วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567

งานรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์

งานรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11” Winter WonderDoi ปล่อยใจ ปล่อยจอย ในดินดอยมหัศจรรย์ DoiTung x NEWYEAR

ใครจากไหนสามารถสร้างวินัยนักท่องเที่ยวให้แยกชนิดขยะ ร้านขายสินค้าที่ไหนที่ไม่ใช้ถุงพลาสติกและงานอะไรที่กล้าเคลมว่าฉันนี่แหละเป็นงานที่ CARBON NEUTRAL EVENT หรือ งานปลอดคาร์บอน ก็เทศกาล “งานสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11” นี่แหละ

เทศกาลสีสันแห่งดอยตุงจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 11 แล้ว มีวัตถุประสงค์หลัก คือ 1.ส่งเสริมและอนุรักษ์ความหลากหลายเชิงวัฒนธรรมของชนเผ่าร่วมเผยแพร่วัฒนธรรมอัตลักษณ์ของกลุ่มชนเผ่า 2.เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการในชุมชนให้มีความสามารถในการแข่งขันและพึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืน 3.สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนเมืองและชุมชนดอยตุง  นอกจากนี้การจัดงานแต่ละครั้งยังให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม ถือเป็นงานอันดับหนึ่งของจังหวัดเชียงราย และอันดับต้น ๆ ของประเทศเรื่องปลอดคาร์บอนแล้วปลอดคาร์บอนยังไง ตามไปดูกันว่างานสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11 นี้เขาใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง 




• คัดแยกขยะ โดยเตรียมจุดทิ้งขยะ ไว้ทั่วงาน เดินไปทางไหนก็เจอ เจ้าถังขยะ 3 ถัง ที่แบ่งแยกประเภทของขยะ คือ เศษอาหารที่เหลือทิ้ง  ขยะประเภทแก้วน้ำ ขวดน้ำ ย่อยสลายยาก และ ขยะประเภทกระดาษ วัสดุรีไซเคิล นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวในงานทุกคนต่างก็ให้ความร่วมมือ ทิ้งขยะแยกประเภทกันทุกคน เป็นอะไรที่เห็นแล้วชื่นใจมาก ๆ

• งานปลอดคาร์บอน ภายในงานเน้นการใช้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ง่าย และทำจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งชดเชยการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกด้วยคาร์บอนเครดิตด้วย เช่น กระทงใบตองห่ออาหาร แทนการใช้ถุงพลาสติกหรือโฟม แก้วน้ำกระดาษ หลอดดูดน้ำทำจากกระดาษ และหูหิ้วจักรสานจากไม้ไผ่เก๋ ๆ ใครหิ้วก็ภูมิใจได้ช่วยโลกและสวยงามอีกด้วย

• ภายในงานยังมีนิทรรศการชวนเรียนรู้ ผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดอยตุง และแนวทางในการช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งมีกิจกรรมสอดแทรกความรู้ การคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านเกม กิจกรรมสัญญากับน้องโต ชวนมาเขียนจดหมายถึงอนาคต ว่าเราจะช่วยโลกได้อย่างไรบ้าง แล้วส่งจดหมายกลับมาให้ตัวเองเพื่อเตือนให้เราตระหนักถึงภาวะโลกร้อนที่หนักขึ้นในทุก ๆ ปี และ LET’S DO UPCYCLING นิทรรศการจากขยะ และผลิตภัณฑ์มากด้วยคุณค่าจากขยะ 



​เป็นงานที่พูดได้อย่างภาคภูมิใจเลยว่าเป็นงานปลอดคาร์บอนได้ 100 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นตัวอย่างที่ดีและเป็นต้นแบบของการจัดงานที่ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันได้ ทุกคนสามารถช่วยโลกได้ เพียงแค่มาเที่ยวงานสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึง 26 มกราคม 2568 เปิดให้บริการทุก วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น. ณ โครงการพัฒนาดอยตุง จังหวัดเชียงราย

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2567

เจ้เพ็ญ ชนานาถ ดลมินทร์ ผู้บริหาร บลูช็อป


สู้มากแค่ไหนก่อนจะมาเป็น เจ๊เพ็ญพันล้านเจ้าของโกดังขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในปทุมธานี การบริหารโกดัง บริหารร้าน บริหารคน ของเจ๊เพ็ญ ทำให้ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง อยู่รอดมาได้จนมาถึงทุกวันนี้


ชนานาถ ดลมินทร์ หรือ เจ้เพ็ญ ผู้บริหารบลูช็อป บริษัท กิตติชัยมหานคร จำกัด เคยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและเคยรับจ้างขายสินค้าให้กับ บริษัทต่างๆ เคยเปิดผับ ร้านอาหารแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันเป็นผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งขายส่งและขายปลีก




