฟอก และหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชุมชน พร้อมทั้งบรรเทาสาธารณภัยทางด้านความเป็นอยู่ อาหารการกิน อุปกรณ์ป้องกันไวรัสแก่ประชาชนทั่วไป ในพื้นที่พหุวัฒนธรรม ที่มีทั้งชาวพุทธ มุสลิม และคริสต์ ที่อาศัยอยู่
ร่วมกัน ได้แก่ โรงเรียนวัดหนองจอก, มัสยิดมหานาค, มัสยิดบางหลวง, วัดกลาง ริดวาน และชุมชนหัวหมากน้อย





สำหรับ “คู่มือพิชิต Covid-19” ให้ความรู้ 6 ด้าน ได้แก่ วิธีห่างไกลโรคโควิด-19 และวิธีการสังเกตตัวเอง, การล้างมือตามหลักสุขอนามัย, วิธีทำแอลกอฮอล์เจล, วิธีทำสเปย์แอลกอฮอล, วิธีการทำ Face Shield และคู่มือการบริหารร่างกายและการออกกำลังกาย ซึ่งคู่มือพิชิต Covid-19 นี้ จะช่วยป้องกันและเฝ้าระวังเพื่อให้เราได้ห่างไกลจากโควิด-19 และยังเป็นประโยชน์สามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เราปลอดภัยจากโรคโควิด-19 นี้ไปด้วยกัน รศ.ดร.วินัย กล่าวปิดท้าย

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ฌอน​ บูรณะหิรัญ นักคิดนักเขียนชื่อดัง พูดถึง โคกหนองนา​ คือ​ ทางแก้ปัญหาทุกวิกฤตอย่างยั่งยืน

โคกหนองนา​ คือ​ ทางแก้ปัญหาทุกวิกฤตอย่างยั่งยืน

ออฟฟิศเมท จัด MEGA SALE ลดแรงแซงโควิด

คุ้ม 3 ต่อ ยิ่งช้อปยิ่งประหยัด!


 ออฟฟิศเมท ชวนช้อป #ฝ่าวิกฤตCOVID-19 จัดแคมเปญ “MEGA SALE” #ลดแรงแซงโควิด คุ้ม 3 ต่อ…ยกขบวนสินค้าแบรนด์ชั้นนำ ไอเทมสำคัญที่จำเป็นสำหรับธุรกิจเล็กใหญ่ มาลดราคาจัดเต็มสูงสุด 90% พร้อมแจกโค้ดส่วนลดเพิ่มให้ใช้ได้ทันที และแจก E-Voucher  สำหรับสั่งซื้อสินค้าครั้งต่อไปให้อีกรัวๆ! มาช้อปประหยัดและลดต้นทุนธุรกิจ #สู้โควิดไปด้วยกัน ได้แล้ววันนี้ – 31 พ.ค. 2563 

ต่อที่ 1 ลดราคาสูงสุด 90% ให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายสู้โควิด ออฟฟิศเมทจัดให้เน้นๆ สินค้าไอเทมเด็ดคุณภาพดีจากแบรนด์ดัง ทั้งเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน ลดสูงสุด 90% เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้สำนักงาน ลดสูงสุด 73% เสริมทัพการทำธุรกิจ ด้วยปริ้นเตอร์ หมึกพิมพ์ และโทนเนอร์ ลดสูงสุด 70% และสินค้าอื่นๆ ทั้งอุปกรณ์ไอที อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สำหรับ Work From Home จัดโปรโมชั่นพิเศษแบบคุ้มสุดๆ ให้คุณสุขจัดเต็ม ช้อปได้สะดวกทุกช่องทาง พบกันได้ที่ร้านออฟฟิศเมทและออฟฟิศเมท พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดต่อ Contact Center 1281 หรือช้อปง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ officemate.co.th, OfficeMate Mobile App และ Chat & Shop ที่ Line: @OfficeMate 

ต่อที่ 2 ลดเพิ่มอีกสูงสุด 2,000 บาท* รับโปรโมชั่น on-top ลดทันที 3% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ หรือลดทันที 5% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ (ส่วนลดสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท) *ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด

พิเศษ! เอาใจสายช้อปออนไลน์โดยเฉพาะ เมื่อช้อปที่ officemate.co.th, OfficeMate Mobile App และ Chat & Shop ที่ Line: @OfficeMate ตั้งแต่วันนี้ – 31 พ.ค. 2563 รับโปรโมชั่นสุดคุ้มต่อที่ 3

ต่อที่ 3 ยิ่งช้อปยิ่งได้ เมื่อช้อปออนไลน์กับออฟฟิศเมทครบ 10,000 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ        รับ OfficeMate E-Voucher มูลค่า 1,000 บาท หรือ ช้อปครบ 5,000 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ รับ OfficeMate E-Voucher มูลค่า 500 บาท สำหรับใช้เป็นส่วนลดในการช้อปออนไลน์ครั้งถัดไป  (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

ออฟฟิศเมทจัดเต็มความสะดวก บริการจัดส่งฟรีถึงที่เพียงช้อปครบ 499 บาท
(*ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/2Xxi9ZP

โครงการปั้นดาว ปี 2563 สสว. ผนึกกำลัง 4 มหาวิทยาลัยรัฐ ปั้นผู้ประกอบการให้เป็น “ดาว”

