วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สิงห์ เอสเตท มอบเอกสิทธิ์เฉพาะลูกบ้าน ชวนสัมผัสประสบการณ์กอล์ฟระดับมาสเตอร์

ผ่านโปรแกรม “INDULGE IN UNMATCHED SIGNATURE GOLF EXPERIENCE”  ในแคมเปญ 'S Life'

กรุงเทพฯ (11 ตุลาคม 2567) – บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET: S) ย้ำ 10 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มลักชูรี มอบเอกสิทธิ์พิเศษให้ลูกบ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์อย่างมีระดับ ล่าสุดร่วมมือกับพันธมิตรในเครืออย่าง บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SET: SHR) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารโรงแรมและการลงทุนชั้นนำระดับโลก เปิดตัวโปรแกรม "INDULGE IN UNMATCHED SIGNATURE GOLF EXPERIENCE" ภายใต้แคมเปญ "S Life" มอบประสบการณ์เอ็กซ์คลูซีฟระดับลักชูรี สำหรับลูกบ้านกอล์ฟเลิฟเวอร์ เริ่มจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ - 23 ธันวาคม 2567

โปรแกรม "INDULGE IN UNMATCHED SIGNATURE GOLF EXPERIENCE เชิญชวนลูกบ้านสิงห์ เอสเตท สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษผ่านโปรแกรมมาตรฐานระดับมืออาชีพที่คัดสรรมาอย่างดี ร่วมเปิดวงสวิงที่ "สนามกอล์ฟ สันติบุรี สมุย คันทรี คลับ" สนามกอล์ฟ 18 หลุมระดับมาสเตอร์ ที่ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดังระดับโลก ท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติและทะเลอันงดงาม นอกจากนี้ลูกบ้านยังได้ดื่มด่ำกับการพักผ่อนที่ “สันติบุรี เกาะสมุย” รีสอร์ทลักชูรีระดับ 5 ดาว ด้วยห้องพักสไตล์ไทยร่วมสมัยที่อบอุ่น และการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจกับกับทรีตเมนต์สปาเต็มรูปแบบหลังออกรอบ พร้อมสัมผัสรสชาติอาหารท้องถิ่นและนานาชาติที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน   

แพ็กเกจเอ็กซ์คลูซีฟ เอกสิทธิ์เฉพาะลูกบ้าน "สิงห์ เอสเตท" (สำหรับการจองห้องพักตั้งแต่ 3 คืนขึ้นไป) 

 บริการรถกอล์ฟส่วนตัวพร้อมแคดดี้มืออาชีพ ที่พร้อมให้คำแนะนำตลอดการเล่น

 บริการทำความสะอาดรองเท้าและอุปกรณ์กอล์ฟทุกวัน

 บริการรถรับส่ง (ไป-กลับ) ระหว่างสนามกอล์ฟ และรีสอร์ต 

 บริการรถรับส่ง (ไป-กลับ) สนามบินนานาชาติสมุย

 ส่วนลด 25% อาหาร-เครื่องดื่ม และสปาทรีตเมนต์ผ่อนคลาย

แคมเปญ "S Life" นี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของ สิงห์ เอสเตท ที่มุ่งเน้นการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านลักชูรี ให้ความสำคัญในทุกรายละเอียด เพื่อมอบคุณค่าของการอยู่อาศัยที่แตกต่างอย่างมีระดับ ผ่านโปรแกรม "INDULGE IN UNMATCHED SIGNATURE GOLF EXPERIENCE" เอกสิทธิ์การใช้ชีวิตสุดเอ็กซ์คลูซีฟของลูกบ้านอย่างแท้จริง เริ่มจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ - 23 ธันวาคม 2567 และเข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2567 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Contact Center 1221 หรือ Line @SinghaEstate https://lin.ee/P9UPXRG และ Application “S Life” ข้อมูลเพิ่มเติม https://bit.ly/3T7w6uY

Miss Grand International 2024 “Spirit of Thailand

“บอสณวัฒน์” จัดต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ เก็บตัวท่องเที่ยวเมืองพัทยา และไม่พลาดพาไปหา “น้องหมูเด้ง”


