ย้อนอดีตสู่เมืองโบราณศรีเทพ เยือนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่ลพบุรี สัมผัสวิถีท่องเที่ยวใหม่สายจิตวิญญาณที่สระบุรี
ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว นำโดย คุณวรางคณา สุเมธวัน นำสื่อมวลชนจากส่วนกลางและคณะนักท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทริป กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวชมมรดกโลกอันทรงคุณค่า บ้างก็ตั้งใจเอาไว้ว่าอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เสพธรรมชาติให้เต็มปอด แต่สำหรับคนรักธรรมชาติ และเรื่องของอร่อยขึ้นชื่อในแต่ละย่านนั้นสำคัญ เพราะอาหารก็เป็นอีกหนึ่งหนทางในเรียนรู้วัฒนธรรมได้เช่นเดียวกัน ย้อนอดีตสู่เมืองโบราณศรีเทพ เยือนแผ่นดินสมเด็จแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ลพบุรีและสัมผัสวิถีท่องเที่ยวใหม่ปลายจิตวิญญาณที่สระบุรี เดินทางชมสถานที่ท่องเที่ยว 9 แห่ง ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี และสระบุรี ระหว่างวันที่ 1 - 3 ธันวาคม 2566
คุณวรางคณา สุเมธวัน |
จุดที่ 1 เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์
คนส่วนใหญ่คงจะทราบดีอยู่แล้วว่า เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของไทย นักท่องเที่ยวหลายคนอยากมาสักครั้ง สัมผัสบรรยากาศดั้งเดิม ถ่ายรูปสวยๆ กัน เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยรอบนี้เราไปเที่ยว ตามแลนด์มาร์คประวัติศาสตร์
เมืองโบราณศรีเทพ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพเป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์จำนวน 10 แห่งของประเทศไทยปัจจุบัน จัดตั้งขึ้นโดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อปี 2527 สำหรับชื่อเรียก “ศรีเทพ” นั้นเป็นการอนุโลมตามพระวินิจฉัยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งวิชาประวัติศาสตร์และโบราณคดีไทย ที่ได้ทรงสันนิษฐานไว้ในคราวเสด็จตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในปี 2447
สำหรับเราที่นี่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของ แหล่งอารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากยังเป็นพื้นที่ที่ปรากฎร่องรอยหลักฐานสะท้อนให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยของมนุษย์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมทวารวดีและเขมรตามลำดับ ซึ่งรวมระยะเวลาที่มีความเจริญรุ่งเรืองถึงกว่า 800 ปี ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างไปด้วยสาเหตุโรคระบาดร้ายแรงหรือปัญหาภัยแล้งประการใดประการหนึ่งหรือทั้งสองประการ ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 19 อันเป็นช่วงก่อนที่วัฒนธรรมสุโขทัยและอยุธยาจริญรุ่งเรืองขึ้นมาแทนที่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสักมีการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องมาจนเท่าถึงปัจจุบัน จากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “เมืองโบราณศรีเทพ” เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า The Ancient Town of Si Thep and its Associated Dvaravati Monuments
นอกจากเมืองโบราณศรีเทพแล้ว ยังมีโบราณสถานในสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง ได้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่เป็นแหล่งแบบต่อเนื่อง อีก 2 แหล่ง ได้แก่
โบราณสถานเขาคลังนอก