เร่งขยายธุรกิจหวังกระตุ้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด

สสว. จับมือร่วมกับ 
ศูนย์แห่งความเป็นเลิศ(Excellence Center) จากมจพ.มช.มข.และมอ.จัดงานแถลงข่าวเปิด“โครงการปั้นดาว ปี 2563” เดินหน้าพัฒนาเชิงลึก แบบครบวงจร ให้ผู้ประกอบการSME และวิสาหกิจทั่วประเทศทุกระดับไม่น้อยกว่า 180 ราย ตั้งเป้าปั้นผู้ประกอบการดาวรุ่งได้ไม่น้อยกว่า 60 ราย คาดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท 
วันนี้ (27 พฤษภาคม 2563) มีการแถลงข่าว “โครงการปั้นดาว ปี 2563”ในรูปแบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ ZOOM Meeting โดยได้รับเกียรติจากนายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)พร้อมด้วยผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยพันธมิตรทั้ง 4 แห่งร่วมกัน
แถลงข่าว
 
นายวีระพงศ์ 
เปิดเผยว่าโครงการปั้นดาวเริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 โดยได้บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตัวทางธุรกิจได้แบบกระโดดโดยนำร่องจากวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดกาฬสินธุ์และแม่ฮ่องสอน ที่ใช้วัตถุดิบหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นในการผลิตสินค้าหรือบริการจนได้อัตลักษณ์ของตนเอง และกลุ่มวิสาหกิจที่นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้หรือประยุกต์ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ เช่น กลุ่ม Startup และกลุ่มสินค้าศักยภาพในตลาดต่างประเทศซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงขยายตัวเกิดเป็นโครงการส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ในปี 2562โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยพันธมิตรจัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศ(Excellence Center)จำนวน 8 แห่งทั่วประเทศ ทำการพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งทั้งด้านเกษตรและธุรกิจชุมชน เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 11.45 เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 317 ล้านบาท 



“ในปี
2563สสว.จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต่อยอดโครงการปั้นดาว ปี 2563ขยายพื้นที่ดำเนินงานให้ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ดูแลพื้นที่ครอบคลุม 26 จังหวัด ในกรุงเทพมหานคร ภาคกลาง และภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เน้นพื้นที่ 17 จังหวัดในภาคเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น20 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รับผิดชอบใน 14 จังหวัด ในภาคใต้” นายวีระพงศ์กล่าว



รายละเอียดกิจกรรมโครงการ 
กิจกรรมที่ 1ผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 45 ราย/หน่วยร่วม เข้าการอบรมเชิงลึก หลักสูตรต่อเนื่องระยะเวลา 4 วัน ประกอบด้วย 
1.การอบรมเชิงลึกพร้อมรับคำแนะนำและข้อเสนอแนะจากที่ปรึกษา (Mentor) เพื่อจุดประกายความคิด เรื่องแนวคิดและแนวโน้มความต้องการของตลาดเพื่อปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า บริการ  หรือผลิตสินค้าและบริการใหม่ๆ
2. อบรมเชิงปฏิบัติ (Workshop) ใน 4 ประเด็น ได้แก่
- ฝึกทักษะเพิ่มมูลค่า ลดความสูญเสียหรือลดค่าใช้จ่ายของสินค้าหรือบริการ
- ฝึกทักษะเพิ่มศักยภาพช่องทางการตลาดออนไลน์ 
- พัฒนาปรับปรุง Facebook , Website พร้อมนำเสนอธุรกิจ
- การประเมินศักยภาพตนเอง (Self-Assessment) 
กิจกรรมที่ 2กิจกรรมการให้คำปรึกษาและพัฒนาเชิงลึก 3 ด้าน (ผู้ประกอบการสามารถเลือกพัฒนาได้เพียง 1 ด้าน)  ได้แก่  
1. การพัฒนาหรือสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ
          2. การออกแบบโดยใช้วิทยาศาสตร์ หรือ นวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่า ลดความสูญเสีย ลดค่าใช้จ่ายหรือพัฒนา Brand/Logo/สื่อการตลาด 
          3. นำเทคโนโลยี เครื่องจักรหรือนวัตกรรมที่เหมาะสมมาใช้ในธุรกิจ เพื่อให้ได้มาตรฐานการผลิต การบริหาร หรือมาตรฐานสินค้าหรือบริการ
กิจกรรมที่ 3กิจกรรมส่งเสริมแนะนำในการสร้างช่องทางการค้า และสร้างโอกาสทางการค้า โดยคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพหน่วยละ  15 ราย เข้าร่วมกิจกรรมการขายในตลาดจริงในช่วงเดือนกันยายน 2563
ผอ.สสว. เผยอีกว่า โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการดำเนินงานพัฒนาผู้ประกอบการเชิงลึก แบบเข้มข้นครบทุกด้าน ซึ่งคาดจะสามารถพัฒนาต่อยอดผู้ประกอบการและวิสาหกิจทุกระดับจำนวน 
180 ราย เกิดผู้ประกอบการดาวรุ่งไม่น้อยกว่า 60 ราย ที่สามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้แบบก้าวกระโดด สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ประมาณ40 ล้านบาท

ผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับการอบรมหลักสูตรต่อเนื่อง 3 วันประกอบการด้วยการอบรมเชิงลึก พร้อมที่ปรึกษา (
Mentor)  จุดประกายความคิดและอบรมเชิงปฏิบัติ (Workshop)4 ด้านการฝึกทักษะเพิ่มมูลค่า ลดความสูญเสีย ช่องทางการตลาดออนไลน์ และการประเมินศักยภาพตนเอง (Self-Assessment)  และเลือกพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองแบบเชิงลึกได้อีก 1 ด้านเช่น การพัฒนาหรือสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ  การออกแบบ การใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่า ลดความสูญเสีย ลดค่าใช้จ่ายพัฒนาตราสินค้า สื่อการตลาด  มาตรฐานการต่างๆเป็นต้น ก่อนนำเข้าสู่การทดลองตลาดในช่วงเดือนกันยายน 2563

ติดตามความเคลื่อนไหวโครงการปั้นดาว ปี 2563ได้ทาง FacebookPage : Osmepสสว.







วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ จัดโปรโมชั่นห้องประชุมยุค New Normal

สนองรัฐปลดล็อคระยะสอง เพื่อธุรกิจไม่มีสะดุด 
 

โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ จัดโปรโมชั่นบริการห้องประชุมยุค New Normal ตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ปลดล็อคมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2 ซึ่งอนุญาตให้จัดประชุมขององค์กรหรือหน่วยงาน (meeting) ลักษณะนั่งประชุมแบบจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมได้ในห้องประชุมของโรงแรมหรือศูนย์ประชุม เพื่อให้องค์กรธุรกิจทั้งหลายขับเคลื่อนต่อไปอย่างไม่มีสะดุด



บริการห้องประชุมยุค New Normal ของโรงแรมในกลุ่ม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เริ่มตั้งแต่ตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าร่วมงานพร้อมบริการแอลกอฮอล์ตรงจุดลงทะเบียน ขอความร่วมมือลงทะเบียนออนไลน์ผู้เข้าร่วมงานเผื่อกรณีตรวจสอบประวัติผู้เข้าร่วมงาน ขอความร่วมมือผู้เข้าร่วมประชุมสวมใส่หน้ากากอนามัย จัดโต๊ะสำหรับการประชุมให้มีระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1 เมตร จัดเสิร์ฟอาหารว่างและอาหารกลางวันแบบ 1 ท่านต่อ 1 ชุด (Individual Set) และจัดที่นั่งรับประทานอาหารให้มีระยะห่าง พนักงานบริการทุกคนใส่หน้ากาก ถุงมือ ตลอดเวลา มีการพ่นฆ่าเชื้อห้องประชุมหลังการใช้งานและทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกันทุกครั้ง เช่น ไมโครโฟน แผ่นรองเขียน โต๊ะประชุม รวมทั้งเช็ดทำความสะอาดบริเวณจุดที่มีการสัมผัสบ่อย ทุก 30 นาที นอกจากนี้ โรงแรมในกลุ่ม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ยังคงเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยและความสะอาดอย่างเต็มที่ทั่วทั้งโรงแรม ทั้งในส่วนของห้องพัก พื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงสุขอนามัยของพนักงานทุกคน 




โรงแรมในกลุ่ม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ มีอยู่ด้วยกันหลายแห่งในทำเลย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวกสบายทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา พร้อมให้บริการห้องประชุมยุค New Normal ตามนโยบายภาครัฐในราคาประชุมเต็มวันสุดพิเศษ ได้แก่ โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพลินจิต เพียงท่านละ 1,400 บาทเนต โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 เพียงท่านละ 1,500 บาทเนต โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เพียงท่านละ 1,200 บาทเนต โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55 เพียงท่านละ 1,200 บาทเนต และโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา เพียงท่านละ 1,300 บาทเนต

โปรโมชั่นห้องประชุมราคาพิเศษนี้ ใช้ได้ถึง 31 สิงหาคม 2563
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ สอบถามข้อมูลได้ที่ www.gcpmeeting.com #gcpnewnormal

ภาพยนตร์สยองขวัญ มันอยู่ในกระจก (Mirrors) บอกเลยสายสยองขวัญต้องชม!!

การันตีความหลอนด้วยฝีมือผู้กำกับ “อเล็กซานเดอร์ เอจา”แฟนช่อง3 ใครเป็นสายโหดชอบภาพยนตร์แนวสยองขวัญชวนขนหัวลุกต้องห้ามพลาดกับภาพยนตร์
“มันอยู่ในกระจก (Mirrors)” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้กระแสตอบรับจากแฟน ๆ คอหนังสยองขวัญมากมายในปี 2008 เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานของผู้กำกับที่แฟน ๆ ภาพยนตร์สยองขวัญต้องรู้จักกันดีนามเขาคือ “อเล็กซานเดอร์ อาจา” ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านหนังสยองขวัญระดับแถวหน้าของวงการ ที่เคยฝากผลงานภาพยนตร์สยองขวัญมาแล้วมากมาย ซึ่งผลงานล่าสุดที่เพิ่งผ่านสายตาผู้ชมไปในเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมาก็คือภาพยนตร์เรื่อง “คลานขย้ำ CRAWL” หนังสยองที่เกี่ยวกับสัตว์ร้ายในน้ำอย่างจระเข้ เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดผู้กำกับที่แฟน ๆ สายสยองขวัญต้องจับตามองอีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ส่วนในภาพยนตร์ “มันอยู่ในกระจก (Mirrors)” ผู้กำกับอย่าง “อเล็กซานเดอร์ อาจา” ก็ได้คว้านักแสดงตัวท็อปฝีมือระดับเทพมากมาย อาทิ คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์, พอลลา แพ็ทตัน, แคเมอรอน บอยซ์ และเอมี่ สมาร์ท
         
เรื่องราวอันน่าขนหัวลุกของ “มันอยู่ในกระจก (Mirrors)” เริ่มขึ้นเมื่ออดีตนายตำรวจผู้มีประวัติอันเจ็บปวด และความพยายามกอบกู้ชีวิตที่แตกเป็นเสี่ยงๆของเขา  เขาจึงรับงานประจำเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ถูกเพลิงไหม้ แต่ภาพหลอนสุดสยองที่เขาเห็นผ่านกระจกซึ่งใช้ตกแต่งอาคารใหม่ที่กำลังสร้างอยู่ ได้นำเขาสู่การสืบสวนชวนขนลุกเพื่อค้นหาประวัติความเป็นมาของห้างแห่งนี้ ก่อนสิ่งที่อธิบายไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์จะทำลายทุกชีวิตในครอบครัวเขา
         
หากคุณชอบหนังสยองขวัญที่พร้อมจะกระตุกขวัญ และปล่อยความหลอนใส่คุณ จนอาจทำให้คุณไม่กล้าส่องกระจกในตอนกลางคืน ต้องติดตามภาพยนตร์ “มันอยู่ในกระจก (Mirrors)”

