วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เอนกาย บูทึค โฮเทล : AEN GUY BOUTIQUE HOTEL

 แวะโรงแรม (ไม่) ลับแล้วคุณจะหลงรักเอนกาย...ที่สุโขทัย

        สุโขทัย..เมืองมรดกโลกที่หลายคนหลงรัก ในวันนี้มนต์เสน่ห์เหล่านั้นยังคงไม่จางหาย กลับมาสุโขทัยครั้งนี้หลายอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สุโขทัยดูคึกคักจอแจขึ้นหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่จนอด

ห่วงไม่ได้ว่า..สักวันเมืองโบราณมรดกโลกแห่งนี้จะถูกอารยะธรรมสมัยใหม่มาบดบังไปตามยุคเหมือน
เมืองน่าเที่ยวหลายๆที่อย่างน่าเสียดาย

        แต่ดีที่ว่าคนสุโขทัยเองก็พยามรักษาความเป็นวัฒนธรรมของเมืองเก่าไว้ได้เป็นอย่างดี เราจึงแทบไม่เห็นสิ่งปลูกสร้าง ร้านรวงแบบสมัยใหม่ให้ขุ่นเคือง ดังนั้นสิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นใหม่ๆก็ยังคงแฝงความเป็นสุโขทัยอย่างลงตัว การกลับมาครั้งนี้เราถูกแนะนำที่พักใหม่ โรงแรมพิมพ์นิยมประเภทบูทีคและHostelที่ดูจะเหมือนๆกันแทบจะทุกที่ทั่วประเทศซึ่งเราก็ทำใจมาแล้วประมาณนึง..แต่ด้วยการไม่ชอบความจำเจเลยรับคำจากเพื่อนคนที่แนะนำที่พัก…..





เอนกาย บูทึค โฮเทล ที่เราพูดถึงเกิดขึ้นจากเรี่ยวแรงของสองหนุ่มรุ่นใหม่ คุณเป้-คุณโป๋คน’โขทัยโดยแท้ ตัวโรงแรมไม่เล็กไม่ใหญ่แถมอยู่ไม่ไกลจากตลาดสดในตัวเมืองสุโขทัย ซึ่งที่พักถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ประมาณว่าในส่วนของด้านหน้าเป็นส่วนเช็คอินน์และมีที่พักแบบบ้านเรือนไม้ที่มีต้นไม้ร่มรื่น ทำให้นึกถึงบรรยากาศเหมือนกับการมาพักบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัดยังไงยังงั้นเลยที่เดียวและจากส่วนนี้เลยไปขอยกให้เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย เพราะเลยมาอีกนิดจะเป็นส่วนของเฟสใหม่ เป็นอาคารสองชั้นรายล้อมด้วยรั้วต้นไม้และมีสระว่ายน้ำอยู่ด้านใน แบ่งฟังชั่นดูเป็นส่วนตัวอย่างเหลือเชื่อ….รึว่านี่จะเป็นโรงแรมลับอีกแห่งซึ่งน่าสนใจขึ้นมาแล้วล่ะ

               “เอนกาย บูทึค โฮเทล” ไม่ใช่โรงแรมลับอย่างที่พูดมา หากเป็นที่พักเพื่อรับรองลูกค้าทุกรูปแบบที่จะมาเข้าพัก ตั้งแต่มาคนเดียวแบกเป้ตะลอนเที่ยวหรือจะมาเป็นคู่จนถึงครอบครัวกระทั่งมาเป็นกลุ่ม เพราะประเภทของห้องพักที่นี่มีตั้งแต่ ห้องเตียงสองชั้นห้องน้ำรวมราคาประหยัด หรือแบบส่วนตัวแบบห้องสุพีเรียหลายขนาดหรือห้องสูทแบบครอบครัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในห้องพักครบครัน

        ความรู้สึกเรื่องโอสเตลพิมพ์นิยมที่อยู่ในหัวเราถูกลบไปจนหมดเพราะห้องที่นี่ถูกตกแต่งให้ไม่เหมือนกันเลย 10 ห้อง 10 แบบชนิดที่มาพักได้ไม่มีเบื่อกันเลยที่เดียว ส่วน facilities ก็มีทั้งห้องฟิตเนตขนาดมาตรฐาน,พื้นที่จอดรถ,สระว่ายน้ำ,Free wifi,ร้านกาแฟและห้องอาหารที่บริการอาหารเช้าด้วยอาหารท้องถิ่นและบุฟเฟ่ต์แบบสากล

        “เอนกาย บูทึค โฮเทล”นอกเหนือจากไฮไลท์ที่พูดไปแล้ว ที่นียังมีบริการบ่อแช่น้ำแร่ร้อนออนเซน(onsen)ตำรับญี่ปุ่นแท้ โดยจะแยกชาย-หญิงชัดเจน เราสามารถอยู่ได้ทั้งวันโดยการเข้าใช้บริการผู้ชายไม่อนุญาตให้ใส่เครื่องนุ่งห่มใดๆ ส่วนผู้หญิงมีชุดชั้นใน(บางๆ)ให้สวมใส่ได้ หากว่าใครสามารถเปลือยผ้าได้อย่างไม่เขินอายแล้วนั้นก็อาบน้ำให้สะอาดก่อนแล้วลงแช่ในบ่อได้เลย  








        สำหรับค่าบริการนั้นถ้าเป็นแขกของโรงแรมสามารถเข้าใช้บริการทุกอย่างได้เลยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ส่วนคนนอกก็สามารถมาใช้บริการได้เช่นกัน(มีค่าบริการกรุณาสอบถาม)ตรงคอนเซ็ปชื่อเอนกายโดยแท้จริง..

