วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2567

ททท.เชียงราย เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างความเชื่อมั่นเชียงรายเที่ยวได้

และเชิญชวนเที่ยวงาน “แอ่วเหนือม่วนใจ๋ ไป เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน”
ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชั้น G วันที่ ๒๐-๒๒ กันยายน ๒๕๖๗

ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND เพื่อมุ่งผลักดันประเทศไทยเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก มีการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองใกล้เคียง ประกอบกับผลักดันและส่งเสริมการท่องเที่ยวทุกฤดูกาล (All Year Round Tourism) และวันธรรมดา โดยเฉพาะการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย และพะเยา ตั้งแต่เดือน ตุลาคม ๒๕๖๗ สร้างความเชื่อมั่นว่าเชียงราย และพะเยา สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวหลังมีอุทกภัยในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และต้นเดือนกันยายน  ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย (เชียงราย-พะเยา) และสำนักงานลำปาง (ลำปาง-ลำพูน) จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย “แอ่วม่วนใจ๋ ไป เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน” ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ กันยายน ๒๕๖๗ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่



โดยนำผู้ประกอบการท่องเที่ยว ๔ จังหวัด ทั้งผู้ประกอบการที่พัก บริษัทนำเที่ยว การท่องเที่ยวชุมชน สินค้าหัตถกรรม และอาหารถิ่นมานำเสนอขายในงานนี้ นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเชียงราย กล่าวว่า การจัดกิจกรรม “แอ่วเหนือม่วนใจ๋ ไป เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน” ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินกิจกรรมที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล และ ททท. ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่เมืองน่าเที่ยว ด้วยการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวและกระจายตัวนักท่องเที่ยวจากจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดหลักด้านการท่องเที่ยว  ไปสู่เมืองน่าเที่ยวใกล้เคียง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน ผ่านสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของจังหวัดในราคาพิเศษ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก แพ็กเกจท่องเที่ยว สินค้าที่ระลึก และอาหารถิ่นในราคาพิเศษกว่า ๓๐ บูธ ในรูปแบบของ Consumer Fair นำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยวต่างๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานในราคาพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการแสดงบนเวทีที่น่าสนใจ อาทิ การประชาสัมพันธ์ร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยว เล่นเกมส์ชิงรางวัล การแสดงดนตรี Folk Song 

พบกับศิลปินชาวเหนือที่จะขับกล่อมด้วยบทเพลง และการแสดงบนเวทีตลอด ๓ วัน ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗ เตวิชญ์ ชัยธัช ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐-๑๙.๐๐ น. / ๒๑ กันยายน ๒๕๖๗ เก๋ วรรณ์ฐกานต์ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น. / ๒๒ กันยายน ๒๕๖๗ เดอะ เพอะ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น.

สำหรับจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยาได้นำสินค้าและบริการท่องเที่ยวมากมายเข้าร่วมกิจกรรม เช่น แพ็กเกจท่องเที่ยวและที่พักราคาพิเศษจากโรงแรมและบริษัทนำเที่ยวเชียงรายและพะเยา แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างโครงการพัฒนาดอยตุงฯ สิงห์ปาร์คเชียงราย ชวนชิมปลาส้มพะเยาและอาหารชาติพันธุ์จากเชียงราย ชากาแฟรสเลิศของดีขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังมีสินค้าของที่ระลึกเสื้อผ้าของสวมใส่ลวดลายอันเป็นอัตลักษณ์ และของดีจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยาอีกมากมาย นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาเลือกซื้อเลือกช็อปแล้ว ยังมีกิจกรรม Workshop รักษ์โลกด้วยการทำถุงผ้า Eco Print จากดอกไม้และใบหญ้า ให้สร้างสรรค์จินตนาการและยังเป็นการลดการใช้พลาสติกร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนกันภายในงานอีกด้วย

นางสาวยุรีพรรณ แสนใจยา ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานลำปาง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในส่วนของจังหวัดลำปางและจังหวัดลำพูน ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ งานคราฟท์และ งานหัตถกรรม นอกจากได้นำเสนอ สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก แพ็กเกจท่องเที่ยวราคาพิเศษภายในงานแล้ว ยังได้นำเสนองานหัตถกรรม เช่น งานเซรามิคจาก พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี อารีเซรามิค จังหวัดลำปาง งานหัตถกรรมพระบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน ผ้าทอจากฮอมฮักผ้าทอทุ่งฮี จังหวัดลำปาง ผ้าพิมพ์ลายธรรมชาติ Mae Tha Eco-print จังหวัดลำพูน และกิจกรรมเชิงสุขภาพของชุมชน ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ททท.สำนักงานลำปาง ได้นำอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนมานำเสนอในงานด้วย ซึ่งทั้งอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี และศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ต่างเป็นหน่วยงานและผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยติดต่อกัน ๓ ครั้ง หรือ Hall of Fame ถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับพระราชทานจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

นอกจากนี้ ในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันพิธีเปิดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ยังมีกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจ ได้แก่ การเสวนาทิศทางการส่งเสริมการตลาดภารท่องเที่ยวภาคเหนือ สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวจาก จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน และกิจกรรมพบปะเจรจาธุรกิจ (B2B) ระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากจังหวัดเชียงใหม่ (ผู้ซื้อ) กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากจังหวัดเชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน (ผู้ขาย) ในรูปแบบ Table Top Sales 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงใหม่ โทร. ๐ ๕๓๒๔ ๘๖๐๔ ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. ๐ ๕๓๗๑ ๗๔๓๓ และ ททท.สำนักงานลำปาง โทร. ๐ ๕๔๒๒ ๒๒๑๔ ททท. โทร. ๑๖๗๒ เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย และข่าวสารผ่านเว็บไซต์ www.gonorththailand.com ชุมชนคนเที่ยวเหนือ

ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน จ.สระบุรี ร่วมกับภาคีจัดการประชุมประเมินศักยภาพและการท่องเที่ยว


เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลหินซ้อน และคณะผู้บริหาร ในโครงการการเพิ่มศักยภาพการจัดการของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว 3 อำเภอ(แก่งคอย มวกเหล็ก วังม่วง) ผู้แทนการท่องเที่ยว/ททท จังหวัดอยุธยา คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด(คบจ.)สระบุรี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระบุรี ผู้แทนการท่องเที่ยว/ททท จังหวัดอยุธยา ร่วมกับภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดสระบุรี สมาคมท่องเที่ยวสระบุรี พัฒนาชุมชนจังหวัด







นำโดย อ.ไพบูลย์ บูรณสันติ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสระบุรี จัดประชุมประเมินศักยภาพและทบทวนการจัดการท่องเที่ยว ในพื้นที่ รูปแบบ กิจกรรม ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ศึกษาถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก จุดแข็ง ปัญหา และอุปสรรค รวมถึงสำรวจทรัพยากรสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่มีศักยภาพของตำบลเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้เพื่อหาทางสนับสนุนและเชื่อมโยงเครือข่ายการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของโครงการฯ เพื่อให้ก้าวเดินขับเคลื่อนได้อย่างเข้มแข็ง ก้าวหน้า รักษาสิ่งที่ควรคงไว้ เปลี่ยนแปลงพัฒนาในสิ่งสมควรต่อไป

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567

พม. ร่วมกับ มูลนิธิทันตนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง


วันนี้ 17 กันยายน 2567 เวลา 13.45 น. กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับมูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ ลงนามความร่วมมือในการบริการสาธารณกุศล เพื่อนำนวัตกรรมทางทันตกรรมที่มีไปให้บริการผู้สูงอายุ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในช่องปาก และดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการบดเคี้ยวอาหารให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ โดยมีนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุศาสตราจารย์ (พิเศษ) ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ประธานกรรมการมูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ นายวรวุฒิ กุลแก้ว กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิ นางสาวกมลชนก สกุลประเสริฐ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาดีไอเอฟเพื่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์ ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุมสุธาสิโนบล ชั้น 5 มูลนิธิทันตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 



นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ กล่าวว่า “ปัจจุบันประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น มาพร้อมกับการดูแลเอาใจใส่ที่มากขึ้นเช่นกัน มูลนิธิทันตนวัตกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบางที่ประสบปัญหาทางสังคม ทางมูลนิธิฯ ได้ทำการวิจัยออกแบบผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมทางทันตกรรมใหม่ ๆ ที่มีมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็น เจลลี่โภชนา น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดหญ้าแฝก เป็นต้น ซึ่งบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ กระทรวง พม. โดย ผส.จะบูรณาการความร่วมมือกับมูลนิธิ ทันตนวัตกรรม ในการให้บริการผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านสุขภาพองค์รวม ซึ่งเป็นการความสมบูรณ์ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม เพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทางทันตกรรมที่มีคุณภาพ โดยทางกรมกิจการผู้สูงอายุ จะได้นำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทางทันตกรรมดังกล่าว ไปให้บริการแก่ผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ และผู้สูงอายุในชุมชน นำสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุแบบองค์รวม ต่อไป”



นายวรวุฒิ กุลแก้ว กล่าวว่า “มูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ มีความต้องการที่จะผลิตและส่งต่อผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปากให้กับคนที่ใช้งานจริง ซึ่งกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุในสังคมไทย  ดังนั้นมูลนิธิทันตนวัตกรรมฯ จึงได้เชิญกรมกิจการผู้สูงอายุมาทำความร่วมมือกัน เพื่อที่เมื่อทางมูลนิธิได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และผ่านการรับรองมาตรฐานจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้ว จะสามารถส่งมอบให้กับกรมกิจการผู้สูงอายุได้ทันที่โดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานกลาง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนในการทำงาน 

“โดยครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ สนับสนุนให้ผู้สูงอายุเข้าถึงผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมทางช่องปากที่มีคุณภาพ และส่งต่อไปคนทุกช่วงวัยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงฯ ให้มีสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายวรวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

Sheep เดินหน้าดันบิ๊กโปรเจกต์ เปิดตัว Sheep x FAHFAHS

Sheep เดินหน้าดันบิ๊กโปรเจกต์ “ทีมไทย”หนุนศิลปินนักวาดภาพชาวไทย เปิดตัว  Sheep x FAHFAHS               

 “Sheep”เคสสัญชาติไทยผู้ผลิตและออกแบบแก็ดเจ็ต ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดรวมถึงการให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และตัวตนของผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าจากร้าน AppleSheep รวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์และไอทีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เดินหน้าดันบิ๊กโปรเจกต์ “ทีมไทย” สนับสนุนศิลปินชาวไทยเพื่อสร้างสรรค์คอลเลคชั่นแฟชั่นใหม่ ๆผ่านอุปกรณ์ IT  ล่าสุด ดึง ฟ้า ณภัทร คันธารักษ์ หรือ FAHFAHS ศิลปินนักวาดภาพประกอบสีพาสเทล สุดน่ารัก เจ้าของผลงานคาแรกเตอร์เด็กผู้หญิงที่มีผมเรียงเส้นเหมือนตุ๊กตา ภาพลักษณ์สดใส มาร่วมเปิดตัวเคส คอลเลคชั่นใหม่ Sheep x FAHFAHS โดยจัดเป็น  Sheep  Pop-Up Store โซนแฟชั่นแกลเลอรี่ ชั้น1 สยามพารากอน ตั้งแต่วันที่16-29  กันยายน นี้        