ณวัฒน์ จัดให้! เสกทุกอย่างได้ในข้ามคืน หลังหอบ Miss Grand International 2024(มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2024) กลับเมืองไทย พาลุยทุกกิจกรรมสำคัญ ล่าสุดทุ่มงบจัดงาน Welcome ceremony & Press Conference Miss Grand International 2024 “Spirit of Thailand  อย่างเป็นทางการ  ณ โซน EM GLASS ชั้น G ศูนย์การค้า EMSPHERE (เอ็มสเฟียร์) เปิดโอกาสให้แฟนนางงาม สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติร่วมชมความงดงามของผู้เข้าประกวดทั้ง 71 ประเทศ นำทีมโดย คุณเทเรซ่า ชัยวิสุทธิ์ รองประธาน มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล , ลูเซียน่า ฟัสเตอร์ มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2023 , อิงฟ้า วราหะ รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2022 บิวตี้ วรัญชนา ระดมเล็ก รองผู้จัดการกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ รวมถึง PD หรือ ผู้อำนวยการกองประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ ประจำจังหวัด มาพร้อมผู้เข้าประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2025 และอีกมากมาย



เปิดเวทีด้วยการแสดงโชว์ศิลปวัฒนธรรมไทย งดงามอ่อนช้อย ก่อนจะพบกับแฟชั่นโชว์ผู้เข้าประกวดในชุดราตรีหลากสีสัน ท่ามกลางเสียงกรี๊ดต้อนรับของแฟนนางงามล้นหลามทั้งในฮอลล์ และทั่วโลกที่กำลังรับชมผ่านทาง  Youtube : Grand TV  จากนั้นผู้เข้าประกวด กลับออกมาอีกครั้งเพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

สำหรับกิจกรรมเก็บตัว Miss Grand International 2024  ยังมีต่อที่ พัทยา จ.ชลบุรี โดยจะเดินทางไปในวันที่ 11-16 ตุลาคม เตรียมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย ไม่ว่าจะเป็นล่องเรือสำราญ การประกวดชุดว่ายน้ำ รอบคัดเลือก สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ รวมถึงการได้ไปเยี่ยมฮิปโปเซเลปของไทยอย่าง “น้องหมูเด้ง” ที่สวนสัตว์เขาเขียว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นางงามเรียกร้องมากที่สุด  



โดย บอสณวัฒน์ เปิดใจ “ยอมรับครับว่ารู้สึกสบายใจที่ได้พาผู้เข้าประกวดทั้ง 71 ประเทศ กลับมาจัดการประกวดที่ประเทศไทย หลายคนถามว่าทำไมจัดได้เร็ว อยากจะบอกว่าเราชักช้าไม่ได้ครับ เวลาไม่รอใคร เราต้องเร็ว และทันเวลาเท่านั้น นางงามมาถึงเรามีกิจกรรมทุกอย่างรอไว้แล้ว ต้องของคุณผู้สนับสนุน ทีมงานทุกคนที่ระดมให้ทุกอย่างเกิดขึ้น ผมดีใจที่เห็นนางงามมีความสุขกับทุกกิจกรรม อย่างงานวันนี้เราจองสถานที่เร็วมาก แถมนางงามไม่มีชุดราตรีมาเลย เพราะกระเป๋าสัมภาระกำลังเดินทางมาจากกัมพูชา รวมถึงมงกุฏด้วย ผมกับทีมงานก็ระดมกันประสานดีไซเนอร์ไทย เพื่อจัดชุดให้ผู้เข้าประกวดสวมใส่ในแฟชั่นโชว์วันนี้ ฝีมือดีไซเนอร์ไทยล้วนๆ สวยมากจริงๆ สำหรับกิจกรรมการเก็บตัวที่พัทยา เราเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกกิจกรรมสไตล์แกรนด์เน้นจอยๆ สวยตะโกน และต้องสนุก การประกวดในรอบต่างๆ เวที แสง สี เสียง เต็มที่ยิ่งกว่าเดิม เพลงสนุกให้ทุกคนลุกมาจอยร่วมกับนางงามได้ ห้ามพลาดเลยนะครับ”

สำหรับการประกวดรอบสำคัญต่างๆ

20 ตุลาคม 2567 การประกวดรอบชุดประจำชาติ  (National Costume Competition)

22 ตุลาคม 2567 การประกวดรอบพรีลิมินารีโชว์ (Preliminary Competition)

25 ตุลาคม 2567 การประกวดรอบตัดสิน (Grand Final) 

ติดตามกิจกรรม Miss Grand  ได้จากทุกช่องทาง YouTube Chanel : Grand TV
Facebook : Miss Grand International , Miss Grand Thailand