เจ๊เพ็ญ เล่าให้ฟังว่า บรรยากาศแรกที่ออกงานธงฟ้าเห็นคนรอซื้อเยอะมากขนาดแย่งกันตั้งแต่ของอยู่บนรถอนต์ วันหนึ่งขายได้เป็นแสนขวดถึงราคาจะถูกกว่าแต่ขายได้ปริมาณมากกว่า กำไรขวดละสลึงเท่าเดิม บริษัท กิตติชัยมหานคร มางานธงฟ้าทีไรขายได้เยอะมาก ถึงกำไรไม่เยอะ แต่ขายได้เยอะกำไรน้อยก็รวยได้ ก่อนจะไปขายต้องดูก่อนว่าราคาตลาดที่นั่นเท่าไร ของต้องถูกกว่า บริษัท ขายทุกอย่าง ไปออกงานทีไรก็เห็นคนเยอะตลอดต่อแถวยาวเหยียด ชาวบ้านชอบซื้อสินค้าในงานธงฟ้ามาก เมื่อมาเข้าร่วมโครงการธงฟ้าก็ประสบความสำเร็จข้อเสนอแนะควรจะมีสินค้าให้หลากหลายกว่านี้ เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าตัวอื่นๆ ที่อยากฝากถึงผู้ประกอบการ แม้การนำสินค้ามาขายในงานธงฟ้าจะได้กำไรน้อยแต่การันตีได้เลยว่าจำนวนที่ขายนั้นมากมายมหาศาล จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วมมากๆ เนื่องจากหนึ่งไม่เสียค่าใช้จ่าย สองกำไรดีและผู้บริโภคมันใจได้เลยว่ามางานธงฟ้าราคาถูกจริงสินค้ามีคุณภาพ


โดย ‘เจ้เพ็ญ’ เจ้าของบลูช็อป กล่าวต่อว่า โดยปกติแล้ว บลูช็อปเป็นร้านที่จัดจำหน่ายสินค้าในราคาประหยัดให้กับผู้บริโภค แต่เมื่อได้ติดต่อคุณแม่ไพลิน ขอขายในราคานี้ คุณแม่ไพลินท่านก็ตอบตกลงให้เป็นพิเศษเฉพาะที่บลูช็อป ก็เลยได้นำน้ำปลาร้ามาจัดจำหน่ายได้ในราคาต้นทุนเพื่อคืนกำไรให้กับลูกค้าบลูช็อป จึงต้องขอขอบคุณทาง บริษัท จ่าวิรัชฟู้ดส์ที่เข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ และเห็นใจผู้บริโภค จึงได้ให้ราคานี้กับบลูช็อป นอกจากนี้ ยังทำให้บลูช็อปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องดีๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ผู้คนต้องกลับไปหาครอบครัว สามารถนำน้ำปลาร้าดีๆ กลับไปทำอาหารรับประทานกันภายในครอบครัวได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำปลาร้าที่มีราคาสุดประหยัดเพียง 19 บาท แต่รสชาติอร่อยถูกใจคนทั้งครอบครัว ถือว่า เป็นการเติมกำลังใจให้คนไทยด้วยกันในช่วงเวลาปีใหม่นี้

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567

"ห่มรักษ์ให้น้องอุ่นที่..แม่ฮ่องสอน"


นายบัญชา ฉันทดิลก กรรมการผู้จัดการ โครงการสุขสยาม ณไอคอนสยาม นำทีมงานเดินทางจาก กทม.
ระยะทาง กว่า1000 กมฺ.   ฝ่าโค้ง 4088 โค้ง..เพื่อนำผ้าห่ม โครงการสุขรักษ์โลก ... สิ่งเล็ก ๆที่ยิ่งใหญ่..ใส่ใจสิ่งแวดล้อม..เป็นผ้าห่มที่ผลิตจากขวดพลาสติกห่มรักษ์โลก ภายใต้โครงการห่มรักษ์ให้น้องอุ่น...





เพื่อแจก เด็กนักเรียน ในพื้นที่ห่างไกล จ. แม่ฮ่องสอน  600 ผืนและเยี่ยมให้กำลังใจคุณยายปอยผู้สูงอายุ 104 ปีและคุณยายพัชรี อายุ  75 ปี..โดยมีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนและเพจ สถานีไออุ่น เป็นหน่วยงานประสานและสนับสนุนการลงพื้นที่เพื่อมอบสิ่งดีๆแบ่งปันความรักความอบอุ่นให้กับเด็กและผู้สูงอายุจังหวัดแม่ฮ่องสอน

“เอกนัฏ” เสริมแกร่งอุตสาหกรรมฮาลาล ผสาน “8 หน่วยงาน 22 สินเชื่อ”ดันผู้ประกอบการไทยสู่การส่งออก

กรุงเทพฯ 25 ธันวาคม 2567 – นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการ กระทรวงอุตสาหกรรม สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ผ่านกิจกรรม “เรียนแล้ว รับรองได้ ลงทุนง่าย ขายส่งออกเป็น” ผลักดันการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล สนับสนุนแหล่งเงินทุนผ่านผสาน 8 หน่วยงาน 22 สินเชื่อ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้ประกอบการต่อไป

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตอาหารและการบริการที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และมีรสชาติตามความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในตลาดมุสลิมที่มีประชากรจำนวนมากและมีแนวโน้มการบริโภคที่สูงขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน ผ่านกระบวนการตรวจการรับรองฮาลาล รวมทั้งการบริการที่ต้องมีกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม และสามารถส่งออกไป      ยังต่างประเทศได้ ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้สนับสนุนเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลตามมติคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) ครั้งที่ 1/2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ ผ่านกิจกรรม "เรียนแล้ว รับรองได้ ลงทุนง่าย ขายส่งออกเป็น" ภายใต้แนวคิด สานพลังแหล่งเงินทุน รวมพลัง 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมไปถึงการพัฒนาและส่งเสริมการทดสอบ และการรับรองมาตรฐานฮาลาล โดยสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลของประเทศให้มีศักยภาพ สามารถเติบโต และแข่งขันสู่สากลได้อยางยั่งยืน 

