วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น ลงนามสัญญาร่วมกับ แคนนาบิสต้า เนเธอร์แลนด์


 เดินหน้าพัฒนาระบบอุตสาหกรรมการปลูกกัญชาทางการแพทย์แบบครบวงจร ดันไทยสู่ฐานการผลิต ‘กัญชา ฟาร์มาซูติคอล เกรด’ แห่งแรกในเอเชีย

บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น ผู้นำด้านการปลูกกัญชาทางการแพทย์ของไทย ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ร่วมกับ แคนนาบิสต้า เนเธอร์แลนด์ ผู้นำแบบครบวงจรด้านการปลูกกัญชาทางการแพทย์ระดับโลก พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำของเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วย บอสแมน แวน เซล, เดลฟี่ และ พาราไดส์ ซีดส์ ผนึกพลังเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านการปลูกและพัฒนาสายพันธุ์แบบบูรณาการ เพื่อให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านกัญชาเพื่อการแพทย์ในภูมิภาคเอเชียอย่างแท้จริง โดยการลงนามสัญญาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายชาตรี   อรรจนานันท์  เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และ นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ 

นายนิพนธ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น จำกัด

นายนิพนธ์ พันธเกียรติไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอนเนสต้าร์ ทีแอนด์เอ็น จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างไทยและเนเธอร์แลนด์ ในครั้งนี้ว่า  ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบการปลูกกัญชาทางการแพทย์ระดับ ฟาร์มาซูติคอล เกรด แห่งเดียวในประเทศไทยและแห่งแรกในเอเชีย โดยได้นำข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของไทยที่ทั่วโลกต่างยอมรับว่าเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเพาะปลูกกัญชา มาผสานกับองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่เนเธอร์แลนด์สั่งสมมาจนเป็นผู้นำระดับโลกอย่างครบวงจร

“ความร่วมมือในครั้งนี้ เริ่มจากการคัดสรรเมล็ดพันธุ์คุณภาพจาก พาราไดส์ ซีดส์ ธนาคารเมล็ดพันธ์กัญชาที่ใหญ่ที่สุดและเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์เมล็ดกัญชาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานด้านคุณภาพสูงสุดของโลก เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยาอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการรักษาที่มีความเฉพาะเจาะจงของกลุ่มโรค เสริมด้วยการนำระบบ Automated Agricultural System ซึ่งใช้ระบบ Logistics and Robotics ที่พัฒนาเพื่อการปลูกระดับอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานด้านคุณภาพสูงสุดในโลก เพื่อนำกัญชาที่ได้ไปใช้ในอุตสาหกรรมยา อาหาร และเครื่องดื่ม และระบบ Vertical Farming ที่เป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกโดยประหยัดพื้นที่ ประหยัดพลังงาน และน้ำ รวมทั้งระบบ Data & Business Intelligence ที่สามารถควบคุมระบบอากาศ ความชื้น และระบบรดน้ำที่แม่นยำ เพื่อการเจริญเติบโตของพืชผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นนวัตกรรมของบอสแมน แวน เซล มาใช้ในประเทศไทย และการนำ Mechanization, Automation และ ICT ในการควบคุมระบบการปลูกทางไกลผ่านระบบออนไลน์ของ เดลฟี่ ผู้พัฒนาความรู้ทางการเกษตรและสร้างระบบการปลูกมาพัฒนาใช้ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สูงที่สุดและมีมาตรฐานคุณภาพระดับโลก” นายนิพนธ์ พันธเกียรติไพศาล กล่าวสรุป

มาทำความรู้จักกับ ”เปรโก้” กันเถอะ

เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน  ที่เน้นการทำแบบอิตาเลี่ยนต้นตำรับเปิดเมื่อปี 2003 ที่โรงแรมอมารีเกาะสมุยและได้รับการยกย่องว่าเป็น “ห้องอาหารที่ดีที่สุดบนเกาะสมุย” อีกด้วย

เชิญมาสัมผัสบรรยากาศสบายๆ  ชมฝีมือการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิดโดยเชฟมาร์โค่เชฟชื่อดังจากอิตาลีลองลิ้มรสชาติอาหารอิตาเลียนแสนอร่อยสูตรต้นตำรับกับเมนูพาสต้าแฮนด์เมดและไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดีส่งตรงจากอิตาลีที่ห้องอาหารเปรโก้ ที่โรงแรมอมารีวอเตอร์เกท กรุงเทพฯ




