วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ททท.ชวนแพ็คกระเป๋าออกตามหาความสุข กับแคมเปญ “We miss the rain”


1 กรกฎาคม 2563, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับพันธมิตรท่องเที่ยว เปิดตัวแคมเปญ “We miss the rain” 60 เส้นทางความสุขหน้าฝน @ เมืองไทย เดอะ ซีรีส์ Hello Rainy ต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าฝน ชวนคนไทยแพ็คกระเป๋าออกเดินทางตามหาความสุขที่มากับสายฝน พร้อมจัดโปรโมชั่น ที่พัก บัตรโดยสาร แพ็กเกจทัวร์ รถเช่า สปา กิจกรรม ในราคาสุดพิเศษให้คนรักฝนออกเดินทางเที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง  



นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “กรีนซีซั่นหน้าฝนปีนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษที่ทุกคนรอคอย หลังจากต้อง stay home, work from home กันมานาน ททท. จัดแคมเปญพิเศษ “We miss the rain” ชวนเที่ยวหน้าฝนกับ 60 สถานที่เที่ยวหน้าฝนที่ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นที่ที่คิดถึงและอยากไปที่สุดในหน้าฝนนี้ 

ตัวอย่างเช่น 1. บ้านป่าบงเปียง จ.เชียงใหม่ 2.นาขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ จ.น่าน 3.นาข้าวขั้นบันได บ้านผาหมอน จ.เชียงใหม่ 4.ไร่ชาลุงเดช จ.เชียงใหม่ และ 5.ไร่ชา 2000 จ.เชียงใหม่ ฯลฯ  ททท. ร่วมกับพันธมิตรมอบข้อเสนอพิเศษให้คนไทยเที่ยวให้ฉ่ำใจตลอดหน้าฝนนี้ 







อาทิเช่น

สายการบินไทยสมายล์ มอบโปรโมชั่นบัตรโดยสารราคาพิเศษ “Rainy Me & My Gang”  เริ่มต้นเพียง 1,250 บาทต่อเที่ยวบิน สำหรับเส้นทาง เชียงใหม่  สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และนราธิวาส สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ลุ้นรับ Voucher ที่พักจากโรงแรมในเครือ Blu Monkey Phuket กว่า 60 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 150,000 บาท พร้อมบินอุ่นใจ ด้วยมาตรฐานด้านสุขอนามัยขั้นสูง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร สำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันที่ 1– 15 กรกฎาคม 2563 เท่านั้น เดินทาง 16 กรกฎาคม 2563 – 15 กันยายน 2563 นี้

สายการบินนกแอร์ มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้โดยสาร 60 ท่านแรก ที่ซื้อบัตรโดยสาร Go Solo Go Far เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ จะได้รับ Gift Voucher ที่พักจาก Baan Phuen hostel & Rooftop เชียงใหม่ ฟรีทันที ! สายการบินนกแอร์มีมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสากลทุกเที่ยวบิน 

แอร์เอเชีย มอบโปรโมชั่น “เที่ยวเหนือฉ่ำใจ เที่ยวใต้สุดชิล” สำรองที่นั่งพร้อมกันได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป พร้อมเดินทางปลอดภัยไปกับแอร์เอเชียได้แล้วในทุกเส้นทางบินภายในประเทศ
Trip.com จัดกิจกรรม Flash Sale “Family Fun Fin” ลดราคาที่พักจัดหนักสำหรับกลุ่มครอบครัวสูงสุดถึง 75% เพียง 3 วันเท่านั้น สามารถซื้อดีลสุดพิเศษได้ตั้งแต่วันที่ 1-3 กรกฎาคม นี้



และดีลพิเศษสำหรับคนรักฝนมากมายอาทิเช่น

Trip.com มอบส่วนลดโรงแรมสูงสุดถึง 50% และ ส่วนลดตั๋วเครื่องบินในประเทศราคาสุดประหยัด 

สายการบิน VietJet  เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ราคาพิเศษเพียง 1,225 บาท เริ่มจองได้ตั้งแต่วันนี้ - 25 กรกฎาคม 2563 เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 สิงหาคม 2563 

Grab มอบส่วนลดการเดินทาง 60% สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ Just Grab และ Grab Car เพียงใส่โค้ด TATRAINY

ASAP มอบส่วนลดรถเช่า 30% เพียงใส่โค้ด 60WHP

BUDGET เช่ารถในราคาพิเศษ เริ่มต้น 800 บาท เพียงใส่โค้ด TATBUD20

OASIS SPA มอบสิทธิพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวซื้อ SPA Package ผ่านโครงการฯ ในราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียง 2,548 บาท จากราคาปกติ 5,900 บาท 

เมืองไทยประกันภัย มอบส่วนลดพิเศษเบี้ยประกันภัย 15% สำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัย และเมื่อครบ 400 บาท ขึ้นไปรับ Gift card จาก Tesco Lotus มูลค่า 100 บาท

Cigna ประกันภัย มอบสิทธิพิเศษ ประกันอุบัติเหตุ ค่ารักษา 5,000 บาท/อุบัติเหตุ นาน 3 เดือน ฟรี! เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแคมเปญ We miss the rain 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวสรุป “สำหรับนักเดินทางทุกคนที่ซื้อดีลท่องเที่ยวและจองซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านทาง เว็บไซต์กิจกรรม https://www.hellorainy.60เส้นทางความสุข.com จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลตั๋วเครื่องบิน, บัตรกำนัลโรงแรม, แพ็กเกจท่องเที่ยว ของพรีเมียมอื่นๆ กว่า 100 รางวัล มูลค่ารวม 1 ล้านบาท กำหนดจับฉลากในวันที่ 30 กันยายน 2563 นักท่องเที่ยวสามารถติดตามกิจกรรมต่างๆ ในโครงการจากเพจ 60 เส้นทางความสุขนะครับ”  

ติดตามเรื่องราวของ 60 เส้นทางความสุข @ เมืองไทย เดอะ ซีรีส์  
Website:  https://www.hellorainy.60เส้นทางความสุข.com
Facebook:  www.facebook.com/60happinessroute/

หนังสั้น "รอด" นำแสดงโดย อ.ยักษ์ ชี้ทางรอดให้ทุกคนพ้นวิกฤต

 

