วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

กรมการค้าต่างประเทศจับมือกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เปิด Pop Up Counter

กรมการค้าต่างประเทศจับมือกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เปิด Pop Up Counter  โชว์สินค้าเกษตรนวัตกรรมมุ่งเจาะนักท่องเที่ยวและต่างชาติเล็งขยายสู่ตลาดโลก

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นประธานในพิธีเปิด Pop-up Counter ในธีม “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ  ในวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 13.30 น. ทั้งนี้โดยมีการจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยกว่า 60 รายการ จากผู้ประกอบการกว่า 30 ราย ไปจนถึงวันที่  21 กันยายน 2568 นี้                                                                                                                                                                                                                                                                                         ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นาง อารดา เฟื่องทอง คณะผู้บริหารจากกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมให้การต้อนรับ โดยมี แอนโทเนีย โพซิ้ว รองชนะเลิศอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์ส 2023 และ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ให้เกียรติมาร่วมงานในฐานะพรีเซนเตอร์โครงการ     
 




กิจกรรม Pop-up Counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” ดำเนินการโดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย ที่มีศักยภาพทั้งสำหรับกลุ่มผู้ซื้อ ชาวไทย และ กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ ทั้งสินค้าเกษตรนวัตกรรมอาหารและสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยได้มีการคัดสรรจากสินค้าที่ได้รับรางวัล “Agri Plus Award” และสินค้าอื่นที่แสดงถึงความเป็นนวัตกรรม เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้าเกษตรไทย แต่ละผลิตภัณฑ์  สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานธรรมชาติกับเทคโนโลยี ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ความยั่งยืน และมีสไตล์ ในขณะที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้กับ เกษตรกร และผู้ประกอบการไทยได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน   

Pop-up Counter “Nature for Future: Agriculture + Innovation” เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวนานาชาติ เข้าชม ชิม ช้อป ใช้ และร่วมภาคภูมิใจกับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย พร้อมร่วมสนุก เพื่อลุ้นรับของที่ระลึกและคูปอง ส่วนลดสุดพิเศษได้ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ไปจนถึงวันที่ 21 กันยายน 2568


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม (สกน.) กรมการค้าต่างประเทศ 
โทร. 0 2547 4744 อีเมล apiinspire@gmail.com, api.dft@moc.go.th
หรือกดติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Facebook: Institute for Agricultural Product Innovation (APi)

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เชียงรายเร่งศักยภาพไมซ์เดินหน้าสู่เมืองประชุมนานาชาติ

ประสบผลสำเร็จการจัดงาน Global Coffee and Tea Association Forum 2025

เชียงรายเร่งเครื่องพิสูจน์ศักยภาพไมซ์ เป้าหมายจุดหมายปลายทางด้านชาและกาแฟระดับโลก ประสบความสำเร็จเป็นเจ้าภาพจัดงาน “Global Coffee and Tea Association Forum 2025: Shaping the Future Together” ผสานงานประชุม นิทรรศการและการลงพื้นที่ครบจบในงานเดียว ดึงผู้ร่วมงานนานาชาติ 46 คนจาก 11 ประเทศ/เขตปกครองเข้าร่วมงาน ออสเตรเลีย กัมพูชา จีน โคลอมเบีย เดนมาร์ก อินโดนีเซีย ฮ่องกง เมียนมา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเวียดนาม จากยอดผู้ร่วมงานทั้งสิ้น 211 คน



ในงานนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้แลกเปลี่ยนความรู้ สร้างเครือข่ายธุรกิจ และพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งลงพื้นที่เยี่ยมชมไร่ชาและกาแฟ โรงงานแปรรูป และลิ้มรสผลิตภัณฑ์ต้นตำรับ สร้างโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมชาและกาแฟในเชียงราย

งาน Global Coffee and Tea Association Forum 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 20 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ด้วยความร่วมมือระหว่างหลายองค์กร ได้แก่ สถาบันชาและกาแฟ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ 