เป็นโบราณสถานที่ค้นพบมานานแล้วในหมู่โบราณสถานของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่เพิ่งบูรณะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2555 ลักษณะของเขาคลังนอกเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13–14 ในสมัยทวารวดี สันนิษฐานว่าเดิมมีลักษณะเป็นสถูปขนาดใหญ่ที่สามารถขึ้นไปด้านบนได้ ปัจจุบันเหลือเพียงฐานขนาดใหญ่ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อด้วยศิลาแลง สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีทางขึ้นทั้ง 4 ด้าน กว้างด้านละประมาณ 64 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอด ประมาณ 20 เมตร แบ่งเป็น 2 ชั้น
โบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์
ตั้งอยู่ในเขตตำบลโคกสะอาด อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ห่างจากเมืองศรีเทพไปทางทิศตะวันตก ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นศาสนสถานที่ดัดแปลงจากถ้ำหินปูนธรรมชาติ ภายในถ้ำมีคูหาเดียวหันหน้าไปทางด้านทิศเหนือ ขนาดความกว้างประมาณ 4.6 เมตร สูง 13 เมตร และความยาวประมาณ 20 เมตร บริเวณเกือบกึ่งกลางคูหามีเสาหินปูนธรรมชาติซึ่งสามารถเดินวนได้โดยรอบ
มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของไทยนี้อยู่ภายใต้เกณฑ์คุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากล ด้วยเกณฑ์ข้อที่ 2 คือ ความสำคัญของการแลกเปลี่ยนคุณค่าของมนุษย์ในช่วงเวลาใด เวลาหนึ่ง หรือในพื้นที่ในวัฒนธรรมใดๆ ของโลกผ่านการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรม หรือ ทางเทคโนโลยีอนุสรณ์ศิลป์ การวางแผนผังเมืองหรือการออกแบบภูมิทัศน์ และเกณฑ์ข้อที่ 3 เป็นพยานหลักฐานที่ยอดเยี่ยมหรือหาที่เสมอเหมือนไม่ได้ของประเพณีวัฒนธรรม หรือวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่ หรือสูญหายไปแล้ว
เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ถือเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของไทยแห่งที่ 4 ต่อจากเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร, นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และเป็นแหล่งมรดกโลกแหล่งที่ 7 ของประเทศไทย
สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปเที่ยวชมมรดกโลกแห่งใหม่นี้ เมืองโบราณศรีเทพอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 130 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอวิเชียรบุรีประมาณ 25 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 21 (เฉลิมพระเกียรติ-หล่มสัก) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 102 แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2211 ไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตรจะเห็นป้ายบอกทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพอยู่ด้านขวามือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น. โทร. 0-56921-322, 0-56921-354
ข้อมูลอ้างอิง : อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
จุดที่ 2 พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี
ที่จังหวัดลพบุรี เดินทางถึง พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ชมพระราชวังโบราณที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้สร้างขึ้น ณ เมืองละโว้ (จังหวัดลพบุรี)
พระราชวังโบราณที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้สร้างขึ้น ณ เมืองละโว้ (จังหวัดลพบุรี)
- เข้าชม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ โบราณสถานงดงามเก่าแก่ของจังหวัดลพบุรี มีพระปรางค์องค์ใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลง สูงที่สุดในจังหวัดลพบุรี ภายในวัดประดิษฐาน "พระพุทธลวบุรารักษ์" พระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองลพบุรี นั่งรถชมวิถีชีวิตชาวเมืองลพบุรีพร้อมชมแหล่งท่องเที่ยวและโบราณสถานที่สำคัญ อาทิ