        มาเยือนสุโขทัยคราวหน้าแพลนทริปให้พิเศษยิ่งขึ้นด้วยการมาแวะเอนกายพักแล้วคุณจะหลงรัก“เอนกาย บูทึค โฮเทล” แลมนต์ขลังของ..รุ่งอรุณแห่งความสุขของเมืองสุโขทัย



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม-สำรองห้องพักได้ที่ :
เอนกาย บูทึค โฮเทล (AEN GUY BOUTIQUE HOTEL)

ถ.จรดวิถีถ่อง อ.เมือง จ.สุโขทัย 64000
โทร : 096 365 9356, 055 016553
อีเมล์ : aenguy2015@gmail.com
www.aenguyboutiquehotel.com

ขอบคุณข้อมูลโดย.. #ปุ๊กกี้หนีเที่ยว
#aenguyboutiquehotel #ปุ๊กกี้หนีเที่ยว #sukhothai #toptotrav
el

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition สมการรอคอยในรูปแบบออนไลน์เสมือนจริง

เปิดโลกสินทรัพย์ดิจิทัลและอุตสาหกรรมบล็อกเชน 

สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จัดงานมหกรรมบล็อกเชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย  Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition เปิดโลกสินทรัพย์ดิจิทัลและอุตสาหกรรมบล็อกเชน (The World of Digital Asset and Blockchain Ecosystem) ในวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2563 ณ สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งใน
ปีนี้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์เสมือนจริง โดยมีผู้สนใจลงทะเบียนร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า3,000 คน 


นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย

นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า ถือเป็นภารกิจสำหรับของ สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ที่จัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนไทยสู่ยุคใหม่แห่งสินทรัพย์ดิจิทัลกับงานบล็อกเชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย กับงาน  Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล (The World of Digital Asset and Blockchain Ecosystem) ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ในวันที่ 26 ธันวาคม 2563 ณ สามย่านมิตรทาวน์ และเนื่องด้วยสถานการณ์ที่ทั่วโลกต้องเจอกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เราจึงจำเป็นต้องมีมาตราการพิเศษเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นคือ “รูปแบบออนไลน์เสมือนจริง” ซึ่งภายในงานประกอบด้วย เวทีให้ความรู้และกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อต่างๆ ภายใต้ 4 หัวใจหลัก ได้แก่ 

• สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (Central Bank Digital Currency: CBDC) 

เมื่อแต่ละประเทศตัดสินใจมีสกุลเงินบนโลกดิจิทัลเป็นของตัวเอง

• ระบบการเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi) 

รู้จักกับโลกอนาคตที่จะไม่มีเงินสดอีกต่อไป ทั้งการระดมทุนรูปแบบใหม่ การลงทุนรูปแบบใหม่ และเศรษฐกิจรูปแบบใหม่

• สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset)

โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อการฝากถอนโอนจ่ายไม่จำต้องมีธนาคาร กระแสเงินและรูปแบบการลงทุนจะเปลี่ยนไปเช่นไร เมื่อเศรษฐกิจกำลังจะขับเคลื่อนไปด้วยสกุลเงินใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน

• เทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อการประกอบการ (Blockchain for Enterprise)

รู้จักการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการจัดการข้อมูลสารพัดประโยชน์ที่สามารถให้คุณได้ทั้งความปลอดภัย (security) และความเป็นส่วนตัว (privacy) โดยที่ไม่ต้องเลือก 


​นายสัญชัย ปอปลี ประธานกรรมการผู้บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ จำกัด และที่​ปรึกษา​สมาคม​สินทรัพย์​ดิจิทัล​ไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมีข้อมูลเยอะน้อยแค่ไหน จะเป็นมือใหม่ โปรแกรมเมอร์
นักลงทุน หรือนักธุรกิจ คุณก็สามารถเข้าร่วมงานครั้งนี้ในแบบที่เหมาะกับคุณได้อย่างแน่นอน เพราะเราได้รับเกียรติจากกูรู ผู้รู้ ตัวจริงเสียงจริงในวงการบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล มาร่วมเป็นวิทยากรเพื่อถ่ายทอดข้อมูลดีๆ ที่เรียกได้ว่ามางานเดียว ได้ข้อมูลครบทุกมิติของบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลเลยทีเดียว อาทิ เช่น ดร.นภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), คุณสรานี สงวนเรือง, คุณโฉลก สัมพันธารักษ์, คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์, คุณชัชวาลย์ วัฒนะโชติ, คุณอัครเดช เดี่ยวพานิช และคุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร เป็นต้น 