                   


นายอภินันท์ ตรีรัตน์พิจารณ์  Founder&CEO บริษัท  ชีพ แก็ดเจ็ต จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์Sheep ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลงานพัฒนาคุณภาพสินค้าของแบรนด์ควบคู่กับพาแบรนด์ไปเชื่อมโยงเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าผ่านผลงานการคอลแลปส์  ที่ผ่านมาเราร่วมคอลแลปส์ลายลิขสิทธิ์ต่างประเทศมากมาย  และอีกเป้าหมายที่Sheepให้ความสำคัญ คือร่วมผลักดันโปรเจ็กต์ “ทีมไทย” นำเสนอเรื่องราวการเดินทางของแบรนด์ไทย คนไทย ผ่านอุปกรณ์ IT   เพื่อสนับสนุนคุณภาพสินค้าแบรนด์ไทย  ศิลปินไทย ดารา-นักร้องไทย ต้องยอมรับเลยว่า ศิลปินรุ่นใหม่มีศักยภาพมากๆ  โปรเจคนี้เป็นอีกหนึ่งพลัง Soft  power  ของเมืองไทย  ได้โชว์ผลงานศิลปะสร้างสรรค์มากมายเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจต่อกัน และเพื่อพิสูจน์คุณภาพสินค้าแบรนด์ไทยในมาตรฐานสากล   ล่าสุด เปิดตัวเคส คอลเลคชั่นใหม่ Sheep x FAHFAHS นำเสนอ ทีมไทยคนแรกโดยร่วมคอลแลปส์กับ ฟ้า ณภัทร คันธารักษ์หรือ FAHFAHS ซึ่งเป็นครีเอเตอร์ไทยรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองแห่งยุคนี้เลยครับ มีผลงานการออกแบบที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับ เจ้าของผลงานคาแรกเตอร์เด็กผู้หญิงที่มีผมเรียงเส้นเหมือนตุ๊กตา ภาพลักษณ์สดใส  ศิลปินคนไทยที่มีผลงานมากมาย โด่งดังจากภาพและคาแรกเตอร์  ศิลปะภาพแนวสีพาสเทล ที่มีแต่ความสดใสน่ารัก โดยคอลเลคชั่นนี้ที่ได้ทำร่วมกัน มาในรูปแบบของลายเคสโทรศัพท์สีชมพูเป็นMain คาแรกเตอร์และเอกลักษณ์ของฟ้าฟ้า  ทำออกมารองรับ iPhone13 Series ไปจนถึงเคส iPhone 16 Series  นอกจากนั้นยังมี , iPad Case  , Griptok Magsafe และ Phone Charm   สำหรับเคสไอโฟน16 เปิดให้ Preorder เป็นสินค้ารุ่นพิเศษ ผลิตเพียงรอบเดียวเท่านั้น                         




นายอภินันท์กล่าวต่อ “ในฐานะที่เป็นคนไทยและทำแบรนด์Sheep ซึ่งเป็นสินค้าของคนไทย รู้สึกภาคภูมิใจในฝีมือของศิลปินครีเอเตอร์ไทย   เราและทีมงานทุกคนมีความตั้งใจดันโปรเจค “ทีมไทย” ร่วมกันโปรโมทความสามารถของศิลปินไทย เพื่อสร้างสรรค์นำเสนอแคมเปญใหม่ๆ   เปิดประตูสู่พรมแดนใหม่ให้กับแบรนด์ไทยและวงการอาร์ตของไทย ไปสู่ระดับโลก ”                    

ทางด้าน ฟ้า ณภัทร คันธารักษ์หรือ FAHFAHS  กล่าวว่า  “คอนเซ็ปต์ที่ทำร่วมกับ Sheep x FAHFAHS ครั้งนี้ คือ “Basement in your soul”  ซึ่งมาจากนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของฟ้าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ฟ้าอยากถ่ายทอดมุมมองที่ว่า “ทุกคนมีชั้นใต้ดินอยู่ในจิตใจ” เหมือนเราเก็บงำความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ และไม่สามารถบอกให้คนอื่นได้รับรู้ อยากให้ลายบนเคสเป็นเหมือนการย้ำเตือนให้ผู้ใช้ได้รับรู้และเข้าใจตัวตนของตัวเองในทุก ๆ ด้าน ซึ่งจะนำไปสู่การยอมรับตัวตน และปล่อยวางความรู้สึกบางอย่างไว้ข้างหลัง และ เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเหมือนกับน้อง Twinkleโดยคาแรกเตอร์ที่อยู่บนเคสจะมีทั้ง 2 ด้าน คือด้านสว่าง (Sunshine) และด้านมืดของตัวเอง (Midnight) รวมอยู่ในนั้น  โดยจะมีทั้งตัวสีชมพู (Rainbow) ที่เป็น Main คาแรกเตอร์ของฟ้า หรือคาแรกเตอร์ที่ทุกคนจำได้นั่นเองค่ะ   งานส่วนใหญ่ของฟ้าชอบใช้สีพาสเทล เพราะอยากให้งานออกมาดูละมุน ดูอบอุ่นในทุกครั้งที่ได้ดูผลงาน และได้รู้สึกได้รับพลังบวก หรือสามารถฮีลใจจากการมองงานที่สีสบายตา เอกลักษณ์ในผลงานของฟ้าฟ้าก็คือหน้าตาของตัวละครที่มีตากลม และขนตาสามเส้น ทรงผมที่เรียงตัวกันเป็นเส้น ๆ และไล่สีอย่างสวยงาม  ส่วนใหญ่คาแรกเตอร์ที่ฟ้าวาดจะเป็นเด็กผู้หญิงซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากตัวเอง เหมือนกับไดอารี่ว่าแต่ละวันเราทำอะไร หรือประทับใจสิ่งไหน ก็จะถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด ซึ่งตัวคาแรกเตอร์ต่าง ๆ ก็เติบโตมาจากประสบการณ์และการใช้ชีวิตของฟ้าเองด้วยค่ะ”      