ทีเส็บ เป็นการต่อยอดจากการจัดงาน Symposium นานาชาติด้านชาและกาแฟในปี 2566 และ 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมชาและกาแฟในระดับนานาชาติและการเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการชาและกาแฟในเชียงราย โดยเฉพาะกับผู้ซื้อที่มีศักยภาพจากต่างประเทศที่มาร่วมงาน ซึ่งเป็นการนำเสนอพลังทางธุรกิจของอุตสาหกรรมชาและกาแฟของเชียงราย



นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ และรักษาการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “เชียงรายได้แสดงศักยภาพของเมืองที่สามารถเป็นเจ้าภาพงานไมซ์ระดับสากลได้อย่างดีเยี่ยม งานนี้คือตัวอย่างของการใช้ไมซ์เป็นเวทีและเครื่องมือส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรอย่างชาและกาแฟของจังหวัด ผลักดันให้เชียงรายกลายเป็นศูนย์กลางการผลิต แปรรูป และซื้อขายชาและกาแฟทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงเป็นเจ้าภาพจัดเทศกาลชาและกาแฟระดับประเทศและนานาชาติในอนาคต”

เวทีส่งเสริมความรู้ เปิดประเด็นระดับโลก งานครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการประชุมและการเสวนาโต๊ะกลมที่โรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีวิทยากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการด้านชาและกาแฟจาก จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เมียนมา สิงคโปร์ เดนมาร์ก ออสเตรเลีย เวียดนาม และไทย ร่วมนำเสนอและแลกเปลี่ยนประเด็นที่หลากหลาย ทั้งความท้าทายของอุตสาหกรรม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ความยั่งยืน การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ การผสมและปรุงแต่งรส และแนวโน้มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ พร้อมนำเสนอผลงานวิจัย การแปรรูป และนวัตกรรมการผลิต

นิทรรศการพลังและศักยภาพของผู้ประกอบการ
การจัดนิทรรศการ “Chiang Rai Brewtopia Green Season” ที่อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง โดยมี นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายภูริพันธ์ บุนนาค และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยาภรณ์ เชื่อมชัยตระกูล หัวหน้าสถาบันชาและกาแฟ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานเปิดงาน ภายในนิทรรศการมีผู้ประกอบการชาและกาแฟกว่า 40 ราย นำเสนอผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่นทั้งจากชนเผ่าบนดอย ผู้ประกอบการหน้าใหม่ และช่างฝีมือท้องถิ่น ให้กับผู้ร่วมงานทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้เลือกซื้อ ลิ้มลอง และพูดคุยโอกาสทางธุรกิจ พร้อมกิจกรรมเวิร์กชอป เสวนาธุรกิจ และการสาธิตผลิตภัณฑ์

เยี่ยมชมพื้นที่ต้นแบบ ชูจุดแข็งด้านการผลิต

เพื่อตอกย้ำจุดแข็งของการเป็นจุดหมายด้านชาและกาแฟ มีการจัดกิจกรรม “A Cup to Village” พาผู้ร่วมงานชาวต่างประเทศลงพื้นที่ไร่และโรงงานต้นแบบ อาทิ ไร่ชาฉุยฟง อ.แม่จัน ชมการปลูกชาระบบขั้นบันไดแบบออร์แกนิก พร้อมกระบวนการผลิตและชิมชาอู่หลงที่คว้ารางวัล ไร่ชาวังพุดตาล ดอยแม่สลอง เยี่ยมชมเส้นทางการพัฒนาชุมชนด้วยชาอู่หลงและชาดำคุณภาพสูง โดยชาดำคว้ารางวัล Grand Gold Prize ในงาน World Green Tea Contest 2021 กาแฟดอยช้าง อ.แม่สรวย แสดงผลสำเร็จของการปลูกกาแฟอาราบิก้าภายใต้โครงการหลวงแทนการทำไร่เลื่อนลอยในปี 2512 ปัจจุบันมีแบรนด์เป็นที่ยอมรับส่งออกกว่า 10 ประเทศ ได้รับ GI จากสหภาพยุโรป และจบด้วยกิจกรรม Coffee Cupping ให้กับผู้ร่วมงาน ณ ร้าน “Queen of Coffee”