เมื่อความหิวโหยเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นซอมบี้ 
 เขาจะเอาตัวรอดจากวิกฤตนี้ได้อย่างไร?
 เมื่อความร่ำรวยที่ยึดมั่นมาตลอดนั้นไม่ใช่คำตอบ 
 แล้วอะไรล่ะที่เป็นทาง "รอด"

เชิญชม "รอด" หนังสั้นที่จะพาเราไปพบทางออก 
นำแสดงโดย อ.ยักษ์ ตัวจริง เสียงจริง ที่จะมาชี้ทางรอดให้ทุกคน


#พลังคนสร้างสรรค์โลกรวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน #ajourneyinspiredbytheking 
#HumanEnergy 
#ศาสตร์พระราชา 
#เชฟรอนตามรอยพ่อ 
#แตกตัวทั่วไทยสานพลังสามัคคี

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เปิดเต็มรูปแบบ ใบหยกบุฟเฟต์! ราคาสุดพิเศษเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ

“ใบหยก บุฟเฟต์” โรงแรมใบหยกสกาย เปิดเต็มรูปแบบอีกครั้ง วิถีแบบ New Normal หลังจากปิดไปในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา พบโปรโมชั่นและอาหารสุด
พรีเมี่ยมยอดนิยมของคนไทย บุฟเฟ่ต์ทะเล ทั้งต้ม ทั้งย่างแบบจัดเต็ม และที่ชอบมากๆ เลย คือ กุ้งถัง ซอสหอมหวาน และเข้มข้น กินจนหนำใจก็สามารถเปลี่ยนเป็นเมนูกุ้งเผาปิ้งย่างได้ด้วย ไลน์-บาร์อาหารไม่ต้องตักเอง มีเจ้าหน้าที่คอยเสริฟ แค่แจ้ง หมายเลขโต๊ะ แถมยังมีอาหารญี่ปุ่นอีกเพียบในราคาเริ่มต้นเพียง 790 บาทเน็ท/ท่าน ......พร้อมชมวิวฟรี! ทุกท่าน ตั้งแต่วันนี้ ห้อง Bangkok Sky ชั้น 76, 78 โดยโปรบุฟเฟต์พรีเมี่ยม และพรีเมี่ยม พบทุกเมนูเด็ดยอดนิยมมารวมไว้ให้คุณได้อิ่มอร่อยแบบบุฟเฟต์ เช่น บุฟเฟต์กุ้งเผา บุฟเฟต์ซีฟู้ดนึ่ง บุฟเฟต์ซีฟู้ดถัง บุฟเฟต์หอยนางรมสดและยำ บุฟเฟต์ซูชิ-ซาชิมิ บุฟเฟต์เทมปุระ บุฟเฟต์ร้อยยำตำทะเล และพลาดไม่ได้กับ บุฟเฟต์ Cutting ยอดนิยม ทั้งสันคอหมูอบ, สันนอกหมูย่าง และไก่ย่างหนังกรอบ พร้อมรับฟรี! เมนู พรีเมี่ยม ท่านละ 1 จาน : กุ้งแม่น้ำย่างมันเยิ้ม + หอยนางรมย่าง, สเต๊กแซลมอนนอร์เวย์, สเต๊กเนื้อสันในออสเตรเลีย หรือสเต๊กขาแกะออสเตรเลีย ในราคาเพียง 790 บาทเน็ท/ท่าน เมื่อจองและชำระเงินล่วงหน้า (รับประทานได้ 2 ชั่วโมง) ของเยอะมากและแบบสดๆ มาทั้งทีก็กินกับแบบคุ้มสุดๆ ไปเลย


สำหรับห้อง Bangkok Balcony ชั้น 81 เมนูบุฟเฟต์ พร้อมโปรบุฟเฟต์พรีเมี่ยมหลากหลายในรูปแบบบุฟเฟต์ทั้งหมด เช่น บุฟเฟต์กุ้งแม่น้ำย่างมันเยิ้ม บุฟเฟต์ซีฟู้ด บุฟเฟต์หอยนางรม บุฟเฟต์ซูชิซาชิมิ บุฟเฟต์เทมปุระ บุฟเฟต์ร้อยยำตำทะเล บุฟเฟต์สเต๊กพรีเมี่ยมนำเข้า ทั้ง สเต็กเนื้อสันในออสเตรเลีย, สเต็กซี่โครงแกะออสเตรเลีย และสเต๊ก แซลมอนนอร์เวย์

พลาดไม่ได้กับ บุฟเฟต์ Cutting ยอดนิยม ทั้งเนื้อสันนอกออสเตรเลีย และขาแฮมอบน้ำผึ้งในราคาเพียง 890 บาทเน็ท/ท่าน เมื่อจองและชำระเงินล่วงหน้า (รับประทานได้ 2 ชั่วโมง) ทั้ง 2 ห้องอาหารเปิดให้บริการทุกวัน

(รอบละ 2 ชั่วโมง) เวลา 17.00 - 19.00 น.
และ 19.00 - 21.00 น. เสาร์-อาทิตย์

เพิ่มรอบเวลา 11.30-13.30 น.
ฟรี! เครื่องดื่ม soft drink
ฟรี! ชานมไข่มุก
ฟรี! ชากาแฟ
ฟรี! สเปรย์แอลกอฮอลล์พกพา food grade
ฟรี! ชมวิว บนชั้น 77 และดาดฟ้าพื้นหมุน ชั้น 84 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดที่นั่งแบบ Social Distancing ทำให้ที่นั่งจำนวนจำกัด โดยการสำรองที่นั่งล่วงหน้า












สำหรับห้อง Bangkok Balcony ชั้น 81 เมนูบุฟเฟต์ พร้อมโปรบุฟเฟต์พรีเมี่ยมหลากหลายในรูปแบบบุฟเฟต์ทั้งหมด เช่น บุฟเฟต์กุ้งแม่น้ำย่างมันเยิ้ม บุฟเฟต์ซีฟู้ด บุฟเฟต์หอยนางรม บุฟเฟต์ซูชิซาชิมิ บุฟเฟต์เทมปุระ บุฟเฟต์ร้อยยำตำทะเล บุฟเฟต์สเต๊กพรีเมี่ยมนำเข้า ทั้ง สเต็กเนื้อสันในออสเตรเลีย, สเต็กซี่โครงแกะออสเตรเลีย และสเต๊ก แซลมอนนอร์เวย์