ฟ้ารู้สึกดีใจมากค่ะที่ได้ร่วมงานกับ Sheep เพราะรู้จักแบรนด์ Sheep อยู่แล้วค่ะ ที่เคยใช้ก็จะเป็นเคสไอแพด (รุ่นPeople) ที่แถมปลอกปากกาที่ใช้สวมใส่กับ Apple Pencil ค่ะ   และรู้สึกตื่นเต้น เป็นอีกความท้าทาย ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดผลงานร่วมกับSheep ในโปรเจกต์ ‘ทีมไทย’  อยากให้โปรเจกต์ออกมายิ่งใหญ่คนใช้กันเยอะ ๆ ค่ะ  ฟ้าคิดว่าช่วงหลัง ๆ คนไทยเริ่มให้ความสนใจในงานศิลปะและความสำคัญใน  แบรนด์ไทยมากขึ้น อย่างเช่น ทุกครั้งที่ออกผลงาน ก็จะมีคนไทยที่พร้อมสนับสนุนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการซัปพอร์ตด้วยคำพูด คอมเมนต์ต่าง ๆ หรือการอุดหนุนสินค้า ถือเป็นพลังใจที่ดีมากๆเลยค่ะ” ฟ้ากล่าวทิ้งท้าย            

งานเปิดตัวคอลเลคชั่น  Sheep x FAHFAHS โดยจัดเป็น Sheep Pop-Up Store ที่ชั้น 1 สยามพารากอนตั้งแต่วันที่16 -29  ก.ย.นี้  ภายในงานมีผลงานของ FAHFAHS มาโชว์ พร้อมกิจกรรมมากมาย และในวันที่16 ที่ผ่านมามีกิจกรรมถ่ายรูป แจกลายเซ็น ให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าแบรนด์ Sheep และตลอดทั้งงานจนถึง 29 กันยายนนี้ เมื่อโพส คลิป รือรูปถ่ายลง ig story แท็กมาที่ applesheep   ได้มาร่วมกิจกรรมตู้คีบตุ๊กตาที่บูธ ลุ้นรับของรางวัลมากมาย  โดยภายในงาน ยังได้รวบรวมคอลเลคชั่นต่างๆของแบรนด์ Sheepมาร่วมโชว์และจำหน่ายอีกด้วย                     





ปัจจุบัน AppleSheep มีหน้าร้านในห้างสรรพสินค้าอยู่ 10 แห่งด้วยกัน ร้าน Sheep Exhibition Storeชั้น4 
ที่เซ็นทรัลเวิลด์  และ Flagship Store  อีก 9แห่ง เซ็นทรัลเวิลด์,เซ็นทรัลลาดพร้าว ,เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลรามอินทรา, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์ ,เมกา บางนา , ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต, และอีกสองสาขาต่างจังหวัด เซ็นทรัลหาดใหญ่ , เซ็นทรัลขอนแก่น หรือ ติดต่อช่องทางออนไลน์ที่  www.applesheepth.com
Line: @applesheep, FB :AppleSheep เคส ipadpro มีที่เก็บปาก, IG applesheepth, Tiktok applesheepth


วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2567

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ฉลอง 60 ปีสุดยิ่งใหญ่


เชิญผู้เชี่ยวชาญระดับโลกและผู้นำองค์กรชั้นนำ ร่วมแชร์มุมมอง ออกแบบอนาคตเพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทย 16-19 กันยายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thailand Management Association : TMA)ฉลองครบรอบ 60 ปี จัดงานสัมมนา “60 YEARS OF EXCELLENCE” ภายใต้แนวคิด“Creating Great Leaders, Designing the Future” เชิญ CEO องค์กรชั้นนำระดับประเทศ ผู้บริหาร Startup ผู้บริหารรุ่นใหม่ พร้อมผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาองค์กรธุรกิจระดับโลกกว่า 70 ท่าน ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ออกแบบอนาคตเพื่อขับเคลื่อนองค์กรและประเทศไทยสู่ความเป็นเลิศ พร้อมบูทนิทรรศการ เวทีแชร์ข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ๆ พร้อมเวิร์คช้อปให้คำปรึกษา ระหว่างวันที่ 16 - 19 กันยายน 2567 ณ บอลรูม ฮอลล์ 1- 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

นายนิธิ ภัทรโชค ประธาน สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA ) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 60 ปี TMA เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ในฐานะสถาบันการพัฒนาการจัดการ และชุมชน ชั้นนำ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในทุกระดับ เรามีส่วนร่วมอย่างมากในการสร้างผู้นำองค์กรที่ยิ่งใหญ่ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ งานสัมมนา เวิร์กช็อป และโปรแกรมฝึกอบรมมากมาย รวมไปถึงทริปดูงานต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหารระดับต่างๆ ได้พัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ เพิ่มพูนความรู้ ขยายมุมมอง รวมถึงได้สร้างเครือข่ายเพื่อต่อยอดธุรกิจ และพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ”

