วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

ธนชาตเปิดประมูลหนี้สินเชื่อไม่มีหลักประกัน ไตรมาส 2 กว่า 177 ล้านบาท


ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดประมูลซื้อสิทธิเรียกร้องในหนี้สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน สินเชื่อบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต และบัตรสินเชื่อบุคคลของธนาคาร ไตรมาสที่ 2/2563 จำนวนรวม 4,314   บัญชี ยอดหนี้เงินต้นรวม 177,701,638.21 บาท รูปแบบการประมูลแบบรายกลุ่ม โดยระบุราคาแต่ละรายลูกหนี้ ตามแบบฟอร์มการยื่นซองประมูลราคาโดยวิธีปิดซอง ณ ที่ทำการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดจำหน่ายเอกสารประกอบการประมูลและซีดีรอม ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน ถึง 12 พฤษภาคม 2563 และยื่นซองประมูลเสนอราคาซื้อ ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายกลยุทธ์และแผนงาน ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) อาคารเพชรบุรี ชั้น 9 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2208-6296 และ 0-2208-5751

เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563

กำไรเทียบปีลด 4% 
เตรียมรับมือตลาดหลังโควิด ลุยออนไลน์ เน้นสุขอนามัย ระบบติดตั้ง DIY 

เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2563 เทียบปีก่อนกำไรลด 4% เร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้า ชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์  ส่งกระเบื้อง “ไฮจีนิค” ตอบโจทย์สุขอนามัย พร้อมแผ่นปูพื้นและระบบติดตั้งอย่างง่ายทำได้เอง

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการ เงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,523 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายลดลง
และรายได้จากการขายที่ดินลดลง
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) 
โดยบริษัท มีกำไรสำหรับงวด 125 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรจากการขายที่ดิน
ในปีก่อน กำไรจะเพิ่มขึ้นร้อยละ128 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการผลิตได้ดีขึ้น จากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและลงทุนขยายช่องทางการจัดจำหน่าย   ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลงจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง

“รายได้จากการขายในไตรมาสนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เกิดจากยอดขายในประเทศที่ลดลงตามความต้องการของตลาดในประเทศโดยรวม ในช่วงต้นไตรมาส ปัจจัยลบต่าง ๆ มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และสิ่งก่อสร้างหดตัวลงตามกำลังซื้อซึ่งเป็นผลของมาตรการ LTV และความเข้มงวดในการปล่อย สินเชื่อของสถาบันการเงิน ตลอดจนสถานการณ์ภัยแล้ง ฝุ่น ควัน ส่วนในช่วงท้ายไตรมาส เกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและปัญหาโควิด-19 อย่างไรก็ตาม  ยอดขายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLM โดยรวมสามารถรักษาระดับปริมาณขายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน” นายนำพล กล่าว

นายนำพล เปิดเผยว่า ในช่วงภาวะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งทางภาครัฐได้มีการประกาศใช้นโยบายต่าง ๆ
เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดในประเทศ มีผลกระทบกับ ผู้บริโภคและบริษัทฯ ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารออนไลน์เข้ามาช่วยในการทำงานให้มากขึ้น โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่าน ช่องทางออนไลน์ เวปไซต์ www.cottolife.com เฟซบุ๊กเพจสินค้า ทั้งแบรนด์คอตโต้ คัมพานา และโสสุโก้ รวมถึง คลังเซรามิค ตลอดจนปรับตัวและ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า โดยบริหารจัดการพนักงานที่ขายหน้าร้านมาเสริมทีมขายออนไลน์ เพื่อให้ทันกับความ ต้องการของลูกค้าด้วย

“ช่องทางขายออนไลน์ได้กลายเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้าให้กับคอตโต้ไลฟ์ โดยเฉพาะช่วงที่มีการล็อคดาวน์ ยอดขายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มาจาก การขายสินค้าออนไลน์โดยตรง และจาก Omni-Channel คือ เริ่ม จากออนไลน์นำไปสู่การติดต่อพูดคุย ขายสินค้ากับลูกค้าทางโทรศัพท์ 
นอกจากนี้ การ Live ขายสินค้าทางเฟซบุ๊กเพจ ของ คลังเซรามิค ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากลูกค้ามีการ
สั่งซื้อเข้ามาทุกครั้ง ถือได้ว่ายอดขายจากทุกช่องทาง  ออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็น New High เห็นได้ชัดว่ากลุ่มลูกค้าของเราที่มีพฤติกรรมการใช้ดิจิทัล เทคโนโลยี มีเป็นจำนวนไม่น้อย”
-นายนำพล กล่าว

 นอกจากนี้ บริษัท ฯ ยังได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปและเร่งพัฒนาตอบสนอง
ให้สอดคล้องและรวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์เรื่อง “สุขอนามัย” ที่จะเป็นเรื่องสำคัญต่อไปในอนาคต หรือเทรนด์ “การใช้ ชีวิตติดบ้าน”  บริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ที่ต้องการปรับแต่งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านแบบง่ายและสะดวก ได้ด้วยตนเอง

“คอตโต้ (COTTO) ได้ใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระเบื้อง Hygienic Tile
(ไฮจีนิก ไทล์) มาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น  JIS Z-2801 ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียเพื่อตอบรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่มีความกังวลและต้องการความปลอดภัยทางด้านสุขภาพ อนามัย  ที่สำคัญ การที่ลูกค้าต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เราจึงได้พัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ในการปรับแต่งพื้นที่แบบง่ายและสะดวกได้ด้วยตนเอง คือ
“COTTO Quick” ซึ่งเป็นระบบพื้นกระเบื้องที่ติดตั้งไวและง่าย  ซึ่งลูกค้าสามารถปูเองได้ โดยไม่
ต้องใช้กาวซีเมนต์ 

ล่าสุด ยังได้ออกสินค้าใหม่ คือ แผ่นปูพื้น Smart Flexible by COTTO ที่มาพร้อมระบบคลิกล็อกจากประเทศสวีเดนซึ่งติดตั้งง่ายและสะดวก ลูกค้าสามารถ ติดตั้งด้วยตนเองได้โดยใช้เวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้นสำหรับพื้นที่อยู่อาศัย” นายนำพล กล่าว

“ในส่วนของการบริหารต้นทุน บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนงานเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิต ควบคู่ไปกับการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพ แม้ว่าในภาวะที่บริษัทจะต้องควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่าย แต่บริษัท ฯ ยังคงมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานโดยมั่นใจว่าจะสามารถปรับตัวรับมือกับสถานการณ์หลังจากนี้และยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในประเทศ ไว้ได้”  นายนำพล กล่าวสรุป

บริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO
 ก่อตั้งเมื่อเดือน สิงหาคม 2561 จากการควบ 5 บริษัทย่อยภายในเครือ SCG (The Siam Cement Group) ได้แก่ (1) บริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด  (“TCC”) (2) บริษัทเดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด (“SGI”) (3) บริษัทโสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด (“SSG”) (4)  บริษัทไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) และ (5) บริษัทเจมาโก จำกัด (“GMG”) ส่งผลให้เอสซีจี เซรามิกส์ กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้นและ บุผนังของประเทศ โดยมีฐานการผลิต ทั้งหมด 4 แห่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี มีกำลังการผลิตกระเบื้องสูงสุดรวมกันถึงปีละ 94 ล้านตารางเมตร  ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก คือ แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA)

วิริยะประกันภัย ร่วมใจสู้ภัยโควิด มอบชุด PPE บุคลากรแพทย์ โรงพยาบาลในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก



นายภาณุตร์ เหรียญประยูร ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 4 (ภาคกลางและภาคตะวันตก) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหารและพนักงานในสังกัดฝ่ายปฏิบัติการภาค 4 ร่วมมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคล (
Personal Protective Equipment : PPE) รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และเพิ่มความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม โรงพยาบาลสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร และโรงพยาบาลมะการักษ์  จังหวัดกาญจนบุรี

สำหรับการดำเนินการมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย
PPE ด้วยบริษัทฯ มีความตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อรักษาผู้ป่วย ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้สังคมก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปด้วยกัน

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563

ผู้ว่าฯ นนทบุรี จับมือกับ บ.อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด

หนุนปลูกผักสวนครัวทั่วเมืองนนท์  รับมือ COVID-19

วันที่ 30 เมษายน 2563 เวลา 11.30น. ณ ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยนางนิศากร วิศิษฎ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี  และนางรักใจ กาญจนะวีระ พัฒนาการจังหวัดนนทบุรี รับมอบเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว(ตราศรแดง) จากบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด  โดยมีนายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไป และนายอิสระ วงศ์อินทร์ ผู้จัดการ ฝ่ายขายและการตลาด เป็นตัวแทนส่งมอบเมล็ดพันธุ์ผัก เพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการ 90 วัน “ปลูกผัก สวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” และช่วยลดรายจ่ายในการดำรงชีวิตของประชาชน หากมีเหลือ ก็แบ่งปันกัน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด ได้มอบเมล็ดพันธุ์ผักหลากหลายชนิดให้กับจังหวัดนนทบุรี อาทิ ผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา มะเขือแทศ กะเพรา  และพริก จำนวน 3,000 ซอง เพื่อนำไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนชาวนนทบุรี ที่จะได้ใช้ชีวิตในช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ มาทำการปลูกผักเพื่อเป็นอาหารไว้สำหรับบริโภคในครัวเรือน โดยในช่วงนี้หัวหน้าส่วนราชการทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนชาวจังหวัดนนทบุรีมีความตื่นตัวในการปลูกพืชผักสวนครัวกันเป็นอย่างมาก หลังจากที่กรมการพัฒนาชุมชน และจังหวัดนนทบุรีได้ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการ 90 วัน “ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” โดยจังหวัดนนทบุรี มีครัวเรือนเป้าหมายที่อยู่ในแผนปฏิบัติการทั้งสิ้น 132,209 ครัวเรือน ขณะนี้จังหวัดนนทบุรีมีครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมแล้วจำนวน 41,719 ครัวเรือน ซึ่งจังหวัดได้กำหนดให้เป็นแผนมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จึงได้ระดมทุกภาคส่วนรณรงค์ให้ครัวเรือนปลูกผักสวนครัว
ให้ครบตามจำนวนเป้าหมาย จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดนนทบุรีมาร่วมปลูกผักสวนครัว ซึ่งจะช่วยสร้างความรักความอบอุ่น ความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในครอบครัว และยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวและมีผักปลอดภัยไว้ทำอาหารอีกด้วย


นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่เป็นตัวแทนบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด มอบเมล็ดพันธุ์ผักตราศรแดง แก่จังหวัดนนทบุรี เพื่อแจกจ่ายให้กับชาวจังหวัดนนทบุรี ในแผนปฏิบัติการ 90 วัน      “ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร” เนื่องจากทางบริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านปัจจัยการเกษตร หนึ่งในธุรกิจหลัก คือธุรกิจเมล็ดพันธุ์ตราศรแดง ที่มียอดขายอับดับหนึ่งในไทยและเอเชีย อยู่ในตลาดเมล็ดพันธุ์มามากกว่า 30 ปี มีมาตรฐานสินค้าที่ดีที่สุด เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร ตลอดจนการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชาชน ดังนั้นบริษัทอีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด จึงพร้อมให้การสนับสนุนและขอเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการนี้ 

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ Quick win 90 วัน ปลูกผักสวนครัว  เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน  สถานีข่าว พช.CNS  นนทบุรี รายงาน

ฟิตสโตน ฟิตเนส (FITSTONE FITNESS)



แบ่งปัน...นายวรกร วงศกรเมือง ผู้ก่อตั้ง ตัวแทนฟิตสโตน ฟิตเนส (
FITSTONE FITNESS) สถานที่
ออกกำลังกายมากกว่าการออกกำลังกายคือไลฟ์สไตล์และความสนุก
เป็นตัวแทนนำเงินจากสมาชิกฯ
ที่ร่วมบริจาคสมทบทุน และส่วนหนึ่งนำไปซื้อเจลแอลกอฮอล์มอบให้แก่วัดทัศนารุณสุนทริการาม (วัดตะพาน)
และสถาบันราชานุกูล เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส
COVID-19 เมื่อเร็วๆ นี้

Shakira Bubble Milk Tea สุดยอดชาไข่มุกพรีเมี่ยม


อยู่บ้านปลอดภัย...Voy-Y แนะนำร้านชาไข่มุกคุณภาพราคาประหยัดมาดื่มคลายร้อนกันคะ
สั่งชาไข่มุก Shakira Bubble Milk Tea มากินดีกว่ามีเมนูให้เลือกอีกเพียบเลย โทรไปสั่งพ่อค้าบอก
พร้อมมาก และที่สำคัญเจ้าของร้านออกมารับประกันความสะอาด 100%

ชอบคุณภาพชานมไข่มุกบราวน์ชูการ์ สูตรไต้หวันแท้ของที่ร้าน  ที่นี่่พร้อมเสริฟ์ ด้วยอกที่ลักษณ์โดดเด่นเป็นของตนเอง ของ Shakira Bubble Milk Tea ถือว่าเป็นแบรนด์ชาไข่มุกสูตรดั้งเดิมจากไต้หวัน น้องใหม่ที่ครองใจคนย่านนั้นมากก่อน และเป็นชาไข่มุก ที่ชงออกมาได้ชาสีน้ำตาลสวย  คุณบอล (เจ้าของร้าน)  บอกว่า ต้มชาสดใหม่ทุกๆ 4 ชั่วโมง รสชาจึงออกมาเข้มข้น หอมกรุ่น ส่วนเนื้อไข่มุก เนื้อเหนียวหนึบ ใช้วัตถุดิบคุณภาพ