​นายสัญชัย ปอปลี ประธานกรรมการผู้บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ จำกัด และที่​ปรึกษา​สมาคม​สินทรัพย์​ดิจิทัล​ไทย

นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า ในการรับ e-book ให้กลับไปศึกษาเกี่ยวกับบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในส่วนที่เป็นสรุปงานและข่าวคราวในวงการปีนี้และส่วนที่เป็นการทำนายทิศทางตลาดในปี 2021 เพื่อตอกย้ำว่า ​สมาคม​สินทรัพย์​ดิจิทัล​ไทย พร้อมที่จะผลักดันวงการสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนไปสู่อนาคต และเน้นย้ำในการเป็นเครือข่ายของกลุ่มผู้เผยแพร่องค์ความรู้ด้านบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุด และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุคใหม่แห่งสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งผู้สนใจข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับวงการบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล

สามารถเข้าไปได้ที่ www.facebook.com/blockchainthailandevent นายศุภกฤษฎ์ กล่าวปิดท้าย

นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ เร่งประชุมหารือแผนเที่ยวอย่างยั่งยืน รองรับปี 64-65

นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ชุดใหม่ วาระปี 2564-2565 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มอบหมายให้อุปนายกฝ่ายต่างๆ แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับแผนงานกิจกรรมและโครงการวิจัยที่มุ่งหมายจะให้เกิดขึ้นในระหว่างวาระ เช่น โครงการเขาใหญ่เมืองดูดาว งานมหกรรมทุเรียนเขาใหญ่



นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่

โครงการจัดทำแนวกันไฟร่วมกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โครงการการพัฒนาเขาใหญ่สู่เมืองเกษตรอินทรีย์ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการขับเคลื่อนและพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยการจับมือกันอย่างเหนียวแน่นระหว่างรัฐ เอกชน องค์กรท้องถิ่น และประชาชน




วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563

มูลนิธิ แอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ภายใต้ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จับมือกรุงเทพมหานคร และผู้ประกอบการย่านสาทร ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8

จับมือกรุงเทพมหานคร และผู้ประกอบการย่านสาทร ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ร่วมเปิด 
“GIVE GREEN CBD: SYNERGY POWER 2020” ในรูปแบบใหม่ที่เพิ่มช่องทางการระดมทุนแบบ Omni-Channel รับนิวนอร์มอล
 

ชูแนวคิด The Power of One รวมพลังเป็นหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการสร้างคุณค่าและประโยชน์เพื่อดูแลชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน

มูลนิธิ แอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ภายใต้ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) จับมือกรุงเทพมหานคร กลุ่มผู้ประกอบการย่านสาทร และพันธมิตรทางธุรกิจ สานต่อโครงการ “GIVE GREEN CBD: SYNERGY POWER 2020” ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ด้วยคอนเซ็ปต์ The Power of One รวมพลังเป็นหนึ่ง เพื่อส่งเสริมการสร้างคุณค่าและประโยชน์เพื่อดูแลชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน พร้อมปรับรูปแบบการรับบริจาคแบบ Omni-Channel ให้มีความเป็นดิจิทัลเพื่อรองรับความปกติรูปแบบใหม่ในช่วงสถานการณ์ที่ท้าทายด้านสุขอนามัย ผ่าน 3 กิจกรรม เริ่มตั้งแต่ธันวาคม 2563 ต่อเนื่องถึงเมษายน 2564 นำร่องด้วย Sathorn District Charity Christmas Tree ต้นคริสต์มาสแห่งการเฉลิมฉลองในย่านสาทร สร้างสรรค์ด้วยแนวคิด “One Give One Gift - หนึ่งคนให้ หนึ่งคนรับ” ในปลายเดือนธันวาคม 63 ตามด้วย AWC Charity Market Around ตลาดนัดของคนใจบุญ ในเดือนมีนาคม 64 และกิจกรรมปันฝัน ส่งมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา เพื่อร่วมสร้างโอกาสในการต่อเติมความฝันให้กับเยาวชนไทย ในเดือนเมษายน 64


นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม แอสเสทเวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “มูลนิธิ แอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ภายใต้แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่นมีวัตถุประสงค์หลักในการสร้างคุณค่าและประโยชน์ เพื่อดูแลชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2563 นี้ ที่โลกต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนเป็นอย่างมาก เรายิ่งเล็งเห็นความสำคัญของการรวมพลังของทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันฝ่าฟันและก้าวพ้นความท้าทายครั้งนี้ไปด้วยกันสู่อนาคตที่ดีขึ้น ดังนั้น โครงการ GIVE GREEN CBD : SYNERGY POWER 2020 จึงเดินหน้าต่อเนื่องด้วยแนวคิด The Power of One รวมพลังเป็นหนึ่ง ด้วยความเชื่อมั่นว่า พลังแห่งความร่วมมือที่เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ จากผู้ประกอบการภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐในย่านสาทร จะช่วยส่งเสริมการสร้างคุณค่าและประโยชน์เพื่อดูแลชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน พร้อมสามารถขยายผลและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในวงกว้างของกรุงเทพฯ ตลอดจนทั้งประเทศไทย เราจึงขอเชิญชวนทุกท่านมารวมพลังกันทำให้เทศกาลส่งความสุขท้ายปีนี้มีความหมายและคุณค่ามากยิ่งขึ้น เริ่มต้นง่าย ๆ จากตัวเราเอง ลองมาปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การบริโภคสินค้า การให้ของขวัญและแบ่งปันสิ่งของกับคนอื่น ตลอดจนรูปแบบของกิจกรรมต่างๆ ซึ่งท้ายที่สุดจะหลอมรวมเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงสังคมและสิ่งแวดล้อม และสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้กับทุกคนได้”        


และเนื่องด้วยสถานการณ์ด้านสุขอนามัยที่มีความท้าทายในปีนี้ เราได้จัดเตรียมช่องทางในการรับบริจาคในรูปแบบใหม่ให้มีความเป็นดิจิทัลมากยิ่งขึ้น เพื่อลดการพบปะและสัมผัสระหว่างบุคคล ด้วยรูปแบบการรับบริจาคแบบ Omni-Channel ที่สามารถร่วมทำบุญได้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ผ่าน                3 กิจกรรมหลัก ของโครงการ GIVE GREEN CBD: SYNERGY POWER 2020

1. กิจกรรม Sathorn District Charity Christmas Tree รวมพลังส่งต่อความสุขเพื่อสร้างสรรค์สังคม ด้วยต้นคริสต์มาสแห่งการแบ่งปัน เพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ชวนทุกคนมาร่วมเปลี่ยนเทศกาลแห่งเฉลิมฉลอง
ในปีนี้ให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น ผ่านการส่งต่อความสุขให้กับเด็ก และเยาวชนในโรงเรียน และชุมชนที่ขาดแคลน ภายใต้แนวคิด “One Give One Gift - หนึ่งคนให้ หนึ่งคนรับ” โดยปีนี้ ต้นคริสต์มาสที่เป็นแลนด์มาร์กของการเฉลิมฉลองในย่านสาทร ได้รับการสร้างสรรค์และตกแต่งด้วยขวดพลาสติก bioPET ที่ใช้แล้ว เพื่อสร้างความตระหนักในเรื่องปัญหาขยะ และการรีไซเคิลโดยนำวัสดุเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์ พร้อมเชิญชวนทุกคนที่เดินผ่านไปมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้ โดยสแกน QR Code ที่ต้นคริสต์มาส เพื่อส่งข้อความอวยพร หรือให้กำลังใจน้องๆ ยิ่งสแกนมาก ยิ่งเพิ่มความสุขที่มากขึ้นทั้งผู้ให้และผู้รับ หรือสามารถบริจาคสมทบทุนโดยตรงผ่านมูลนิธิ แอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล บัญชีหมายเลข: 483 1 15405 3 ธนาคาร กรุงศรีชื่อบัญชี: บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (บัญชีออมทรัพย์) โดยทางมูลนิธิฯ จะนำไปจัดซื้ออุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา ฯลฯ มอบเป็นของขวัญมอบให้กับเด็ก และเยาวชนในโรงเรียน และชุมชน
ที่ขาดแคลน เพิ่มเติม

2. AWC Charity Market Around ตลาดนัดการกุศล รวมพลังแห่งการบริโภคเพื่อสร้างสรรค์สังคม โดยรวบรวมสิ่งของบริจาคและสินค้าจากพันธมิตรทางธุรกิจและผู้เช่าของแอสเสท เวิรด์ 

คอร์ปอเรชั่น และร้านค้าชั้นนำ มาจัดจำหน่ายในช่วงเดือนมีนาคม 2564 ภายในงานนำเสนอสินค้าที่หลากหลายจากผู้บริจาคให้เลือกสรร อาทิ อาหาร ของใช้ ของตกแต่งบ้าน และสินค้าเพื่อสุขภาพ และและสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่นำมาจัดแสดงและจัดจำหน่าย โดยจะนำรายได้ไปจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนและกีฬามอบให้แก่เด็ก และเยาวชนในโรงเรียน และชุมชนที่ขาดแคลน