พลาดไม่ได้กับ บุฟเฟต์ Cutting ยอดนิยม ทั้งเนื้อสันนอกออสเตรเลีย และขาแฮมอบน้ำผึ้งในราคาเพียง 890 บาทเน็ท/ท่าน เมื่อจองและชำระเงินล่วงหน้า (รับประทานได้ 2 ชั่วโมง) ทั้ง 2 ห้องอาหารเปิดให้บริการทุกวัน

(รอบละ 2 ชั่วโมง) เวลา 17.00 - 19.00 น.
และ 19.00 - 21.00 น. เสาร์-อาทิตย์

เพิ่มรอบเวลา 11.30-13.30 น.
ฟรี! เครื่องดื่ม soft drink
ฟรี! ชานมไข่มุก
ฟรี! ชากาแฟ
ฟรี! สเปรย์แอลกอฮอลล์พกพา food grade
ฟรี! ชมวิว บนชั้น 77 และดาดฟ้าพื้นหมุน ชั้น 84 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดที่นั่งแบบ Social Distancing ทำให้ที่นั่งจำนวนจำกัด โดยการสำรองที่นั่งล่วงหน้า


Bangkok Sky ชั้น 78 ท่านละ 790 บาท
Bangkok Balcony (indoor) ชั้น 81 ท่าน

ละ 890 บาท

สำรองที่นั่ง
โทร. 0-2656-3939
Line @Baiyokeskyhotel
Facebook : inbox



วีระศักดิ์ หนุน SACICT ชู Crafts Destination ท่องเที่ยวชุมชนหัตกรรมหลังโควิด-19 คลี่คลาย


รมช.พาณิชย์ สั่งการ SACICT เยียวยาชุมชนหัตถกรรม เตรียมดันแผนฟื้นฟูท่องเที่ยว 38 ชุมชนหัตถกรรมทั่วประเทศหลังโควิด-19 คลี่คลาย ชูจุดขายท่องเที่ยวแบ่งปันแบบยั่งยืนผ่านการสร้างประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้หัตถศิลป์ เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทยในการเป็น Crafts Destination จุดหมายปลายทางงานคราฟต์อย่างยั่งยืน
 
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลายเดือนที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของไทยอย่างต่อเนื่อง น่าดีใจที่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หลายกิจกรรมและหลายกิจการได้รับมาตรการผ่อนปรน รวมทั้งด้านการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบการท่องเที่ยวแบบ New Normal ที่เน้นการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้านสาธารณสุขและการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างต่อเนื่อง 

จึงได้สั่งการให้ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT เร่งผลักดันการเป็น “Crafts Destination” เพื่อการท่องเที่ยวโดยมีจุดหมายปลายทางด้านงานคราฟต์อย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้ชุมชนหัตถกรรมทั่วประเทศ รองรับการท่องเที่ยวแบบวิถีใหม่ New Normal โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 



ซึ่งที่ผ่านมามองว่าถูกจำกัดด้วย พรก.ฉุกเฉินและมาตรการการหยุดอยู่บ้าน ทำให้เมื่อมีการผ่อนปรนกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้พร้อมออกเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง แต่จุดหมายปลายทางยังคงต้องเป็นการท่องเที่ยวในประเทศ และเลือกท่องเที่ยวในสถานที่ซึ่งมีความคุ้นเคยทั้งด้านวัฒนธรรมและอาหาร จึงสั่งการให้ SACICT ชูจุดขายการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านการเรียนรู้หัตถกรรมใน 38 ชุมชนทั่วประเทศ อาทิ ชุมชนหัตถกรรมหนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ , ชุมชนหัตถกรรมบ้านดอนยายเหม จ.สุพรรณบุรี และชุมชนหัตถกรรมบ้านหัวฝาย จ.ขอนแก่น เป็นต้น 

รวมถึงสร้างความพิเศษของการแสดงน้ำใจแบ่งปันช่วยเหลือคนไทยด้วยกันในยามเกิดวิกฤติ ซึ่งการท่องเที่ยวแบบ Crafts Destination จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเลื่อมล้ำทางสังคมและ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวบนพื้นฐานของการรักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 

โดยชาวบ้านและชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจัดการความยั่งยืนในชุมชน เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทยอย่างมีความสุข

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2563

พบนวัตกรรมล่าสุดของ ARROW กับ หน้ากากอนามัยจากผ้า “ViralOff”

ช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (H3N2)
ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ออนไลน์ ปี 63 ระหว่างวันที่ 2-5 ก.ค. 63 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลกระทบทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมไปทั่วโลก
ด้วยวิถีชีวิตใหม่ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็น
“NEW NORMAL” หรือ ความปกติในรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม
ทำให้ทุกคนต้องหันมาดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น ผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกาย
ARROW ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมต่อสู้กับ
วิกฤตที่เกิดขึ้นในทุกช่วงสถานการณ์ เพื่อการดูแลสุขภาพของตัวเองและคนรอบข้างด้วยความห่วงใย เพื่อทุกย่างก้าวของการ
ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท

 
ผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกาย ARROW จึงได้จัดทำ หน้ากากอนามัยจากผ้า “ViralOff” เพื่อสุขอนามัยจากนวัตกรรม
เนื้อผ้ายับยั้งไวรัส ที่พัฒนามาพร้อมความอินเทรนด์ ช่วยยับยั้งการสะสมของ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (H3N2) ได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 2 ชั่วโมง พร้อมคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นอับชื้น ด้วยเนื้อผ้าแห้งไว ระบายอากาศได้ดี จากส่วนผสมเส้นใย 55% COTTON 45% POLYESTER ตามมาตรฐาน CoolMode มีสาร Silver Chloride ที่เคลือบบนผ้า ViralOff ผ่านมาตรฐาน OEKO-TEX Standard Class I
ที่ตรวจสอบแล้วว่า สามารถใช้ได้กับ เด็กอ่อน 0-36 เดือน (Baby New Born) อีกทั้งหลังผ่านการซัก 20 ครั้ง ประสิทธิภาพ
จะยังคงอยู่

สำหรับทุกท่านที่สนใจ หน้ากากอนามัยจากผ้า “ViralOff” ช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (H3N2) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก ARROW จำหน่ายราคาชิ้นละ 299 บาท สามารถเป็นเจ้าของได้ใน งานสหกรุ๊ปแฟร์ ออนไลน์ ปี 63”
ระหว่างวันที่ 2-5 ก.ค. 63
หรือคลิกแล้วคุ้มที่ : www.sahagroupfair.com


โครงการ “ตามรอยพ่อฯ” ปี 8 เดินหน้าจัดกิจกรรมอบรมและเอามื้อสามัคคี 3 จว.