- บ้านหลวงรับราชทูต (บ้านวิชาเยนทร์)สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่รองรับราชทูต ที่มาเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ และ เป็นบ้านพักของ คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ เป็นศิลปะตะวันตกแบบเรอเนสซองส์
- พระปรางค์สามยอด ปราสาทศิลาแลงแบบขอมศิลปะบายน เรียงเชื่อมต่อกัน 3 องค์ ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาท มีการต่อเติมวิหาร เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์
- ศาลพระกาฬ เทวสถานเก่าแก่ของขอม ทับหลังท าด้วยศิลาทรายสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ อายุราวศตวรรษที่ 16 ภายในวิหารประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬที่เคารพสักการะของประชาชน ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดฯ ให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2209 เพื่อใช้เป็นที่ประทับ ณ เมืองลพบุรี และทรงโปรดเสด็จมาประทับที่นี่มากถึงปีละ 8-9 เดือน
แบ่งเป็นเขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นใน กำแพงพระราชวัง ก่ออิฐถือปูน มีใบเสมาเรียงรายบนสันกำแพง มีซุ้มประตูทั้งหมด 11 ประตู ประตูทางเข้าเป็นทรงจัตุรมุขมีช่องโค้งแหลม จั่วซุ้มประตูตกแต่งลายกระจังปูนปั้นที่วิวัฒนาการมาจากดอกบัว ซุ้มประตูและกำแพงพระราชฐานชั้นกลางและชั้นใน มีช่องเล็ก ๆ เจาะเป็นรูปโค้งแหลมคล้ายบัวเรียงเป็นแถวสำหรับวางตะเกียง ประมาณ 2,000 ช่อง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมขึ้นใหม่ และพระราชทานชื่อว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์ สิ่งที่น่าสนใจที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้แก่
- พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งที่มีศิลปะแบบผสมผสานระหว่างไทยและฝรั่งเศส เดิมเป็นท้องพระโรงมียอดแหลมทรงมณฑป ตรงกลางท้องพระโรงมีสีหบัญชร ซึ่งเป็นที่เสด็จออกเพื่อทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผู้เข้าเฝ้า ประตูและหน้าต่างท้องพระโรงซึ่งอยู่ด้านหน้าทำเป็นโค้งแหลม ส่วนตัวมณฑปซึ่งอยู่ด้านหลังทำประตูหน้าต่างเป็นซุ้มแบบไทย คือ ซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ ในจดหมายเหตุทูตฝรั่งเศส กล่าวพรรณนาพระที่นั่งว่าตามผนังประดับด้วยกระจกเงา ซึ่งนำมาจากฝรั่งเศส เพดานแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัส 4 ช่อง ประดับด้วยลายดอกไม้ทองคำ และแก้วผลึกที่ได้มาจากเมืองจีนงดงามมาก ผนังด้านนอกพระที่นั่งตรงมณฑปชั้นล่างเจาะเป็นช่องโค้งแหลมไว้สำหรับวางตะเกียง ซึ่งจะเห็นได้อีกเป็นจำนวนมาก ตามซุ้มประตูและกำแพงของพระราชวัง สมเด็จพระนารายณ์ฯ เคยเสด็จออกรับคณะราชทูตฝรั่งเศส เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ที่พระที่นั่งองค์นี้เมื่อปี พ.ศ. 2228 ด้วย - พระที่นั่งจันทรพิศาล สร้างในปี พ.ศ. 2208 เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์ฯ สร้างทับลงไปบนรากฐานเดิมของพระที่นั่งซึ่งพระราเมศวรโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าอู่ทองได้ทรงสร้างเมื่อครั้งครองเมืองลพบุรี พระที่นั่งองค์นี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยแท้ ด้านหน้ามีมุขเด็จ ภายหลังเมื่อได้สร้างพระที่นั่งสุทธาสวรรค์ขึ้น สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงย้ายไปประทับที่พระที่นั่งองค์ใหม่และโปรดฯ ให้ใช้พระที่นั่งจันทรพิศาลเป็นที่ออกขุนนาง ซึ่งตรงกับบันทึกของชาวฝรั่งเศสว่าเป็นหอประชุมองคมนตรี