เรียงจากซ้ายไปขวา
คุณสุขมาล มอนเดล ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ,เชฟมาร์โก้ บอสกายอินี่ (Marco Boscaini)
Corporate Chef for Prego Project, คุณยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย จำกัด
และผู้บริหารกลุ่มบริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด


เมนูแนะนำ : เชฟมาร์โค่เป็นเชฟหนึ่งเดียวจากประเทศไทย!
รีซอตโต มอนทานาร่า จะดีแค่ไหนหากทุกท่านได้ลองลิ้มรสรีซอตโตมอนทานาร่าอาหารจานขึ้นชื่อที่รังสรรโคยเชฟมาร์โค่ ในปี 2018 รีซอตโตมอนทานาร่าของเชฟมาร์โค่ได้รับรางวัล 100 รีซอตโตที่ดีที่สุดจาก TheGalloGuideที่รวมลิสต์Risottoดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก

สัมผัสประสบการณ์อาหารอิตาเลียนสุดหรูที่อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ Prego Bangkok เปิด 26 เมษายน 2565 เปรโก้ ห้องอาหารอิตาเลี่ยน โรงแรมอมารีวอเตอร์เกทกรุงเทพฯ

📞 Tel: 02-653-9000​

📩 Email: reservations.watergate@amari.com​

📱 LINE: @amariwatergatebkk OR https://lin.ee/lBHz2rL​

#AmariWatergateBangkok #Amarihotels #Brightenyourworld #pregobangkok #italiancuisine


วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

ลุกเป็นไฟ! “เก็ตสึโนวา-มัม ลาโคนิคส์” โผล่ “Guess My Age รู้หน้า ไม่รู้วัย”

“แพร พิมพ์ลดา-เอ๋ มณีรัตน์” ไขอายุวุ่น 

กลับมาสร้างความสนุกให้ได้ลุ้นตัวเกร็งกันอีกเช่นเคย สำหรับรายการเกมโชว์ที่จะเปลี่ยนตัวเลขของอายุให้เป็นเงินรางวัล “Guess My Age รู้หน้า ไม่รู้วัย” สัปดาห์นี้ (วันพฤหัสบดี ที่ 28 เม.ย. 2565) นักแสดงสาวมากฝีมือ “เอ๋-มณีรัตน์ คำอ้วน” ควงเพื่อนซี้ “แพร-พิมพ์ลดา ไชยปรีชาวิทย์” มาวัดความแม่นในการเดาอายุปรัศนี 

โดยทั้งคู่ได้เผยว่า ก่อนที่จะเข้ารายการได้แอบกระซิบถามกับทีมงานมาบ้างว่า สายสืบคนไหนที่น่าเชื่อถือทีมงานตอบกลับมาว่าเชื่อได้แหละ แต่เชื่อตัวเองน่าจะดีสุด 




ก่อนที่ 4 สายสืบประจำรายการ ดีเจเอกกี้-เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ, แอร์-ภัณฑิลา ฟูกลิ่น, หมอริท-เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช และ แจ็ค-เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ จะออกปากว่าข้อมูลแน่นนะจะบอกให้ และจะช่วยสแกนอายุปรัศนีเต็มที่แน่นอนแต่จะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่ผู้เข้าแข่งขัน 

เช่นเคยสัปดาห์นี้ “เอ-วราวุธ เจนธนากุล” พิธีกรรายการจัดแน่นจัดเต็มปรัศนีสุดปัง ที่ทั้งเด็ดและเดาอายุยาก คนแรกนักร้องสองเสียง “มัม ลาโคนิคส์” เจ้าของเพลงดัง “ความลับ” จากอัลบั้ม Be My Guest ในปี 2549 

ถัดมากับปรัศนีเจ้าของคำจำกัดความ “ไกลแค่ไหนคือใกล้” นักร้องวง “Getsunova” (เก็ตสึโนวา) ที่การมาเยือนรายการในครั้งนี้จัดเต็มเตรียมเพลงเพราะๆ โชว์เด็ดไฟลุกมาฝากแฟนรายการ เท่านั้นยังไม่พอต่อความสนุกและเพิ่มความยากในการทายอายุขึ้นไปอีกขั้นกับ 4 หนุ่มมาดกวน “ผู้บ่าวซูเปอร์ซ่า” ศิลปินกลุ่มบอยแบนด์อีสาน จากค่ายไทดอลมิวสิค ที่พกคาแรกเตอร์ซนๆ ซ่าๆ จีบสาวแบบกวนๆ มาให้ 2 สาวผู้เข้าแข่งขันได้สแกนอายุ ติดตามชมในรายการ “Guess My Age รู้หน้า ไม่รู้วัย” วันพฤหัสบดี ที่ 28 และวันศุกร์ ที่ 29 เมษายน นี้! เวลา 18.00 น. ทางช่อง 7HD หมายเลข35


