โดยในการเข้าร่วมกิจกรรม V-OBM นั้น ผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าสามารถเลือกผู้ประกอบการตามหมวดหมู่ ชื่อบริษัท หรือสินค้าที่สนใจ เพื่อทำการนัดหมายเจรจาธุรกิจผ่านระบบ โดยเลือกช่วงเวลานัดหมายตามวันเวลาที่เหมาะสมกับไทม์โซนที่ต่างกันของแต่ละประเทศ
“การจับคู่เจรจาธุรกิจ V-OBM ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่ม เป็นจำนวนมาก มีผู้ประกอบการสินค้าอาหารกลุ่มใหม่ๆ เข้าร่วมเพิ่มจากเดิม ได้แก่ สินค้าอาหารฮาลาล, สินค้าอาหารออแกนิกส์ และสินค้าอาหารแห่งอนาคต (Future Food) รวมถึงสินค้าที่ได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI Products) สะท้อนให้เห็นการจัดงานในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ค้าอย่างกว้างขวาง
เนื่องจากขณะนี้ไม่สามารถจัดงานในรูปแบบออฟไลน์ได้ตามปกติจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การจัดงานแบบออนไลน์จึงเป็นช่องทางที่จะทำให้ผู้ขายได้พบกับผู้ซื้อ/ผู้นำเข้า โดยมีผู้ประกอบการไทยสมัครเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจออนไลน์แล้วจำนวน 368 บริษัท มีผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าลงทะเบียนเข้าชมงานและนัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจล่วงหน้ากว่า 1,433 ราย จาก 99 ประเทศ เราตั้งเป้าหมายว่างานนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มของไทยได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น สามารถนำเงินเข้าประเทศได้กว่า 830 ล้านบาท” นายจุรินทร์ กล่าว
นอกจากกิจกรรม V-OBM แล้ว ผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าที่ลงทะเบียนร่วมงาน THAIFEX – VTS บนแพลตฟอร์ม www.thaifex-vts.com ยังสามารถเข้าชมงานและเยี่ยมชมบูธที่สนใจได้เสมือนกับการเดินงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นในสถานที่จริง สามารถดูรายละเอียดสินค้าแบบ 360 องศา รวมทั้งพูดคุยกับผู้ประกอบการที่จัดแสดงสินค้าผ่าน V-OBM และการ VDO Call หรือทางข้อความได้ 24 ชั่วโมงผ่านการ Chat มากกว่านั้น ยังมีระบบกระดานสนทนาสำหรับประกาศซื้อ-ขายให้ติดต่อกลับได้ รวมถึงระบบแนะนำสินค้าและบริษัทให้กับผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าสามารถค้นหากันได้ง่ายขึ้น
จึงนับได้ว่า THAIFEX – VTS เป็นงานที่มีบทบาทสำคัญสำหรับผู้ส่งออกของไทยที่กำลังมองหาผู้ซื้อต่างประเทศ และ www.thaifex-vts.com ก็นับเป็นแพลตฟอร์มแห่งอนาคตของสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ที่พร้อมสำหรับการเจรจาธุรกิจได้เต็มศักยภาพ