- ตึกพระเจ้าเหา อยู่ทางด้านใต้ของเขตพระราชฐานชั้นนอก ตึกหลังนี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ ได้อย่างชัดเจนมาก เป็นตึกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร ยกพื้นสูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร ตัวตึกเป็นรูปทรงไทย ฐานก่อด้วยอิฐศิลาแลงและก่ออิฐขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ปัจจุบันเหลือแต่ประตูหน้าต่าง ทำเป็นซุ้มเรือนแก้วฐานสิงห์ ด้วยเหตุว่าภายในตึกมีฐานชุกชีปรากฏให้เห็นอยู่ และชาวฝรั่งเศสได้ระบุว่าเป็นวัด จึงสันนิษฐานว่าเป็นหอพระประจำพระราชวัง ตึกพระเจ้าเหา หรือ พระเจ้าหาว ซึ่งคำว่า หาว เป็นภาษาไทยโบราณหมายถึงท้องฟ้า ในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ พระเพทราชาและขุนหลวงสรศักดิ์ใช้ตึกพระเจ้าเหา เป็นที่นัดแนะประชุมขุนนางและทหารเพื่อแย่งชิงราชสมบัติขณะที่สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงพระประชวรหนัก
- ตึกรับรองแขกเมือง อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส บันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า ตึกหลังนี้อยู่กลางอุทยานซึ่งแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสรอบตึก มีคูน้ำล้อมรอบ ภายในคูน้ำมีน้ำพุเรียงรายเป็นระยะอยู่ 20 แห่ง ด้านหน้าตึกเลี้ยงรับรองมีรากฐานเป็นอิฐแสดงให้เห็นว่าตึกหลังเล็ก ๆ คงจะเป็นโรงมหรสพ ซึ่งมีการแสดงให้แขกเมืองชมภายหลังการเลี้ยงอาหาร สมเด็จพระนารายณ์ฯ ได้พระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตจากประเทศฝรั่งเศส ณ สถานที่นี้เมื่อปี พ.ศ. 2228 และปี พ.ศ. 2230 สิ่งที่น่าสนใจที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้แก่
- หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2405 เพื่อเป็นที่ประทับของพระองค์เมื่อครั้งเสด็จฯ บูรณะเมืองลพบุรี ประกอบด้วยพระที่นั่ง 4 องค์ คือ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ เป็นที่ประทับ พระที่นั่งวิสุทธิวินิจฉัย เป็นท้องพระโรงเสด็จออกว่าราชการแผ่นดิน พระที่นั่งไชยศาสตรากร เป็นที่เก็บอาวุธ และพระที่นั่งอักษรศาสตราคม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานให้เป็นศาลากลางจังหวัด ต่อมาเมื่อศาลากลางจังหวัดย้ายไปอยู่ที่ใหม่ พระที่นั่งหมู่นี้จึงรวมกับพระที่นั่งจันทรพิศาล และหมู่ตึกพระประเทียบ เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์
- หมู่ตึกพระประเทียบ เป็นเขตพระราชฐานฝ่ายใน สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายในและข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองลพบุรี
- ทิมดาบหรือที่พักของทหารรักษาการณ์ เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นกลางข้างประตูทั้ง 2 ด้าน ตรงบริเวณสนามหญ้าจะแลเห็นศาลาโถงข้างละหลัง คือตึกที่สร้างเพื่อเป็นที่พักของทหารรักษาการณ์ในเขตพระราชวัง
พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 16.30 น. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ เปิดทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์และวันอังคาร) เวลา 09.00 - 16.00 น. อัตราค่าบริการ ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท
จุดที่ 3 บ้านกล้วย & ไข่ Café ลพบุรี
ลพบุรี มีคาเฟ่ที่ถ่ายทุ่งทานตะวัน อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี มาชมความสวยงาม พร้อมเก็บภาพแห่งความประทับใจ ถ่ายรูปกับทุ่งทานตะวันแปลงใหญ่สีเหลืองสดใส ที่กำลังบานสะพรั่ง มาแล้วรับรองว่าอินกับบรรยากาศแน่นอน
บ้านกล้วย&ไข่ cafe’ คาเฟ่และสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ของ จ.ลพบุรี พื้นที่โดยรอบจะปลูกพืชผลทางการเกษตร มีร้านจำหน่ายพืชผลตามฤดูกาลและสินค้าแปรรูปต่าง ๆ ที่นี่มีรถกอล์ฟให้บริการฟรีมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ช่วงกลางวันที่แดดจัด แสงดี ถ่ายรูปปัง อลังการที่สุดห้ามใจ ถ่ายรูปแบบจุกกันเลย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/yJ4WEMXZsnfw6YCM6
ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 07:00-20:00 น.