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลผ่านกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) วงเงิน 1,200 ล้านบาท และ สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ (คงกระพัน) วงเงิน 700 ล้านบาท และจะมีโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมฮาลาลวงเงิน 7  ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญ เช่น กิจกรรมการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการตลาด การส่งออก และการประชาสัมพันธ์ กิจกรรมการวินิจฉัยและให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกสถานประกอบการในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ และการขอรับรองมาตรฐานฮาลาล


นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม      หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลผ่านการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐาน เชื่อมโยงเครือข่ายแหล่งเงินทุน เสริมแกร่งด้วยหน่วยงานส่งเสริมความรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ฮาลาลไทยทั่วประเทศให้เติบโตในตลาดสากลอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ดีพร้อม มีแหล่งเงินทุนสนับสนุนแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ได้แก่ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย (DIPROM Pay) ประกอบด้วยวงเงินกู้ระยะสั้น สำหรับหมุนเวียนในธุรกิจ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท  และวงเงินกู้ระยะยาวสำหรับลงทุนในสินทรัพย์ถาวร วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อเพื่อลงทุนหรือขยายธุรกิจ DIPROM Pay for BCG วงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมด้านฮาลาลโดยดีพร้อม ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ปลอดเงินต้นเป็นระยะเวลา 12 งวด หรือ 1 ปี

 นางสาวดรัสวันต์ ชูวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย  (EXIM BANK) กล่าวว่า EXIM BANK พร้อมสนับสนุนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างมากในเวทีโลก ผ่านนวัตกรรมทางการเงิน ทั้งสินเชื่อและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุน โดย EXIM BANK สานพลังกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยที่มีความพร้อมทั้งด้านความรู้ เครือข่ายธุรกิจ และเงินทุนที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจใน Supply Chain การส่งออกสินค้าอาหารโลก แคมเปญพิเศษเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ของ EXIM BANK สำหรับผู้ส่งออกสินค้าฮาลาล ประกอบด้วย 1. โปรแกรมสินเชื่อเงินทุน Halal อุ่นใจ เพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับใช้หมุนเวียนในกิจการหรือลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต วงเงินอนุมัติสูงสุด 200 ล้านบาท อัตราพิเศษเริ่มต้นเพียง 3.25% ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดถึง 10 ปี ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลแล้วหรือมีรายได้จากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศภายใต้องค์การความร่วมมืออิสลาม (The Organization of Islamic Cooperation: OIC) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 57 ประเทศ สามารถขอรับอัตราพิเศษเพิ่มเติมเหลือเพียง 2.99% สำหรับ 6 เดือนแรก และ           2. โปรแกรมประกัน Halal สบายใจ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ วงเงินรับประกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อกรมธรรม์ อัตราความคุ้มครอง 70% ของมูลค่าความเสียหาย สิทธิพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถเลือกรับความคุ้มครองผู้ซื้อ 1 ราย (วงเงินคุ้มครอง 300,000 บาท) หรือส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อมูลค่า 2,000 บาท และรับเพิ่มเป็น 2 ราย หรือเลือกรับส่วนลดค่าประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อเพิ่มเป็น 4,000 บาทสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลหรือมีรายได้จากการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ OIC


นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารได้จัดเตรียมบริการ “ด้านการเงินควบคู่ด้านการพัฒนา” ไว้สนับสนุนยกระดับสร้างมาตรฐานต่อยอดผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสู่อุตสาหกรรมฮาลาล คว้าโอกาสประสบความสำเร็จจากตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับด้าน “การเงิน” ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ครอบคลุมทุกความต้องการ  เช่น สินเชื่อ Smile Biz ธุรกิจฮาลาลยิ้มได้ ช่วยเสริมสภาพคล่อง  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6.4%ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี  , สินเชื่อ SME Green Productivity For SMEs Halal สนับสนุนก้าวสู่อุตสาหกรรมสีเขียว อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี , สินเชื่อ BCG Economy For SMEs Halal ลงทุน ปรับปรุง ขยายธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.65% ต่อปี  วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี และสินเชื่อ Refinance Plus For SMEs Halal ช่วยลดต้นทุน   อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% ต่อปี  วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี เป็นต้น  ควบคู่กับด้าน “การพัฒนา” ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th)                  ที่สะดวกสบาย ช่วยเสริมแกร่งธุรกิจครบวงจรตลอด 24 ชม. ทุกที่ ทุกเวลา และที่สำคัญ สำหรับในโครงการนี้ ธนาคารจัดเตรียมแคมเปญพิเศษเพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ 2568   ด้วยการมอบโปรโมชั่น 3 ต่อ ให้แก่ผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคาร ได้แก่ ต่อที่ 1) เมื่อยื่นขอสินเชื่อ ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป เอกสารครบตั้งแต่ 2 ม.ค.- 28 ก.พ. 2568 และได้รับอนุมัติภายใน 31 มี.ค. 2568 จะได้ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ สูงสุดล้านละ  5,000 บาท  ต่อที่ 2) รับ 500 Point นำไปใช้ประโยชน์ในแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank และต่อที่ 3)  นำ Point มาแลกรับเครื่องมือต่อยอดธุรกิจต่าง ๆ จาก SME D Bank ฟรี เช่น ค่าอบรม Premium Couser และระบบริหารธุรกิจ ERP เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ฝ่ายส่งเสริมการตลาด โทร.02-265-4598, 4961, 4064 หรือ Call Center 13