แนะนำ!!   ชานมไข่มุกสูตรคลาสสิกที่มีให้เลือกทั้งชาเขียว ชาอู่หลง หรือชาดำเน้นความเข้มข้น  เกินต้านทานจริงๆ  เพราะรสชาติเข้มข้นของไข่มุกเคี่ยวและรสนมที่กลมกล่อมเข้ากันไม่มีที่ติอย่างนี้แหละที่ใครๆ ก็สั่งมาทาน เลือกเมนูเครื่องดื่มที่ชอบแล้วกดสั่งได้เลย

หอมหวานไม่เหมือนใคร ต้องห้ามพลาด สั่งได้ทางนี้เลยคะ
- lineman​ (ค่าส่ง เริ่มต้น 10 บาท)
- Foodpanda
- Gradfoodหรือเบอร์ 064 289 7823 

#shakirabubblemilktea #shakirahostel #shakira #foodpanda #linefood #lineman #gradfood #milktea #coffee #italiansoda #greentea #lemontea #icedcocoa #icedchocolate #Espresso #Americano #Cappuccino #Latte #Mocha #ชากีร่าโฮสเทล #ชากีร่าคาเฟ่ #อ่อนนุช #ศรีนครินทร์ #ตลาดเอี่ยมสมบัติ #ชานม #กาแฟ

นอกจากร้านชาไข่มุก Shakira Bubble Milk สถานที่นี้ยังเป็น  โฮสเทลคุณภาพสุดหรู 
สัมผัสบรรยากาศ โฮสเทลคุณภาพสุดหรู แต่ราคาสุดคุ้ม  “Shakira Hostel”
มอบส่วนลดห้องพักสุดพิเศษ ให้กับลูกค้าที่น่ารักทุกท่าน ด้วยโปรโมชั่น
ซื้อ 3 คืน แถม 1 คืน สำหรับห้องพักรวม (Dormitory Room) 280.-/คน/คืน

สามารถเข้าพักได้เรื่อยๆ ถึง 30 Dec 2020
ซื้อห้องพักได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน นี้เท่านั้น
Buy 3 nights, get 1 night for FREE
A great deal for Dormitory Room
Get this limited time offer from today until 30 June 2020
ราคาพิเศษนี้สำหรับการจองตรงกับโรงแรมเท่านั้น
ใช้ได้ทุกวันไม่ชาร์ตเพิ่มปีใหม่ เรามีมาตรการรับมือไวรัสอย่างดีเเละได้มาตรฐาน
ไม่ต้องกังวลใจใดใดทั้งสิ้น
Call: + 66 95 892 0754
ID LINE: https://line.me/ti/p/nZrSK22FeZ
Facebook: Shakirahostel
Instagram: hostelshakira

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563

รมว.การอุดมศึกษาฯ ผุดโครงการ “อว.สร้างงาน” หมื่นอัตรา



“สุวิทย์ เมษินทรีย์” รมว.การอุดมศึกษาฯ แก้วิกฤติโควิด – 19 คนตกงาน ผุดโครงการ “อว.สร้างงาน” จ้างงานประชาชน 1 หมื่นคนไม่จำกัดวุฒิการศึกษา อายุ สาขาวิชาที่จบ ไม่เกี่ยงประสบการณ์ ให้ค่าตอบแทนเดือนละ 9 พันบาท ระยะเวลา 5 เดือน แถมทำแล้วอยากพัฒนาทักษะไปประกอบอาชีพใหม่ เปิดโครงการการบ่มเพาะธุรกิจให้ฟรี


เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) แถลง “โครงการ อว. สร้างงาน” ว่า กระทรวงการอุดมศึกษาฯ จัดทำโครงการสร้างงาน สำหรับประชาชนที่ว่างงาน อันเนื่องจากสถานการณ์โควิด -19  ซึ่งจะเป็นการจ้างงานประชาชน จำนวน 10,000 คน เป็นระยะเวลา 5 เดือน มีค่าตอบแทนให้เดือนละ 9,000 บาท ไม่ได้จำกัดวุฒิการศึกษา อายุ สาขาวิชาที่สำเร็จการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน

รมว.อว.กล่าวต่อว่า โครงการสร้างงานสำหรับประชาชน จำนวน 10,000 คน จะเข้ามาทำงานภายใต้หน่วยงานของ อว. จำนวน 42 หน่วยงาน ซึ่งจะเป็นหน่วยงานจ้างงาน ที่จะจ้างงานประชาชนให้มาทำงานภายใต้ภารกิจของหน่วยงานนั้นๆ  โดยผู้ได้รับการจ้างงาน นอกจากจะได้งานทำแล้วยังจะได้รับการพัฒนาทักษะทางวิชาการในด้านต่างๆ แตกต่างกันไป ทั้งนี้ หน่วยงานจ้างงานทั้ง 42 แห่งของ อว. จะทำหน้าที่รับสมัคร การมอบหมายงาน การให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ได้รับการจ้างงาน การฝึกทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน การติดตามและประเมินผล เป็นต้น ที่สำคัญ โครงการนี้ หากผู้ที่ได้รับการจ้างงานต้องการนำทักษะ ที่ได้รับการจากการทำงานไปประกอบอาชีพใหม่ สามารถเข้าร่วมโครงการการบ่มเพาะธุรกิจของหน่วยงานของ อว.ได้เลย

“หน่วยงานที่จะจ้างงาน ประกอบด้วย  สถาบันอุดมศึกษาของรัฐทั่วประเทศ 39 แห่ง   โดยงานที่ผู้ที่ได้รับการจ้าง จะไปทำงานกระจายอยู่ในท้องถิ่น หรือชุมชนต่างๆ มากกว่า 1,500 ชุมชน โดยจะทำงานเน้นหนักการพัฒนาชุมชนเมือง ชุมชนชนบท อาทิ การพัฒนาระบบเฝ้าระวังโรคติดต่อชุมชน ทำการช่วยสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลชุมชนที่สำคัญต่อการเฝ้าระวัง ช่วยในการวางแผนและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดแนวทางในด้านสาธารณสุขชุมชน การพัฒนาระบบ Smart Farming ในชุมชน ทำการช่วยสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลด้านการเกษตรในชุมชน 

ช่วยในการวางแผนการพัฒนาระบบ Smart Farming รายเกษตรกร ช่วยในการจับคู่เทคโนโลยี ที่เหมาะสม ช่วยงานถ่ายทอดเทคโนโลยี Smart Farming ที่สามารถดำเนินการได้ในระยะสั้น การจัดการขยะชุมชน ช่วยงานถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการจัดการขยะที่สามารถดำเนินการได้ในระยะสั้น การส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ช่วยสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลในด้านที่เกี่ยวข้อง ช่วยในการวางแผนและวิเคราะห์เพื่อจัดทำแผนการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่ การบริหารจัดการน้ำชุมชน การพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ช่วยงานสำรวจข้อมูลในด้านที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน เป็นต้น” ดร.สุวิทย์ กล่าวและว่า