ยึดแนวทาง “สู้ทุกวิกฤต รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา”

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” เดินหน้าสู่ปีที่ 8 จัดกิจกรรมอบรม
และเอามื้อสามัคคีที่จังหวัดลพบุรี ชัยภูมิ และฉะเชิงเทรา ภายใต้แนวคิด “สู้ทุกวิกฤต รอดพอดีด้วยศาสตร์พระราชา” เพื่อสร้างความรู้ความตระหนักแก่ประชาชนในการเตรียมความพร้อมรับมือกับน้ำท่วม น้ำแล้ง และสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมนำเสนอตัวอย่างความสำเร็จของคนมีใจที่ใช้ศาสตร์พระราชาเป็นแนวทางปฏิบัติทำให้รอดในทุกวิกฤต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นต่อ ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางมาตรการความปลอดภัยในการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับภาวะปกติใหม่ (New Normal) 
 
โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” (ตามรอยพ่อฯ) เกิดจากความร่วมมือของบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน ภาคศาสนา และสื่อมวลชน เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และน้อมนำศาสตร์พระราชาด้านการบริหารจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคน มาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เกิดความตระหนัก และนำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ในปีนี้
ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ



ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก และที่ปรึกษามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า “จากการที่โครงการตามรอยพ่อฯ ได้ขับเคลื่อนมาจนเข้าสู่ปีที่ 8 ซึ่งเป็นระยะที่ 3 ของแผนหลัก 9 ปี (แบ่งเป็น 3 ระยะ ๆ ละ 3 ปี) ของโครงการ ซึ่งระยะแรก คือ การตอกเสาเข็ม สร้างการรับรู้ ระยะที่ 2 การแตกตัว เป็นการขยายผล สร้างคน สร้างครู สร้างเครื่องมือเพื่อยกระดับเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ระยะที่ 3 การขยายผลเชื่อมโยงทั้งระบบ ซึ่งเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม สามารถยกระดับสู่การแข่งขันได้ ต่อยอดการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานให้เกิดความยั่งยืนขึ้น ด้วยการเดินตามบันได 9 ขั้น ไปสู่ความพอเพียงตามแนวทางศาสตร์พระราชา และการวางรากฐานการพัฒนามนุษย์ เพราะหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนและพัฒนา คือ คน  โครงการจึงพยายามสร้างคน จากคนมีใจ สู่เครือข่าย และแม่ทัพผู้พาทำ เพื่อร่วมกันสืบสานศาสตร์พระราชาต่อไป 

จากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เห็นผลเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ศาสตร์พระราชา คือ องค์ความรู้ในการจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคน ทำให้คนสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีพื้นฐานปัจจัย 4 ครบ ทั้งอาหาร
เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ทำให้คนพอมี พอกิน พออยู่ พอใช้ และยังสามารถแบ่งปัน สร้างรายได้ เป็นการสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไร ก็สามารถอยู่รอดได้และยังช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย 
 
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานข้อความเตือนสติคนไทยผ่าน ส.ค.ส. ปี พ.ศ. 2547 ที่ว่า ’สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย’ พร้อมทรงวาดภาพระเบิด 4 ลูกล้อมรอบประเทศไทยอยู่ ซึ่งถึงวันนี้ประจวบเหมาะพอดีกับสถานการณ์ปัจจุบัน ระเบิด 4 ลูก หมายถึงวิกฤต 4 ด้านที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่ คือ วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โรคระบาด ภัยแล้ง หมอกควัน วิกฤตด้านเศรษฐกิจ วิกฤตด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม และวิกฤตด้านการเมือง ซึ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือเสาหลักที่จะกู้วิกฤตทั้ง 4 ด้านนี้ได้ โดยต้องปรับแนวคิดการดำเนินชีวิตใหม่ จะเห็นได้ว่าทรงคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ทรงเตือนคนไทยล่วงหน้าหลายปีเพื่อให้เตรียมพร้อมระวังภัย และได้พระราชทานศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้คนไทยปฏิบัติเพื่อพึ่งพาตัวเองได้และใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเพื่อเป็นทางรอดจากทุกวิกฤตดังกล่าว” 
 
ด้าน นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ปี 8 ว่า “ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันลดการแพร่ระบาดด้วยการรักษาระยะห่าง โครงการตามรอยพ่อฯ จึงได้ปรับแผนการดำเนินกิจกรรมโดยเน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลักมากว่า 4 เดือน (มี.ค.-มิ.ย.63) เพื่อให้กำลังใจและความรู้แก่ประชาชนในการนำศาสตร์พระราชามาใช้รับมือวิกฤตในครั้งนี้ ขณะนี้จากมาตรการเข้มข้นของภาครัฐกอปรกับความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องชาวไทย ทำให้เราสามารถรับมือกับวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนได้รับเสียงชื่นชมจากหลายประเทศ ภาครัฐจึงมีมาตรการผ่อนปรนเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตในแบบ New Normal หรือ วิถีชีวิตแบบปกติใหม่ที่ยังคงเน้นการดูแลตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 โครงการตามรอยพ่อฯ จึงได้กำหนดแผนการดำเนินกิจกรรมออนกราวด์ขึ้นอีกครั้ง ทั้งกิจกรรมฝึกอบรมและกิจกรรมเอามื้อสามัคคี หรือ การลงแขกอย่างโบราณนั่นเอง เพื่อน้อมนำศาสตร์พระราชาด้านการบริหารจัดการ ดิน น้ำป่า และพัฒนาคน มาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ เกิดความตระหนัก และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมกิจกรรมแล้วกว่า 20,000 คน” 


วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2563

จัดกิจกรรมการแข่งขันประกวดแผนดิจทัล มาร์เก็ตติ้งในระดับอุดมศึกษา



กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษาฯและสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) พร้อม 8 บริษัทอุตสาหกรรมชั้นนำ ร่วมจัดงานแถลงข่าวประกาศผลการประกวดแผนการตลาดดิจิทัลระดับประเทศ รอบชิงชนะเลิศ ในโครงการ “U Power: Digital Idea Challenge ครั้งที่ 4th