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวว่า ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมครั้งนี้ ไอแบงก์ได้จัดแพ็กเกจสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเริ่มต้นและต่อยอดให้แก่ธุรกิจฮาลาลตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างความพร้อมผ่านสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง หรือเป็นเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจ ตลอดจนสินเชื่อเพื่อนำเข้าเครื่องจักรหรือวัตถุดิบ และส่งออกสินค้าฮาลาลไปนานาประเทศ ด้วยอัตรากำไรเริ่มต้น 2 ปีแรกเพียง 3.50% ต่อปี กรณีผู้ประกอบการไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือหลักประกันไม่เพียงพอก็สามารถขอสินเชื่อกับไอแบงก์ได้ กรณีผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการมีเครื่องหมายฮาลาลไอแบงก์มอบส่วนลดอัตรากำไรเพิ่มให้ กรณีไม่มีเครื่องหมายฮาลาลไอแบงก์สามารถสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถขอเครื่องหมายฮาลาลได้โดยการอำนวยความสะดวกส่งต่อให้แก่หน่วยงานพันธมิตรได้แก่คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศที่มีอำนาจหน้าที่ในการออกเครื่องหมายรับรองฮาลาลได้ รวมถึงการต่อยอดผู้ประกอบการสู่การส่งออกที่ไอแบงก์มีความร่วมมือกับ EXIM ตั้งแต่ปี 2566 และมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการมากกว่า 500 ราย ซึ่งมีมูลค่าการให้สินเชื่อและการรับประกันการส่งออกสูงกว่า 2,000 ล้านบาท  นอกจากนี้ไอแบงก์ยังสามารถเชื่อมโยงผู้ประกอบการฮาลาลเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม (TMTA) หรือ สมาชิกสถาบันนักธุรกิจมุสลิม Muslim Business Matching (MBM) เพื่อเปิดโอกาสสร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มนักธุรกิจมุสลิมในประเทศไทยและทั่วโลกด้วย ดังนั้น นอกจากไอแบงก์จะมีความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนห่วงโซ่ของธุรกิจฮาลาลหรือ Halal Supply Chain แล้ว              ยังมีความพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในองค์กรที่ร่วมผลักดันการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยสู่      ฮาลาลโลกได้

นายกิตติพงษ์ บุรณศิริ รองผู้จัดการทั่วไป สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ (บสย.) กล่าวว่า บสย. เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังทำหน้าที่ค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพแต่หลักประกันไม่เพียงพอ ได้ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล ด้วยโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 11 SMEs ยั่งยืน ในวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์สำคัญ เช่น 

1) Smart Green อนาคตที่ยั่งยืน กับแหล่งเงินทุนที่ SMEs เข้าถึงได้ เหมาะสำหรับธุรกิจ BCG หรือ ESG ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วงเงินค้ำประกันสูงสุด 1 - 40 ล้านบาทต่อราย ค่าธรรมเนียมต่อปี 1.5% 

ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก และ 2) SMEs Ignite Biz เฉพาะ SMEs ประเภทนิติบุคคลที่ต้องการเงินลงทุนหมุนเวียนในกลุ่มการท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ ขนส่ง ยานยนต์แห่งอนาคต การบิน การเงิน เศรษฐกิจดิจิทัล และธุรกิจอาหาร โดยยื่นคำขอให้ค้ำประกันขั้นต่ำครั้งละไม่น้อยกว่า 0.2 ล้านบาท สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย ค่าธรรมเนียมต่อปี 1.5% ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก เป็นต้น

พล.ต.ต. สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย(สกอท.) กล่าวว่า สกอท. เป็นองค์กรศาสนาอิสลามที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ที่ไม่ได้แสวงหากำไร เป็นผู้ให้การรับรองฮาลาลและอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองฮาลาล ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล โดยส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมให้มีการขอใบรับรองผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลแก่สินค้าและบริการ เพื่อผลิตสินค้าและบริการฮาลาลที่สะอาดปลอดภัยตามหลักการศาสนาอิสลามและเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการฮาลาลรวมทั้งเพื่อสนองตอบความต้องการตลาดที่ต้องการสินค้าและบริการฮาลาลได้