“ภายใต้แนวคิด Creating Great Leaders, Designing the Future งาน 60 YEARS OF EXCELLENCE ในครั้งนี้ จึงจัดขึ้นโดยเน้นหัวข้อที่มีความสำคัญและเป็นเมกะเทรนด์ของโลก ทั้งเรื่องการเชื่อมโยง (Connectivity) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรม และความยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้องค์กรต่างๆ ได้เปิดรับมุมมองใหม่ๆ รับรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อธุรกิจ มีการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และทักษะที่เหมาะสม พร้อมรองรับอนาคต  ที่ผ่านมา เราสร้างผู้นำเก่งๆ มาหลายแสนคน และจากนี้ไป เราอยากให้ผู้นำและผู้บริหารคนรุ่นใหม่มีวิสัยทัศน์และองค์ความรู้ที่ครอบคลุม สามารถออกแบบอนาคตและกำหนดทิศทางธุรกิจได้ในระยะยาว เพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ดีขึ้นด้วย” นิธิ กล่าว

งาน 60 YEARS OF EXCELLENCE เป็นมหกรรมงานประชุมด้านการพัฒนาการบริหารจัดการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 60 ปีของ TMA ประกอบด้วยกิจกรรม 2 ส่วนหลัก คือ งานสัมมนา และกิจกรรมในโซน WISDOM HALL ดังต่อไปนี้ 

วันที่ 16 กันยายน 2567 ประกอบด้วยหัวข้อ “Towards the Prosperous ACMECS” การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง อย่างยั่งยืน  และหัวข้อ “Boundless Growth with Green Supply Chain” การยกระดับธุรกิจให้ก้าวข้ามพรมแดนและทุกอุปสรรคด้วยกรีนซัพพลายเชน 

วันที่ 17 กันยายน 2567 หัวข้อ “Building a Competitive Nation” การเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความพร้อมในการแข่งขันในระดับโลก 

วันที่ 18 กันยายน หัวข้อ “The Future of Sustainable Growth” การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต เมื่อธุรกิจและโลกต้องสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อความอยู่รอดและเติบโต

วันที่ 19 กันยายน หัวข้อ “The Digital Imperative” ความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออนาคต แนวโน้มการทำงานร่วมกันระหว่างคนและ AI รวมไปถึงการสร้าง Trust ในโลกที่แยกแยะความจริงและสิ่งเสมือนออกได้ยากขึ้นทุกที  

นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมในโซน WISDOM HALL ได้แก่ 

1. เวทีย่อยแชร์องค์ความรู้ใหม่ ๆ โดยวิทยากรชั้นนำจากทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ การใช้ Gen AI สร้างแต้มต่อการแข่งขันสำหรับ SMEs,  ถอดบทเรียนผู้ชนะ รางวัล SME Excellence Awards 2022-2023, Business Transformation by Technology and Innovation, Future Design, Nordic Leadership 

2. เวิร์กช้อปในหัวข้อต่างๆ อาทิ Smart Factory – Factory of the Future โดย SFN AG จากสวิตเซอร์แลนด์, การสร้างกลยุทธ์สำหรับ Innovation-Driven Enterprises, Building Pathways for Transformation โดย Kök Projekt จากตุรกี, Design Thinking: “Human and Planet-centered Growth โดย Future Food Institute and University of Bologna ประเทศอิตาลี, การสร้างธุรกิจ SMEs ให้เติบโต ด้วยการควบรวมกิจการ โดย Quadriga Co., Ltd., Leadership ESG ทำดีมีผลกำไร โดย ไร่ใจยิ้ม University of Happiness, เกม Sustainable Management, The Green Startup Toolkit 

3. บูทจัดแสดงนวัตกรรมขององค์กรชั้นนำจากภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งไทยและต่างประเทศ กว่า 40 ราย อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, เอสซีบีเอ็กซ์, บางจาก, ไทยเบฟเวอเรจ, บี.กริม เพาเวอร์, เบทาโกร, อินโดรามา เวนเจอร์ส, คูโบต้า, เบอร์ลี่ ยุคเกอร์, ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) เป็นต้น

งาน 60 YEARS OF EXCELLENCE ได้รับการสนับสนุนจาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)  บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์จำกัด (มหาชน)  สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)  บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)  บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เอสซีจี และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)

ดีป้า แถลงผลสำเร็จโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย

วันที่ 15 กันยายน 2567, กรุงเทพมหานคร - กระทรวงดีอี โดย ดีป้า แถลงผลสำเร็จโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย เผยครู นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนที่สนใจจากทั่วประเทศให้การตอบรับดีเยี่ยม โชว์ผลงานยกระดับห้องเรียนโค้ดดิ้ง 1,500 โรงเรียนทั่วประเทศ นักเรียน
ครู ร่วมยกระดับทักษะโค้ดดิ้งเข้มข้นผ่านกิจกรรม Coding Bootcamp กว่า 3,200 คน ประชาชนเกิดความตระหนักรู้เกี่ยวกับ โค้ดดิ้งผ่านกิจกรรม Coding Roadshow กว่า 1.16 แสนคน เกิดผลงานโค้ดดิ้งที่ได้รับ
การสร้างสรรค์โดยครู นักเรียนจากทั่วประเทศผ่านโครงการ Coding for Better Life มากกว่า 900 ผลงาน


ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า โครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย คือโครงการในแผนงานระยะยาวที่มุ่งสร้างครูผู้สอนที่พร้อมถ่ายทอดความรู้และทักษะด้านโค้ดดิ้งแก่นักเรียนรุ่นต่อรุ่น พร้อมดำเนินการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อมรองรับการเรียนการสอน ซึ่งทั้งหมดจะช่วยสร้างเมล็ดพันธุ์ดิจิทัลที่มีความพร้อมต่อการสร้างรากฐานอนาคตของประเทศ และบรรเทาปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัล สอดคล้องกับเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ ตามนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี)


ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดีป้า ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะโค้ดดิ้งแก่เยาวชนไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวางรากฐานทักษะดิจิทัลแห่งอนาคต และบรรเทาปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัลของประเทศ สำหรับโครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ที่ กระทรวงดีอี โดย ดีป้า บูรณาการการทำงานกับเครือข่ายพันธมิตรมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่พร้อมรองรับการพัฒนาทักษะโค้ดดิ้งแก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ผ่านการยกระดับห้องเรียนโค้ดดิ้ง ภายใต้แนวคิด ‘ทักษะโค้ดดิ้งเพื่อต่อยอดสู่การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน’ โดยการสนับสนุนหลักสูตรพิเศษจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 20 หลักสูตร และอุปกรณ์ดิจิทัลประกอบการเรียนการสอน ซึ่งดำเนินการใน 1,500 โรงเรียนทั่วประเทศ

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังมีการดำเนินกิจกรรม Coding Bootcamp & Coding Roadshow และ Coding War ใน 8 ภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น กรุงเทพมหานคร อุบลราชธานี พิษณุโลก เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และสงขลา โดยมีครูและนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการรวมกว่า 3,200 คนร่วมกิจกรรม Coding Bootcamp เพื่อเรียนรู้ทักษะโค้ดดิ้งเข้มข้น ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจากผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของประเทศ และสร้างสรรค์ผลงานด้านโค้ดดิ้ง พร้อมกันนี้ยังมีพ่อแม่ ผู้ปกครอง และประชาชนที่สนใจร่วมกิจกรรม Coding Roadshow ที่จัดควบคู่กับ Coding Bootcamp ทั้งในรูปแบบ On-site และ Online รวมกว่า 1.16 แสนคน ขณะที่กิจกรรม Coding War มีครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษาร่วมกิจกรรมกว่า 5,000 คน หรือ 1,250 ทีมจากทั่วประเทศ จากนั้นคัดเหลือ 100 ทีมเข้าสู่กิจกรรมพัฒนาศักยภาพด้านโค้ดดิ้งเข้มข้น ก่อนร่วมแข่งขันในรายการ Coding War รอบชิงชนะเลิศ โดยมีเพียง 10 สุดยอดทีมในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาได้รับทุนการศึกษาและอุปกรณ์ดิจิทัล รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทเป็นรางวัล และเกิดผลงานโค้ดดิ้งที่ได้รับการสร้างสรรค์โดยครู นักเรียนจากทั่วประเทศผ่านโครงการ Coding for Better Life กว่า 900 ผลงาน



ทั้งนี้ โครงการ Coding for Better Life ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัด โดย บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสนับสนุนโครงการต่อเนื่อง ตั้งแต่การมอบ Micro:bit ให้โรงเรียนภายใต้กิจกรรมอัปเกรดห้องเรียนโค้ดดิ้ง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และสนับสนุนกิจกรรม AI Roadshow สร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับ AI ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ให้กับเยาวชน ครู ผู้ปกครอง และบุคคลทั่วไปใน 8 จังหวัด อีกทั้งสนับสนุนเงินรางวัลและผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัดฟรีตลอด 1 ปี สำหรับทีมผู้ชนะในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา พร้อมรางวัลพิเศษ จำนวน 2 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 600,000 บาทในกิจกรรม Coding War บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนหลักสูตร HUAWEI CLOUD DEVELOPER บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สนับสนุนคูปองการเรียนรู้ผ่าน TRUE DIGITAL ACADEMY เอไอเอ ประเทศไทย สนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียนในโครงการ และ เทโร เพอร์ฟอร์แมนซ์ คอร์ส ที่มีเป้าประสงค์เดียวกันคือ การปลูกฝังความรู้ด้านโค้ดดิ้งแก่ประชาชนตั้งแต่ระดับเยาวชน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้เด็กไทยเติบโตไปเป็นกําลังคนดิจิทัลที่มีคุณภาพเป็นกําลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ


“กระทรวงดีอี และ ดีป้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการ Coding for Better Life จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับเยาวชนไทยสู่การเป็นกำลังคนและบุคลากรดิจิทัลของประเทศ และขอขอบคุณคุณครูที่ช่วยฟูมฟักน้อง ๆ เยาวชน ซึ่งถือเป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนไทยก้าวต่อไปท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงด้วยดิจิทัล” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

สำหรับรางวัลการแข่งขัน Coding War รอบชิงชนะเลิศ แบ่งเป็น 2 ระดับ ประกอบด้วย
ระดับประถมศึกษา และ ระดับมัธยมศึกษา  โดยผลการแข่งขัน มีรายละเอียด ดังนี้

ระดับประถมศึกษา

- รางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีม KP Robot โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา จ.ภูเก็ต

- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีมโรงเรียนเทศบาลคุ้มหนองคู
โรงเรียนเทศบาลคุ้มหนองคู จ.ขอนแก่น

- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2  ได้แก่ ทีม KT KRUB โรงเรียนขจรเกียรติถลาง จ.ภูเก็ต

- รางวัลชมเชย ได้แก่ ทีม Watmai Robotic โรงเรียนวัดใหม่เนินพยอม จ.ชลบุรี 

และ ทีม KT GEN IT โรงเรียนกวางตง จ.สุโขทัย

- Popular Vote ได้แก่  ทีม KT GEN IT โรงเรียนกวางตง  จ.สุโขทัย

- BEST IDEA ได้แก่ ทีม Jomkiri Novices (จอมคีรีโนวิคซ์) โรงเรียนเทศบาลวัดจอมคีรีนาคพรต จ.นครสวรรค์