นอกจากนี้  ยังมี สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ จิสด้า ให้ไปทำโครงการคืนผืนป่าให้ประชาชน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจ้างงาน จะต้องปฏิบัติงานได้แก่ การสำรวจพื้นที่ การจัดทำเขตหมู่บ้าน การจัดทำแผนจัดการทรัพยากรที่ดินป่าไม้ การสำรวจข้อมูลรายแปลง เป็นต้น ซึ่งจะครอบคลุมการทำงานในพื้นที่ 2,324,037 ไร่ 16 จังหวัด  

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) ทำเรื่อง โครงการช่วยเหลือการผลิตแก่เอสเอ็มอีและโอทอปในโรงงานบริการนวัตกรรมอาหาร  ซึ่งผู้ที่ได้รับการจ้างงาน จะต้องปฏิบัติงานได้แก่ การวางแผนการผลิต การใช้เครื่องมือในการผลิต การควบคุมการผลิต การตรวจสอบมาตรฐานและคุณภาพผลิตภัณฑ์ การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิต   และ กองทุนส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ไปช่วยเหลือเกษตรกร โดยการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปช่วย ซึ่งผู้ที่ได้รับการจ้างงาน จะต้องปฏิบัติงานได้แก่ การช่วยในเทคโนโลยีการแปรรูปมะม่วง เทคโนโลยีการจัดเก็บและยืดอายุของผลผลิตมะม่วง การช่วยผลิตชุดปลูกผัก การช่วยแปรรูปผลไม้ในรูปผลไม้แช่แข็ง เป็นต้น

“โครงการ อว.สร้างงาน แม้จะเป็นมาตรการระยะสั้นระยะเวลา 5 เดือน แต่จะเป็น 5 เดือนที่มีค่าหากผู้เข้าร่วมโครงการนำไปต่อยอดหรือนำทักษะ ที่ได้รับการจากการทำงานไปประกอบอาชีพใหม่ ซึ่ง อว.พร้อมที่จะเปิดรับให้ทุกคนสามารถเข้าร่วมโครงการการบ่มเพาะธุรกิจของหน่วยงานของ อว.ได้เลย  และในระยะต่อไป อว.ก็ได้เตรียมเสนอของบประมาณในส่วนของ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน เพื่อการจ้างงาน รวมถึงการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ ซึ่งจะเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน เกษตรกร ตลอดจนผู้ประกอบการรายย่อยได้” ดร.สุวิทย์ ระบุ

ร้าน The Beef Master เอาใจสายเนื้อ ส่งเมนูเด็ดให้ฟินถึงบ้าน



เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เอาใจสายเนื้อแนะนำเมนูเด็ด ๆ ฟินกับเนื้อคุณภาพดีจากร้าน The Beef Master ซึ่งในช่วงนี้ได้จัดสรรเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีพ รวบรวมไฮไลท์จากร้านเนื้อแท้มาให้ได้ลิ้มลองกันถึงใจกลางเมืองเกือบ 50 เมนู อาทิ เกาเหลาเนื้อตุ๋น/เนื้อสไลด์ กะเพราเนื้อบด เบอร์เกอร์ ข้าวผัดเนื้อเค็ม ข้าวหมกมันดี้เนื้อตุ๋น พาสต้าคาโบนาร่า สเต็กแจ่ว

ซึ่งจะสั่งจากที่บ้านก็ทำได้ง่าย ๆผ่าน Line Official โดยพิมพ์ค้นหาในบัญชีทางการว่า “เนื้อแท้ Official” หรือ Add ID Line “@nuatair.official” พิเศษส่งฟรี! เมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำ 500 บาท ในระยะทางไม่เกิน 10 ก.ม. พร้อมโปรโมชันสั่งล่วงหน้าผ่านไลน์เลือกมารับที่หน้าร้านสาขาเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ครบทุก 500 บาท รับทันที ! เมนูผัดกระทะเหล็ก เมนูใดก็ได้ 1 รายการ ครบทุก 1,000 บาท รับทันที 2 รายการ ความอร่อยรอคุณอยู่ทุกวัน ยิ่งสั่งมาก ยิ่งได้หลายจานไปทานที่บ้านฟรีๆ




EcoloTech งงเรามาไกลขนาดนี้แล้วเหรอ?

EcoloTech เครื่องผลิตน้ำดื่มจากโมเลกุลอากาศ

สวัสดีครับ ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ เพื่อนๆ สมัยเรียนเรียกว่า ไอ้ปุ้ม พอไปอยู่ปารีส 20 ปี  กลับมาชื่อ Bobby เพราะฝรั่งมันบอกจำง่าย เออๆ ก็ได้

Bobby  อดีตหนุ่มปารีเซี่ยง เคยเป็น stylish อยู่ Polo Ralph Lauren เป็น Global strategist ของ L’Oreal Paris จบที่ตำแหน่งเป็น Reginal Manager ของ Clarins Paris มีหน้าที่ทำผู้หญิง 6 พันล้านคนทั่วโลกให้รู้สึกว่าตัวเองสวยได้ในแบบของตัวเอง

วันหนึ่งมีเหตุอันต้องกลับมาอยู่เมืองไทย เพราะต้องทำหน้าที่ลูก กลับมาดูแลพ่อแม่เลยต้องหาธุรกิจทำด้วยวันนึงเห็นกองขยะอยู่ริมถนนด้วยความอยากรู้เลยเปิดวิจัยดู พบว่าคนไทยมีขยะในชีวิตประจำวันเยอะมากกกกแทบจะท่วมโลกได้ เลยเป็นที่มาการตั้งบริษัทแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งหลายทั้งปวงชื่อว่า EcoloTech
ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ (Bobby)
EcoloTech  บริษัท เริ่มต้นจากปัญหาน้ำดื่มของคนไทย  เพราะเราผลิตขวดปีละกวา 5 หมื่นล้านขวดแต่เก็บได้แค่ 20% ที่เหลือถูกเอาไปฝังใต้ดินย่อยสลายเป็นอาหารของกุ้ง หอย ปู ปลา กำไรนายทุนได้ไป ค่าเก็บขยะใช้ภาษีเราจ่าย ข้อมูลนี้ทำให้ อดีตหนุ่มปารีเซี่ยง เกิดอาการโกรธพลุ่งพล่าน เราเลยอยากพัฒนาระบบน้ำดื่มที่ทุกคนเข้าถึงได้ ที่ดีกว่าน้ำที่บรรจุในขวดพลาสติก

แล้ววันหนึ่ง ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ ก็ได้ยินมาว่าในองค์การ NASA กำลังทำงานวิจัยเรื่องน้ำบริสุทธิ์ในชั้นบรรยากาศ และทดลองสร้างระบบออกมาเป็นสินค้าแล้ว จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสินค้าตัวแรกของบริษัท  EcoloTech เครื่องผลิตน้ำดื่มจากโมเลกุลอากาศ