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.จฬ.) กล่าวว่า ศวฮ.จฬ. ให้บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่สังคม ประกอบด้วย งานบริการทางห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล งานวิจัยและนวัตกรรม งานบริการวิชาการ/หลักสูตร งานบริการหน่วยงานภายนอก ขานรับนโยบายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล โดยส่งเสริมให้การพัฒนางานบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล การใช้วิทย์เทคฮาลาลและการพัฒนาฮาลาลบล็อกเชน งานบริการทางห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล งานวิจัยและนวัตกรรม การให้คำปรึกษาด้านการบ่มเพาะวิสาหกิจฮาลาล การพัฒนานวัตกรรม งานบริการชำระล้างนญิสทุกชนิดด้วยน้ำยาคอลลอยด์ดิน HALKLEAN งานพัฒนา Halal Blockchain แก่ภาคอุตสาหกรรม งานพัฒนาแอปพลิเคชันร้านอาหารและการท่องเที่ยว Halal Route งานบริการฐานข้อมูลสารเคมีวัตถุดิบฮาลาลตามระบบ H numbers เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันฮาลาลของประเทศไทย


สบู่จิ๊กซอว์ ME by บุ๋ม-ตรีรัก จัดโปรสุดคุ้ม เชต 4 ก้อน ลด 50% เพียง 190 บาท

ลดข้ามปี มอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ซื้อได้ที่สยามพารากอน และทาง FB 

|

บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสบู่จิ๊กซอว์ ME เกรดพรีเมี่ยม by คุณบุ๋ม ตรีรัก รักการดี สบู่จิ๊กซอว์
ME เป็นสบู่ล้างหน้าออร์แกนิค ส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ เนื้อกลีเซอรีน อ่อนโยน ไร้สาร SLS / SLES ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ช่วยฟื้นฟูและกู้ใบหน้าของทุกคนให้คืนกลับสู่ความสวยที่สดใส ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่น ไร้สิว และจุดด่างดำ ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว มีทั้งหมดถึง 25 สูตร สามารถเลือกแมทซ์สูตรเองได้ตามสภาพผิวของผู้ใช้ ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มคุณสมบัติของผิวพรรณ 10 สูตร 2. กลุ่มสครับ 6 สูตร และ 3. กลุ่มน้ำหอม 9 กลิ่น 


สบู่จิ๊กซอว์ ME จัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม ลดข้ามปี 50% สบู่เชต 4 ก้อน สามารถคละสูตรได้ บรรจุในกล่องสวยเก๋ดูดี เพียง 190 บาท จากราคาปกติ 380 บาท สามารถซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สยามพารากอน ชั้น 4 โซน Bath Accessories และซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ที่ Facebook : TRI_Gangsters จะซื้อสบู่จิ๊กซอว์ ME ใช้เองก็ดี หรือซื้อเป็นของฝากให้แก่คนที่คุณรักหรือของขวัญปีใหม่ 2568 ให้กับคนพิเศษของคุณ ซื้อให้ใครรับรองผู้รับต้องชอบแน่ๆ สบู่จิ๊กซอว์ ME เชต 4 ก้อนใช้ได้นานเป็นเดือน การันตีคุณภาพทุกก้อน

สามารถติดตามข่าวสารโปรโมชั่น และข้อมูลเพิ่มเติมของสบู่จิ๊กซอว์ ME เกรดพรีเมี่ยม ทั้ง 25 สูตร
ได้ที่ Facebook : TRI_Gangsters, Line : @tri_gangsters และเว็บไซต์ http://trigangsters.com
หรือติดต่อสอบถามที่โทรศัพท์  02-040-1466 และ 063-351-9649

วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2567

บลูช็อป จับมือ น้ำปลาร้าแม่ไพลิน by จ่าวิรัช จัดโปรพิเศษส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2025

เมื่อ “บลูช็อป” จับมือ “น้ำปลาร้าแม่ไพลิน by จ่าวิรัช” จัดโปรพิเศษส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2025 กับน้ำปลาร้า ในร้านบลูช็อปฉลองครบรอบ 12 ปี 19 สาขา ในราคาเพียง 19 บาท แทนคำขอบคุณและเติมกำลังใจให้ทุกครอบครัวในห้วงเวลาสำคัญ ปีใหม่นี้ แซ่บนัวถึงใจกันถ้วนหน้า! 


นางชนานาถ ดลมินทร์ หรือ ‘เจ้เพ็ญ‘ ผู้บริหารบลูช็อป พร้อมด้วย นางไพลิน โตอิ้ม หรือ แม่ไพลินผู้บริหาร บริษัท จ่าวิรัชฟู้ดส์ จำกัด และเจ้าของธุรกิจ น้ำปลาร้าแม่ไพลิน by จ่าวิรัช  แถลงข่าวความร่วมมือครั้งสำคัญ ในการจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อเป็นการมอบของขวัญแทนคำขอบคุณลูกค้า ‘ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2025’ โดย ‘แม่ไพลิน’ ได้นำน้ำปลาร้าแม่ไพลิน by จ่าวิรัช จัดแคมเปญ น้ำปลาร้าปันสุขกับบลูช็อป จัดจำหน่ายในร้านบลูช็อปทั้ง 19 สาขา ในราคาสุดพิเศษ เพียง 19 บาท จำนวนทั้งสิ้น 50,000 ขวด ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ของ น้ำปลาร้าแม่ไพลิน by จ่าวิรัช กับ บลูช็อป มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบน้ำปลาร้าได้ซื้อไปรับประทานกันในราคาประหยัด ที่สำคัญ ยังเป็นการลดต้นทุนให้กับพ่อค้า แม่ค้า ที่ใช้น้ำปลาร้า ในการประกอบอาหารจำหน่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่อีกด้วย 