ร้านตั้งอยู่ ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ห่างจากเขื่อนป่าสัก เพียง 800 เมตร
รายละเอียดเพิ่มเติมและเมนูต่างๆ
https://sites.google.com/view/bananaandegg09/index
จุดที่ 4 ตลาดหัวปลี จ.สระบุรี
พื้นที่ส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น ตลาดชุมชนเกษตร เกิดเป็นพื้นที่เล็กๆ แบบมีสไตล์ในบรรยากาศเก๋ ตกแต่งในแต่ละมุมได้ น่ารักมีจุดให้ถ่ายภาพหลายจุด ภายในตลาดเย็นสบาย พากิน..สร้างสุข เพื่อสุขภาพดี(ดี) เป็นสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่สามารถนั่งรถมาแป๊บเดียวได้พบกับสิ่งดีๆ ที่ “ตลาดหัวปลี” ตั้งอยู่ที่ท้ายศูนย์ OTOP คอมเพล็กซ์ พุแค ที่นี่รวมเอาสินค้าชุมชน อาหารขนมปรุงสุกสดใหม่ รวมไปถึงของดีสระบุรี ที่รวบรวมงานแฮนด์เมดพื้นบ้าน อาหารพื้นเมืองเอาไว้มากมาย รวมถึงอาหารท้องถิ่นมาไว้รอต้อนรับให้นักท่องเที่ยวไม่ไปเที่ยวตลาดของดีจังหวัดสระบุรี แวะมาอุดหนุนสินค้าชุมชนกันนะคะ สินค้าหลายชนิเหมาะกับการซื้อกลับมาเป็นของฝากที่สุด
พิกัด : ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี
https://goo.gl/maps/Wkk3L646uP9S7UmKA
เปิดบริการ : วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.
ตลาดหัวปลี ติดต่อ : 085 123 7365
จุดที่ 5 หอมนสิการ
“หอมนสิการ” ท่องเที่ยวสายธรรม..กราบสักการะพระพุทธองค์
สถานที่ท่องเที่ยว Unseen แก่งคอย สระบุรี ตื่นตากับพระพุทธรูปพระบรมโลกนาถเนื้อสัมฤทธิ์ปิดทองคำแท้ หนึ่งเดียวภาพปักพระบรมโลกนาถศิลปะงานปักมือถึง 651,000 ฝีเข็ม ชมนิทรรศการ “เส้นทางเดิน ของพระพุทธเจ้า”ขนาดพื้นที่ 7.4 ไร่ ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี มีฉากหลังเป็นภูเขาหินปูน ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ภายในจำลองเส้นทางเดินของพระพุทธเจ้า ในรูปแบบนิทรรศการร่วมสมัย ที่จะดึงผู้เข้าชมให้เหมือนย้อนเวลาไปที่อินเดีย เมื่อ 2,500 ปีก่อน หอมนสิการประกอบด้วย 2 กลุ่มอาคาร คือ 1 อาคารหอมนสิการ แบ่งเป็นส่วนนิทรรศการและหอจัตุรัส ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะบูชา
ผู้ชมจะย้อนเวลาสู่สมัยพุทธกาล เล่าเรื่องของเจ้าชายสิทธัตถะ ค้นพบวิถีแห่งความเสียสละกว่าที่พระพุทธองค์จะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ที่จะปลุกจิตสำนึกในธรรมแท้ ผ่านการจัดแสดงแบบ Interactive เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ผู้เข้าชมหอมนสิการได้รับหูฟัง (เลือกภาษาไทยหรืออังกฤษ) บรรยายห้วงเวลาต่าง ๆ จากพุทธประวัติ เรียกว่า เส้นทางเดินของพระพุทธเจ้า ฝั่งขาเข้า ชมพระพุทธประวัติในรูปแบบนิทรรศการร่วมสมัย (Journey to the Life of Buddha) ผู้เข้าชมจะเหมือนเดินอยู่ในอุโมงค์ย้อนเวลา แล้วเสพงานศิลปะร่วมสมัย ภาพ แสง สี เสียงบรรยาย และวิดีโอสื่อผสมระดับภาพยนตร์ ให้ได้ซึมซับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 พาย้อนสู่ครั้งพุทธกาล