Instagram : missgrandinternational , missgrandthailand และ TikTok

#MissGrandInternational #MissGrandInternational2024 

#MissGrandThailand #MissGrandThailand2024 

#WeAreGRANDthe1andOnly

Infinix เปิดตัว E-Color Shift 2.0 ปฏิวัติการปรับแต่งฝาหลังสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI


อินฟินิกซ์ (Infinix) แบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลกที่คุ้มค่า ครบครันทุกการใช้งาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เปิดตัวเทคโนโลยี E-Color Shift 2.0 สร้างสีสันให้กับการปรับแต่งฝาหลังสมาร์ทโฟนด้วยพลัง AI ครั้งแรกของโลก เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งฝาหลังสมาร์ทโฟนได้ด้วยสีสันและไอคอนต่าง ๆ  นวัตกรรมนี้ตอบโจทย์ความต้องการในการแสดงออกได้อย่างอิสระ ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนที่มีความเป็นตัวเองได้ไม่ซ้ำใครและเปลี่ยนแปลงได้ตามสไตล์ที่ต้องการ

เทคโนโลยี Color-shifting หรือการเปลี่ยนสีที่ฝาหลังของสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยเทคโนโลยีนี้แบ่งได้เป็นสองประเภท คือแบบไม่ใช้ไฟฟ้า (non-electrically driven) และแบบใช้ไฟฟ้า(electrically driven) อินฟินิกซ์เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมทั้งสองรูปแบบ ตั้งแต่การพัฒนาคอนเซ็ปต์ไปจนถึงการวิจัยขั้นสูง โดยมีจุดเริ่มต้นในปีพ.ศ. 2564 อินฟินิกซ์เปิดตัวคอนเซ็ปต์โฟนที่มาพร้อมฝาหลังที่เปลี่ยนสีได้สองสีครั้งแรกในตลาดสมาร์ทโฟน ด้วยการใช้เทคโนโลยี Electrochromic และ Electroluminescent ต่อมาในปี พ.ศ. 2565 อินฟินิกซ์ได้พัฒนาเทคโนโลยี Light-Painting Leather ไปสู่เทคโนโลยี Photochromic ล่าสุดในปีนี้กับการเปิดตัวเทคโนโลยี E-Color Shift 2.0 ที่มีการอัปเกรดจากเวอร์ชันแรกในส่วนสำคัญ เช่น จำนวนพื้นที่ในการเปลี่ยนสี การอัปเกรดฮาร์ดแวร์ Prism3S ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้น การผสาน AI กับฮาร์ดแวร์สุดล้ำเพื่อยกระดับการใช้งานที่ผสานเข้ากับศิลปะที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

นายเวยจี เน่ย (Weiji Nie) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์บริษัท อินฟินิกซ์ “นวัตกรรมล่าสุดของอินฟินิกซ์ตอบสนองความต้องการในการปรับแต่งสีสันและการแสดงออกถึงตัวตนที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ทั่วโลก โดยทั่วไปแล้วการปรับแต่งสมาร์ทโฟนมักจำกัดอยู่ที่วอลเปเปอร์หน้าจอเและมาพร้อมกับฝาหลังที่ออกแบบไว้แล้ว โดยเทคโนโลยี E-Color Shift 2.0 ได้ทลายข้อจำกัดนี้ด้วยฝาหลังที่เปลี่ยนสีได้ ด้วยเทคโนโลยี AI ในการปรับสีและลวดลายฝาหลังตามภาพที่ผู้ใช้งานเลือกและสะท้อนออกมาบนพื้นที่ฝาหลังที่ปรับแต่งได้กว่า 46 จุด การผสานระหว่างเทคโนโลยีกับศิลปะนี้จะช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่และทำให้อินฟินิกซ์เป็นสมาร์ทโฟนแห่งอนาคตที่มีความโดดเด่นอย่างแท้จริง”