โดย ‘เจ้เพ็ญ’ เจ้าของบลูช็อป กล่าวว่า โดยปกติแล้ว บลูช็อป เป็นร้านที่จัดจำหน่ายสินค้าในราคาประหยัดให้กับผู้บริโภคอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ติดต่อคุณแม่ไพลิน ขอขายในราคานี้ คุณแม่ไพลินท่านตอบตกลงให้เป็นพิเศษเฉพาะที่บลูช็อปเท่านั้น  โดยนำน้ำปลาร้า มาจัดจำหน่ายในราคาต้นทุน เพื่อคืนกำไรให้กับลูกค้า

บลูช็อป จึงต้องขอขอบคุณ ทาง บริษัท จ่าวิรัชฟู้ดส์ จำกัด เข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจใน และเห็นใจผู้บริโภค จึงได้ให้ราคาสุดพิเศษกับบลูช็อป นอกจากนี้ ยังทำให้บลูช็อปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวดีๆ  โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ผู้คนต้องเดินทางกลับไปหาครอบครัว สามารถนำน้ำปลาร้าดีๆ กลับไปทำอาหารรับประทานกันร่วมกันภายในครอบครัวอย่างมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำปลาร้ามีราคาสุดประหยัดเพียง 19 บาท รสชาติอร่อยถูกใจคนในครอบครัว ถือว่าเป็นการเติมกำลังใจให้คนไทยด้วยกันในช่วงเวลาปีใหม่




ด้าน ‘แม่ไพลิน’ ระบุว่า  ร่วมกับบลูช็อปทั้ง 19 สาขา นำน้ำปลาร้า แม่ไพลิน มาวางจำหน่าย ซึ่งปลาร้าของ จ่าวิรัช แม่ไพลิน กำเนิดมา 100 กว่าปีแล้ว โดยได้คัดสรรปลาคุณภาพอย่างดีมาเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตน้ำปลาร้า ทำให้มีกลิ่นหอมและรสชาติอร่อย สามารถนำไปประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ยำ แกงอ่อม ลาบ น้ำพริก โดยมี 4 สูตรด้วยกัน ได้แก่ สูตรอีสาน แซ่บคูณสอง ทรงเครื่อง และสูตรดั้งเดิม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเมนูใด รับรองว่า มีรสชาติอร่อย สะอาด ถูกหลัก ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพอื่นๆ อีกมากมายภายใต้แบรนด์ของจ่าวิรัชอีกด้วย ทั้งนี้ การร่วมมือกับบลูช็อปครั้งนี้ นับเป็นการจัดโปรโมชั่นครั้งใหญ่ที่รับรองว่า ราคาถูกที่สุดแน่นอน น้ำปลาร้าแม่ไพลิน by จ่าวิรัช ปันสุข น้ำปลาร้าปรุงสุก สะอาด ปลอดภัย อร่อย แซ่บนัว น้ำปลาร้าที่ผลิตด้วยโรงงานที่ผ่านมาตรฐานสากล ในเครือ บริษัท จ่าวิรัชฟู้ดส์ จำกัด


“แม่เข้าใจว่า ทุกคนต้องลำบากในการทำมาหากิน ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ พ่อค้าแม่ค้าหลายคน คนหาเช้ากินค่ำ หมดทุน ท้อแท้ หมดกำลังใจ บางครอบครัว ไม่ค่อยได้กลับบ้าน รับประทานอาหารด้วยกันเพราะต่างต้องต่อสู้ดิ้นรน ทำมาหากิน ครอบครัวแม่เองก็ทำปลาร้าขายมานานหลายรุ่นแล้ว เรามีอยู่มีกินได้ เพราะปลาร้า แม่เลยคิดที่อยากจะช่วยคนที่รักในการกินปลาร้าและคนที่ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับปลาร้า ได้ลดค่าใช้จ่าย ทางบลูช็อปติดต่อมา จึงนำน้ำปลาร้าแม่ไพลิน by จ่าวิรัช ปันสุขมาจำหน่ายในราคา 19 บาท อีกครั้ง จากปกติ 35 บาท เพื่อปันสุขให้กับทุกคน โดยทางบลูช็อป จัดทำโครงการน้ำปลาร้าปันสุขให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่ใช้น้ำปลาร้าเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหาร หรือคนที่ชอบกินปลาร้า ได้ซื้อไปกินกันในช่วงเทศกาลแบบนี้ แม่ไพลิน อยากแบ่งปันและให้กำลังใจกัน ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ได้รับประทานน้ำปลาร้าดีๆ ราคาประหยัด หวังอย่างยิ่งว่า จะช่วยให้คนรักปลาร้า ชอบกินปลาร้า แบบแม่ไพลินมีความสุข อีกทั้งความร่วมมือกับบลูช็อปในการร่วมจัดจำหน่าย โดยไม่หวังกำไร ยิ่งรู้สึกดีใจและชื่นชมอย่างยิ่ง”
-แม่ไพลิน กล่าว