การเป็นเจ้าภาพงาน Global Coffee and Tea Association Forum 2025 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเชียงรายในการพัฒนาเมืองเป็นจุดหมายการจัดงานไมซ์ อีกทั้งในปี 2567 เชียงรายติดอันดับเมืองไมซ์ของ ICCA เป็นครั้งแรกจากการจัดงานที่เข้าเกณฑ์ ICCA จำนวน 2 งาน และในปี 2568 ยังเป็นเจ้าภาพประชุม AIPH Spring Meeting 2025 & Green City Conference 2025 ของสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเตรียมต้อนรับงาน PATA Destination Marketing Forum ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

ตามยุทธศาสตร์ของทีเส็บ ที่ต้องการกระจายงานไมซ์ไปยังเมืองรองที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว เชียงรายคือหนึ่งในเมืองที่มีมรดกชาและกาแฟเข้มแข็ง เป็นตัวอย่างของความสามารถในการดึงดูดงานระดับนานาชาติ และวางตำแหน่งเมืองบนแผนที่ไมซ์โลกได้อย่างแท้จริง นายภูริพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย

สค. ปิดกิจกรรมเสวนาสัญจรเสริมสร้างพลังทางสังคม

วันนี้ ( 30 ก.ค. 68) เวลา 11.30 น. นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบหมายให้ นางสุดา สุหลง รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรมเสวนาสัญจรเสริมสร้างพลังทางสังคมเพื่อขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัวและความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยมี ผู้บริหาร เจ้าหน้าสค. ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคและสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธีปิดดังกล่าว ณ โรงแรมกาลนาน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท นนทบุรี


นางสุดา กล่าวว่า ดิฉันขอขอบคุณทุกท่าน ที่มาร่วมงานเสวนาสัญจรเสริมสร้างพลังทางสังคมเพื่อขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศ ในวันนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นภายใต้เป้าหมายอันมุ่งมั่นในการส่งเสริมสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความเสมอภาค เป็นธรรมและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนอย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศ ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และที่สำคัญ คือ สื่อมวลชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่สังคม
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนที่สนับสนุน และร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวง พม. จนเกิดผลเป็นรูปธรรม



ในหลายมิติ ซึ่งรวมถึงด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศ นางสุดา กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ให้ได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างผู้บริหารและสื่อมวลชนผ่านกิจกรรมเสวนา "สค. ร่วมกับสื่อ: พลังขับเคลื่อนสังคมอย่าง สร้างสรรค์" ภายใต้แนวคิด "พลังสื่อ สานสุขครอบครัวไทย: รายได้มั่นคง สังคมเท่าเทียม ไร้ความรุนแรง" เพื่อให้ได้แนวทางการทำงานร่วมกัน สร้างการรับรู้และขับเคลื่อนนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่องานของ พม. โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา ได้แก่
1. นางนัฏญา วรชินา ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสถาบันครอบครัว
2. นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ
3. นางสาวชนานาถ วิไลรัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ
4. นายจตุรภัทร เหล่ารบ ผู้แทนสื่อมวลชน จากรายการ talktoday ช่อง Amarin tv







นอกจากนีั กิจกรรมเสวนาสัญจรฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง สค. และเครือข่ายสื่อมวลชน และถือเป็นการขอบคุณเครือข่ายสื่อมวลชนที่ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีเสมอมา สุดท้ายนี้ ในนามกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ขอขอบคุณผู้บริหาร บุคลากร สค.และเครือข่ายสื่อมวลชน ที่ได้สละเวลาอันมีค่าเข้าร่วมกิจกรรมเสวนาสัญจรฯ ในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความอนุเคราะห์และความร่วมมือที่ดีจากทุกท่านในการขับเคลื่อนงานด้านสตรี ครอบครัว และความเสมอภาคระหว่างเพศ เพื่อที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงนางสุดากล่าวตอนท้าย

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Health Coach นุ่น สินิทธา จัดกิจกรรมสุขภาพทางเลือก