EcoloTech เรานำเข้าเครื่องรุ่นแรกจากอเมริกามาขายให้ลูกค้า ขณะเดียวกันก็ทำงานเผยแพร่ความรู้ให้สาธารณะชนไปพร้อมๆกันจน ดร.สุเมธเรียกเข้าไปขอความเห็นเรื่องแก้ภัยแล้ง CEO CP คุณกอปศักดิ์ อยากทำธุรกิจด้วย คุณมีชัย วีระไวทยะ เชิญไปช่วยสอนเด็กๆ ที่โรงเรียน ที่ปรึกษานายกฯเชิญไปปรึกษา ตอนนี้เลยมีอีกจ๊อบกลายเป็นวิทยากรพิเศษ เรื่องสิ่งแวดล้อมสอนนิสิตจุฬา ธรรมศาสตร์ และ ม.แม่ฟ้าหลวง


CR ภาพ :  ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์

หลังจากขายเครื่องผลิตน้ำฯได้ระยะหนึ่ง รู้สึกเครื่องมีไม่พอตอบโจทย์ทุกกลุ่มเลยพัฒนาเครื่องรุ่นที่ 2 ขึ้นเอง  เพื่อให้คนที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงได้  โดยได้รับทุนการสนับสนุนจากสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ  พอทำเสร็จรัฐบาลเกาหลีใต้มาขอแจมร่วมพัฒนาด้วย เพระทางเกาหลีก็เริ่มขาดน้ำ จนท้ายสุดมี Designer ของ Bang & Olufen จากเดนมารค์ ได้ยินเรื่องราวของเราเลยเสนอตัวมาขอเป็นคนดีไซน์เครื่องใหม่  ให้เพราะชอบแนวคิดทะเยอทะยานของบริษัทฯ ที่จะตีกลองรบกับบริษัทผลิตน้ำขวดพลาสติก สินค้ารุ่นแรกจะเข้าสู่ตลาดทั่วโลกพร้อมกันในปีหน้า ทุกวันนี้ยังงงอยู่ว่าเรามาไกลขนาดนี้แล้วเหรอ.....
CR ภาพ :  ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์

สรุปโพสนี้ไม่ได้ตั้งใจมาขายของ แต่อยากให้ พี่น้องชาวปพ.ทราบว่ายังคงมีเลือดสีเขียวหยดหนึ่งที่ยังคงเดินตามทางอุดมการณ์ของโรงเรียนอย่างมั่นคง และอยากให้ทุกคนมาเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการทำงานของ  EcoloTech  ที่มุ่งมั่นกับสิ่งที่เรากำลังทำจนผู้บริหารของ ปตท.ท่านหนึ่งมาถามว่า....อะไรสร้างเราให้เป็นคนแบบนี้ได้ คำตอบคือ คุณพลาดแล้วล่ะ  ที่ไม่ได้มาเรียนที่โรงเรียนปานะพันธุ์ เพราะเราอยู่บนแผ่นดินเดียวกันและท้ายสุดเราใฝ่ฝันว่าจะได้เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รางวัล Nobel

การสนับสนุนสินค้าของเราจะทำให้เด็กยากจนบนดอยมีน้ำดื่มสะอาดดื่มไปอีกหลายๆ ปีและช่วยลดขยะขวดพลาสติก ถึงแม้ว่าบางท่านจะยังไม่สะดวกสนับสนุนสินค้า ก็มีสินค้าเล็กๆน้อยๆสวยงามออกแบบตามสไตล์ปารีเซี่ยง ลงพู่กันด้วยระดับยอดฝีมืออย่าง ครูปาน สมนึก คลังนอก เราผลิตขายเพื่อหาทุนไปสนับสนุนโครงการน้ำดื่มดีๆเพื่อเด็กๆยากจน ติดตามงานของเราได้ที่ https://www.facebook.com/ELTxaufu/

ถ้าพ่อแม่พี่น้องสนใจ เรื่องราวอื่นๆคุณจะสามารถเข้าไปดูเวปไซท์เราได้ที่ www.ecolotech.co.th


วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563

3,000​ ท่านแรก​ รับส่วนลด​ทันที 100​บาท


ททท.​ ระยอง​ จัดให้​เอาใจคนชอบกินทุเรียนและผลไม้อร่อย​  สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มาเที่ยวสวนผลไม้จังหวัดระยองในปีนี้​ แต่ยังตามหาอยากรับประทาน ผลไม้ระยอง​ โดยเฉพาะทุเรียน​ ททท.​มีโครงการ" 60 วันพรีเมี่ยมทุเรียนระยอง" กินทุเรียนก่อนใครสั่งออนไลน์จากระยอง  สำหรับ​ 3,000 ท่านแรกที่สั่งซื้อ ทุเรียนหรือผลไม้อื่นๆ จากสวนผลไม้คุณภาพ ในจังหวัดระยอง )ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป(รวมค่าจัดส่ง) รับทันทีส่วนลด 100 บาท




ทั้งนี้​ สั่งซื้อได้โดยตรงกับสวนผลไม้​ ตามรายชื่อในสื่อประชาสัมพันธ์​,
เพจ​ , เฟซบุุ๊ก ของ​ ททท.​สำนักงานระยอง​  หรือ​ สแกนQR CODE​

#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#Social​Distancing

อ.ยักษ์ ย้ำ “ตามรอยพ่อฯ สู้วิกฤตโควิด-19 รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา”

โครงการ “ตามรอยพ่อฯ” ปี 8 รุกจัดกิจกรรมออนไลน์ จัดเสวนาแนะทางรอด “ตามรอยพ่อฯ สู้วิกฤตโควิด-19
รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา”

ด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบสามล้านคนและสูญเสียชีวิตกว่าสองแสนคน ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน รัฐบาลได้ประกาศมาตรการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อหยุดการระบาดให้ได้เร็วที่สุดและประชาชนสูญเสียชีวิตน้อยที่สุด โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) ที่เกิดจากความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ของการดำเนินงาน 

จึงจัดกิจกรรมพิเศษการสนทนาสดออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊กโครงการ www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking ในหัวข้อ “ตามรอยพ่อฯ สู้วิกฤตโควิด-19 รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจว่าศาสตร์พระราชาคือแนวปฏิบัติที่เป็นทางรอดในทุกวิกฤต ตลอดจนแนวทางการใช้ศาสตร์พระราชาเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ โดยหลังจากนี้ โครงการฯ จะเดินหน้าถ่ายทอดองค์ความรู้และ ตัวอย่างความสำเร็จของผู้ที่นำศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่อง

โดย นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “สิ่งที่โครงการตามรอยพ่อฯ ดำเนินการมาโดยตลอดจนเข้าสู่ปีที่ 8 ในปีนี้ คือการสื่อสารเพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมนำศาสตร์พระราชาด้านการบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคน มาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เกิดความตระหนัก และนำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมแล้วกว่า 20,000 คน ทั้งนี้ การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เตือนเราทุกคนว่าต้องลงมือทำตามศาสตร์พระราชาอย่างจริงจัง เพราะเป็นทางรอดจากทุกวิกฤต รวมถึงวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้