สำหรับผู้ที่ชื่นชอบปลาร้า ชอบกินปลาร้าแบบปรุงสุก สะอาด ปลอดภัย อร่อย แซ่บนัว ผลิตด้วยโรงงานที่ผ่านมาตรฐานสากล ต้องห้ามพลาดกับโปร “ปลาร้าปันสุขกับบลูช็อป” กับ “น้ำปลาร้าแม่ไพลิน by จ่าวิรัช ปันสุข” ได้ที่บลูช็อปทุกสาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล





สำหรับผู้ที่ชื่นชอบปลาร้า สนใจสินค้าอื่นๆของบริษัท จ่าวิรัชฟู้ดส์ ติดตามและสั่งซื้อสินค้าได้ที่
TikTok shop :jawiratfood.officia

สายสีแดง ขยายเวลาให้บริการ ถึง ตี 2 ในคืนเคานต์ดาวน์ เป็นของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน


นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ส่งมอบความสุข ขยายเวลาเปิดให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ถึง ตี 2 คืนวันที่ 31 ธ.ค. 67 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน  

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ได้ให้ความสำคัญต่อการให้บริการประชาชนในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท เพื่อเพิ่มความสะดวก และความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 ที่จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก กระทรวงคมนาคม จึงได้กำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง รวมถึงมอบนโยบายให้ทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือในการเชื่อมโยงการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานส่งมอบความสุขให้แก่ประชาชน เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ด้วย

ทางด้าน นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 นี้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด พร้อมขานรับนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อให้การเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นๆได้อย่างสะดวกสบายและมีความปลอดภัย จึงได้ขยายเวลาเปิดบริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 67 โดยให้บริการจนถึงเวลา ตี 2 เพื่อเป็นการส่งมอบความสุขแทนคำขอบคุณมายังประชาชนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงมาโดยตลอด พร้อมกับเตรียมของขวัญเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ เพื่อมอบให้กับผู้ใช้บริการ โดยในเทศกาลคริสต์มาส วันที่ 25 ธันวาคม 2567 จะมอบแก้วอเนกประสงค์ RED LINE MUG จำนวน 2,568 ชิ้น ให้กับผู้ใช้บริการบนขบวนรถไฟฟ้า โดยเหล่าซานต้า Influencers ชื่อดัง พร้อมรับฟังการบรรเลงเพลงคริสต์มาสจากวงไอดอล และในเทศกาลปีใหม่ ยังเตรียมของขวัญสุดพิเศษ ยาดมสมุนไพร ตรารถไฟฟ้าสายสีแดง เพื่อความสดชื่นต้อนรับปีใหม่ ให้แก่ผู้ใช้บริการ จำนวน 2,568 ชิ้น ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งผู้โดยสารสามารถติดต่อขอรับได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานี ตั้งแต่เวลา 05.30 น. - 24.00 น. หรือจนกว่าของจะหมด บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ใช้บริการทุกท่านจะได้รับความสุข ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยตลอดการเดินทางในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้

นอกจากนี้ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เตรียมเอาใจคนรักสัตว์ โดยตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2568 เป็นต้นไป รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง จัดแคมเปญ Pet Friendly Train Weekend Service (เฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์) เพื่อให้การเดินทางของท่านเป็นการเดินทางอันแสนพิเศษไปพร้อมกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก โดยสามารถนำสัตว์เลี้ยง ร่วมเดินทางไปท่องโลกกว้างได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

สำหรับด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย มีการจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสุนัขทหาร K9 ตรวจตราในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงจุดที่มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุก่อการร้าย หรือเหตุวินาศกรรม พร้อมกำชับกวดขันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง คอยสอดส่องและระมัดระวังเหตุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆทุกสถานี นอกจากนี้ยังมีการเฝ้าระวังพื้นที่ผ่านระบบ CCTV โดยควบคุมการปฏิบัติ
งานผ่านวิทยุสื่อสาร หากเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายขึ้นภายในสถานีรถไฟฟ้า จะสามารถดำเนินการเข้าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที



บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ขอขอบคุณในทุกการสนับสนุน และจะมุ่งมั่น พัฒนาองค์กรสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าด้วยมาตรฐานระดับสากล มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ รักษามาตรฐานการปฏิบัติงานในด้านการเดินรถ และซ่อมบำรุง พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพอยู่เสมอ รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขององค์กร อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงทุกการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมืองได้อย่างยั่งยืน

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม
Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET”

หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

อนันตราเชียงใหม่รีสอร์ท เปิดตัวเรือลำใหม่


อนันตราเชียงใหม่รีสอร์ท เปิดตัวเรือลำใหม่สุดตระการตา พร้อมเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สุดของภาคเหนือประเทศไทย เพื่อนำแขกเข้าสู่ประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษ โดยเรือชื่อ "ทิพยานจิต" หรือที่แปลว่า "เรือแห่งสรวงสวรรค์" ได้รับการออกแบบโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะผู้สร้างสรรค์ “วัดร่องขุ่น” ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่าล้านคนจากทั่วโลกในแต่ละปี