ระดับมัธยมศึกษา

- รางวัลชนะเลิศ ได้แก่  ทีม โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระบรมราชูปถัมภ์ โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร

- รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม Sense Vision โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่

และ ทีม COOK3R โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย จ.นครพนม

- รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม หลานม่าบ๊อกซ์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร  , ทีม หม่ำ เท่ง โหน่ง โรงเรียนศรียานุสรณ์ จ.จันทบุรี    , ทีม E-Care โรงเรียนมารีย์วิทยา จ.นครราชสีมา  และ ทีม Catch Me by the ACR โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง จ.ระยอง

- รางวัลชมเชย ได้แก่  ทีม TNNJ โรงเรียนสตรีภูเก็ต จ.ภูเก็ต  และ ทีม ปลากระดี่แม่น้ำฮวงโห  โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก

- POPPULAR VOTE  ได้แก่ ทีม E-Care โรงเรียนมารีย์วิทยา จ.นครราชสีมา

- BEST IDEA  ได้แก่ ทีม Innotech โรงเรียนวัดป่าประดู่ จ.ระยอง

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.depa.or.thCodingforBetterLife.com 
และเฟซบุ๊กเพจ depa Thailand และ CodingThailand by depa depa Thailand
และ CodingThailand by depa

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2567

“สลินน์” จัดโปรพิเศษ ซื้อ 1 ซอง แถมฟรีอีก 1 ซอง ที่ 7-Eleven ทุกสาขาใกล้บ้าน

“สลินน์” อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่ใส่ใจดูแลรูปร่างให้สมส่วน และมีสุขภาพดี จากสารอาหารที่หลากหลาย มั่นใจ ปลอดภัย เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโรงงานผลิตอาหารที่ได้รับการรับมาตรฐานการผลิตที่ดี "GMP/GHPs/HACCP/ISO22000:2018 ด้วยเทคโนโลยีเครื่องจักรอันทันสมัย มีการควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานในทุกขั้นตอน 

“สลินน์” มีส่วนผสมที่สำคัญประกอบด้วย ได้แก่ 1. แอล-คาร์นิทีน ช่วยนำไขมันที่สะสมในร่างกายมาเผาผลาญให้เกิดเป็นพลังงาน เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้กระชับ 2. สารสกัดจากถั่วขาว มีสารฟาซิโอลามีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการย่อยแป้งเป็นน้ำตาลได้ถึง 66% ทำให้ไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย 3. สารสกัดจากกระบองเพชร ให้เส้นใยอาหารที่ดูดจับโมเลกุลของไขมันในกระเพาะอาหาร ทำให้ไม่สามารถดูดซึมเข้าผนังลำไส้เล็ก 4. สกัดจากเมล็ดกาแฟไม่คั่ว ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ และเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ ทำให้รูปร่างเพรียวกระชับ 5. สารสกัดจากผลส้มแขก มีสารไฮดรอกซี่ ซิตริก แอซิด จะออกฤทธิ์ยับยั้งน้ำตาลส่วนเกินไม่ให้ถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน เก็บเป็นพลังงานสำรองในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย 6. สารสกัดจากเคลป์ คือ สาหร่ายเคลป์ ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลในร่างกาย เพื่อสร้างเป็นพลังงาน 7. วิตามินบี 6 ทำงานร่วมกับ แอล-คาร์นิทีน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันให้ดียิ่งขึ้น 8. โครเมียม พิโคลิเนต ช่วยดึงไขมันที่สะสมตามเนื้อเยื่อต่างๆ มาเผาผลาญให้เกิดเป็นพลังงาน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และยับยั้งความอยากอาหาร

วิธีทาน “สลินน์” ให้ได้ผลดีด้วยวิธีง่ายๆ แค่รับประทานวันละ 1-2 เม็ด ก่อนอาหารมื้อหนัก 15 - 30 นาที ที่ทานเยอะ เช่น กลางวัน หรือเย็น ควบคู่กับการออกกำลังกายเพื่อให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้น

“สลินน์” ขนาดแบบซองบรรจุ 5 เม็ด (แถมฟรีอีก 2 เม็ดในซอง) จัดโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ 1 ซอง แถมฟรีอีก 1 ซอง เพียง 69 บาท จากปกติ 138 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 23 กันยายน 2567 หาซื้อได้ที่ร้าน 7-Eleven ทุกสาขาใกล้บ้าน

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bshine.co.th,
FB : https://www.facebook.com/BnpHealth และ Line : @Bshine

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2567

ตำรวจน้ำเชียงราย รุดอพยพประชาชน พร้อมลำเลียงเสบียงอาหาร ประทังชีพ

ตำรวจน้ำเชียงราย รุดอพยพประชาชน พร้อมลำเลียงเสบียงอาหาร ประทังชีพ ส่งเข้าพื้นที่ บ้านเกาะทราย อ.แม่สาย จว.เชียงราย หลังติดค้างในพื้นที่น้ำท่วมนาน 4 วัน 

วันที่ 13 ก.ย.67 เริ่มเวลา 08.00 เจ้าหน้าที่ เข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ในเขตพื้นที่ อ.แม่สาย จว.เชียงราย โดยมีภารกิจ ช่วยเหลือเด็กและครอบครัวประชาชน รวมถึงสัตว์เลี้ยง ที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่อันตราย สู่พื้นที่ปลอดภัย พร้อมลำเลียงเสบียงอาหารประทังชีพ สำหรับประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นทึ่ โดยอาศัยอยู่บริเวณชั้นสองของอาคารบ้านเรือน อีกทั้งพบชายชาวต่างชาติ ลักษณะคล้ายคนไร้บ้าน ภายในอาคารปิดร้าง จึงช่วยเหลือสู่พื้นทึ่ปลอดภัยก่อนสอบถามยืนยันตัวตนต่อไป




ภารกิจนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ 

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.