วิกฤตโควิด-19 เป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อให้ประเทศไทยของเราฟันฝ่าสถานการณ์นี้ไปได้ ในช่วง 3 เดือนนี้ คือ เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน โครงการตามรอยพ่อฯ จะมุ่งเน้นผลิตสื่อต่าง ๆ ที่เป็นองค์ความรู้ เป็นแรงบันดาลใจเพื่อให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เอาตัวรอดได้ในภาวะวิกฤต COVID-19 นี้ และพร้อมรับมือกับวิกฤตอื่น ๆ ที่จะตามมาทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ภาวะความยากจน การขาดแคลนอาหาร ภัยแล้ง และน้ำท่วม โดยเผยแพร่ทางช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียของโครงการ ได้แก่ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไลน์ ยูทูป และอินสตาแกรม”
 

ด้าน นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวแนะทางรอดจากวิกฤตโควิด-19 ด้วยศาสตร์พระราชาว่า “โครงการตามรอยพ่อฯ ได้น้อมนำข้อความใน ส.ค.ส.ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานให้คนไทยเมื่อปี พ.ศ.2547 ที่ว่า ‘สามัคคีเป็นพลัง ค้ำจุนแผ่นดินไทย’ เป็นคติประจำใจในการดำเนินโครงการฯ มาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ที่กำลังเกิดวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยแต่ระบาดไปทั่วโลก เรายิ่งต้องการพลังแห่งความสามัคคีเพื่อนำพาให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ 

ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญวิกฤต 4 ด้าน ทั้งวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งโรคระบาด ภัยแล้ง หมอกควัน วิกฤตด้านเศรษฐกิจ วิกฤตด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม และวิกฤตด้านการเมือง ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือเสาหลักในการกู้วิกฤตทั้ง 4 ด้านนี้ โดยต้องปรับแนวความคิดการดำเนินชีวิตใหม่ จากการมุ่งเน้นหาเงินทองเป็นการสร้างพื้นฐานปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ให้ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็น  สำหรับข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวในภาวะวิกฤตโควิด-19 คือการอยู่ในฐานที่มั่นของตัวเอง พึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด สร้างภูมิต้านทานให้ตัวเอง ทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ อาหารที่เราปลูกเองโดยไม่ใช้สารเคมี สร้างแหล่งน้ำของตัวเอง หายใจอากาศบริสุทธิ์ เพียงเท่านี้ไม่เพียงตัวเองรอด สังคมก็อยู่รอด ประเทศชาติก็จะอยู่รอดด้วย 

คนเมืองและชนบทสามารถนำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติได้ทั้งคู่ โดยคนเมืองซึ่งมีอยู่ประมาณ 30% ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่คอนโดมิเนียมอยู่หอพัก หรือคนมีที่ดิน 50 ตารางวา อาจเริ่มด้วยการพึ่งพาตัวเอง เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว  รั้วกินได้ หรือการทำน้ำยาต่าง ๆ ใช้เอง เป็นต้น ส่วนคนอีก 70% ที่อยู่ในชนบทและเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ก็ปรับพื้นที่ทำการเกษตรตามแนวทาง ‘โคก หนอง นา’ โมเดล เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี มีอาหารการกินไม่ต้องไปซื้อไปหา ซึ่งหากลงมือทำได้จะมีกินมีใช้ไม่อดอยาก สามารถผ่านทุกวิกฤตได้แน่นอน” 


นายอาทิตย์ กล่าวเสริมถึงการดำเนินกิจกรรมในโครงการตามรอยพ่อฯ ปี 8 ที่เพิ่มช่องทางสื่อบุคคล
เพื่อให้การสื่อสารเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้นว่า “ในปีที่ 8 ของโครงการฯ เราจะเดินหน้าให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างแรงบันดาลใจ กับประชาชนในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ผ่านสื่อและกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งโครงการฯ ยินดีที่คุณฌอน บูรณะหิรัญ จะมาร่วมกิจกรรมกับโครงการฯ ตลอดทั้งปีนี้  โดยคุณฌอนได้มาเรียนรู้การใช้ศาสตร์พระราชาเพื่อแก้ปัญหาดิน น้ำ ป่า กับทางโครงการฯ ตั้งแต่ปีที่แล้ว และอยากมีส่วนร่วม
ในการสื่อสารองค์ความรู้นี้ ซึ่งโซเชียลมีเดียของคุณฌอน ทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูบ และอินสตาแกรม มีผู้ติดตามรวมสูงถึง 6 ล้านคน จะเป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่ศาสตร์พระราชาให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น” 

ทั้งนี้ นายฌอน บูรณะหิรัญ นักคิด นักเขียน และตัวแทนคนรุ่นใหม่ กล่าวถึงเหตุผลที่ตอบรับร่วมกิจกรรมกับโครงการ ตามรอยพ่อฯ และใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเองร่วมเผยแพร่แนวทางศาสตร์พระราชาว่า “ผมมีเป้าหมายอยู่แล้วว่าอยากอุทิศตนทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้โลกใบนี้ดีขึ้น เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันวิกฤตมากไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 น้ำท่วม ภัยแล้ง โดยผมได้ไปเรียนรู้กับโครงการเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่บ้านใหม่ภูคา จ.น่าน ไปเห็นเขาหัวโล้นด้วยตาของตนเอง ได้รู้ต้นเหตุของปัญหาว่าการรุกทำลายป่าเพื่อปลูกพืชเชิงเดี่ยว ส่งผลกระทบมากมายต่อทุกคนในทุกพื้นที่ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เมื่อป่าถูกทำลายไม่มีต้นไม้มาซับน้ำให้ภูเขา เกิดดินถล่ม ดินตะกอนไหลไปทับถมในแม่น้ำและในเขื่อนทำให้ตื้นเขิน เก็บน้ำไม่ได้ หน้าแล้งก็ไม่มีน้ำใช้ พอฝนตกมากก็ท่วมไปถึงกรุงเทพฯ เพราะไม่มีที่เก็บน้ำ

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาผมได้พาเพื่อน ๆ ไปเอามื้อที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ก็ได้ไปช่วยขุดคลองไส้ไก่ สร้างหลุมขนมครกให้เป็นที่เก็บน้ำบนภูเขาสูง พอขุดเสร็จเขาก็ปล่อยน้ำเข้ามา ซึ่งน่าตื่นเต้นมากที่เห็นน้ำไหลไปตามพื้นที่ที่เราขุดไว้ เราสามารถเก็บน้ำได้ บังคับน้ำให้ไหลไปตามพื้นที่ที่เราต้องการได้  ทำให้เห็นว่าไม่ว่าพื้นที่แบบไหนถ้าเรามีความรู้ และลงมือทำจริง ๆ เราก็สามารถเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้ปลูกพืชได้ สร้างความอุดมสมบูรณ์ได้ และที่สำคัญก็จะมีกิน มีใช้ พึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่ต้องไปรุกทำลายป่าและเผาป่า ทำให้เกิดปัญหา PM 2.5 ซึ่งในภาคเหนือรุนแรงขึ้นทุกปีจนเกินกว่าที่มนุษย์จะอยู่ได้แล้ว ผมจึงเห็นว่าเราต้องช่วยกันรณรงค์อย่างจริงจัง”