E-Color Shift 2.0 ปฏิวัติการปรับแต่งฝาหลังสมาร์ทโฟน
E-Color Shift 2.0 ของอินฟินิกซ์จะช่วยยกระดับการปรับแต่งสมาร์ทโฟนไปอีกขั้น ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนฝาหลังโทรศัพท์ตามที่ต้องการด้วยตัวเลือกที่ไม่จำกัด โดยเทคโนโลยี E-Color Shift 2.0 ขับเคลื่อนโดยไดอะแฟรม Prism3S ซึ่งทำงานร่วมกับ AI เพื่อมอบประสบการณ์การปรับแต่งที่เหนือระดับ ให้ผู้ใช้งานสามารถปรับสีสันอย่างอิสระได้กว่า 46 จุดบนฝาหลัง ผสานสีสันและลวดลายที่แปลกใหม่ นอกจากนี้อัลกอริทึม AI ยังช่วยวิเคราะห์ภาพที่ผู้ใช้งานเลือกและปรับแต่งสีฝาหลังให้สอดคล้องกับภาพที่เลือกได้อย่างอัตโนมัติ หนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญ คือการเปลี่ยนจากการใช้แหล่งพลังงานภายนอกเป็นการใช้แบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน ทำให้ฝาหลังสามารถส่องสว่างได้ตลอดเวลา ยกระดับเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และฝาหลังได้พัฒนาไปจากรูปแบบสองมิติเป็นสามมิติ ทำให้สามารถใช้งานบนสมาร์ทโฟนรุ่นต่าง ๆ ได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังนำไดอะแฟรม Prism3S มาช่วยปรับปรุงคุณภาพของการแสดงผลทำให้การเปลี่ยนสีชัดเจนและสวยงามยิ่งขึ้น

คุณสมบัติใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นิยามใหม่ของสมาร์ทโฟน E-Color Shift 2.0 ก้าวข้ามการปรับแต่งรูปแบบเดิม โดยการผสานเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ด้วยคุณสมบัติอย่าง AI Color Matching ที่จะวิเคราะห์สีที่โดดเด่นในภาพถ่ายของผู้ใช้และแปลงเป็นเฉดสีที่สะท้อนบนฝาหลัง ะ AI Emotion Matching ยกระดับการปรับแต่งขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการวิเคราะห์สีหน้าของตัวละครในภาพพAI Weather Response ตรวจจับสภาพอากาศในภาพและแปลงเป็นสีสันที่สะท้อนถึงบรรยากาศนั้น แลอร์ตเทรต และจะระบุอารมณ์ที่พร้อมปรับเปลี่ยนเป็นสีและลวดลายให้สอดคล้องกับอารมณ์บนภาพ

อินฟินิกซ์ได้เปิดตัวเทคโนโลยี AI-Powered E-Color Shift 2.0 เพื่อยกระดับประสบการณ์ในการปรับแต่งสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งาน นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ขยายขีดจำกัดทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังเป็นการผสานงานศิลปะเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างลงตัว อินฟินิกซ์ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยและนำสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของคนรุ่นใหม่

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/InfinixMobileThailand/

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ทีเส็บ เดินหน้าโชว์ศักยภาพภาคตะวันออกจัดกิจกรรมแฟมทริป

สัมผัสเส้นทางในพื้นที่อีอีซี

7 ตุลาคม 2567: ทีเส็บ โชว์ศักยภาพภาคตะวันออก จัดกิจกรรมแฟมทริป นำคณะผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไมซ์ และสื่อมวลชน สัมผัสเส้นทางในพื้นที่อีอีซี ตะลุยจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง มุ่งสร้างการรับรู้สินค้าและบริการด้านไมซ์ในภูมิภาคตะวันออก เพื่อรองรับการจัดงานไมซ์ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ

นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ  กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์ภาคตะวันออก อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุน มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอัตราการเพิ่มขึ้นของนักเดินทางท่องเที่ยว นักธุรกิจ และนักลงทุน โดยการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ภาคตะวันออกจะนำไปสู่การกระจายความเจริญและรายได้สู่ชุมชนในภูมิภาค อีกทั้งยังตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์ไมซ์ 20 ปี รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศด้วย



“ทีเส็บ ดำเนินการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2566
มีงานไมซ์เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งงานไมซ์ในประเทศและงานไมซ์นานาชาติจำนวน 2,261
งาน สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ภาคตะวันออกกว่า 10,979 ล้านบาท” 


นายภูริพันธ์ กล่าวต่อว่า การเดินหน้าโชว์ศักยภาพภาคตะวันออกของทีเส็บในปีนี้ ได้จัดกิจกรรมแฟมทริป นำคณะผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบ การไมซ์ และสื่อมวลชน ร่วมสัมผัสเส้นทางในพื้นที่อีอีซี ระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคม 2567 ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เพื่อสร้างการรับรู้สินค้าและบริการด้านไมซ์ในภูมิภาคตะวันออก ถึงความพร้อมในการรองรับการจัดงานไมซ์ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ




กิจกรรมแฟมทริปในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “FAM TRIP: One More Step of a Prosperous EEC ก้าวไปอีกขั้น...มุ่งสู่ความสำเร็จ” โดยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไมซ์ และสื่อมวลชนกว่า 30 ราย จะได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านความหลากหลายของอัตลักษณ์เชิงพื้นที่และสัมผัสกับประสบการณ์ตรงที่มีคุณค่าทั้งในด้านความพร้อมเชิงโครงสร้างของภาคตะวันออก ความพร้อมของการจัดงานไมซ์ รวมถึงการสัมผัสกับสินค้าและการใช้บริการไมซ์ในพื้นที่ดังกล่าว อาทิ การเยี่ยมชม “ตั้ง เซ่ง จั้ว แสนภูดาษ” ร้านขนมเปี๊ยะของฝากในรูปแบบสถาปัตยกรรมโมเดิร์นไชนีส ซึ่งออกแบบโดยอาจารย์ชาตรี ลดาลลิตสกุล ศิลปินแห่งชาติ พร้อมการเรียนรู้และเข้าใจวิธีการทำขนมเปี๊ยะ การเยี่ยมชม “EEC Automation Park” มหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมศึกษาดูงานสายการผลิต (Model Line of Smart Factory) ระบบจัดเก็บอัตโนมัติ (Automated Storage/Retrieval System) และโรงประลองต้นแบบวิศวกรรม (Fabrication Laboratory)







อีกทั้ง ยังได้เข้าร่วมงาน “Mini EEC Fair 2024” ซึ่งถือเป็นงานสำคัญในการนำเสนอข้อมูลและโอกาสทางธุรกิจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีไฮไลท์สำคัญภายในงาน ประกอบด้วย ปาฐกถาพิเศษ "EEC Opportunities: Investment Solution Towards Sustainable Locals" โดย ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาฯ อีอีซี การเสวนา "บทบาทภาคการเงินในการสนับสนุนการลงทุนใน อีอีซี" โดยผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินชั้นนำ การนำเสนอสิทธิประโยชน์และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมถึงการจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching)


นอกจากนี้ ยังเข้าเยี่ยมชม “ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง–พัทยา” (U-TAPAO Rayong PattayaInternational Airport) เพื่อเยี่ยมชมศักยภาพในการรองรับผู้ใช้บริการในปัจจุบันและอนาคต การร่วมกิจกรรม “ชุมชนบ้านทะเลน้อย” สัมผัสวิถีชีวิตการปลูกผักกระชับ ซึ่งเป็นผักพื้นถิ่นบ้านทะเลน้อย การทำอาหารกับเชฟชุมชน เมนูยำผักกระชับการเยี่ยมชมวังจันทร์ วัลเลย์ “สวนป่าวังจันทร์” พร้อมศึกษาดูงาน ณ อาคารบ้านต้นไม้ ที่ตั้งของนิทรรศการปลูกป่า โดยได้รวบรวมองค์ความรู้จากประสบการณ์การดำเนินโครงการปลูกป่า 1 ล้านไร่ ทั่วประเทศของ ปตท. ไว้อย่างครบถ้วน




ปิดท้ายด้วยการเยี่ยมชม “เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of  Innovation: EECi)” เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ระดับแนวหน้าของไทย ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการขยายขนาดงานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมฐานชีวภาพ อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ระบบอัจฉริยะ เป็นต้น

Mini EEC Fair 2024 เปิดงานยิ่งใหญ่

ดึงทุนสู่ EEC พร้อมผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการค้าการลงทุนระดับโลก

8 ตุลาคม 2567 - สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือ สกพอ. จัดงาน Mini EEC Fair 2024 ระหว่างวันที่ 8-9 ตุลาคม ชูแนวคิด "EEC Opportunities: Investment Solutions Towards Sustainable Locals" ตั้งเป้าดึงเม็ดเงินลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์แห่งอนาคตเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ณ โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา จังหวัดชลบุรี มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2,500 คนจากทั้งในและต่างประเทศ