ในคืนวันเสาร์ที่  23 พฤษภาคม 2563
เวลา 22.48 – 01.15 น. ทางช่อง 3 กด 33

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

“บุ๋ม-ตรีรัก และเอ้-ชุติมา ตัวแทนเหล่าศิลปินยุค 90 ของโครงการสบู่สู้ Covid-19

นำสบู่ลดการสะสมของแบคทีเรียจำนวน 1,000 ก้อน 

โครงการสบู่สู้ Covid-19 นำโดยคุณบุ๋ม ตรีรัก รักการดี และคุณเอ้ ชุติมา นัยนา เป็นตัวแทนของเหล่าศิลปินยุค 90 ได้นำสบู่จิ๊กซอว์ มี บูล การ์เดียน โซพ ที่มีส่วนผสมของสาระสำคัญ Chloroxylenol
สามารถทำความสะอาดและลดการสะสมของแบคทีเรีย จำนวน 1,000 ก้อน มอบให้ นพ.ชูศักดิ์ วรงค์ชัยกุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลบางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งสบู่ที่ได้มอบให้โรงพยาบาลบางใหญ่เป็นโรงพยาบาลแรก ได้เงินสนับสนุนจากศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี รุ่น 4 นอกจากนี้ยังมี                 
เจลแอลกอฮอล์ จำนวน 26 ลิตร จากบริษัท วธูธร จำกัด โดยคุณทัตภณ และคุณณภัชชา จีโชตินันท์ และน้ำดื่มตรา “ซัน-กรีน” จำนวน ขวด 1,200 ขวด จากบริษัท เค.จี.เอ็น.วอเตอร์ จำกัด โดยคุณวรพรรณ สินธุโสภณ และน้องพีช คุณพิชญ์อร วนรัตน์ (Top 10 Thai Supermodel 2019) ร่วมนำผลิตภัณฑ์มามอบให้กับโรงพยาบาลบางใหญ่ร่วมกับโครงการสบู่สู้ Covid-19 ในครั้งนี้ด้วย เพื่อให้คุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนซึ่งระหว่างปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้กับเชื้อไวรัส Covid-19
ได้ใช้ของที่ดีมีคุณภาพในการป้องกันและลดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสในสถานการณ์โรค Covid-19



ร่วมส่งกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และหน่วยงานต่างๆ โดยการร่วมกันสมทบทุนสนับสนุน “โครงการสบู่สู้ Covid-19” เพียงบริจาคเงินคนละ 30 บาท ได้ที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี โครงการสบู่สู้ Covid-19 เลขที่บัญชี 214-1-42581-7 ในการจัดหาสบู่ที่มีส่วนผสมของสารสำคัญ Chloroxylenol และอุปกรณ์ป้องกันไวรัส Covid-19 ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยโครงการแรกจะทำการมอบสบู่ให้กับ 10 โรงพยาบาล แห่งละจำนวน 1,000 ก้อน ในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ด้วยพลังน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศที่ส่งมอบให้คุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทางแพทย์ด้วยหัวใจ แล้วเราจะผ่านวิกฤติไวรัส Covid-19 นี้ไปด้วยกัน

สามารถติดตามข่าวสารของ  “โครงการสบู่สู้  Covid-19”
ได้ที่ Facebook : สบู่สู้ Covid-19
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์หมายเลข 063-351-9649

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แนะการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดกิจการสปา - นวดเพื่อสุขภาพ



ดร.สุวภรณ์ แนวจำปา ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ  มาดำเนิน การถ่ายทำสื่อวีดิทัศน์ ณ โอเอซิส สปา (สาขาสุขุมวิท 31 ) เพื่อประชาสัมพันธ์แนวทางการเตรียมความพร้อม

-เพื่อเปิดกิจการสถานประกอบการสปา นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมความงามในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19

-เพื่อให้ผู้รับบริการที่มาใช้บริการมั่นใจว่ามีความปลอดภัย จากการให้บริการของสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ




วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สามพรานโมเดล เผย 7 เหตุผล ผู้บริโภคขานรับ“Thai Organic Platform”

เกษตรกรอินทรีย์อุ่นใจเดินหน้าพัฒนาผลผลิต

หลังจากเปิดใช้งานอีคอมเมิร์ชในแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ Thai Organic Platform เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางการระบายสินค้าเกษตรอินทรีย์ จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้เพียงแค่ 1 เดือนกว่าๆ กระแสตอบรับจากผู้บริโภคเข้ามาช้อปสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สร้างความอุ่นใจให้เกษตรกรอินทรีย์ และพร้อมเดินหน้าพัฒนาผลผลิตกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานและเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต


คุณอรุษ นวราช ผู้ริเริ่มขับเคลื่อนสามพรานโมเดล และไทยออร์แกนิกแพลตฟอร์ม (Thai Organic Platform) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดให้ผู้บริโภคซื้อพืชผัก และสินค้าอินทรีย์ ตรงจากเกษตรกรในรูปแบบ         พรีออเดอร์มาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคมีหลากหลาย ทั้งที่เป็นลูกค้าตลาดสุขใจอยู่แล้ว และผู้บริโภครายใหม่ที่ต้องการเข้าถึงวัตถุดิบอินทรีย์ ซึ่งมียอดสั่งซื้อเฉลี่ยรายละประมาณเกือบ 1,000 บาท บางรายสูงถึง 3,000 บาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร เนื่องจากสะดวกเพราะมีจุดรับสินค้าที่ซอยทองหล่อ23 พร้อมมีการเรียกบริการขนส่งต่อไปยังบ้าน (ผู้บริโภคดูแลค่าบริการเอง)
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ Thai Organic Platform มาแรง ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  คุณอรุษ กล่าวว่า  มี 7 เหตุผลหลัก  คือ
1. เป็นการซื้อตรงจากเกษตรกร จึงมั่นใจได้ในความเป็นอินทรีย์
2. ราคาเป็นธรรมที่สุดเพราะไม่ผ่านคนกลาง
3.ผู้บริโภครู้สึกดี มีคุณค่า ทุกการซื้อหมายถึงการสนับสนุนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ และกระจายรายได้ตรงให้เกษตรกร
4. การพรีออเดอร์ทำให้ลูกค้าแน่ใจว่าจะได้รับสินค้าที่สั่งไว้แน่นอน
5. ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้า ข้อมูลกลุ่ม เห็นรูปเกษตรกร กิจกรรมของเกษตรกรอินทรีย์อื่นๆ เช่น การไปเยี่ยมชมฟาร์ม  Workshop ต่างๆ รวมถึงโปรโมชั่นในอนาคต
6.ผู้บริโภคมีช่องทางในการสื่อสาร สอบถามเรื่องสินค้า ให้ความคิดเห็น ถึงผลิตภัณฑ์ การขับเคลื่อน  รวมถึงสามารถแชร์ข้อมูลความรู้บนแพลตฟอร์มได้ด้วย
7. มีเกษตรกรอินทรีย์ที่อยู่บนแพลตฟอร์มจากหลายพื้นที่ ทำให้มีสินค้ามากกว่า 350 รายการบนแพลตฟอร์ม ซึ่งคลอบคลุม ทั้งข้าว พืชผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป เครื่องปรุง เครื่องดื่ม วัตถุดิบแห้ง ปศุสัตว์อินทรีย์ รวมถึงพืชผักพื้นบ้านตามฤดูกาล สินค้าอุปโภคต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการได้เลือกสรร  วางแผนการทำอาหาร หรือคิดเมนูอินทรีย์ได้ล่วงหน้า




สำหรับความเห็นของผู้บริโภคได้สะท้อนถึงการใช้แพลตฟอร์มว่า มีความประทับใจในความหลากหลายของสินค้า  แต่ก็อยากให้เพิ่มประเภท และรายการ ให้เลือกมากขึ้นเรื่อยๆ มีการให้ข้อมูลสินค้าเด่นๆ ในแต่ละสัปดาห์หรือฤดูกาล ตลอดจนเพิ่มช่องทางในการจัดส่งสินค้า และขยายการส่งไปต่างจังหวัด
“ขอบคุณผู้บริโภคที่มามีส่วนร่วม เริ่มมาใช้แพลตฟอร์ม ซึ่งมุ่งให้เป็นเครื่องมือเชื่อมตรงระหว่างผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภค รวมถึงให้ข้อคิดเห็นเพื่อร่วมการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น” คุณอรุษ กล่าว
ทั้งนี้ Thai Organic Platform เป็นแพลตฟอร์มแรกในประเทศไทย ที่เชื่อมโยงสังคมอินทรีย์           ทั้งระบบ ทั้งผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์  ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค  สำหรับฟังก์ชันการซื้อสินค้าอินทรีย์ออนไลน์ผ่าน Thai Organic Platform  จะเป็นการพรีออเดอร์ โดยผู้บริโภคที่สมัครเป็นสมาชิกแล้ว          จะสามารถสั่งซื้อได้ทุกวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ถึง วันพุธ เวลา12.00 น. และมารับสินค้าได้ในวันเสาร์ ที่จุดรับสินค้า ณ ตลาดสุขใจ ในสวนสามพราน  จ. นครปฐม  และจุดรับที่ร้าน Patom Organic Living  ซอยทองหล่อ 23


ในส่วนของเกษตรกรอินทรีย์ ที่วันนี้สามารถก้าวข้ามความกลัว อุปสรรค และเริ่มมีการปรับตัวกับระบบพรีออเดอร์ มีการวางแผน นำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง และจากผลตอบรับที่ดีทำให้เกษตรกรหลายคนคลายความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19ไปได้มาก และอุ่นใจ พร้อมมีกำลังใจเดินหน้าพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพมาตรฐานรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเพิ่มมาก
คุณสมประสงค์ นาคดี (พี่หลวง) กลุ่มชุมชนป่าละอูเป็นสุข จ.ประจวบคีรีขันธ์ เล่าว่า  ตอนนี้เริ่มเข้าใจการขายออนไลน์มากขึ้น ช่วงแรกก็เหนื่อยนิดหน่อย เพราะต้องนำสินค้ามาขายที่ตลาดด้วย และต้องจัดการกับสินค้าพรีออเดอร์ที่จะต้องมีการจัดเตรียมให้ลูกค้าล่วงหน้า  ตอนนี้ก็เริ่มลงตัว และเชื่อว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น หน้าที่ของเราเมื่อลูกค้าต้องการอะไร ก็จะทำการผลิตให้ได้ และดีด้วย
“การขายบนแพลตฟอร์มลูกค้าจ่ายเงินตรงมาที่เราแม่บ้านก็ดีใจมาก บอกว่า อยู่บ้านก็ได้เงิน อนาคตจากนี้ไปมันต้องเป็นแบบนี้แหละมีช่องทางออนไลน์ และจะต้องมีการพัฒนาให้ดีขึ้นทั้งระบบในส่วนเกษตรกรจะทำอย่างไรให้ตอบสนองลูกค้าให้ได้ ทำอย่างไรที่จะประเมินผลผลิตในแปลงให้ตรงกับความต้องการ และมีสินค้าเพียงพอ เป็นโจทย์ที่เราต้องไปทำต่อ”