ผู้ที่สนใจติดตามกิจกรรมในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน”
ได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking
ดูรายละเอียดที่ https://ajourneyinspiredbytheking.org

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2563

ททท. ชวนสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวเสมือนจริงผ่านเทคโนโลยี “Virtual Tours” 10 ที่ 9 จังหวัดทั่วไทย


กองสารสนเทศการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ นำเทคโนโลยีเสมือนจริงมาผนวกกับการเดินทางท่องเที่ยว (Virtual Tours) พาชมสถานที่ท่องเที่ยว 10 แห่งใน 9 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของ ททท. ในช่วงระหว่างกักตัว อยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19)

 https://www.tatnewsthai.org/news_detail.php?newsID=4942

กาแฟ "ท่าช้าง" 25 in 1 นวัตกรรมใหม่เพื่อสุขภาพเพื่อผู้สูงวัย


ก่อนจะอร่อยกับกาแฟถ้วยโปรด จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้คาดการณ์ว่าจำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทั่วโลกจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี พ.ศ. 2573 คาดว่าจะมีจำนวนประชากรสูงอายุมากกว่า 1.4 พันล้านคน และจะเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านคนในปี พ.ศ. 2593 สำหรับประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในปี พ.ศ. 2565 และในปี พ.ศ. 2573 จะมีสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 26.9% ของประชากรไทย หรือกว่า 20 ล้านคน


ทำให้สัดส่วนของอาหารเสริม อาหารเพื่อสุขภาพของผู้สูงวัย ต่างถูกนำเสนอมากมายผ่านกลไกการตลาดเป็นจำนวนมาก เจ้าของแบรนด์ "ท่าช้าง" คุณใบพัด - อธิษฐ์พัชร นิพิษฐาภัทร ก็ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการค้าตลาดออนไลน์ในกลุ่มของผู้สูงอายุเช่นกัน

เจ้าของแบรนด์ ท่าช้าง มองว่า"ผู้สูงวัยไทยกว่า 75% มีความสนใจ และต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คนสูงวัยจำนวนมากได้เข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน หาข้อมูล พูดคุย และสั่งซื้อสินค้าผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับปีนี้ทางแบรนด์ ท่าช้าง ได้ขยายไลน์สินค้าใหม่ เป็น กาแฟ 25 in 1 เพื่อสุขภาพตอกย้ำภาพลักษณ์ แบรนด์ Innovation Food โดยอาศัยนวัตกรรมด้านอาหารมาช่วยให้สินค้าของแบรนด์ท่าช้าง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้รักสุขภาพได้อย่างตรงจุด



ซึ่งตลาดสุขภาพมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีสินค้าที่ดีแล้ว การตลาดก็เป็นสิ่งที่สำคัญเพราะตลาดกาแฟ มีการแข่งขันสูง ดังนั้นแบรนด์ท่าช้าง จึงเล็งเห็นศักยภาพของกลุ่มผู้สูงอายุ ยุคดิจิไลฟ์ ที่ใช้การสื่อสารออนไลน์ได้อย่างคล่องตัว และมีกำลังซื้อสูง
มาเป็นกำลังทัพสำคัญในปีนี้

โดยโครงสร้าง Aged Marketing Online ถือเป็นการฉีกกฎการทำตลาดออนไลน์รูปแบบเดิมๆ เพราะเราดึงศักยภาพของกลุ่มผู้สูงอายุยุคใหม่เข้ามาร่วมงาน โดยอาศัยเทคโนโลยีโซเชี่ยลไลฟ์มาช่วย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีการจัด Work Shop การทำตลาดออนไลน์แบบครบวงจร สอนตั้งแต่พื้นฐานจนถึงปิดการขาย ผ่านสื่อออนไลน์ยอดนิยม ทั้ง Facebook Instagram ซึ่งนิยมใช้กันทั่วโลก และได้รับผลตอบรับดีเกินคาด  อีกทั้งทางแบรนด์ท่าช้าง ยังเตรียมผสานวัฒนธรรมไทย สู่สายตาชาวโลก ผ่านเพลง อีแซว ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านของภาคกลาง ขับร้องโดยศิลปินแห่งชาติ "แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์" ตอกย้ำแบรนด์ไทยที่ก้าวสู่เวทีสากล


ด้านคุณสมบัติที่โดดเด่น เพียงเปลี่ยนมาดื่มกาแฟที่ใช้กาแฟท่าช้างเป็นกาแฟที่รวมสารสกัดสมุนไพรธรรมชาติ เกรดพรีเมี่ยมเอาไว้ คุณณิฐ์ภาวรรณย์ แตงเอี่ยม หุ้นส่วนกาแฟ ท่าช้าง กล่าวถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นนี้ว่ากาแฟท่าช้าง กาแฟรวมสารสกัดสมุนไพรธรรมชาติ เกรดพรีเมี่ยม พัฒนาสูตรจากทีมผู้เชี่ยวชาญ และทีมวิจัยที่ได้รับยอมรับ มีการสกัดสูตรกาแฟเฉพาะตัว ให้ได้คุณประโยชน์สูงสุด และรสชาติต้องยอดเยี่ยม เกิดเป็นสูตรเข้มข้น  25 in 1 ถั่งเช่า เห็ดหลินจือ ตะบองเพชร คอลลาเจนไตรเปปไทด์ และวิตตามิน c บำรุงข้อเข่า-บำรุงสายตา-ดูแลสมอง-ลดไขมันในเลือด เห็นผลตั้งแต่กล่องแรกที่คุณดื่ม รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพร" 



ประโยชน์ที่ได้รับจากการดื่มกาแฟ ท่าช้าง

     1 ควบคุมความดัน จากสารสกัดจากเห็ดหลินจือ

     2 ลดน้ำตาลในเลือด จากสารสกัดจากถังเช่า และสารสกัดจากโสม

     3 บำรุงข้อเข่าและสายตา จากคอลลาเจนเปปไทด์เกรดพรีเมี่ยม

     4 ลดไขมันและดูแลตับ/ลดคอเลสเตอรอลในเลือด  จากสารสกัดจากอาร์ติโช้ค

     5 ต้านอนุมูลอิสระ จากเมล็ดองุ่น

     6 ต้านเชื้อแบคทีเรียบรรเทาอาการอักเสบ บำรุงผิว จาก สารสกัดจากดอกดาวเรือง

     7 บำรุงสมอง เพิ่มความจำไม่ให้หลงลืมง่าย  ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ป้องกันภาวะเลิอดจาง จากสารสกัดจากตังกุย (จะออกฤทธิ์ได้ดีเพื่อไปผสมกับ โสมและถั่งเช่า)

     8 ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดระดับไตรกลีเซอไรด์  มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก จาก
สารสกัดจากถั่วขาว ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

     9 ช่วยลดการดูดซึมไขมันเข้าร่างกาย/ช่วยสลายไขมันสะสม/ลดระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอล
จากสารสกัดจากตะบองเพชร