3. กิจกรรมปันฝัน รวมพลังแห่งการให้และแบ่งปันอย่างยั่งยืน หลังจากการระดมทุนผ่านกิจกรรมต่างๆ
ภายใต้โครงการ GIVE GREEN CBD: SYNERGY POWER 2020 ทางมูลนิธิฯ จะนำอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา และทุนการศึกษาร่วมสร้างโอกาสในการต่อเติมความฝันให้กับเด็ก และเยาวชนในโรงเรียน และชุมชนที่ขาดแคลน ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับโครงการอาคารสำนักงาน และโรงแรมในกลุ่มของ AWC
ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 8 โรงเรียนในเดือนเมษายน 2564 อันประกอบด้วย โรงเรียนชุมชนหมู่บ้านพัฒนา คลองเตย กรุงเทพฯ โรงเรียนวัดราชสิงขร บางคอแหลม กรุงเทพฯ โรงเรียนวัดสร้อยทอง บางซื่อ กรุงเทพฯ โรงเรียนชุมชนเทศบาลวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ โรงเรียนบ้านหนองทะเล กระบี่ โรงเรียนบ้านทับใต้ ประจวบคีรีขันธ์ โรงเรียนเกาะสมุย สุราษฏ์ธานี และโรงเรียนเมืองถลาง ภูเก็ต

และสำหรับกิจกรรม “Empire Tower We Run with Virgin Active” ชวนคนไทยรวมพลังเพื่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนกับนักวิ่งพลังสีเขียวใช้แก้วน้ำแก้วเดียวตลอดการวิ่ง เพื่อเป็นการลดขยะและประหยัดทรัพยากร ซึ่งปกติจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ในปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คาดว่าจะเปิดรับสมัครนักวิ่งในไตรมาสที่ 3 และจัดกิจกรรมวิ่งในช่วงปลายปี 2564

ประสานพลังภาครัฐและเอกชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยจากจุดเล็กๆ ย่านสาทรสู่เยาวชนทั่วประเทศ

มูลนิธิ แอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ภายใต้ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากกรุงเทพมหานครและผู้สนับสนุนหลัก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการและบริษัทในที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในย่านสาทร ในการจัดทั้ง 4 กิจกรรม ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมร่วมส่งเสริมพื้นที่ธุรกิจย่านสาทร ในการเป็นผู้นำด้านการสร้างสรรค์ชุมชนเมืองคุณภาพและเป็นศูนย์กลางธุรกิจอันดับหนึ่งจากปัจจุบันสู่อนาคต เพื่อร่วมสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน



โดยบริษัทเอกชนที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการ ประกอบด้วย บริษัทวีจีไอ โกลบอล มีเดีย จํากัด (VGI) บริษัทเคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จํากัด (KPMG) บริษัท ซี.อี.เอส.จำกัด (CES) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) ธนาคารยูโอบี จํากัด (มหาชน) (UOB)
บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (SE-ED)

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของโครงการ GIVE GREEN CBD : SYNERGY POWER 2020
และกลุ่มมูลนิธิแอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล ภายใต้ แอสเสท เวิรด์คอร์ปอเรชั่น  เพิ่มเติมได้ที่

Website: www.assetworldcorp-th.com
Facebook: AssetWorldCorporation
IG: AssetWorldCorporation

ชมย้อนหลังได้แล้ว..งานประชุมวิชาการนานาชาติฮาลาล !! “Thailand Halal Assembly 2020” งานประชุมด้านฮาลาลที่ดีที่สุดในไทย..ในรูปแบบออนไลน์เสมือนจริง

งานประชุมด้านฮาลาลที่ดีที่สุดในไทย..
ในรูปแบบออนไลน์เสมือนจริง

ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทยมีกำหนดจัดงานประชุมด้านฮาลาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “Thailand Halal Assembly 2020”  ระหว่างวันที่ 22 – 23  ธันวาคมนี้ ภายใต้แนวคิดดุลยภาพทางเศรษฐกิจเชิงนิเวศน์ฮาลาล (Halal Sphere : An Ecologic-Economic Equity Concept of Halal) ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์เสมือนจริง และสามารถชมย้อนหลังได้แล้ว !!

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานจัดงาน Thailand Halal Assembly 2020 กล่าวว่า นับเป็นงานฮาลาลที่กล่าวได้ว่าดีที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และในปีนี้ยังเพิ่มเติมความทันสมัย ทันโลกยุคโควิท-19 กับงาน “Thailand Halal Assembly 2020” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 7 โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย ภายใต้แนวคิดดุลยภาพทางเศรษฐกิจเชิงนิเวศน์ฮาลาล (Halal Sphere : An Ecologic-Economic Equity Concept of Halal) และเนื่องด้วยสถานการณ์ที่ทั่วโลกต้องเจอกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เราจึงจำเป็นต้องมีมาตราการพิเศษเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นคือ “รูปแบบออนไลน์เสมือนจริง” โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 23 ธันวาคม 2563 ภายในงานจะพบกับ การประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมและธุรกิจฮาลาล ครั้งที่ 13 (13th HASIB : The 13th Halal Science, Industry and Business Virtual Conference) และการประชุมวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาล (IHSATEC 2020 : First round The International Halal Science and Technology Conference 2020) โดยมีรายละเอียดังนี้

วันที่ 22 ธันวาคม 2563

• Session 1: Digital Catalyst and Resilience of Future Halal Industry การขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลและความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมฮาลาลในอนาคต

• Session 2 : The Role and Responsibility of Halal entrepreneur for Building Trust in the Post Covid-19 Era บทบาทและความรับผิดชอบของผู้ประกอบการฮาลาลในการสร้างความเชื่อมั่นในยุคหลังการระบาดของเชื้อโรคโควิด-19

• Session 3 : Strategy and Evolving of Halal Branding beyond COVID-19 Pandemic กลยุทธ์และพัฒนาการของการสร้างแบรนด์ด้านฮาลาลภายหลังการระบาดครั้งใหญ่ของเชื้อโรคโควิด-19

วันที่ 23 ธันวาคม 2563

• Session 1: Challenges and Opportunities: Halal Science, Technology, and Innovation after  Covid-19 ความท้าทายและโอกาส: วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมฮาลาลหลังยุคโควิด-19

• Session 2 : Responding to Halal Science and Innovation: A Global Sustainability on Ecology, Economy and Equity การตอบสนองต่อวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมฮาลาล: เพื่อความยั่งยืนระดับโลกด้านนิเวศวิทยา เศรษฐกิจและความเสมอภาค

• Session 3 : Scientific and Innovation Approach in the New Normal Era แนวทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมในยุคปกติใหม่ “New Normal”

• Session 4 : Halal Sphere: A Pathway to Establish Science and Innovation Culture Halal Sphere: เส้นทางสู่การสร้างวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมด้านฮาลาล

ซึ่งงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล “Thailand Halal Assembly 2020”  ถือเป็นงานที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 30 ประเทศ วิทยากรมากกว่า 24 คน และมีคนอยากเข้าร่วมจากทั่วโลก เราในฐานะผู้จัดงานก็อยากให้คนไทยทุกคนเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับตัวเองในการทำธุรกิจ ซึ่งผู้สนใจสามารถชมงานเสวนาต่างๆ ย้อนหลังได้แล้วที่
www.facebook.com/ThailandHalalAssembly , www.Thailandhalalassembly.com ,

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2563

แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มอบของขวัญต้อนรับปีใหม่ให้แก่ผู้โดยสาร

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มอบของขวัญต้อนรับปีใหม่ให้แก่ผู้โดยสาร แจกฟรี! หน้ากากอนามัยแบบผ้า และที่รองแก้วสุดน่ารัก วันที่ 1 มกราคม 2564 

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด  เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และเพื่อส่งเสริมสุขอนามัยของผู้โดยสาร และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทจึงจัดกิจกรรมมอบของขวัญสุดพิเศษ แจกฟรี! หน้ากากอนามัยแบบผ้า และที่รองแก้วสุดน่ารัก ในวันที่ 1 มกราคม 2564 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไปหรือจนกว่าของจะหมด โดยผู้โดยสารสามารถติดต่อขอรับได้ที่ห้อง และเคาน์เตอร์ Information แอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ สถานีพญาไท และแอร์พอร์ต เรล  ลิงก์ สถานีสุวรรณภูมิ  

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข Call Center 1690
หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link

แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เตรียมพร้อมมาตรการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัย ช่วงเทศกาล ปีใหม่ 2564

เน้นย้ำขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาการใช้บริการ

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เตรียมพร้อมมาตรการอำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัย และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รองรับการใช้บริการของผู้โดยสารช่วงเทศกาลปีใหม่  ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2563 – 4 มกราคม 2564

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อานวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาล
ปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2563 – 4 มกราคม 2564 รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ได้เตรียมพร้อมมาตรการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการได้รับความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการเดินทาง รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยได้เตรียมดำเนินการด้านต่างๆ ดังนี้


ด้านการอำนวยความสะดวก มีการประชาสัมพันธ์จุดให้บริการรถรับจ้างสาธารณะ (Taxi) ที่แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีพญาไท และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน

ด้านการรักษาความปลอดภัยมีการจัดทำประกาศ และแจ้งข้อมูลด้านความปลอดภัยในการโดยสารรถไฟฟ้า รวมทั้งมีมาตรการยกระดับการป้องกันอันตรายด้านการเดินรถ โดยให้สถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี
มีการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และจัดจุดตรวจสัมภาระผู้โดยสารก่อนเข้าระบบรถไฟฟ้า 
เพื่อตรวจหาวัตถุต้องห้ามที่ไม่สามารถนำเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งประกาศแจ้งเตือนผู้โดยสารเกี่ยวกับการระมัดระวังทรัพย์สิน  และกระเป๋าสัมภาระที่ไม่มีเจ้าของในระบบรถไฟฟ้า พร้อมกำชับสถานีต่างๆ 
ให้ควบคุมติดตามการใช้งานโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) และเฝ้าระวังหน้าจอมอนิเตอร์อยู่เสมอ รวมถึงมีการตรวจตราบนขบวนรถไฟฟ้าโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ เพื่อขอกำลังเข้าสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานประจำสถานี รวมถึงจัดชุดตรวจผสม และชุดสุนัขตรวจวัตถุระเบิด (K9) ออกตรวจสอบพื้นที่ในระบบรถไฟฟ้า รวมทั้งกำหนดวัตถุต้องห้ามที่ไม่สามารถนำเข้ามาในระบบรถไฟฟ้า ได้แก่ อาวุธ ของมีคม ลูกโป่ง และพลุดอกไม้ไฟทุกชนิด