หอจตุรัส ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อการสักการะ ที่จะทำให้ผู้มาเยือนเดินทางกลับไปแบบไม่ว่างเปล่า แต่จะได้ข้อคิดในหลักการดำรงชีวิต เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้ทางไว้ ลองสัมผัสด้วยตัวเองให้ได้นะคะ
จุดที่ 6 วัดแก่งคอย จ.สระบุรี
วัดเก่าแก่ศูนย์รวมใจของชาวแก่งคอย เที่ยวสระบุรี Unseen ถ้ำนาคา วังพญานาค วัดแก่งคอย เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญของประเทศไทย ซึ่งได้รับการดูแล การพัฒนาปรับปรุงจากทางวัดและชาวบ้านเป็นอย่างดีอยู่เสมอ เพื่อเป็นเกียรติแก่ชุมชนแก่งคอยและเพื่อรอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวสักการะพระมหาธาตุเจดีย์ ศรีป่าสัก ไหว้พระนอนองค์ใหญ่ ชมแหล่งท่องเที่ยวใหม่ภายในวัดฯ อาทิ พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง ถ้ำนาคา วังพญานาค ตระการตา ขึ้นชื่อในเรื่องโชคลาภและความรัก
วัดแก่งคอย นั้นตั้งอยู่ในตำบลแก่งคอย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี 2330 โดยชาวบ้านได้ร่วมใจกันก่อสร้างยกที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์เพื่ออุทิศถวายในบวรพุทธศาสนา
สถานที่ตั้ง : 353 ถ.สุดบรรทัด ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
เวลาเปิดปิด : 08.00 -17.00 น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/j4e8ayy64tS2uDPy9
จุดที่ 7 สวนมิ่งมงคล
สวนมิ่งมงคล เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สำหรับคนเมืองที่อยากได้อารมณ์สบายๆ สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ สีเขียวของต้นไม้ที่ถูกวางภูมิทัศน์ไว้งดงามให้ความสบายตา สวนมิ่งมงคล จิบกาแฟ ที่ร้าน Coffee Cat ร้านเป็นอาคารกระจก สามารถนั่งจิบกาแฟสบายๆ ส่งสายตาชื่นชมธรรมชาติ ชมนิทรรการเฉลิมพระเกียรติ และชมแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางการเกษตรแบบได้ทดลอง ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขอรัชกาลที่ 9 ในอาคารทรงกล่อง ที่โดดเด่นท่ามกลางสวนศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา หอชาวนาโคกนาศัย อำเภอเส้าไห้ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา หอชาวนาโคกนาศัย
จากนั้นก็เดินชมสถานที่สำคัญ สวนที่ถูกออกแบบตกแต่งให้เป็นสไตล์ English Cottage Garden หรือสวนชนบทอังกฤษแต่เน้นใช้พันธุ์ไม้ไทยๆ มาปรับประยุกต์เข้าด้วยกัน สำหรับใครที่อยากมาเดินเที่ยวผ่อนคลาย นอกจากจะเดินชมสวน ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ตามมุมสวยต่างๆ แล้ว คุณยังจะได้สนุกสนานไปกับการให้อาหารปลาคาร์ฟในสระน้ำขนาดใหญ่ ของสวนแห่งนี้ พร้อมดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันสดชื่นของสวนที่มีวิวเป็นน้ำพุ กังหันน้ำ และกังหันลม
ค่าเข้าชม: ฟรี
ตำบล ทับกวาง อำเภอ แก่งคอย สระบุรี 18260
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 8.00-18.00 น.