ใน “IF & Water Fasting Club” ฟังเสียงตัวเองจากภายใน สู่ชีวิตที่ยืนยาว

กรุงเทพฯ – กระแสการดูแลสุขภาพแนวใหม่ยังคงแรงไม่หยุด ล่าสุด Health Coach นุ่น – สินิทธา บุญยศักดิ์ ผู้ให้ความรู้ด้าน  Intermittent Fasting (IF) และ Water Fasting ได้จัดงานบรรยายสุขภาพและพูดคุยกี่ยวกับ “IF & Water Fasting Club by  Noone Sinitta Health Coach”  ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ FCCT เพลินจิต อาคารมณียาเซ็นเตอร์ เมื่อเร็วๆ นี้


โดยทั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้รักสุขภาพอย่างอบอุ่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกระแสความสนใจในแนวทางการดูแลสุขภาพที่เน้น “ฟื้นฟูจากภายใน” ด้วยวิถีธรรมชาติอย่างแท้จริง พร้อมยังได้รับเกียรติจาก หนึ่งในแรงบัลดาลใจของ  “Health Coach นุ่น” ในฐานะผู้หญิงทำงาน ทางด้านแรงงานสัมพันธ์ สิทธิสตรีและแรงงานระดับต้นของเมืองไทย คุณศิริวรรณ ร่มฉัตรทอง เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย และดำรงตำแหน่งคณะกรรมการประกันสังคมผู้แทนฝ่ายนายจ้าง ได้มาพูดถึงการดูแลตัวเองในวัย 70+ ทำอย่างไรถึงได้มีพลังในการทำงานและยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และยังได้รับเกียรติจาก คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธ์  ประธานบริษัท บรอดคาซท์  ไทย เทเลวิชั่น จำกัด เข้าร่วมงาน IF (Intermittent Fasting)  & Water Fasting  Club ครั้งนี้ด้วย


เปิดเวทีด้วยคำขอบคุณจาก Health Coach นุ่น สินิทธา ที่ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งได้ให้คำนิยามว่า "คุณจงฟังเสียงของร่างกายคุณเอง อย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอก จงลองปฏิบัติและปรับใช้ข้อมูลที่ได้รับมา เพื่อให้เหมาะกับตัวคุณเอง""

โดยเนื้อหาคลาสแบ่งออกเป็น 3 เซสชันหลัก ดังนี้
เซสชันที่ 1 พื้นฐานและประโยชน์ของ Water Fasting
Health Coach นุ่นอธิบายถึงหลักการของการทำ Water Fasting โดยเน้นประโยชน์ด้าน Autophagy (การฟื้นฟูเซลล์), การปรับสมดุลการเผาผลาญ, การเสริมสุขภาพลำไส้ และการจัดการน้ำหนัก พร้อมทั้งหักล้างความเชื่อผิดๆ ที่หลายคนยังเข้าใจคลาดเคลื่อน

เซสชันที่ 2 ด้าน Intermittent Fasting ที่เหมาะกับตัวคุณ
หัวข้อที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง คือ “ช่วงเวลาที่เหมาะสมในแต่ละเดือนสำหรับการทำ IF” ทั้งนี้ Health Coach นุ่นได้เจาะลึกเรื่องฮอร์โมน และ  พร้อมให้คำแนะนำเชิงปฏิบัติในการทำ IF อย่างปลอดภัยและได้ผลในชีวิตประจำวัน



ช่วงพักเบรคสุดพิเศษ ด้วยการบำบัดเสียง Sound Bath โดย “อาจารย์ Kendo” (ภพ เดชาเบญจรัตน์) ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานเสียง Sounds therapy ซึ่งได้นำการ “สวดชุมนุมเทวดา” มาผสานกับการใช้ขันทิเบต เพื่อส่งพลังบวกแก่ประเทศไทยและผู้เข้าร่วมกิจกรรม เสริมความสงบชัดเจนทางจิตใจและซึมซับความรู้ด้านสุขภาพได้อย่างลึกซึ้ง