นอกจากนั้นบริษัทยังเข้มงวดในมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 โดยมีการตั้งจุดคัดกรองอุณหภูมิ และตรวจตราการสวมหน้ากากอนามัยของผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการอย่างเข้มงวด  โดย
ขอความร่วมมือผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการรถไฟฟ้า และสแกน QR Code ไทยชนะบริเวณสถานีทุกครั้งในการใช้บริการ เพื่อเป็นประโยชน์ในการสอบสวนโรค รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ( Social Distancing ) ในขณะใช้บริการ โดยงดเว้นการพูดคุยภายในตู้โดยสาร 

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความถี่ในการดูแลทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคบริเวณสถานี และภายในขบวนรถไฟฟ้าเพื่อสร้างมั่นใจในการใช้บริการให้แก่ผู้โดยสาร 


ทั้งนี้เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้โดยสาร และช่วยให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการได้รับความสะดวกสบาย และความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข Call Center 1690 
หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ห้ามพลาด !! งานบล็อกเชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ส่งท้ายปี 2020

ขนทัพกูรูตัวจริงแห่งวงการบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล

กับงาน “Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition”

 


ห้ามพลาด !! กับงานบล็อกเชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย “Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition” เปิดโลกสินทรัพย์ดิจิทัลและอุตสาหกรรมบล็อกเชน The World of Digital Asset and Blockchain Ecosystem ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2563 นี้ พร้อมขนทัพผู้รู้และกูรูตัวจริงแห่งวงการบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบทุกมิติมารวมกันที่นี่ เพื่อคุณ “ฟรี”

.​สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ตอกย้ำความสำเร็จเพื่อขับเคลื่อนไทยสู่ยุคใหม่แห่งสินทรัพย์ดิจิทัลกับงานบล็อกเชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย กับงาน “Blockchain Thailand Genesis 2020 Exclusive Edition” เปิดโลกสินทรัพย์ดิจิทัลและอุตสาหกรรมบล็อกเชน The World of Digital Asset and Blockchain Ecosystem ในวันที่ 26 ธันวาคม 2563 ณ สามย่านมิตรทาวน์ 

โดยภายในงานจะพบกับเวทีให้ความรู้และกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการจากทัพกูรู ผู้รู้ ตัวจริง เสียงจริงในจากวงการบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบทุกมิติ กับ 4 ประเด็นสุดร้อนแรงที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนเศรษฐกิจโลกไปตลอดกาล ได้แก่ สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ, ระบบการเงินกระจายศูนย์, สินทรัพย์ดิจิทัล และการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อการประกอบการ 

พบกับกูรูมากมาย อาทิ

• ดร.นภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ - STO vs. ICO : แนวทางกำกับดูแลในปัจจุบันและอนาคต

• คุณสัญชัย ปอปลี - Blockchain Technology จิ้กซอว์ชิ้นสุดท้ายในการสร้างเมืองอัจฉริยะ

• คุณสรานี สงวนเรือง - Disruption การเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

• คุณโฉลก สัมพันธารักษ์ - ทิศทางตลาดจะไปทางไหนต่อเมื่อ Bitcoin ทะลุ All Time High

• คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ - ปฏิรูปประเทศไทยด้วยระบบบล็อกเชน!?

• คุณชัชวาลย์ วัฒนะโชติ - หลักทรัพย์ vs. สินทรัพย์ดิจิทัล อะไรคือโอกาสในการลงทุนที่ดีกว่า

• คุณอัครเดช เดี่ยวพานิช - สินทรัพย์ดิจิทัลในโลกยุค 4.0

• คุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร - สถาบันการเงินกับโลกยุคการเงินไร้ศูนย์กลาง (CeFi & DeFi)

​เรียกได้ว่ามางานเดียว ครบจบทุกมิติ ..ซึ่งผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถลงทะเบียนรับชมงานออนไลน์ “ฟรี” ได้ที่ https://btg2020.blockchain-th.com หรือสอบถามข้อมูลรายละเอียดกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมที่ www.facebook.com/blockchainthailandevent

เครือซีพี – ซีพีเอฟ ปลูกจิตสำนึกรักษ์ป่า รักษ์โลก

จัดกิจกรรม CP for Sustainability ปู๊นปู๊นไปปลูกป่า
ชวนคนรุ่นใหม่ปลูกป่า เปลี่ยนโลกสู่ความยั่งยืน
       

         