อาจารย์เฉลิมชัยเป็นหนึ่งในศิลปินร่วมสมัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศไทย และได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็นศิลปินแห่งชาติในปี พ.ศ. 2554 เพื่อยกย่องผลงานตลอดชีวิตของท่าน ผลงานล่าสุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากชุดภาพวาดที่มีชื่อว่า “ทิพยานจิต” โดยการออกแบบเรือบรรยายถึงการเดินทางจากโลกนี้สู่โลกหน้า และส่วนหัวเรือได้รับการแกะสลักด้วยมือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ในตำนาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการพามนุษย์ล่องแม่น้ำสู่สรวงสวรรค์

“ทิพยานจิต เป็นเรือที่เกิดจากความฝันของศิลปิน เรือที่มีคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์อย่างล้ำลึก ผมอยากสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นสมบัติของชาติ ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อโรงแรม แต่ต้องเป็นสิ่งที่พิเศษจริง ๆ” อาจารย์เฉลิมชัยกล่าว “ผมหลงใหลในเรือของอยุธยาสมัยโบราณ โดยเฉพาะเรือที่มีดีไซน์แปลกและพิเศษ และสนุกกับการศึกษาเรือเหล่านี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการทำงาน ผลงานของผมเกี่ยวกับสรวงสวรรค์อยู่แล้ว จึงตัดสินใจออกแบบเรือ 'ทิพยานจิต' โดยนำแรงบันดาลใจจากเรือในสมัยอยุธยามาผสมผสานกับสไตล์ของผม เป็นเรือที่พาผู้คนล่องไปสู่โลกแห่งสรวงสวรรค์ การวาดเรือเป็นความฝันส่วนตัวที่ผมหลงใหลมาโดยตลอด”


เรือลำนี้มีความพิเศษเปรียบดังศิลปะลอยน้ำ โดยจะรองรับแขกสูงสุดเพียง 18 ที่นั่งเท่านั้น แขกบนเรือจะได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยชั้นเลิศ ซึ่งเมนูจะเปลี่ยนทุกฤดูกาลโดยเชฟที่ได้รับดาวมิชลินหรือมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับชั้นนำของประเทศไทย สำหรับเมนูเปิดตัวได้รับการสร้างสรรค์โดย เชฟปิยชาติ พุทธวงศ์ หรือเชฟบอย จากร้านอาหารเสน่ห์จันทน์ในกรุงเทพฯ

เชฟบอยเติบโตในครอบครัวที่มีอาชีพทำอาหาร และเริ่มมีชื่อเสียงจากการเข้าร่วมรายการ Iron Chef ความเชี่ยวชาญของเขาอยู่ที่ขนมไทยแบบดั้งเดิม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตำรับขนมชาววังหายากที่เขารวบรวมมาตลอดหลายปี แขกที่ขึ้นเรือทิพยานจิตจะได้ลิ้มลองเมนู 7 คอร์สของอาหารไทยคลาสสิก ที่จับคู่ไวน์อย่างลงตัวจาก Monsoon Valley ไร่องุ่นชั้นนำของประเทศไทย ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ถึงปลายเดือนมีนาคม 2568

“ที่อนันตราเชียงใหม่ ชีวิตริมน้ำคือหัวใจสำคัญของประสบการณ์ในรีสอร์ท” นายพิทักษ์ นรเทพกิตติ ผู้จัดการทั่วไปของอนันตราเชียงใหม่ รีสอร์ทกล่าว “แม่น้ำปิงคือสายใยชีวิตของเมืองเชียงใหม่มาแต่ยาวนานนับหลายร้อยปี การได้เห็นชีวิตที่ดำเนินไปตามสองฝั่งแม่น้ำ คือการสัมผัสจิตวิญญาณของจุดหมายปลายทางนี้อย่างแท้จริง และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับศิลปินระดับโลกอย่างอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เพื่อมอบประสบการณ์พิเศษนี้ให้แก่แขกของเรา”

ทิพยานจิต เปิดให้บริการอาหารเย็นทุกวัน เวลา 17:30 น. จากท่าเรือส่วนตัวของอนันตราเชียงใหม่ รีสอร์ท โดยเหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกและจิบค็อกเทล ระหว่างมื้ออาหาร แขกจะได้เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีไทย และสามารถยืมชุดไทยเพื่อถ่ายภาพเก็บความทรงจำอย่างเต็มอิ่ม 

ราคาอาหารเย็นท่านละ 6,999++ บาท และเพิ่มอีก 1,999++ บาท สำหรับไวน์แพริ่ง
เรือทิพยานจิตพร้อมให้บริการในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสำรองที่นั่ง
โทร +66 (0) 53 253 333
อีเมล chiangmai@anantara.com หรือ LINE @Anantarachiangmai

ข่าวประชาสัมพันธ์

นายกสภา ”มทรส.“ยกเครื่องใหญ่งานพีอาร์

นายกสภา ”มทรส.“ยกเครื่องใหญ่งานพีอาร์ ตอบโจทย์การสื่อสารยุคดิจิทัล ตรงประเด็น หวังตีแผ่ของดีโดนใจกลุ่มเป้าหมาย “ธีรพล”แนะทริกเป็น ปชส.รุ่งโร...

โวยวายดอทคอม