ส่วนคุณลำเจียก แสงพิทักษ์ เกษตรอินทรีย์บางช้าง จ.นครปฐม เล่าถึงความอุ่นใจให้ฟังว่า ช่วงนี้   ก็กำลังนึกอยู่ว่าฝรั่งที่กำลังออกมาจะขายได้ไหม ปกติจะส่งตามโรงแรม และห้างต่างๆ แต่พอโควิด-19 มากระทบไปหมด ออเดอร์หายเกลี้ยง ตอนแรกคิดว่าจะห่อฝรั่งดี หรือจะเลิกห่อ เพราะออกลูกมาก็ต้องตัดทิ้งอยู่ดี แต่พอมีแพลตฟอร์มเข้ามาทำให้เราเห็นโอกาส มีความมั่นใจว่าสินค้าเราขายได้ ขอบคุณผู้บริโภค ที่สนับสนุนเกษตรกรอินทรีย์ ทำให้พวกเราอุ่นใจและมีกำลังใจผลิตอยากให้มาซื้อบนแพลตฟอร์มเยอะๆ

คุณลำเจียก แสงพิทักษ์ เกษตรอินทรีย์บางช้าง จ.นครปฐม
ผู้สนใจใช้แอพพลิเคชั่น Thai Organic Platform สามารถโหลดแอพหรือเข้าเว็บhttps://thaiorganicplatform.com สอบถาม ติดต่อได้ทาง   Line @ thorganicplatform
กด Link: https://lin.ee/1uDee1A
โทร. 064-295-4289 หรือ ฝากข้อความผ่าน FB: ไทยออร์แกนิกแพลตฟอร์ม

คนจนมาก ลำบากจริง

ใน กทม. จำนวน 2,700 คน
กรมพ้ฒนาสังคมฯ และ อพม. ลุยเก็บตก



วันที่ 13 พฤษภาคม 2563 นายสุทธิ จันทรวงษ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่ไวรัส Covid-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก รัฐบาลออกมาตรการดูแลเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งคนตกงาน คนเร่ร่อน คนไร้ที่พึ่ง ผู้ประสบปัญหาสังคม ให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการ แต่ยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ยังเข้าไม่ถึงสิทธิ รอรับการช่วยเหลือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน จึงดำเนินโครงการค้นหา “คนจนมาก ลำบากจริง” ในเขตพื้นที่กรุงเทพ ฯ

โดยจัดชุดปฏิบัติการนักสังคมสงเคราะห์ 128 คน พร้อมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กว่า 1,800 คน แบ่งเป็น 7 ทีม ลุยพื้นที่ชุมชนทั่วกรุงเทพมหานคร 50 เขต เพื่อตามหาเป้าหมาย "คนจนมากฎ- 2,700 คน

ขั้นตอนการดำเนินงาน พส.ได้จัดประชุมชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจ แก่ อพม.จากนั้นได้วางแผนปฏิบัติการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน โดยเริ่มส่งทีม อพม.ค้นหากลุ่มเป้าหมาย ชี้เป้า และจะส่งชุดปฏิบัติการร่วมกับ อพม.ลงเยี่ยมบ้าน สอบข้อเท็จจริงและวินิจฉัยตามกระบวนการสังคมสงเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 และดำเนินการตามแผนการช่วยเหลือ เฝ้าระวังผู้ประสบปัญหาสังคม และจะจ่ายเงินสงเคราะห์ผ่านระบบ “Krungthai Corporate Online” โดยระบบจะโอนเงินไปยังผู้ประสบปัญหาทางสังคม และแจ้งผลการโอนเงินให้ อพม.รับทราบ เพื่อแจ้งแก่ผู้ประสบปัญหาทางสังคมต่อไป
   
หากประชาชนประสบปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือต่าง ๆ สามารถแจ้งมายัง ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งทั่วประเทศ หรือ สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ไทยแลนด์มอลล์ผนึกซีพี รีเทลลิงค์ เพิ่มช่องทางขายสินค้าช่วยผู้ประกอบการ


เปิดเชลขายผ่านร้านกาแฟมวลชนทั่วประเทศ 
บริษัท มอลล์ (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกับ บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด ร่วมช่วยเหลือผู้ประกอบการโอทอปและเอสเอ็มอี ด้วยการเพิ่มช่องทางการขายสินค้า จัดโครงการ "ไทยแลนด์มอลล์คัดโอทอปคุณภาพ เสริมช่องทางจำหน่าย สร้างรายได้โดย "มวลชน"  เพื่อให้สินค้าของกลุ่มผู้ประกอบการโอทอปและเอสเอ็มอี เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ผ่านร้านกาแฟมวลชนทั่วประเทศ  โดยสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านกาแฟมวลชนนั้นได้รับการพัฒนาและคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์พร้อมทานเพื่อสุขภาพเห็ดภูฐานจากชื่นฟาร์ม ที่ได้รับการพัฒนาจนเป็นสินค้าพร้อมเสิร์ฟบนเครื่องบินการบินไทย  และผลิตภัณฑ์ "ข้าวกรอบสยาม" สินค้าดี ๆฝีมือเอสเอ็มอีไทยที่หลายคนชื่นชอบ จัดวางจำหน่ายเพื่อเป็นของทานเล่นเคียงคู่กับกาแฟและเมนูเครื่องดื่มต่าง ๆภายในร้าน  ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานที่ใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น  สำหรับลูกค้าที่สนใจและชื่นชอบผลิตภัณฑ์พร้อมทานเพื่อสุขภาพนี้สามารถเลือกซื้อได้ที่ร้านกาแฟมวลชนกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ อาทิ ร้านกาแฟมวลชนสาขาวิภาวดี , เทเวศน์,  กระทรวงเกษตรฯ, สามเสน , แม็คโครศาลายา, ธาราพาร์ค, แม็คโครถลาง ภูเก็ต, แม็คโครปากช่อง,  แม็คโครพัทลุง, แม็คโครยโสธร, แม็คโครมหาสารคาม, แม็คโครนครนายก, แม็คโครทุ่งสง, แม็คโครแพร่, แม็คโครพะเยา, แม็คโครเกาะช้าง, โลตัสตาก, โฮมโปรสมุทรสงคราม, โลตัสอยุธยา และร้านกาแฟมวลชนทั่วประเทศกว่า 200 สาขา 