#GuessMyAge #รู้หน้าไม่รู้วัย #GuessMyAgeTH #ZENSEEntertainment #zense_tv

เลขาธิการสภากาชาดไทย เปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ สภากาชาดไทยฯ จังหวัดลพบุรี


วันที่ 27 เมษายน 2565นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีโดยมีนายนิวัฒน์ รุ่งสาครผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีพร้อมด้วยนางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี และพลโท นายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด โครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยฯ ในครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อทำการตรวจรักษาและผ่าตัดตาให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 25-29 เมษายน2565 ณ โรงเรียนบ้านวังเพลิง ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

นายเตช บุนนาคกล่าวว่า หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 27 ปีแล้ว โดยเริ่มปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2538 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 40 พรรษาปัจจุบันปฏิบัติงานทุกสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เป็นประจำที่สถานีกาชาดที่ 6 อรัญประเทศเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดสระแก้ว โครงการนี้ได้รับการปรับปรุงและพัฒนางานมาเป็นลำดับ โดยปฏิบัติงานเชิงรุกด้วยการออกให้บริการสัญจร โดยออกปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลอำเภอในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีจักษุแพทย์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน และต่อมาในปี 2551 ได้เริ่มโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ฯปฏิบัติงานในรูปแบบการนำรถผ่าตัดเคลื่อนที่ ลงไปปฏิบัติงานเชิงลึกระดับตำบล ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ปีละ 6 ครั้ง และอีกทั้ง เมื่อปี 2554 ยังได้จัดทำโครงการที่ตรวจรักษาและผ่าตัดตา ให้แก่พระภิกษุ แม่ชี และนักบวชทุกศาสนาอีกด้วยตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา หน่วยแพทย์จักษุฯ ให้การรักษาโดยไม่คิด ค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 265,000 รายทำการผ่าตัดไปแล้วกว่า 67,000 ราย 

สำหรับการดำเนินงานโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยฯครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่
73 โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับจังหวัดลพบุรีสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ส่วนราชการทุกภาคส่วน ตลอดจนภาคเอกชน มีเป้าหมายในการดำเนินงานให้บริการตรวจรักษาโรคตาผ่าตัดโรคต้อกระจก และทำผ่าตัดโรคตาอื่นๆ เช่นต้อเนื้อ ต้อหิน โรคของเปลือกตาในผู้ป่วยทุกรายที่จำเป็นต้องรักษา จำนวน 250 รายเพื่อให้ผู้ป่วยโรคตาในท้องถิ่นทุรกันดารและมีฐานะยากจนได้รับบริการที่ดีเท่าเทียมกับผู้ป่วยในเมืองโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียเวลาในการเดินทางมารับการรักษาในเมือง และผู้สูงอายุที่ยากไร้ในชนบทได้รับการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง สามารถมองเห็นและช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ในโอกาสเดียวกันนี้สภากาชาดไทย มีศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้พัฒนาไม้เท้าเพื่อช่วยในการแก้ไขอาการเดินติดขัดของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันหรือโรคทางระบบประสาท ที่มีปัญหาทางด้านการเดินหรือสูญเสียการทรงตัวส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยศูนย์พาร์กินสัน ได้จัดทำโครงการไม้เท้าเลเซอร์ช่วยเดินพระราชทาน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเพื่อให้ผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการก้าวเดินและใช้แสงเลเซอร์ช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยก้าวเดินได้ง่ายขึ้น ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย พระราชทานนามไม้เท้านี้ว่า“ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน” เมื่อปี พ.ศ.2563 จึงถือโอกาสนี้ดำเนินการมอบ “ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน” ให้แก่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านการเดินร่วมกับการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์จักษุฯ ในครั้งนี้ด้วย

โครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยฯดำเนินงานโดยใช้เงินบริจาค จากประชาชน
ผู้มีจิตศรัทธา ท่านที่สนใจสนับสนุนโครงการฯ สามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย เลขที่บัญชี 045 2 88000 6 ระบุ บริจาคเข้าโครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 251 7853 


กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022


หน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้านท่องเที่ยว-บริการจับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์จัดงาน ฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจฟื้น รับภาครัฐเปิดประเทศ เตรียมรับนักท่องเที่ยวกลับเข้าไทย

งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมบาริสต้า สมาคมเชพประเทศไทย สมาคมค้าปลีกไทย และ กว่า 15 องค์กรท่องเที่ยว-บริการไทยและนานาชาติ ร่วม อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ พร้อมจัดงานฯ ช่วยผู้ประกอบการฟื้นฟูธุรกิจ มั่นใจธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และบริการทยอยฟื้นจากภาครัฐเปิดประเทศ แนะผู้ประกอบการเตรียมรับคลื่นนักท่องเที่ยวกลับไทย กำหนดจัดงานฯ ระหว่างวันที่ 21 - 24 กันยายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในปีนี้ถือเป็นปีเริ่มต้นของการฟื้นฟู คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจโรงแรมก็จะดีขึ้นตามไปด้วย ส่วนความร่วมมือในการจัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 นั้น นับเป็นงานเดียวที่สมาคมฯ ร่วมมือในการจัดงานมายาวนานกว่า 20 ปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญเป็นเวทีใหญ่ของการแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นการรวมตัวของผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้า บริการ เทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เพื่อนำมาปรับใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทุกๆ ด้านตามรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) พร้อมสร้างความปลอดภัยและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคให้แก่ลูกค้า โดยไม่ลืมเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ลูกค้ามองหา ธุรกิจโรงแรมต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน ส่วนกิจกรรมของสมาคมในงานฯ นั้น ประกอบด้วยการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี การเสวนาที่น่าสนใจ อาทิ การพัฒนามาตรฐานโรงแรมอย่างไรให้ยั่งยืนและแข่งขันได้ ฯลฯ 



ด้านนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ธุรกิจร้านอาหารนับว่าได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายธุรกิจในภาคท่องเที่ยว เมื่อภาครัฐเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น การบริโภคก็มากขึ้นตามไปด้วย โดยอาหารไทยก็เป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นกัน สำหรับความร่วมมือในการจัดงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 นั้น สมาคมฯ ได้ร่วมจัดงานฯ มากว่า 15 ปี โดยจุดนัดพบสำคัญประจำปีของผู้ประกอบการธุรกิจและผู้สนใจในธุรกิจอาหารทั่วประเทศ ที่มารวมตัวกันแลกเปลี่ยนความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ อัปเดทเทรนด์ มองหาวัตถุดิบ อุปกรณ์ เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในธุรกิจ รวมถึงการจัดประชุม สัมมนา และให้ความรู้ โดยปีนี้จะมุ่งเน้นที่การพัฒนาธุรกิจอาหารอย่างไรให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในโลกสมัยใหม่ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้มีโซนธุรกิจร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand) เกิดขึ้นใหม่ สมาคมฯ เองก็ได้เตรียมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ไว้สำหรับผู้ร่วมงานด้วยอย่างมากมายเช่นกัน

ด้านนายมีชัย อมรพัฒนกุล นายกสมาคมบาริสต้าไทย กล่าวว่า ในภาวะปกติธุรกิจกาแฟและร้านกาแฟเติบโตอยู่ที่ 3-5% มูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท แต่สถานการณ์โควิดทำให้สภาพตลาดอยู่ในภาวะคงที่ หลังจากนี้มองว่าตลาดจะทยอยกลับสู่ภาวะปกติจากสัญญาณการฟื้นตัวที่เห็นได้ชัดขึ้น เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาการบริโภคก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งธุรกิจกาแฟและร้านกาแฟยังถือว่าอยู่ในช่วงที่เติบโตได้ เรายังเห็นผู้ผลิต จัดจำหน่าย

 ร้านกาแฟใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ทางสมาคมฯ และผู้จัดงานงานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 มีเป้าหมายที่จะพัฒนาผู้ประกอบการให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งได้ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้ว อาทิ การสนับสนุนบาริสต้าไทยในการแข่งขันระดับโลกจนได้เป็นแชมป์ World Latte Art ในปี 2017 และปีนี้จะมีโซนธุรกิจกาแฟและเบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand) โดยเฉพาะ เป็นโซนที่รวมสินค้า อุปกรณ์ บริการ และผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟและธุรกิจกาแฟที่พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจ โดยสมาคมฯ จะมีการจัดกิจกรรมแข่งขันสำคัญ 2 รายการ คือ การแข่งขันศิลปะบนถ้วยกาแฟ (Thailand National Latte Art Championship (TNLAC) และการสร้างสรรค์เครื่องดื่มจากกาแฟ (Thailand National Coffee in Good Spirits Championship (TNCIGS) ) เพื่อหาตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเวทีระดับโลกอีกด้วย


นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงานฯ กล่าวว่า งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 พัฒนาต่อยอดจากงานฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ ที่จัดขึ้นต่อเนื่องกว่า 28 ปี โดยเป็นการกลับมาจัดงานอย่างยิ่งใหญ่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งการขยายการจัดงานจากกลุ่มอาหาร ท่องเที่ยว โรงแรม ครอบคลุมถึงธุรกิจต่อเนื่องในกลุ่มบริการ สปา โรงพยาบาล ค้าปลีก โลจิสติกส์ ฯลฯ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและทำให้งานครบวงจรมากขึ้น การเพิ่มโซนจัดแสดงใหม่ 2 โซน คือ โซนธุรกิจกาแฟและเบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand) โซนธุรกิจร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand) และสถานที่จัดงานใหม่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่จัดงาน 10,000 ตารางเมตร พร้อมคงจุดเด่นในส่วนต่างๆ ไว้ครบถ้วน ทั้งการจัดแสดงและพาวิลเลี่ยนนานาชาติ ซึ่งขณะนี้มีการตอบรับเข้าร่วมงาน จากประเทศญี่ปุ่น อิตาลี กว่า 20 บริษัท และจะเพิ่มขึ้นจากอีกหลายประเทศอย่างแน่นอน กิจกรรมการฝึกอบรม การประชุมสัมมนาจากสมาคมพันธมิตรกว่า 20 องค์กร การแข่งขัน การประกวด ฯลฯ และไฮไลท์การจัดแสดงสินค้าและบริการจากกว่า 300 บริษัทชั้นนำทั่วโลก

จึงเป็นโอกาสดีของทั้งผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ให้บริการ และผู้ประกอบการผู้ผลิตวัตถุดิบอาหาร อุปกรณ์ในร้านอาหารและธุรกิจบริการ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ และผู้ให้บริการในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม บริการในการเข้ามาร่วมจัดแสดงงานฯ และอยากเชิญให้ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ รวมถึงผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมงาน เพราะจะได้พบกับสินค้าอาหารและอุปกรณ์ระดับพรีเมียม เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ การแข่งขัน การประชุม การสัมมนา Workshop พร้อมทั้งพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้และเจรจาธุรกิจกับผู้ร่วมจัดแสดงงานทั้งโลกได้ทั้งแบบ Online และ Onground 





งานฟู้ด แอนด์ ฮอสพิทาลิตี้ ไทยแลนด์ 2022 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 24 กันยายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานเพิ่มเติม 

สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com
ติดต่อ คุณสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร
อีเมล Supaporn.a@informa.com หรือ โทร.02-036-0500

ครูโอ๊ะ บรรยายพิเศษ​ ผู้เข้าอบรบหลักสูตร นบส.ศธ. ​รุ่น​ 12​ ชู​ ใช้หลักอิทธิบาท 4 ใน

การทำงานให้บรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จ พร้อมจำลองเหตุการณ์ให้ นบส.ศธ. ​รุ่น​ 12​ ทั้ง​ 6 กลุ่ม​ ร่วมระดมความคิดเห็น สางปัญหา อุปสรรค สร้าง “ยิ้มสุข” CITY 

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 เวลา 18.00 น. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  บรรยายพิเศษ แก่ผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ (นบส.ศธ.) รุ่นที่ 12 ณ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
โดยมี ดร.วรัญญภรณ์ ชาลีรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วม
คณะ และมีเจ้าหน้าที่ บุคลากร จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงแรงงาน ร่วมรับฟังการบรรยายพร้อมทำกิจกรรมและร่วมให้การต้อนรับ