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ร่วมมือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (MHESI) และ และสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ร่วมจัดงานแถลงข่าวประกาศผล การประกวดแผนการตลาดที่เน้นการประยุกต์ใช้ Digital Technology ระดับประเทศ รอบชิงชนะเลิศ ในโครงการ “U Power: Digital Idea Challenge ครั้งที่ 4 ” โครงการที่เปิดโอกาสให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาในระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศได้มีประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน พร้อมรู้จักการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในภาคการศึกษา ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการแสดงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์การใช้สื่อดิจิทัลอย่างไร้ขีดจำกัดในแผนการตลาด  พร้อมนำมาทดลองปฏิบัติจริงตามแผนจนถึงผลสำเร็จ จาก 8 โจทย์อุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศที่เข้าร่วมสนับสนุน อาทิ  SOLA Himalaya Wacoal และ Colly ซึ่งนับเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจจาก นิสิต นักศึกษาที่สมัครเข้าร่วมแข่งขันมากกว่า 821 ทีม จาก 59  มหาวิทยาลัยทั่วประเทศในปีนี้ และนับเป็นความร่วมมือที่สำคัญของภาครัฐและเอกชนในการผลักดันให้เกิดการพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ เรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเข้าสู่แผนพัฒนาเศรษฐกิจในยุค Digital Economy   

ในวันที่ 26 มิถุนายน 2563 เวลา 11.00 -12.30น. ณ ห้อง Jubilee A-B ชั้น 11
โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ

วิริยะประกันภัย ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษา บุตร-ธิดา สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ


​นายถิรพุทธิ์ เปรมาประยูรวงศา นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ รับมอบทุนสนับสนุนโครงการสวัสดิการทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดา สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ประจำปี 2563 จำนวน 50,000 บาท จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์  รองผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนมอบ ทั้งนี้สมาคมฯ ได้ดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นประจำทุกปี เพื่อจัดหาทุนเป็นสวัสดิการและแบ่งเบาภาระให้แก่สมาชิกของสมาคมฯ โดยพิธีมอบจัดขึ้น ณ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ตึกช้าง ถนน พหลโยธิน แขวง จันทรเกษม เขตจตุจักร

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563

สวธ. จัดประกวดคลิป "มารยาทไทย แก้ไขปัญหาจราจร" ชิงทุนกว่า 6 แสนบาท


กรุงเทพ : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.)  กระทรวงวัฒนธรรม  จัดการประกวดทำคลิปเผยแพร่ “มารยาทไทย แก้ไขปัญหาจราจร”   ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย” ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 600,000 บาท เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไปให้ความสำคัญกับมารยาทไทยและวินัยจราจร  เปิดโอกาสให้ได้มีการใช้พื้นที่การแสดงออกทางความรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์บนโลกโซเชียลมีเดียให้เกิดประโยชน์และส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และเพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงการใช้มารยาทไทยแก้ไขปัญหาจราจร

นางสาวอัจฉราพร  พงษ์ฉวี รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า “โครงการจัดการประกวดทำคลิปเผยแพร่ “มารยาทไทย แก้ไขปัญหาจราจร”   ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย” เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐหลายภาคส่วน เพื่อที่จะให้การสร้างวินัยการจราจรเป็นวาระแห่งชาติ  ความเร่งรีบต่างๆ ทำให้คนทะเลาะเบาะแว้งกัน การขาดน้ำใจไมตรีบนท้องถนน บางส่วนไม่เคารพกฎจราจร โดยเฉพาะการใช้สื่อโซเซียลเผยแพร่ความไม่เหมาะสมต่าง ๆ 


จากปัญหาที่เกิดขึ้นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพยายามบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ความร่วมมือปลุกจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนน นำความเป็นไทย สร้างวินัยจราจรให้สังคมเร่งจัดทำแนวทางกิจกรรมการรณรงค์ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สร้างวินัยจราจรในระดับชาติ ประชาสัมพันธ์สร้าง ความรู้ความเข้าใจ ให้ประชาชนตระหนักและเห็นคุณค่าในการใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย มีจิตสำนึก รับผิดชอบ มีน้ำใจ และเอื้ออาทรให้แก่กันบนท้องถนน มีมารยาทที่ดีในการขับขี่ยานพาหนะ กระตุ้นจิตสำนึก โดยใช้มารยาทไทยควบคู่กับวินัยจราจร มีน้ำใจไมตรี และการไหว้ขอบคุณและขอโทษ 

ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมเคยรณณรงค์ในเรื่องนี้มาแล้ว การรณรงค์เรื่องวินัยจราจรให้เป็นรูปธรรม ต้องอาศัยเวลาแต่ถ้าทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสำเร็จผลอย่างยั่งยืน โดยโครงการจัดการประกวดทำคลิปเผยแพร่ “มารยาทไทย แก้ไขปัญหาจราจร”   ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย” นั้น จะมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมผ่านสื่อและช่องทางต่าง ๆ อยากให้น้องๆที่สนใจร่วมส่งผลงานมาประกวดกันมาก ๆ เพราะนอกจากจะได้รับทุนการศึกษาแล้ว ยังได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในการช่วยเหลือให้สังคมไทยมีมารยาทและวินัยจราจรอีกด้วย” รองอธิบดีฯ กล่าว




หลักเกณฑ์การประกวดคลิปเผยแพร่มารยาทไทยแก้ไขปัญหาจราจร  โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑) ระดับการประกวด
๓.๑ ระดับมัธยมศึกษา (ม.๑ – ม.๖) ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
๓.๒ ระดับอุดมศึกษา, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า
ทั้งนี้ ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจะสมัครเป็นรายบุคคลหรือเป็นทีม  สมาชิกในทีมไม่เกิน ๓ คน  ผู้ส่งผลงานจะส่งได้คนละหรือทีมละ ๑ ผลงาน  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการสมัคร

๒) วิธีดำเนินการ/รายละเอียด/หลักเกณฑ์
๒.๑ คลิปที่ส่งเข้าประกวด มีความยาว ๒ - ๓ นาที ภายใต้แนวคิดมารยาทไทยแก้ไขปัญหาจราจร ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย” 
๒.๒ คลิปที่ส่งเข้าประกวดเป็นคลิปที่ถ่ายทำจากกล้องดิจิทัล หรือ กล้องวีดิโอ หรือโทรศัพท์มือถือ รูปแบบไฟล์นามสกุล .mp4 ความละเอียดแบบ HD
๒.๓ คลิปที่ส่งเข้าประกวดเป็นคลิปที่ไม่เคยได้รับรางวัลใด ๆ มาก่อน
๒.๔ ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือว่าเป็นที่สิ้นสุด
๒.๕ คลิปที่ส่งเข้าประกวด ต้องไม่มีลักษณะลบหลู่ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และไม่ใช้ถ้อยคำที่เป็นการดูถูก ดูหมิ่น เสียดสี และก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม   
๒.๖ ผู้ประกวดต้องรับผิดชอบต่อลิขสิทธิ์ของข้อมูล ทั้งด้านเนื้อหา ภาพ เสียง คลิป ซอฟต์แวร์ หรืออื่นใดที่ใช้ในการผลิตผลงาน โดยต้องไม่ละเมิดกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ในกรณีที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ไม่มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
๒.๗ ในกรณีที่คณะกรรมการพบว่า ผู้เข้ารอบหรือผู้ที่ได้รางวัลไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ปกปิดข้อเท็จจริง มีการแอบอ้าง หรือ เลียนแบบผลงานจากผู้อื่น คณะกรรมการสามารถตัดสิทธิ์ผู้เข้ารอบหรือผู้ที่ได้รางวัล ออกได้ทันที  และผู้เข้ารอบหรือผู้ที่ได้รับรางวัล ไม่มีสิทธิ์เรียกค่าเสียหาย ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
๒.๘ ผลงานของผู้ประกวดทุกชิ้นที่ส่งเข้าประกวดหรือได้รับรางวัล ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม





๓) การรับสมัคร ส่งผลงาน และการประกวด
๓.๑ กำหนดการประกวด
๑) การเปิดรับสมัครและส่งผลงาน วันที่ ๒๓ มิถุนายน – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓
๒) ประกาศผู้ผ่านรอบคัดเลือก วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
๓) กำหนดส่งผลงานรอบชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ ๑๒ - ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓
๔) ประกาศผลรางวัลชนะเลิศ วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๓
๓.๒ การสมัคร  ผู้ประกวดต้องกรอกข้อมูลการสมัครให้ครบถ้วน โดยมิต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ได้ที่ www.twtvdo.com  หรือไปยังเว็ปไซด์ ด้วยการกดลิ้งก์บนโลโก้การประกวดคลิป “สัญจรดี วิถีไทย” การที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซด์ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
๓.๓ การส่งผลงาน  ผู้ประกวดสามารถส่งผลงานได้ที่ www.twtvdo.com
๓.๔ ผู้ประกวดที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก จะได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) จากเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้กำกับภาพยนตร์ และ Youtuber เพื่อให้ผู้ประกวดที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือก สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มทักษะความสามารถในการผลิตคลิป โดยมิเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
๓.๕ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงกำหนดการประกวดตามความเหมาะสม
๔) รอบการแข่งขัน
การประกวดทั้ง ๒ ระดับ แบ่งการประกวดเป็น ๒ รอบ คือ
๔.๑ รอบคัดเลือก เพื่อคัดเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ จำนวน ๑๖ ทีมหรือคน ประกอบด้วย
- ระดับมัธยมศึกษา (ม.๑ - ม.๖), ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า จำนวน ๘ ทีมหรือคน
- ระดับอุดมศึกษา, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า จำนวน ๘ ทีมหรือคน
๔.๒ รอบชิงชนะเลิศ มีจำนวน ๑๖ ทีมหรือคน (ระดับละ ๘ ทีม หรือคน)
๕) เกณฑ์การตัดสิน
๕.๑ เนื้อหาของคลิปวีดิโอ ภายใต้แนวคิดมารยาทไทยแก้ไขปัญหาจราจร ในหัวข้อ “สัญจรดี วิถีไทย”
๕.๒ ความคิดสร้างสรรค์  วิธีการนำเสนอและการดำเนินเรื่องที่แปลกใหม่ สามารถสร้างจิตสำนึกที่ดี กระตุ้นให้ผู้ชมที่เป็นประชาชนทั่วไป รวมถึงคนรุ่นใหม่ได้รับการปลูกฝังวัฒนธรรมไทย ได้ตระหนักถึงค่านิยมและพฤติกรรมที่เหมาะสม จรรโลงให้สังคมมีความเป็นระเบียบวินัย รู้จักถ้อยทีถ้อยอาศัย ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างปกติสุข  ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาจราจรให้บรรเทาเบาบางลง
๕.๓ การถ่ายทำ/การตัดต่อพื้นฐาน  มีความคมชัด การใช้มุมกล้อง การบันทึกภาพและเสียง มีความชัดเจน
๖) รางวัลของผู้ประกวด มีดังนี้
๖.๑ ระดับมัธยมศึกษา (ม.๑ - ม.๖), ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
รางวัลชนะเลิศ
รับเงินรางวัล  ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑
รับเงินรางวัล  ๕๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒
รับเงินรางวัล   ๓๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลชมเชย
รับเงินรางวัล   ๑๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๕ รางวัล พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร
๖.๒ ระดับอุดมศึกษา, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า
รางวัลชนะเลิศ
รับเงินรางวัล  ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑
รับเงินรางวัล  ๕๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒
รับเงินรางวัล   ๓๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑ รางวัล พร้อมถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร
รางวัลชมเชย
รับเงินรางวัล   ๑๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๕ รางวัล พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร
๖.๓ รางวัลผู้ผ่านรอบคัดเลือก
รับเงินรางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑๖ รางวัล 
- ระดับมัธยมศึกษา (ม.๑ - ม.๖), ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบเท่า
  จำนวน ๘ ทีมหรือคน
- ระดับอุดมศึกษา, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า
  จำนวน ๘ ทีมหรือคน
๗) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้สนใจสามารถสอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.twtvdo
facebook: twtvdo
Line: @ThaiwaysTraffic
Instagram: ThaiwaysTraffic
twitter: ThaiwaysTraffic
YouTube: สัญจรดี วิถีไทย