     10 ช่วยควบคุมน้ำหนัก เพิ่มการเผาผลาญไขมัน จากสารสกัดจากกาแฟเขียว เนื่องจากมีสาร
คลอโรเจนิค ( chlorogenic Acid) พบในกาแฟเขียวเท่านั้น

     11 ช่วยยับยั้งการแปรสภาพคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นไขมันสะสม จากสารสกัดจากผลส้ม

    12 บำรุงสายตา ต้านอนุมูลอิสระ /ลดความดันโลหิต/ จากสารสกัดจากโกจิเบอร์รี่

     13 ชะลอความแก่ จากเบต้าแคโรทีน

     14 ดื่มแล้วไม่อ้วน เนื่องจากใช้ ซูคราโรส เป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัย ดื่มแล้วไม่อ้วน
1กล่อง 20 ซอง


ด้านความแตกต่างของกาแฟทั่วไปกับกาแฟท่าช้าง คุณณิฐ์ภาวรรณย์ กล่าวต่อว่า
กาแฟทั่วไป 1. มีคาแฟอีนในปริมาณสูงประมาณ 60 - 80 มิลลิกรัม 2. มีรสชาติหอมเหมือนกาแฟทั่วไป กินมากเกินไปมีอาการใจสั่น  3.ใช้ครีมเทียม (ครีมที่มีไขมันสูง) เป็นส่วนผสมทำให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด 4. กาแฟพันธุ์โรบาสต้า 5. ส่วนผสมน้ำตาล เป็นน้ำตาลทรายฟอกขาว

ส่วนกาแฟท่าช้าง สูตรสมุนไพรเข้มข้น 1. มีคาแฟอีนในปริมาณต่ำประมาณ 10 มิลลิกรัม/ซอง 2. รสชาติหอมกลมกล่อม กลิ่นหอม กินแล้วสุขภาพแข็งแรง เพราะมีส่วนผสมของเห็นหลินจือ 3. ใช้นมถั่วเหลืองเป็น ส่วนผสมได้รับสารอาหารโปรตีนสูง 4. กาแฟพันธุ์อราบิก้าแท้จากบราซิล 5. ความหวานได้จากซูคาโรส สารให้ความหวานที่ปลอดภัย ที่ ไม่มีสารสะสมในร่างกายเนื่องจากขบวนการผลิตองค์การอนามัยโลกยอมรับเป็นทางการแล้วว่ามีความปลอดภัยเทียบเท่าน้ำตาลจากธรรมชาติ  มาตรฐาน อย. GMP
 

สนใจสอบถามรายละเอียด ติดต่อ คุณ ณิฐ์ภาวรรณย์ แตงเอี่ยม  โทร 0854462444

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563

SME แบรนด์ไทย เร่งผลิตหน้ากากผ้า Smart Fabric ร่วมสู้โควิด-19


จากสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อสุขภาพอนามัยของคนทั่วโลกและการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องเพิ่มการดูแลป้องกันตัวเองให้ปลอดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ทำให้หน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นที่ต้องการอย่างมากจนทำให้เกิดการขาดแคลน จึงมีการผลิตหน้ากากผ้าขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจนมีผู้ผลิตหลากหลายในตลาด อย่างไรก็ตาม


นางพัชรา มาพงษ์ ผู้ริเริ่มแบรนด์ “Brand Thai by Wife Armyซึ่งมีเอกลักษณ์ของแบรนด์อยู่ที่การนำผ้าลายพรางเลียนแบบทหารมาผลิตเป็นสินค้า เช่น กระเป๋า ได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายไลน์สินค้าเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักด้วยการร่วมมือกับบริษัท แอลฟิโน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และสถาบันสิ่งทอไทย นำนวัตกรรมมาผลิตเป็นหน้ากากผ้า Techno Mask ตอบสนองความต้องการของตลาดและได้รับตราคุณภาพ Smart Fabric

ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของหน้ากากผ้า Smart Fabric ของ Brand Thai นั้น ผลิตจากเส้นใย Polyester / Rayon และ Spandex สามารถป้องกันฝุ่น ไรฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรียโดยเฉพาะ ยิ่งไปกว่านั้นยังลงน้ำยา "Sanitized" ซึ่งเป็นน้ำยา anti-microbial ที่นำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้หน้ากากผ้านี้ไม่เกิดแบคทีเรียหรือเชื้อรา พร้อมด้วยน้ำยา "Anti-odor" ป้องกันการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ ผ้าที่นำมาผลิตยังเป็นผ้า "Cool-Mode" ที่สวมใส่สบาย ระบายอากาศและเหงื่อได้ดี ทั้งยังสามารถซักน้ำได้ถึง 30 ครั้งโดยคุณสมบัติของน้ำยายังคงเดิม


นางพัชรา มาพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่แบรนด์ให้ความสำคัญมาตลาดคือเรื่องของคุณภาพ หน้ากากผ้า Techno Mask ของ Brand Thai ได้รับการทดสอบและรับรองจากสถาบันสิ่งทอว่าเป็นผ้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับทำหน้ากากผ้า สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก 0.5 ไมครอนได้ไม่น้อยกว่า 65%, มีอากาศซึมผ่านและหายใจได้แต่ยังคงประสิทธิภาพในการป้องกันละอองจากการไอจามได้, ไม่มีสารก่อมะเร็งจากสีย้อม และไม่มีสาร formaldehyde เกินกว่าที่กำหนด เพิ่มการสะท้อนน้ำ สามารถใช้งานซ้ำและผ่านการซักล้างได้อย่างน้อย 10 ครั้งขึ้นไป จึงมั่นใจได้ว่า หน้ากากผ้าของ Brand Thai มีความปลอดภัยและสามารถใช้งานได้ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่สำคัญ เราได้มีการฆ่าเชื้อโดยเข้าตู้อบฆ่าเชื้อด้วยแสง UV ก่อนทำการแพ็คหน้ากากทุกชิ้น


ปัจจุบัน หน้ากากผ้า Techno Mask ของ Brand Thai ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ขณะนี้เรากำลังเร่งทำการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าในอนาคต การใช้หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าจะเป็นพฤติกรรมที่เคยชินในชีวิตประจำวัน เพราะถึงแม้ว่าไวรัสโควิด-19 จะสิ้นสุดแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากฝุ่นละออง เชื้อแบคทีเรีย และการสัมผัสอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพอนามัย ในอนาคต แบรนด์ของเราอาจจะเพิ่มเติมนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปในสินค้าเพื่อให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้นไปอีก


ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อหน้ากากผ้า Techno Mask ของ Brand Thai ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Brandthai หรือโทร. 095 635 5295 และ 093 894 0199

ข่าวประชาสัมพันธ์

พม. จับมือ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์, GDH, และ มูลนิธิ 5 For All พาคุณตา คุณยาย ไปดูหนัง

ส่งเสริมคุณค่าความสำคัญระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว วันนี้ 26 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดแถล...

โวยวายดอทคอม