รมช.ศึกษาธิการ บรรยายพิเศษตอนหนึ่งว่า ครูโอ๊ะรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง​ ที่ได้มาบรรยายในวันนี้ การทำงานของครูโอ๊ะ จะเน้นการรับฟังสภาพปัญหาและเสียงสะท้อนต่างๆ ก่อนนำมาขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและประเทศชาติ  การบรรยายในวันนี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านแผนภาพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยของครูโอ๊ะ ที่รวบรวมองค์ความรู้ต่างๆและนำมาประยุกต์ใช้​ ดังนั้นจึงต้องการนำ รูปแบบพุทธบูรณาการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากร ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกศาสนา เพราะอิทธิบาท 4 คือ หลักพระพุทธศาสนา หากมองลึกลงไปจะพบว่า ฉันทะ การมีใจรัก วิริยะ การพากเพียรทำ จิตตะ ติดตามตรวจสอบ วิมังสา รอบคอบ แก้ไข ประยุกต์ใช้ สามารถใช้ได้กับทุกรูปแบบในการทำงาน การทำงานครูโอ๊ะเลือกที่จะยึดหลักอิทธิบาทธรรม เพราะการกำกับดูแลงานนั้น​ ต้องดูแลงานที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุ โดยใช้คน กศน.เป็นผู้ขับเคลื่อนงาน แต่​ คน กศน.ไม่ได้เชี่ยวชาญในทุกเรื่อง ต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากภาคีเครือข่ายที่ดี (​Good Partnership) ซึ่งถือมีความสำคัญมาก และอยู่ในนโยบาย “กศน.WOW (6G)” ของครูโอ๊ะ ทั้งยังมีในส่วนของ Good Teacher ที่ต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ให้ทันต่อทุกเหตุการณ์ เพราะ กศน.คือ คนพันธุ์พิเศษ

“ในส่วนของการเป็นผู้บริหารนั้น นโยบายการบริหาร ลักษณะงานที่รับผิดชอบ ความสัมพันธ์เพื่อนร่วมงาน สภาพแวดล้อมในการทำงาน โอกาสความก้าวหน้า ขวัญกำลังใจ ทัศนคติต่อการทำงาน ที่เมื่อพูดถึงหลักการวิจัย และเมื่อประยุกต์องค์ความรู้ออกมาก็ได้มีการนำไปบูรณาการกับหลักของพระพุทธศาสนา เพื่อให้ก่อเกิดประสิทธิภาพในการทำงาน หากมีการบริหารจัดการดี ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า มีธรรมาภิบาล ทำงานเป็นทีม ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีซึ่งจำเป็นกับทุกคน มีการกำกับติดตาม นำสู่เป้าหมาย จากนั้นต้องมีหลักแห่งความรอบรู้ รู้เข้าใจ เพราะผู้เข้าอบรมทุกท่านต้องเข้าใจในงานที่รับผิดชอบ ทั้งยังต้องเข้าใจงานให้ดีที่สุด ใช้เทคโนโลยี มีระบบพี่เลี้ยงซึ่งต้องมีโค้ชชิ่ง (Coaching) สำหรับให้คำปรึกษาเพื่อให้บรรลุความสำเร็จ มีการบูรณาการ การทำงานร่วมกัน ผสานความร่วมมือ คือให้ทุกคนในหน่วยงานใช้หัวใจและความจริงใจ มีความอดทน อ่อนน้อมถ่อมตน และยึดถือทักษะ ให้งานบรรลุเป้าหมายแห่งความสำเร็จ 

มุ่งสู่ทักษะ วิเคราะห์สถานการณ์  เพื่อรู้เท่าทันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น สร้างสรรค์เครื่องมือ โดยรู้จักใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ยึดถือความสัมพันธ์ ดูแลทุกข์สุขของลูกน้องซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นพลวัตที่คนไทยแตกต่างจากชาติอื่น ทั้งยังต้องมุ่งมั่นศึกษา พัฒนาความรู้ ซึ่งผู้เข้าอบรมในวันนี้ถือเป็นผู้ที่มีความใฝ่พัฒนาในตัวเอง แต่เมื่อเป็นผู้นำก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกน้อง โดยใช้ธรรมะบูรณาการ ขับเคลื่อนการพัฒนา ศึกษากิจกรรม เพราะการทำกิจกรรมต้องมีทั้งจุดเด่นและจุดที่ต้องแก้ไข แต่ที่สำคัญคือ เราได้นำมาประยุกต์ใช้มากน้อยแค่ไหน และทุกคนก็ผ่านพื้นฐาน PDCA แต่สิ่งที่แตกต่างกับอิทธิบาทธรรมคือ PDCA ไม่ได้พูดถึงการนำไปประยุกต์ใช้อย่างชัดเจน​ เหมือนอิทธิบาทธรรม อีกสิ่งที่สำคัญคือการมีความสุขใจในการทำงาน เพราะหากไม่มีความสุขก็ไม่อยากทำงาน โดยนำพุทธบูรณาการ มาสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นหัวใจที่ครูโอ๊ะต้องการนำมาสู่ทุกคน เพื่อที่เรามี ศีล สมาธิ และปัญญานำมาใช้ในการทำงาน มุ่งสู่เป้าหมายของงาน ซึ่งทุกศาสนาสามารถน้อมนำไปปรับใช้เป็นหลักในการใช้ชีวิต และเป็นหลักสู่ความสำเร็จ