พล.ต.ต.ภูมินทร์  พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบช.ก.

พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.รน.,พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รอง ผบก.รน.

พ.ต.อ.อนรรฆ ประสงค์สุข ผกก.12 บก.รน.,พ.ต.ท.ตรีเพชร พิกุล รอง ผกก.12 บก.รน.

พ.ต.ท.วิเชียร ชัยมงคล ผกก.12 บก.รน.,พ.ต.ท.อุดมกฤษฏิ์ กัลยากรพงศ์ ต้นเรือ(สบ3 ) กรต.บก.รน.ช่วยราชการ กก.12 บก.รน. ที่สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ท.บดินทร์ ศรีอ่อน สว.ส.รน.1 ,ว่าที่ พ.ต.ท.เวทิศ ต๊ะแก้ว สว.ส.รน.3, ว่าที่ พ.ต.ต.รณชิต ใจเที่ยงแท้ สว.ส.รน.2 กก.12 บก.รน.

พร้อมชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วตำรวจน้ำ กก.12 บก.รน. จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการนำเรือท้องแบน พ.71
และ พ.72 พร้อมเครื่องยนต์ติดท้าย  เฮลิคอปเตอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1ลำ ลงพื้นที่ช่วยเหลือเร่งด่วน

GIT ดันผู้ประกอบการหน้าใหม่ขยายตลาดโกอินเตอร์ ในงานบางกอกเจมส์แอนด์จิวเวลรี่แฟร์ ครั้งที่ 70


12 กันยายน 2567 สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GITดันผู้ประกอบการรุ่นใหม่ขยายตลาดออกร้านในงานบางกอกเจมส์แอนด์จิวเวลรี่แฟร์ พร้อมจัด “Exhibition Smart Jeweler By GIT โชว์ศักยภาพนักออกแบบรุ่นใหม่สู่สากล ณ ห้อง 110C ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 


นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการ GIT เปิดเผยถึงที่มาของการจัด “Exhibition Smart Jeweler
By GIT ว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้มาจากดการที่สถาบันได้ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจเครื่องประดับ SME สู่ตลาดโลก หรือที่เรียกว่า Smart Jeweler by GIT ซึ่งได้ทำการคัดเลือกสรรหา SME
ที่มีศักยภาพเข้าสู่กระบวนการพัฒนาที่รอบด้าน ตั้งแต่ความสามารถของผู้ประกอบการ การใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับธุรกิจ การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนา SME ภายใต้แผนปฏิบัติการส่งเสริม SME ปี 2567 และผลักดันให้ผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องประดับ SME มีองค์ความรู้รอบด้านในการประกอบธุรกิจเครื่องประดับ รวมไปถึงช่องทางในการเข้าสู่ตลาดสากลมากขึ้น และได้คัดเลือกผู้ประกอบการ จำนวน 10 แบรนด์สุดท้าย จากทั้งหมด 40 แบรนด์  เข้าร่วมจำหน่ายสินค้าในงานบางกอกเจมส์แอนด์
จิวเวลรี่แฟร์ ครั้งที่ 70 ระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน 2567 และจัดแสดงผลงานการออกแบบและเครื่องประดับจากการเข้าร่วมโครงการ Smart Jeweler By GIT ผ่านกิจกรรม Exhibition Smart Jeweler By GIT ในวันนี้








การจัดกิจกรรม Exhibition Smart Jeweler By GIT ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจผ่านการออกแบบและการตลาดผ่านกิจกรรม Gems Vision 2025 โดยภายในงานงานมีการจัดสัมมนาบรรยายหัว
ข้อ Unveiling the Secrets Behind Iconic Jewelry Branding   โดย ดร.ฐิติพร สงวนปิยะพันธ์ ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านลักชัวรี่ แบรนด์ และ หัวข้อ A Strategic Guide for SMEs in the Gems and Jewelry Industry โดย ดร.เรืองลดา ปุณยลิขิต อาจารย์ประจำหลักสูตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการออกแบบคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร รวมไปถึงมีการจัด Mini Exhibition พร้อมทั้งมีการ Live Streaming โปรโมทสินค้าเครื่องประดับของผู้ประกอบการทั้ง 13 แบรนด์ที่มาจัดแสดงในครั้งนี้ โดย Influencer ชื่อดัง นางสาวแพรววณิชยฐ์ เรืองทอง และ นางสาวกิดาการ เอกอัครายุทธอย่างไรก็ดี สถาบันเชื่อว่าการจัดกิจกรรม Exhibition Smart Jeweler By GIT  และ Gems Vision 2025  ในครั้งนี้จะสามารถเชื่อมโยงให้ผู้ประกอบธุรกิจเครื่องประดับ SME รวมถึงผู้ที่สนใจที่อยากจะเข้ามาสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมองเห็นถึงโอกาส และมีแนวทางในการพัฒนาศักยภาพตนเอง และสามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็งต่อไปในอนาคต





สนใจสอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายบริการวิชาการและพัฒนาผู้ประกอบการ
โทร 02 634 4999 ต่อ 301-306 หรือ LineOA: @gittrainingcenter

ข่าวประชาสัมพันธ์

ททท.เชียงราย เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างความเชื่อมั่นเชียงรายเที่ยวได้

และเชิญชวนเที่ยวงาน “แอ่วเหนือม่วนใจ๋ ไป เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชั้น G วันที่ ๒๐-๒๒ กันยายน ๒๕...

โวยวายดอทคอม