19 ธันวาคม 2563 –  เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จัดกิจกรรม CP for Sustainability ปู๊นปู๊นไปปลูกป่า ชวนคนรุ่นใหม่ร่วมเปลี่ยนโลกอีกครั้งกับการเรียนรู้การปลูกป่า    ปลูกจิตสำนึกรักษ์ป่า รักษ์โลก ภายใต้แนวคิด No One is too small to make a change ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ โดยมี นายนเรศ สวัสดิกุลวัฒน์ ผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายโครงการพิเศษ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด นำทีมศิลปินสายรักษ์โลก นนท์ ธนนท์ ,ไอซ์ ธมลวรรณ และเบสท์ ทิฏฐินันท์ เดินทางไปพร้อมกับแฟนเพจ CP for Sustainability สายกรีนที่ส่งรูปต้นไม้ที่ปลูกที่บ้าน พร้อมเทคนิคการดูแลต้นไม้ในสไตล์ของตัวเองเข้ามาทางเพจ ร่วมด้วยลูกค้า True you ผู้โชคดีจากการแลก True Point และพนักงานซีพีเอฟ รวมทั้งหมด 50 คน ร่วมเดินทางแบบ Low Carbon ด้วยรถไฟไทย เพลิดเพลินกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน ชมธรรมชาติผ่านทางรถไฟลอยน้ำเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ร่วมกิจกรรมปลูกป่า โดยมี นายสุธี สมุทระประภูต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ และคณะทำงานปลูกป่าฯ ให้การต้อนรับ ณ โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง จ.ลพบุรี          




นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้บริหารด้านโครงการพิเศษ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านมาตรการต่างๆ ตามเป้าหมายความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือฯ ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573 ด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเครือฯ เติบโตโดยมีรากฐานมาจากการยึดมั่นในค่านิยม “สามประโยชน์” คือประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชนและบริษัท  ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนของธุรกิจและโลกใบนี้        

 ในการนี้ เครือฯ จึงจัดกิจกรรม CP for Sustainability ปู๊นปู๊นไปปลูกป่า ชวนคนรุ่นใหม่ร่วมเปลี่ยนโลก  โดยการศึกษาเรียนรู้กระบวนการปลูกป่าที่ยั่งยืน   ผ่านการฟื้นฟูป่าในรูปแบบต่างๆ อาทิ การปลูกป่าแบบพิถีพิถัน  การปลูกแบบเสริมป่า และการปลูกป่าเชิงนิเวศ สร้างความเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพผ่านการลงมือปฏิบัติในพื้นที่จริง  ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับความรู้ในแนวทางฟื้นฟูป่า  ตั้งแต่การเพาะกล้าไม้  การดูแลให้ต้นไม้เจริญเติบโต คืนความชุ่มชื้นสู่ผืนป่า  เป็นการช่วยกันฟื้นฟูอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ปกป้องระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างจิตสำนึกรักษ์โลกให้กับคนรุ่นใหม่ สู่การบอกต่อในสังคมวงกว้าง เกิดการลงมือทำเพื่อโลกใบนี้ที่ดีขึ้น 

 


นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส หน่วยงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน  คือ  อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน ดิน  น้ำ ป่า คงอยู่  ซึ่งโครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง เป็นโครงการที่บริษัท ร่วมกับกรมป่าไม้ และชุมชน  อนุรักษ์ ฟื้นฟู และปลูกป่าใหม่ ในพื้นที่เขาพระยาเดินธง ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี โดยระยะที่หนึ่ง (ปี 2559-2563) อนุรักษ์และฟื้นฟูป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ประเทศได้ 5,971 ไร่ พร้อมทั้งเดินหน้าสานต่อโครงการในระยะที่สอง ( ปี 2564-2568) มุ่งสู่การมีส่วนร่วมปกป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สร้างความมั่นคงทางอาหาร และสร้างสมดุลธรรมชาติอย่างยั่งยืน  

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายความยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs)  เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เรื่องการปลูกป่าอย่างถูกวิธีให้แก่นักศึกษา นักเรียน และผู้ที่สนใจ   ที่สำคัญ  บริษัทฯส่งเสริมให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน  ปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่รักและหวงแหนธรรมชาติ มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ป่า ขยายผลสู่การสร้างความมั่นคงทางอาหาร  ดำเนินโครงการยุทธศาสตร์สร้างสุขชุมชนเขาพระยาเดินธง ประกอบด้วย  โครงการปลูกผักวิถีธรรมชาติ  และโครงการปล่อยปลาลงเขื่อน รวมทั้งมอบเงินกองทุนเพื่อใช้หมุนเวียนในการดำเนินโครงการ เพื่อให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ./

ข่าวประชาสัมพันธ์

วิวัฒนาการของแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก ในงาน STYLE Bangkok 2024

เตรียมตื่นตาตื่นใจกับหลากหลายแบรนด์ไทยที่ไปผงาดในเวทีตลาดโลก ในงาน STYLE Bangkok 2024 มหกรรมแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ชั้นนำของเอเชีย ระหว่างวันที่...

โวยวายดอทคอม