ขอบคุณผู้เข้าอบรม นบส.ศธ. รุ่นที่ 12 ทุกท่าน ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้จากหัวใจครูโอ๊ะ ทุกท่านมีความสามารถพร้อมที่จะพัฒนาไปด้วยกัน ทุกคนคือกระทรวงศึกษาธิการ มองเป้าหมายเดียวกันคือการพัฒนาการศึกษา สิ่งใดที่เป็นอัตถประโยชน์ ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และขอกราบอารธนาสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในสากลโลก หลวงพ่อวัดไร่ขิงที่เมตตาพวกเรา ศธ.ขอให้คุณความดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านนับถือได้โปรดดลบันดาลอภิบาลรักษาให้ทุกท่านมีความสุขเพิ่มมากขึ้น มีความเจริญในหน้าที่การงาน มีความเจริญในวิถีชีวิต เราจะมาช่วยกันทำความดีให้สมกับที่เป็นผู้นำให้สมกับเป็นข้าราชการของพระเจ้าแผ่นดี แคล้วคาดจากภัยพิบัติทั้งปวง รักกันตลอดไป ”รมช.ศึกษาธิการ กล่าว

ทั้งนี้ รมช.ศธ.ได้ให้ผู้เข้าร่วมอบรมทั้ง 6 กลุ่ม ได้ร่วมระดมความคิดเห็น ในการแก้ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้นกับระบบการศึกษาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 เพื่อทำให้  “ยิ้มสุข” CITY กลับมามีความสุขสมกับชื่อ “ยิ้มสุข” CITY ซึ่งทั้ง 6 กลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ในการนำไปพัฒนาและต่อยอดต่อไป  ทั้งนี้ รมช.ศธ.ยังฝาก ให้ ผู้เข้าร่วมอบรม นบส.ศธ. รุ่นที่ 12 ร่วมกันแสดงความคิดเห็นกับ ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. .... เพื่อทำให้เกิดความั่นคงทางการศึกษาด้วย



นอกจากนี้​ รมช.ศธ.ได้เปิดโอกาสให้​ ดร.วรัญญภรณ์ ชาลีรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญ​ ​สพฐ.ได้รายงานผลการลงพื้นที่สุ่มการตามนการขับเคลื่อนนโยบาย  12 คณะ​ ของ​ นางสาวตรีนุช​ เทียนทอง​ รมว.ศธ.ให้กับผู้เข้าอบรมหลักสูตร​ นบส.ศธ. รุ่นที่ 12​ ได้รับฟังด้วย


วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565

จุฬาฟาร์เทคแทคทีม ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสเต็มแอ็คทีฟ CUphar by CHULA PHARTECH

วันที่ 26 เมษายน 2565 กรุงเทพมหานคร:  จุฬาฟาร์เทค จับมือกับ ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมStemAkivภายใต้แบรนด์ CUpharby CHULA PHARTECH เอกสิทธิ์เฉพาะ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากการค้นพบคุณสมบัติต่อเซลล์ผิวของสารสกัดธรรมชาติระหว่างการทำวิจัยเรื่องสเต็มเซลล์เพื่อช่วยผู้ป่วยมะเร็งภายในงาน FROM STEM TO SKINณ SID ชั้น 3 SIAM SQUARE ONE

ศาสตราจารย์ ดร.บัญฑิต เอื้ออาภรณ์อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่าจากยุทธศาสตร์หลัก 4 ประการของมหาวิทยาลัย อันได้แก่ การเป็นผู้นำแห่งอนาคต การวิจัยนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ การสร้างความยั่งยืน และ การเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมสร้างสรรค์สังคมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ส่งผลให้คณะต่างๆ ภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยต่างก็พยายามพัฒนาขีดความสามารถด้านวิชาการ งานวิจัย รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจากผลงานการวิจัยเฉพาะทางอีกด้วย 