จุดที่ 8 วัดพระพุทธฉาย
วัดพระพุทธฉาย ที่เที่ยวสระบุรี วัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด เป็นที่พระดิษฐาน พระพุทธฉาย และ รอยพระพุทธบาท ที่พุทธศาสนิกชนต่างเคารพบูชา มีลักษณะเป็นภาพเลือนราง ประทับอยู่หน้าผาเชิงเขา คล้ายกับพระพุทธรูปยืน จึงเรียกหนึ่งว่า “เงาพระพุทธเจ้า”
เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะเห็น วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่บนเชิงเขาพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี สร้างขึ้นในสมัยของ พระเจ้าทรงธรรม กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากที่ได้มีการออกค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่งหน จนกระทั่งได้มาพบ รอยพระพุทธบาท และ พระพุทธฉาย รอยพระพุทธรูป หรือที่เชื่อกันว่าเป็นเงาของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่บนแผ่นหินตรงชะง่อนผา จึงได้มีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทเอาไว้ พร้อมกับมีการสร้างสังฆารามขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ขึ้นมากราบไหว้บูชาค่ะ เวลาผ่านไปหลายร้อยปี สิ่งก่อสร้างภายในวัดได้มีการทรุดโทรมลงอย่างมาก ทางกรมศิลปากรจึงได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระพุทธฉายครั้งใหญ่ มีการทุบซ่อมแซมพื้น จึงได้ค้นพบ รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา บนยอดเขา ก่อนสร้างมณฑปครอบเอาไว้ด้วย
วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี
ที่อยู่ : ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี
พิกัด : https://goo.gl/maps/PrDvxqe3ELJQM7P36
เปิดให้เข้าชม : 07.00-17.00 น.
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/watphraputtachai
จุดที่ 9 โคกนาศัย โฮมสเตย์ จ. สระบุรี
น่าสนใจสำหรับคณะผู้มาเยือนอีกแห่งหนึ่งคือ โคกนาศัย โฮมสเตย์ เราเดินทางมาที่นี่เพื่อทานอาหารกลางวันที่ทำขึ้นโดยชาวบ้านในชุมชน ภายใต้การนำของ กำนันคนเก่ง ที่รวมกลุ่มชาวบ้านในชุมชนที่ร่วมแรงร่วมใจกัน ใครถนัดด้านการทำอาหาร ใครถนัดเรื่องทำผลิตภัณฑ์ ใครถนัดเรื่องอะไรก็จะนำมาให้บริการกับนักท่องเที่ยว ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งของคณะผู้สูงวัยและสื่อมวลชน ที่ช่วยกันอุดหนุนจนทั้งผลไม้ สินค้าต่างๆ แฮนด์เมด หมดในพริบตา
ตำบล: ม่วงงาม อำเภอ: เสาไห้. จังหวัด: สระบุรี
ทริปนี้เข้าพักที่ : โรงแรมแวลเลย์การ์เดนท์รีสอร์ท มวกเหล็ก
เป็นรีสอร์ทที่น่าพักผ่อนอีกหนึ่งที่เลยทีเดียว บรรยากาศโดยรวมสงบเงียบมากเหมาะกับการพักผ่อน ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวขจีและเงียบสงบใน อ.มวกเหล็ก จ. สระบุรี โรงแรมระดับ 4 ดาวโดยที่พักตั้งอยู่ในเมืองมวกเหล็ก
สัมผัสธรรมชาติมวกเหล็ก ดงพญาเย็น มนต์เสน่ห์ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบกับห้องพักสไตล์ไทย โมเดิร์น อาหารนานาชนิด พร้อมด้วยบริการจาก รอยยิ้มและความอบอุ่นที่ประทับใจที่พัก บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดเพื่อให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ บริการอินเทอร์เน็ตฟรีภายในรีสอร์ตนี้จะช่วยให้ผู้เข้าพักไม่พลาดการติดต่อ
ขอขอบคุณ :
ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว(ช.ส.ท) ให้โอกาสได้ร่วมทริป เล่าเรื่องราวประสบการณ์จริง