วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

6 หน่วยงาน จัดเสวนา ยกระดับความร่วมมือตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายในผัก-ผลไม้ แก้ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)


สสส.-มูลนิธิสาธารณสุข-มหิดล-สธ.-ก.เกษตรฯ-CAMH ผนึกกำลังยกระดับความร่วมมือการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCDs

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ The Centre for Addiction and Mental Health (CAMH) ร่วมแถลงข่าวและเสวนาวิชาการ “ยกระดับความร่วมมือ” การตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” ภายใต้การดำเนินงาน “โครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับการทำงานหลายภาคส่วนที่มีประสิทธิผล ปฏิบัติได้และยั่งยืน เพื่อการป้องกันและควบคุมปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ด้วยวิธีการสื่อสารความรู้แบบครอบคลุมโดยมีผู้ใช้ความรู้เป็นศูนย์กลาง” 

ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล นักวิจัยประจำโครงการฯ, นักวิทยาศาสตร์จาก The Centre for Addiction and Mental Health (CAMH) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า 1. ต้องการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมว่า “ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” หรือ NCDs เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในสังคม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อมิติทางสังคมและเศรษฐกิจในวงกว้าง และปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนั้นมาจากทั้งพฤติกรรมส่วนบุคคลและปัจจัยทางสังคมที่กำหนดสุขภาพ ดังนั้นการแก้ไขปัญหานี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืน จะผลักภาระไปที่กระทรวงหลักทางด้านสุขภาพ (กระทรวงสาธารณสุข) อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมมือกันหลายภาคส่วน

ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีระบบข้อมูลการใช้สารเคมีในผัก ผลไม้ ในระดับประเทศ ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่อาหาร ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้เลยว่า ผัก ผลไม้ในมือ มีสารพิษตกค้างหรือไม่ หรือ ผัก ผลไม้เหล่านี้มาจากไหน “เราจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถ้ายังไม่รู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นที่ตรงไหน นั่นจึงทำให้ระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ” ซึ่งในขณะนี้มีทิศทางในการดำเนินงาน “ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน” ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาและป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ผ่านการเพิ่มพฤติกรรมเชิงบวกด้วยการเพิ่มปริมาณการบริโภคผักและผลไม้ที่สร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัย ให้แก่ผู้บริโภคด้วยความสบายใจ ซึ่งในขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะที่มาจากตัวแทนจากทางฝั่งกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับการเสวนาครั้งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการเข้าร่วม ได้แก่ รศ. ดร.ชนิพรรณ บุตรยี่ นักวิชาการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การบริโภคผักและผลไม้ ช่วยป้องกันการเกิดโรค NCDs ขณะเดียวกันสารเคมีในผักผลไม้อาจส่งผลต่อการเกิดโรค NCDs ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การพัฒนาแนวทางการติดตั้งระบบเฝ้าระวังผัก/ผลไม้ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสแกนเส้นทางของการใช้สารเคมีในพืชผัก ผลไม้ จนถึงมือผู้บริโภค โดยคาดหวังให้เกิดกระบวนการการตามสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งหากทำได้จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะเราจะสามารถรู้ต้นตอของปัญหาแล้วมีวิธีแก้ไขเพื่อเฝ้าระวังการใช้สารเคมี ให้ผู้บริโภคสามารถกินผักผลไม้ได้อย่างมั่นใจ 

นางสาวก่อวดี ผลเกลี้ยง นักวิชาการมาตรฐานชำนาญการพิเศษ กองควบคุมมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้แทนคณะทำงานจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ กล่าวว่า มกอช. ในฐานะหน่วยงานกลางที่มีภารกิจด้านมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร การรับรองระบบงานมาตรฐานสินค้าเกษตร การควบคุมและการส่งเสริมมาตรฐานสินค้าเกษตร ตั้งแต่การผลิตเบื้องต้นระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค ตลอดจนการเจรจาแก้ไขปัญหาทางการค้าเชิงเทคนิค เพื่อปรับปรุงและยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งเพื่อให้มีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการขับเคลื่อนงานมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยในสินค้าเกษตรและอาหาร โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ตลอดจนผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยอาหารตลอดโซ่อาหาร ซึ่งปัจจุบันมีคณะทำงานจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ของ 2 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงสาธารณสุข

ภกญ. สุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะคณะทำงานจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ กล่าวว่า มิติใหม่ของการยกระดับความร่วมมือการตรวจเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผักผลไม้ตลอดห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำ (สำนักงานมาตราฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และกรมวิชาการเกษตร) กลางน้ำ (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) และปลายน้ำ (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) โดยมุ่งเน้นความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ การดำเนินงานร่วมกันดังกล่าวอาศัยหลักการจัดลำดับความสำคัญความเสี่ยง (priority risk) ในการจัดทำแผนการตรวจติดตามเฝ้าระวังร่วมกัน เช่น พิจารณาจากประวัติและผลการตรวจพบสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ ชนิดผักผลไม้ที่ผู้บริโภคนิยมบริโภคเป็นประจำ พื้นที่ตรวจสอบ เป็นต้น เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน ประเด็นสำคัญในการดำเนินงานบูรณาการ คือ เมื่อพบปัญหาสารพิษตกค้างที่ผิดมาตรฐาน ต้องมีกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งเพาะปลูกเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และการพัฒนาชุดทดสอบที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทดสอบได้สะดวก รวดเร็ว และครอบคลุมชนิดผักผลไม้และสารพิษตกค้าง โดยผู้บริโภค พ่อค้า-แม่ค้า เจ้าหน้าที่และเครือข่ายผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ และสามารถทดสอบได้ด้วยตนเอง

ทิศทางการดำเนินการเชิงรุกดังกล่าว เป็นแนวทางหนึ่งของคณะทำงานจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผัก ผลไม้ และพืชอาหารอื่น ภายใต้คณะอนุกรรมการการประเมินและจัดการความเสี่ยงความปลอดภัยอาหารและโรคที่เกิดจากอาหาร คณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการดังกล่าว ประกอบด้วย 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (กระทรวงสาธารณสุข) มีบทบาทหน้าที่หลักในการจัดทำแผนบูรณาการการตรวจติดตามเฝ้าระวัง พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลผลการตรวจเฝ้าระวังเพื่อจัดทำข้อเสนอการจัดการความเสี่ยง นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายังให้ความสำคัญกับการตรวจเฝ้าระวังการนำเข้าผักผลไม้ที่ด่านอาหารและยา ตามนโยบาย One Daan - One Lab - One Day และหลักการกักอาหารไว้เพื่อทำการทดสอบก่อน หากผลผ่านจึงตรวจปล่อย (Hold Test Release) รวมถึงการสื่อสารและให้ความรู้แก่ผู้บริโภคในการลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนสารพิษตกค้างในผักผลไม้ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการบริโภคผักและผลไม้

คุณโอฬาร พิทักษ์ ที่ปรึกษาสมาคมตลาดสดไทยและสมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทย กล่าวว่า ตลาดถือเป็นปลายน้ำก่อนที่ผักและผลไม้จะถึงมือผู้บริโภค การทราบแหล่งที่มาของผัก/ผลไม้ รวมถึงการตรวจสอบสารเคมีเป็นไปค่อนข้างยาก การแก้ไขจึงต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำ กระบวนการที่จะทำให้อาหารปลอดภัยก็ต้องทำทั้งระบบ ผู้บริโภคต้องตื่นตัวในการเรื่องการบริโภคเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองให้ได้รับอาหารปลอดภัย ขณะเดียวกันภาครัฐก็ควรมีมาตรการเพื่อสนับสนุนเกษตรกร ซึ่งหากมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานได้ จะทำให้เกษตรกร ผู้บริโภค และผู้ค้าได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน

คุณสมเกียรติ ลำพันแดง เจ้าของฟาร์มสมเกียรติ ผักอร่อย กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ในฟาร์มของตนอยู่ภายใต้มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งมีเกณฑ์และข้อกำหนดพื้นฐานที่จำเป็นในการผลิตและควบคุม ให้ผู้ผลิตปฏิบัติตาม เพื่อให้สามารถผลิตอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยครอบคลุม 6 ประการ คือ 1. สุขลักษณะของสถานที่ตั้งและอาคารผลิต 2. เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต 3. การควบคุมกระบวนการผลิต 4. การสุขาภิบาล 5. การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด และ 6. บุคลากร ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์สมเกียรติ ผักอร่อย สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดหน้าถุง เพื่อดูว่าผักถุงนี้มาจากฟาร์มไหน ใครเป็นผู้ปลูก ได้มาตรฐานอะไรบ้าง ผ่านการรับรองจากกระทรวงใด โรงคัดบรรจุสะอาดปลอดภัยหรือไม่ ข้อมูลจะขึ้นให้ผู้บริโภคทราบได้ทันที ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตามสอบย้อนกลับในกรณีที่พบปัญหาอย่างมาก 

ทั้งนี้ สามาร www.thainhf.org www.thainhf.org ถติดตามความเคลื่อนไหวการขับเคลื่อนการตรวจติดตามเฝ้าระวังสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรในผักและผลไม้ ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ที่ www.thainhf.org และ Facebook fan page มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ

ข่าวประชาสัมพันธ์

รองผู้ว่าฯปทุมธานี ชวนพี่น้องชาวปทุมธานี ออกกำลังกายและเล่นกีฬาพร้อมนับแคลอรี

 ผ่าน แอปพลิเคชัน Calories Credit Challenge  “CCC”   วันนี้ (25 ก.ค.67) เวลา 15.30 น. ที่ โรงแรมทินิดี โฮเต็ล บางกอก กอล์ฟ คลับ จังหวัดปทุมธ...

โวยวายดอทคอม