าสตราจารย์ ดร.บัญฑิต เอื้ออาภรณ์อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่างๆภายใต้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเองมีหลากหลายแขนงหลากหลายอุตสาหกรรมและหนึ่งในคณะที่มีคณาจารย์และบุคคลากรผู้ทรงคุณวุฒิมีบทบาทหน้าที่และมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อสังคมภายใต้สภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจในปัจจุบันนั่นคือคณะเภสัชศาสตร์ผู้คิดค้นวิจัยยาและพัฒนาวัคซีนเพื่อช่วยควบคุมโรคอุบัติใหม่รวมถึงโรคต่างๆที่ผู้คนในปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ คณะเภสัชศาสตร์ ก็ได้นำนวัตกรรมที่ค้นพบขึ้นในขณะทำงานวิจัยสเต็มเซลล์เพื่อช่วยผู้ป่วยมะเร็ง มาพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม StemAktiv จนเกิดผลิตภัณฑ์สกินแคร์เพื่อผิวพรรณและความงามสำหรับทุกคน ภายใต้แบรนด์ CUpharโดยบริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด ที่เป็นแหล่งสนับสนุนนวัตกรรมจากคณะเภสัชศาสตร์ออกสู่ประชาชนเพื่อเป็นการยืนยันว่าผลงานวิจัยที่ทุ่มเทคิดค้นและพัฒนามานับปีหรือนับสิบปีนั้นสามารถตอบโจทย์และช่วยเหลือผู้บริโภคในสังคมได้จริงและเป็นรูปธรรม

และโอกาสนี้บริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด จับมือกับบริษัท ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดตัวแบรนด์ CUpharด้วยผลงานวิจัยนวัตกรรมชุดแรกเป็นของStemAktivโดย ศ.ภก.ดร.ปิติ จันทรวรโชติ ที่จะเปิดเผยกลไกการทำงานจาก Stem สู่ Skin ที่นี่เป็นครั้งแรกสู่สายตาสาธารณชนสำหรับนวัตกรรม StemAktivเกิดขึ้นจากการนำสมุนไพรธรรมชาติมาสกัดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง จนได้สารสกัดพิสูจน์ในหลอดทดลองแล้วว่าสามารถชะลอ ฟื้นฟูและกระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยการกระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิดกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง เชื่อมต่อกลไกการส่งสัญญานระหว่างเซลล์ให้สมบูรณ์ ฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ที่เสื่อมสภาพ อีกทั้งยังกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ใหม่ กระตุ้นกลไกการกำจัดพิษ และ โปรตีนขยะภายในเซลล์ ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการบำรุงและแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวหนังศีรษะ และเส้นผม ในทุกช่วงวัยและยังอาจช่วยแก้ปัญหาจากการแพ้สารเคมีจากส่วนผสมของสกินแคร์แบบดั้งเดิม อันเป็นลิขสิทธิ์ของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเท่านั้น



โดยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ภายใต้แบรนด์ CUpharโดยบริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1) สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวโดยเฉพาะ เช่น ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งจัด แพ้สารเคมี แพ้น้ำหอม ผู้ป่วยผิวหนัง ผู้สูงวัย ผู้ป่วยเด็ก(Nourishing Body Lotion, Deep Nourishing Moisturizer)

2) สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวหนังศีรษะ ผมร่วง ผมบาง หัวล้าน ผมหงอก รังแค คัน แพ้ง่าย(Hair Tonic Enrichmentและ Hair Nourishing Shampoo)

3) สำหรับผู้ใช้สกินแคร์ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพทั้งการวิจัยพัฒนา วัตถุดิบที่มีคุณภาพ การสกัดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และการผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมถึงคุณภาพที่ไว้ใจได้(Deep Revitalizing HYA Concentrated Serum, Essence Miracle Water, Acne Clear)

ซึ่งผลิตภัณฑ์CUpharโดยบริษัท จุฬาฟาร์เทค จำกัด เราได้ร่วมมือกับ บริษัท ไทธนบุรี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยเฉพาะ ให้เป็นผู้ดำเนินการจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์สกินแคร์ภายใต้แบรนด์CUpharสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: CUphar Online
LINE: @CUpharOnline (มี@)
Website: www.cuphar.com


ข่าวประชาสัมพันธ์

พม. จับมือ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์, GDH, และ มูลนิธิ 5 For All พาคุณตา คุณยาย ไปดูหนัง

ส่งเสริมคุณค่าความสำคัญระหว่างผู้สูงอายุและครอบครัว วันนี้ 26 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดแถล...

โวยวายดอทคอม