วิริยะประกันภัย พร้อมแล้ว!! เปิดรับสมัครอบรมใบขับขี่ รุ่นที่ 366

บมจ.วิริยะประกันภัย แจ้งข่าวดี!..หลังสถานการณ์การระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ดีขึ้น พร้อมเปิดรับสมัครนักขับขี่มือใหม่และประชาชนทั่วไปที่ยังไม่เคยมีใบอนุญาตขับรถยนต์ เข้าร่วมโครงการ "อบรมเสริมความรู้ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ รุ่นที่ 366” ประจำปี 2563 ซึ่ง บริษัทฯ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก จัดขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย รวมถึงอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ต้องการขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ โดยการอบรมจะจัดขึ้นในวันที่ 18-19 กรกฎาคม 2563 ณ กรมการขนส่งทางบก จตุจักร (เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 3 กรกฎาคม 2563)


ทั้งนี้ผู้เข้ารับการอบรมฯ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับการขับรถอย่างปลอดภัย มารยาทในการขับรถ วิชากฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยทางหลวงและกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและการให้ความช่วยเหลือและปฐมพยาบาล รวมถึงความสำคัญและประโยชน์ของการประกันภัย โดยภายหลังผ่านการอบรมจะมีสิทธิ์เข้ารับการสอบข้อเขียน E-exam และสอบปฏิบัติขับรถยนต์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและระเบียบเดียวกับการขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ในวันเวลาราชการ หากสอบผ่านจะได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ทันที

สำหรับผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการอบรมฯ จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์ และต้องไม่เคยมีใบอนุญาตขับรถมาก่อน โดยยื่นเอกสารประกอบการสมัคร ได้แก่ ใบสมัครเข้าร่วมโครงการ  สำเนาบัตรประชาชน และใบรับรองแพทย์  (อายุไม่เกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกเอกสารจนถึงวันอบรม)

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่
www.viriyah.co.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Fanpage วิริยะจิตอาสา V volunteer 
โทร. 02-129-7422, 02-129-7426

แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พร้อมรองรับการเดินทางของผู้โดยสารช่วงเปิดเทอม

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เตรียมพร้อมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และอำนวยความสะดวก รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเปิดเทอม ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น โดยให้เป็นไปตามมาตรการของกรมการขนส่งทางราง และกระทรวงคมนาคม

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ที่จะเป็นช่วงเปิดภาคเรียนของโรงเรียน และมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เพิ่มมากขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 34,000 คน/วัน เป็น 40,000 คน/วัน

ดังนั้นบริษัทจึงได้เตรียมพร้อมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และอำนวยความสะดวก รองรับการเดินทางของประชาชน เป็นไปตามมาตรการของกรมการขนส่งทางราง และกระทรวงคมนาคม โดยดำเนินการต่างๆดังนี้

- ขอให้ผู้โดยสารทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าใช้บริการ และขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing เว้นระยะห่าง 2 เมตรขณะรอซื้อตั๋วโดยสาร และตรวจวัดอุณหภูมิ รวมถึง ยืนในระยะห่างที่เหมาะสมขณะใช้ลิฟต์ และบันไดเลื่อน งดเว้นการพูดคุยภายในตู้โดยสาร
- หากในกรณีผู้โดยสารหนาแน่น จะดำเนินการจำกัดปริมาณผู้โดยสารที่จะขึ้นสู่ชั้นชานชาลาและภายในรถไฟฟ้า ( Group Release ) โดยกำหนดพื้นที่ในการยืนรอห่างกัน 1 เมตร
- เตรียมขบวนรถเสริม ในช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น วันจันทร์ – ศุกร์ จำนวน 24 เที่ยว/วัน เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นของผู้โดยสารได้ หรือหากมีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่นมากก็จะพิจารณาเพิ่มเติมขบวนรถเสริมอีก เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้บริการของผู้โดยสาร
ทั้งนี้ขอแนะนำน้องๆนักเรียน นักศึกษา เลือกใช้บัตรสมาร์ทพาสประเภทนักเรียน นักศึกษา (Student Card)ใน
การเดินทางแทนการซื้อเหรียญโดยสาร เพื่อความสะดวก และลดความเสี่ยงจากการสัมผัสที่ไม่จำเป็น โดยบัตรสมาร์ทพาสประเภทนักเรียน นักศึกษา จะมีส่วนลด 20% ในการเดินทาง รวมทั้งมีสิทธิพิเศษส่วนลดร้านค้า และบริการในระบบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มากมาย

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข Call Center 1690
หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2563

โปรส้มหยุด สุดปัง รร.ในเครือฟอร์จูนพร้อมเปิดบริการกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ

 จัดหนักจัดเต็ม ต้อนรับการกลับมา 



ซื้อห้องที่ 1 ในราคาปกติ รับสิทธิ์ซื้อห้องที่ 2 ในราคา 0 บาท
    
โรงแรมฟอร์จูน ดี แม่สอด ราคา 1,190 บาท  

โรงแรมฟอร์จูน ดี เลย ราคา 1,190 บาท  

โรงแรมฟอร์จูน ดี พิษณุโลก ราคา 1,190 บาท  

โรงแรมฟอร์จูน บุรีรัมย์ ราคา 1,490 บาท 
 
โรงแรมฟอร์จูน ดีพลัส เขาใหญ่ ราคา 1,490 บาท  

โรงแรมฟอร์จูน วิวโขง นครพนม Superior ราคา 1,490 บาท ห้องพัก Deluxe 1,690 บาท  

โรงแรมฟอร์จูน ราชพฤกษ์ นครราชสีมา ห้องพัก Superior ราคา 1,790 บาท ห้องพัก Deluxe 1,990 บาท  
เข้าพักวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึง วันที่ 25 ธันวาคม 2563

โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม Superior ราคา 2,190 บาท  Deluxe 2,990 บาท 

โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน นครศรีธรรมราช ห้องพัก Superior ราคา 2,190 บาท ห้องพัก Deluxe 2,990 บาท 

เข้าพักวันที่ 1 กันยายน 2563 ถึง วันที่ 25 ธันวาคม 2563

โรงแรม ฟอร์จูน แสงจันทร์ บีช ระยอง ห้องพัก Superior ราคา 2,190 บาท ห้องพัก Deluxe 2,590 บาท 
เข้าพักวันที่  1 สิงหาคม 2563 ถึง วันที่ 25 ธันวาคม 2563