ดร. จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวในพิธีเปิดงานว่า "Mini EEC Fair 2024 เป็นเวทีสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของพื้นที่ EEC ในการรองรับการลงทุน ทั้งความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน นโยบายสนับสนุน และการให้สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ที่จูงใจ มั่นใจว่างานนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนครั้งใหม่ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด
พื้นที่ EEC ถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักลงทุน ปัจจุบันการดึงการลงทุนจึงต้องวางแผนและรับเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เพราะการลงทุนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยฟื้นและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ซึ่งพื้นที่ EEC มีความพร้อมทั้งเรื่องของสิทธิประโยชน์ในรูปแบบใหม่ ข้อกฎหมาย โครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิติกส์ สาธารณูปโภค และสภาพแวดล้อม ที่จะสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศได้”
ด้านนายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวว่า "งาน Mini EEC Fair 2024 เป็นการใช้การจัดงานหรือไมซ์ ช่วยขับเคลื่อนศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการลงทุน การจัดประชุมและนิทรรศการในภูมิภาค พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลไกไมซ์ในการเชื่อมโยงนักลงทุนและผู้ประกอบการ มั่นใจว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของการใช้อุตสาหกรรมไมซ์ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆ ในพื้นที่ EEC ทั้งใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายเดิมและ 5 อุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอุตสาหกรรมสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของประเทศ การผลักดันอุตสาหกรรมเหล่านี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน"






กิจกรรมสำคัญของงานวันนี้เริ่มต้นด้วยปาฐกถาพิเศษโดย ดร. จุฬา สุขมานพ ในหัวข้อ "EEC Opportunities: Investment Solutions Towards Sustainable Locals" นำเสนอวิสัยทัศน์และทิศทางการพัฒนาของ EEC ในอนาคต ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาวและความยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่น ต่อด้วยการเสวนาเรื่อง "บทบาทภาคการเงินในการสนับสนุนการลงทุนใน EEC" โดยผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งได้นำเสนอมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับโอกาสทางการเงินสำหรับนักลงทุนในพื้นที่ EEC ในช่วงบ่าย มีการนำเสนอหัวข้อ "5 Clusters Business Opportunities: Status/Eco System/New Trend" ครอบคลุมโอกาสทางธุรกิจใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล BCG การแพทย์ และอุตสาหกรรมบริการ โดยผู้อำนวยการจากสำนักต่าง ๆ ของ สกพอ. การนำเสนอนี้ได้เผยให้เห็นถึงสถานะปัจจุบัน ระบบนิเวศ และแนวโน้มใหม่ของแต่ละอุตสาหกรรม




นอกจากนี้ ยังมีการสัมมนาเกี่ยวกับปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ EEC ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น EECi, การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, และการใช้งาน 5G ในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบ EEC OSS: การบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของนักลงทุน การสัมมนาภายใต้หัวข้อ "Trends for Enhancing Country's Competitiveness" เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย การบรรยายเรื่อง "Increase High Business Potential for Future Competitiveness" จาก TMA Center for Competitiveness และการเสวนาหัวข้อ "Support for Start-up in EEC" โดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินชั้นนำ บริษัท Fintech ที่ประสบความสำเร็จ และกองทุนที่ลงทุนในนวัตกรรม การสัมมนานี้นำเสนอแนวทางการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและการสนับสนุน Start-up ในพื้นที่ EEC ครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งด้านการเงิน เทคโนโลยี และการลงทุน เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและเพิ่มพูนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือกิจกรรม "Thailand EEC Wellness MICE Destination" ซึ่งมีการจัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ "Shaping the Future of Wellness Investment in EEC" โดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการ การสัมมนานี้นำเสนอวิสัยทัศน์และโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและสุขภาวะ พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ EEC ในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการจัดงานไมซ์ระดับโลก


นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอแนวคิด "EEC Medical & Wellness Hub for the Future" ซึ่งมุ่งสร้างศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพในพื้นที่ EEC ให้ก้าวสู่ระดับโลก โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข การส่งเสริมนวัตกรรมทางการแพทย์ และการยกระดับคุณภาพการบริการด้านสุขภาพ เพื่อรองรับทั้งผู้ป่วยในประเทศและนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จากทั่วโลก พร้อมมีการนำเสนอผลงานนวัตกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในภาคตะวันออก และการเสวนาเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการเติบโตของ EEC

งาน Mini EEC Fair 2024 จะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานในวันสุดท้าย สามารถลงทะเบียนได้ที่หน้างาน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) โทร. 02-694-6000 และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โทร. 02-033-8000

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เอกณัฐ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เยี่ยมชมกิจการของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล

อุตสาหกรรมฮาลาลประเทศไทยกับพัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลฮาลาล

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2567 นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำทีมงานเข้าเยี่ยมชมกิจการของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) โดยมี  รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน
ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้การต้อนรับ ผอ.ศวฮ.ระบุว่ากลุ่มประเทศมุสลิมสนใจพัฒนาการด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลของประเทศไทยมา
โดยตลอด ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ผอ.ศวฮ.ได้รับเชิญให้นำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ฮาลาล เพื่อพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ฮาลาลเชิงอุตสาหกรรมแก่หลายประเทศมุสลิม ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์, บาห์เรน, โอมาน, ยูเออี, คูเวต, จอร์แดน, อิรัก, คาซักสถาน และมาเลเซีย อีกทั้งยังมีงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฮาลาลเพื่ออนาคตร่วมกับทีมนักวิจัยจากหลายประเทศ

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ศวฮ.พัฒนางานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีฮาลาลเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม ฮาลาลมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การจัดตั้ง ศวฮ.ตามมติคณะรัฐมนตรีในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2546  ศวฮ.พัฒนาระบบการมาตรฐานฮาลาล โดยประยุกต์ใช้นวัตกรรมในหลายขั้นตอนผ่านกระบวนการมาตรฐานฮาลาลที่ชื่อว่า HAL-Q มีการใช้นวัตกรรม, H numbers, น้ำยาดินชำระล้าง, งานทางนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล วางระบบในโรงงานอุตสาหกรรม 1,112 โรงงาน ครอบคลุมคนงาน 158,823 คน ตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ไปกว่า 188,731 ตัวอย่าง นำไปสู่พัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างบิ๊กดาต้า การพัฒนาระบบ   “ฮาลาลบล็อกเชน” เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคในกระบวนการทวนสอบย้อนกลับ (Traceability)   ผ่านแอปพลิเคชันในรูป Thailand Diamond Halal Blockchain เป็นไปตามมติคณะรัฐมตรีวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2558 และ 10 กันยายน พ.ศ.2562 ตามการนำเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

เพื่อให้อุตสาหกรรมฮาลาลประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ศวฮ.พัฒนาแพลตฟอร์ม “THAIs” หรือ Thailand Halal Trustworthy A.I. เพื่อสร้างความไว้วางใจต่อผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฮาลาลของประเทศไทย โดยประยุกต์ใช้เอไอสองแนวทาง โดย “เอไอที่หนึ่ง” คือ Actual Implementation ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานด้วยมือและสมองของมนุษย์ เป็นต้นว่า การวางระบบ   HAL-Q, งานห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์ฮาลาล, การใช้นวัตกรรม, การตัดสินทางศาสนา (ฟัตวา) “เอไอที่สอง” คือ Artificial Intelligence โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่  (Big Data) แพลตฟอร์ม THAIs จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคผู้บริโภคและภาคธุรกิจ เกิดความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ฮาลาลของประเทศไทย เป้าหมายเพื่อลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มความสามารถด้านการแข่งขัน นี่คือภาพความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมฮาลาลประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแท้จริงตามแนวทางที่ ศวฮ.นำเสนอต่อกระทรวงอุตสาหกรรม

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567

นิทรรศการ งานรำลึกศาสตรเมธี การแสดงความกตัญญูกตเวที ผ่านรูปแบบ Art Exhibition “ชูเพชร”


เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567  เวลา 10.00-17.00 น. ที่ผ่านมา มีการจัดงานนิทรรศการ รำลึกศาสตรเมธี การแสดงความกตัญญูกตเวที ผ่านรูปแบบ Art Exhibition “ชูเพชร”  แสดงผลงานและประวัติ ครูปัญญา เพ็ชรชู ได้สำเร็จสมบูรณ์ สานฝันครูปัญญา เพ็ชรชู ที่วันหนึ่งอยากมีพื้นที่กว้างๆ จิบกาแฟ และชมภาพศิลปะไปด้วยกัน โดยมี คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร เป็นประธานเปิดงาน At Whispering Garden Café Sampran Nakhonprathom  สามพราน จังหวัดนครปฐม






งานรำลึกศาสตรเมธี การแสดงความกตัญญูกตเวที เริ่มขึ้นในช่วงเช้าเวลา 10.00-11.00 เป็นการสนทนากัลยาณมิตร กับพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ ที่เมตตาให้ข้อธรรม และ ทำไมต้องมีครู ในความหมายของการสร้างคน เพื่อสร้างสังคม ที่เป็นที่อยู่ของผู้ทำประโยชน์ ภาคบ่าย เริ่ม เวลา 13.30-15.00 เขียนทราย ประวัติผลงาน ครูปัญญา เพ็ชรชู โดย อาจารย์ก้องเกียรติ กองจันดี ศิลปินเล่าประวัติ ครูปัญญา เพ็ชรชู ผ่านการเขียนทราย ผู้เล่าเรื่องจากเม็ดทรายได้อย่างประณีตและมหัศจรรย์  สลับกับการเล่าเรื่องครูผ่านลูกศิษย์ลูกหามากมาย ที่มาพร้อมกัน เพื่อเล่าเรื่องครูในความทรงจำ ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงเพราะครู


ตัวอย่างเช่น ศิลปินเขียนภาพเหมือน ลาภ อำไพรัตน์ ถึงขนาดกล่าวว่า ถ้าไม่ครูปัญญา จะไม่มีวันมี ลาภ อำไพรัตน์ ณ วันนี้ ปัจจุบัน ครูผู้เป็นผู้ให้โอกาสและสร้างศิลปินอย่างแทัจริง  ปัจจุบัน ลาภ อำไพรัตน์ ตำแหน่งนายช่างศิลปกรรมชำนาญงาน สังกัดกลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร




ต่อมามีการแสดงดนตรีชุด “ชูเพชร” ครูปัญญา เพ็ชรชู โดย วงจีวันแบนด์ ศิลปินดินป่า จีวัน เล่าถึงครูปัญญา ผ่านบทเพลง ที่รังสรรค์ แด่ครูปัญญา เพ็ชรชู 4เพลงคือ ครูผู้เสียสละ ปฐมบท ครูปัญญาเพ็ชรชู ภูมิใจในความเป็นครู ครูผู้เปลี่ยนแปลงชีวิตศิษย์ เป็นการสรุปเรื่องราว ความคิด ชีวิตของครู ได้อย่างชัดเจนสั้นกระชับ และเต็มไปด้วยความหมายผ่านตัวโน๊ต ท่วงทำนอง และเนื้อหาของเพลง ที่แต่งโดย ดินป่า จีวัน ศิลปินจิตรกร นักแต่งเพลงบทเพลงธรรม และในช่วง เวลา 16.00 อาจารย์วัชระ ประยูรคำ ผู้ปั้นรูปครูปัญญา เพ็ชรชู กล่าวถึงความเป็นมา “เพาะช่างเน้นหนัก ความเป็นครู ผู้สร้าง ศิษย์ ให้เป็นช่าง ผู้สร้างชาติ ครูปัญญา เพ็ชรชู คือประจักษ์พยานที่แท้จริง ของการเป็นครูที่แท้ “ครูของครู” ครูผู้สร้างคนให้รับใช้สังคม และช่วยเหลือผู้อื่น” 




คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร เล่าให้ฟังถึงคุณแม่ที่เป็นครู และความหมายของครูผู้สร้างคน ซึ่งมีค่ากว่าการสร้างวัตถุงานจบลงด้วยดีและสมบูรณ์แบบ ของความเข้าใจจิตวิญญาณของครู ดั่งตัวอย่างครูต้นแบบ  ที่ควรเป็นแบบอย่างของครูในทศวรรษนี้ และในอนาคต การสร้างมนุษย์ ให้เป็นผู้รักษาโลก รักษาความดี ความงาม ความเสียสละ ที่จำเป็นอย่างยิ่งในยามนี้ ยามที่สังคม กำลังขาดแคลน 

ศิลปะสอนมากกว่าที่มองเห็นความงาม 

ศิลปะคือความงามแห่งการดำเนินชีวิต”

-ปัญญา เพ็ชรชู  ครูเพาะช่าง

“วันนี้ได้แรงบันดาลใจ ในการเป็นครูมากๆครับ ขอบคุณครับ ” จากคำพูดของครูคนหนึ่งหลังจากชมงาน งานนิทรรศการ ชูเพชร ครูปัญญา เพ็ชรชู จะดำเนินการแสดง ตั้งแต่วันที่ 5-27 ตุลาคม 2567 โดนผู้สนใจสามารถติดต่อที่ whispering garden cafe ขอเข้าชมผลงาน และประวัติครู ได้ตลอดทั้งเดือน ในทุกอาทิตย์ ของวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อโทร. 0626289549 หรือที่ Whispering garden cafe สวนสามพราน นครปฐม

ข่าวประชาสัมพันธ์

สิงห์ เอสเตท มอบเอกสิทธิ์เฉพาะลูกบ้าน ชวนสัมผัสประสบการณ์กอล์ฟระดับมาสเตอร์

ผ่านโปรแกรม “INDULGE IN UNMATCHED SIGNATURE GOLF EXPERIENCE”  ในแคมเปญ 'S Life' กรุงเทพฯ (11 ตุลาคม 2567) – บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกั...

โวยวายดอทคอม