นอกจากนี้ยังสามารถอุดหนุนสินค้าโอทอปไทยเปี่ยมคุณภาพได้หลากหลายรายการ
โดยสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ https://www.thailandmall.com
หมายเลขโทรศัพท์ 094-895-9175

วิริยะประกันภัย ร่วมมือสู้ภัยโควิด-19

มอบชุด PPE และอุปกรณ์การแพทย์ โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 


นายอัสมัน มะลี  ผู้จัดการศูนย์ปฎิบัติการสินไหมทดแทนปัตตานี พร้อมผู้บริหารและทีมงานในสังกัดฝ่ายปฎิบัติการภาค 5 (ภาคใต้) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และเพิ่มความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลปัตตานี  จังหวัดปัตตานี , โรงพยาบาลยะลา จังหวัดยะลา ,โรงพยาบาลบันนังสตา จังหวัดยะลา
                ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อรักษาผู้ป่วย บริษัทฯ ขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของไทยทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อคนไทยในการฟันฝ่าวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19 ในครั้งนี้

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

คั่วกลิ้งอิ่งอ้อย

คั่วกลิ้งอิ่งอ้อย เผ็ดถึงใจ น้ำลายพุ่ง ไม่เชื่อลองสั่งดู
เอารีวิว 
คั่วกลิ้งอิ่งอ้อย เผ็ดถึงใจ น้ำลายพุ่ง มาฝากอยากชวนเพื่อน ๆ มาลอง เมนูอาหารใต้ที่เป็นที่
นิยมกันคั่วกลิ้งอิ่งอ้อย ปรุงสดใหม่ คั่วกลิ้ง อาหารไทยภาคใต้  ชิมแล้ว เผ็ดถึงใจ น้ำลายพุ่ง  น้ำตาเล็ด
ปาดเหงื่อ ไม่เชื่อลองสั่งดู   
เมนูอาหารใต้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเผ็ดร้อน เด็ดเผ็ดขนาดที่ตักกินไม่หยุด รับประทานกับอะไรก็อร่อย ใหม่สด คั่วไร้น้ำมันเยิ้ม ไม่ใส่สารกันบูด ใบมะกรูด Organic ใส่ใจปลอดภัยในทุกขั้นตอน เลือกทานกรือปรับเปลี่ยนชนิดผักที่ชื่นชอบ ที่สำคัญคือรับประทานกับอะไรก็อร่อย


ความเผ็ดดุ รสชาติเฉียบขาด ความอร่อยขึ้นกับรสมือที่ใช้ความละเอียดกับการผสมเครื่องปรุง
มีรสชาติที่เฉพาะตัวจนเป็นอาหารใต้สูตรเด็ดของแต่ละครอบครัว

****ควรเก็บในตู้เย็น อุ่นก่อนรับทาน
ช่องทางในการสั่งออเดอร์
FB : คั่วกลิ้งอิ่งอ้อย
FB inbox : m.me/ingaoyfood
โทร. 086-332-6464
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=123226289367846&id=105026114521197

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เฮเฟเล่ ปลดล็อกเปิด “เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท 64”

พร้อมออกมาตรการป้องกันเข้ม 5 ข้อ
ดูแลความปลอดภัยลูกค้าและพนักงานทุกคน


“เฮเฟเล่ ไทยแลนด์” คลายล็อกดาวน์ ปลดล็อกเปิดโชว์รูม “เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท 64”
พร้อมให้บริการแล้ว ในเวลาปกติ จันทร์ ถึง ศุกร์ 08.00–17.00 น. และเสาร์ 09.00–16.00 น. คุมเข้มออกมาตรการ ‘ESSET’ คัดกรองเข้มงวด, งดความแออัด, ติดตามให้มั่นใจ, สะอาดทุกจุดในเชิงรุก, ลดการสัมผัส 5 หัวข้อหลักปกป้องความปลอดภัยให้ลูกค้าอย่างเคร่งครัด ครอบคลุมทุกโชว์รูมครบทุกโซน
ให้มาตรฐานความปลอดภัย ที่คงความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ไอเดียตกแต่งบ้านและอาคารทุกความต้องการ ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท “เฮเฟเล่ อุปกรณ์ครบจบทุกเรื่องงานอาคาร” (Complete Building Solutions)

นายโฟลเคอร์  เฮลสเติร์น  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด  เผยถึงมาตรการคลายล็อกดาวน์ของเฮเฟเล่ ว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมา ธุรกิจหลายภาคส่วนรวมถึง เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ ต้องปิดทำการชั่วคราว ตามมาตรการควบคุมการระบาดของ Coronavirus (COVID-19) ซึ่งหลังจากทุกคนได้ผ่านเวลาที่ยากลำบากนี้มาได้ ทำให้รัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ ให้ธุรกิจกลับมาเปิดทำการตามปกติ ภายใต้แนวทางปฏิบัติเพื่อควบคุมและป้องกันที่เข้มงวด ซึ่ง เฮเฟเล่ ประเทศไทย ก็ได้ปรับวิธีการทำงานตามแนวทางจัดสรรมาตรการรับมือโรคระบาด เพื่อให้การเยี่ยมชมโชว์รูมของลูกค้า มีมาตรฐานของความปลอดภัย แต่ยังคงความสะดวกครบครัน และพร้อมให้ “เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท 64” แหล่งรวมไอเดียการตกแต่งบ้านและอาคารอย่างครบวงจร กลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป








ช่วงระยะเวลาล็อกดาวน์ของรัฐ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สาขาหลัก ที่ สุขุมวิท 64 ต้องปิดทำการชั่วคราว โดยเฮเฟเล่ ได้เปลี่ยนแนวทางการทำงานไปสู่ช่องทางการขายออนไลน์ “Shopping at Home” พร้อมปรับเป็นวิถีปกติ (New Normal) ของบริษัท ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านบริการ 3 ช่องทางการช้อปใหม่ ทั้ง Call Center, Online Shop และ Chat ซึ่งตลอดระยะเวลาการล็อกดาวน์ เฮเฟเล่ ได้เข้าทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ภายในดีไซน์ สตูดิโอ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของลูกค้า, พนักงาน และเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดให้บริการ ทันทีที่มาตรการล็อกดาวน์สิ้นสุดลง

มาตรการเพื่อปกป้องความปลอดภัยให้ลูกค้า ที่จะใช้ใน “เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท 64” หรือมาตรการ ‘ESET’ จะแบ่งออกเป็น 5 หัวข้อ โดยเน้นการสร้างมาตรฐานด้านสุขอนามัย ตามที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ได้แก่ Extra Screening, Social Distancing, Extra Cleaning และ Touchless Experience

Extra Screening - คัดกรองเข้มงวด เป็นการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพร้อมติดสติ๊กเกอร์ให้กับลูกค้าก่อนเข้ามาใช้บริการ พร้อมดำเนินการจัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริการตามจุดต่างๆ อีกทั้งยังควบคุมให้พนักงานในโชว์รูมและร้านอาหาร รวมถึงผู้มาใช้บริการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเสมอ

Social Distancing – งดความแออัด ดำเนินการจัดทำสัญลักษณ์การเว้นระยะห่าง 1 เมตร (Social distancing) ระหว่างรอคิวชำระเงิน และระหว่างรอรับบริการ พร้อมควบคุมจำนวนผู้ทำกิจกรรม ไม่ให้เกิดความแออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน ทั้งในโชว์รูมและร้านอาหาร โดยกำหนดการนั่งรับประทานโต๊ะละไม่เกิน 2 คน



Extra Cleaning – สะอาดทุกจุดในเชิงรุก จัดมาตรการทำความสะอาดพื้น และพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังการให้บริการ พร้อมทำการกำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรค และจัดให้มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ครอบคลุมทั่วบริเวณโชว์รูมและร้านอาหาร

Touchless Experience – ลดการสัมผัส ด้วยการปรับปรุงโชว์รูม ในส่วนบานประตู เป็นระบบเท้าสัมผัส และส่วนของก๊อกน้ำ เป็นระบบอัตโนมัติ ด้วยอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของเฮเฟเล่ พร้อมปรับปรุงระบบชำระเงินแทนการใช้เงินสด และให้การแนะนำลูกค้ามาใช้ระบบชำระเงิน ด้วยการแสกน QR CR code รวมถึงงดบริการเครื่องเล่นสำหรับเด็ก

ด้านมาตรการเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ภายใน เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ บริษัทได้จัดให้พนักงานทุกคน ตรวจสุขภาพเป็นระยะในช่วงเวลาล็อกดาวน์ เพื่อเฝ้าระวังด้านสุขภาพ รวมถึงเพื่อควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรค ภายในสตูดิโอ โดยหลังจากเปิดทำการ เฮเฟเล่ได้จัดวางมาตรการให้พนักงานทุกคน สวมหน้ากากอนามัยขณะให้บริการ และสำหรับพนักงานที่อยู่ในจุดเฝ้าระวัง อาทิ แม่บ้าน, พนักงานรักษาความปลอดภัย, พนักงานต้อนรับลูกค้า ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และ Face Shield ขณะให้บริการ อีกทั้งพนักงานทุกคนต้องบันทึกประวัติประจำวัน ระบุข้อมูลการเดินทาง ส่งเพื่อประเมินความปลอดภัย ก่อนบริษัทจะอนุญาตให้เข้าปฏิบัติงานภายในโชว์รูม


สำหรับ “เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท 64” พร้อมเปิดให้บริการในวันและเวลาทำการปกติ คือ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00–17.00 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00–16.00 น. โดยจะเปิดให้บริการเป็นปกติ ในโชว์รูมทุกโซน ทั้ง Smart Hotel การจัดการห้องพักอย่างอัจฉริยะ เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจโรงแรม, Elder Care โซนออกแบบห้องเพื่อผู้สูงอายุ เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย ประหยัดพื้นที่และประหยัดแรง, Smart Apartment การจัดการอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าขนาดต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ, Smart Kitchen สร้างมิติใหม่แห่งห้องครัว ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ทันสมัย, DIY Room ห้องต้นแบบที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายและครบถ้วน อีกทั้งยังมีโซนอุปกรณ์ชนิดต่างๆ ทั้ง อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ฟิตติ้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ ระบบควบคุมการเข้าออกอาคาร อุปกรณ์ล็อคอิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ ที่ช่วยตอบโจทย์ไอเดียการตกแต่งบ้านและอาคารครบทุกความต้องการ ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท ที่ว่า “เฮเฟเล่ อุปกรณ์ครบจบทุกเรื่องงานอาคาร” (Complete Building Solutions)

ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชม “เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท 64” สามารถเข้าใช้บริการได้ตามปกติ
ในวันและเวลาทำการ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00–17.00 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00–16.00 น. สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-741-7171

ข่าวประชาสัมพันธ์

พม. จับมือ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์, GDH, และ มูลนิธิ 5 For All พาคุณตา คุณยาย ไปดูหนัง

ส่งเสริมคุณค่าความสำคัญระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว วันนี้ 26 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดแถล...

โวยวายดอทคอม