*** รายละเอียดและเงื่อนไข ***
จองได้แล้ววันนี้ – 31 กรกฎาคม 2563 
📱จองผ่าน LINE@ หรือ FB Messenger
☎️02 088 6933 
🌐รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก 👉www.fortunehotelgroup.com 

-ราคาห้องพักรวมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน ยกเว้นโรงฟอร์จูน ดี พิษณุโลก

-ยกเว้นการเข้าพัก ช่วงงานไหลเรือไฟ ณ โรงแรมฟอร์จูน ริเวอร์วิว นครพนม , โรงแรมฟอร์จูน วิวโขง นครพนม และงาน Moto GP ณ โรงแรมฟอร์จูน บุรีรัมย์ 

-ลูกค้าต้องทำการจองห้องพักล่วงหน้า 7 วันทำการก่อนเข้าพัก

-สิทธิ์เข้าพักห้องที่สอง 0 บาท ต้องใช้สิทธิ์ในการเข้าครั้งเดียวกัน ไม่สามารถเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปได้

-โรงแรมสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพ พร้อมเปิดบริการด้วยความปลอดภัยสูงสุด The New Normal และ 7 โปรโมชั่นสุดพิเศษ


โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพ กลับมาให้บริการทุกท่านตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563
เป็นต้นไป พร้อมกับบริการอันสะดวกสบายสุดหรู กับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร

โดยโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน กรุงเทพ ยังปฏิบัติตามมาตรฐาน Safety & Health Administration ประเภทกิจการโรงแรมและที่พักสถานที่จัดประชุมปฏิบัติตามมาตรฐานเบื้องต้นอาทิ การจัดการให้มีทางเข้าออกโรงแรมทางเดียวพร้อมตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนไทยชนะในการเข้าพื้นที่, ให้บริการเฉพาะ
ผู้ใช้บริการที่สวมหน้ากาก, จัดให้มีการทำความสะอาดตามจุดให้บริการต่าง ๆ ทุก 30 นาทีตลอดวัน,
จุดล้างมือด้วยแอลกอฮอล์, จัดพื้นที่รอคิว, จัดวางแผ่นรองพื้นผสมน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณทางเจ้าโรงแรม, กำจัดหน้ากากอนามัยอย่างได้มาตรฐาน, ใช้ฝาครอบอาหารในขณะเสิร์ฟ, ทำความสะอาดห้องประชุม
อย่างสม่ำเสมอทุก 2 ชั่วโมง, จัดโต๊ะสำหรับการประชุมให้มีระยะห่างกัน 1 เมตร, ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีการใช้ร่วมกันเช่นไมโครโฟน, สแกน QR Code เพื่อดูเมนู และชำระเงิน และเช็คอิน ออนไลน์



สิ่งสำคัญที่สุดนอกเหนือจากการจัดการความปลอดภัยสำหรับลูกค้าทุกท่านแล้ว พนักงานของเรายังคงบริการทุกท่านด้วยใจอันแสนอบอุ่นเช่นเดิมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป พร้อมกับ 7 โปรโมชั่นพิเศษ อาทิ

1.       Deluxe Room เพียง 2,499 บาทต่อคืนพร้อมอาหารเช้า

2.       Grand Deluxe Room เพียง 3,700 บาทต่อคืนพร้อมรับเครดิต 500 บาท
          ในการใช้บริการส่วนอื่นๆในโรงแรม

3.       ลด 10% สำหรับห้อง Fortune Executive Premier Room สุดหรู

4.       พัก 3 คืนในราคาเพียง 2 คืน สำหรับห้อง Fortune Executive Premier Room

5.       งานประชุมสำหรับบริษัทเอกชนราคาเริ่มต้น 600 บาทต่อท่าน

6.       งานประชุมสำหรับหน่วยงานรัฐราคาเริ่มต้น 500 บาทต่อท่าน

7.       ส่วน20 20% สำหรับแพคเกจงานแต่งงาน


สอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 641 1500 
หรือ H5931@accor.com

Link Download Video: https://bit.ly/30Ih5pp

MBK เปิดพื้นที่ทำพาสปอร์ตแห่งใหม่ เริ่ม 29 มิถุนายนนี้



กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน ซึ่งเป็นสาขาใหม่ล่าสุดตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมอำนวยความสะดวกให้ประชาชนแล้วตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2563 โดยเปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการ) ตั้งแต่เวลา 10.00 น.–18.00 น. ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ www.mbk-center.co.th และ www.facebook.com/mbkcenterth


วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ททท. มอบสัญลักษณ์ “SHA” แก่พระบรมมหาราชวัง


เช้าวันนี้ (17 มิถุนายน 2563) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มอบตราสัญลักษณ์ SHA ให้แก่พระบรมมหาราชวัง โดยพลอากาศตรี สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ มีแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. ร่วมพิธีฯ ณ พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร





กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว   ได้ร่วมกันดำเนินโครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวหรือผู้มาใช้บริการหลังจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทางด้วยการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการบริการและด้านสุขอนามัยให้เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข สอดคล้องกับวิถีปกติใหม่ (New Normal) ซึ่งไม่เพียงแค่การนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา ยังมีความจำเป็นต้องลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของโรคติดต่อไวรัสโควิด-19 เพื่อให้เดินทางท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดเวลาที่มาเยือนประเทศไทยอีกด้วย


ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามได้เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2563 หลังจากรัฐบาลผ่อนปรนกิจกรรมและกิจการต่าง ๆ เป็นระยะ พระบรมมหาราชวังได้ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.30 – 15.30 น. ชาวไทยเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชมคนละ 500 บาท



สำหรับสถานประกอบการที่สนใจ สามารถเข้าร่วมโครงการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด โดยศึกษาแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน SHA ซึ่งดาวน์โหลดเป็น e-Book ได้ที่ https://thailandsha.tourismthailand.org/ebook และสมัครขอรับการตรวจและรับตราสัญลักษณ์ SHA ได้ที่ www.tourismthailand.org/thailandsha หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ทาง thailandsha@gmail.com หรือ Line Official : @thailandsha  และ 1672 เพื่อนร่วมทาง

ข่าวประชาสัมพันธ์

STYLE Bangkok 2024

  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีเปิด “งานแสดงสินค้า STYLE Bangkok 2024 ” ในวันพุธ...

โวยวายดอทคอม