เซสชันที่ 3 ประโยชน์ของ probiotic ต่างสายพันธุ์  “Health Coach นุ่น” ได้แนะนำการเลือกอาหารที่เหมาะสมหลังช่วงการทำIF โดยเน้นการเสริม Probiotics สด ที่ดีต่อลำไส้, และประโยชน์ของไฟเบอร์คุณภาพสูง เพื่อบำรุงลำไส้และระบบย่อยอาหาร เพื่อสุขภาพ และอารมณ์ที่แจ่มใส่ พร้อมเคล็ดลับการวางแผนมื้ออาหารเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของ IF  

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมความรู้สุขภาพดีๆ เช่นนี้ สามารถติดตามกิจกรรมถัดไปจาก Health Coach นุ่น สินิทธา บุญยศักดิ์ ได้ที่ โทร. 087-999-0234 หรือ

ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่เพจ: Noonessinitta Health Coach

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

KORKOK อิสระ ชูภักดี ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ


“ปลุกกกให้เกิด” ผ่านการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ คนปลูก คนทอ จนถึงคนสร้างสรรค์ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมจากชุมชน ผสานดีไซน์ร่วมสมัยและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เสื่อกกไม่ใช่แค่วัสดุท้องถิ่น แต่กลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ในแฟชั่นและการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน โดยการทำงานร่วมกับ ป้าๆ ที่พวกเราเรียกว่าแม่ครู ทุกคนยินดีสอนและให้คำแนะนำแบบไม่หวงวิชา พอได้ลงมือทำเองรู้เลยว่ายากมาก กว่าจะเป็นกกแต่ละเส้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเข้าใจว่าทำไมคนรุ่นใหม่ไม่อยากทำ เพราะทำช้า ได้เงินน้อย ในขณะที่เรามองว่านี่แหละคืออาชีพที่ยั่งยืน ไม่ร่ำรวยแต่อยู่ได้ มีความสุข






นายอิสระ ชูภักดี (อิส) ชาวจันทบุรี  New Young Craft ปี 2567 เจ้าของแบรนด์ กอกก ( korkok) จังหวัดจันทบุรี คนรุ่นใหม่ที่นำกกมาทำประโยชน์ สร้างเป็นแบรนด์ของตัวเอง คุณอิสจบปริญญาตรี วิชาเอกสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัวกับครอบครัว และเป็นคอลัมนิสต์ให้กับวารสารจันท์ยิ้ม จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ (แรงบันดาลใจ)จากปลุกกกให้เกิด พัฒนาต่อยอดอย่างงดงาม KORKOK คือ แบรนด์กระเป๋าเสื่อกกจันทบูร ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวจันทบุรี 

อิสระ ชูภักดี (อิส) New Young Craft  ปี 2567 เจ้าของแบรนด์ กอกก

“กกสองน้ำ” กกพื้นถิ่นที่เติบโตในน้ำกร่อย ให้เส้นใยเหนียว มันวาว สวยงาม ทอเป็นเสื่อกกจันทบูรที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน ไม่ขึ้นรา งานหัตถศิลป์ร่วมสมัยที่ผสานภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง สู่ผลิตภัณฑ์ GI มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน  ปกติคนทำกก พอตากแห้งแล้วก็จะเก็บเป็นสต๊อกไว้ทอเป็นเสื่อตลอดปี เราให้ป้าทอเสื่อให้ พอจะจ่ายเงิน ป้าบอกไม่เอาเงินแต่ขอเป็นกกแห้งแทน เงินดูจะไม่สำคัญเท่าการมีกกไว้ คนทำเสื่อเค้ารู้ดีว่าการมีกกแห้งไว้เหมือนมีทองคำประดับกาย คำว่ากกแพงกว่าทองคำนั้นดูจะเป็นเรื่องจริง เพราะกกคืองาน กกคือสร้างรายได้ กกคือชีวิต ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในรอบนี้  ผลผลิตจาก กกสดราวๆ 700 กก. จ้างตัด จ้างจัก งบประมาณราวหมื่นกว่า ทำแห้งเสร็จรวมยอดได้ 139 กก. ราคาขาย กก.ละ 120 บาท รวมรายได้ 16,680 บาท แต่ในระหว่างขั้นตอน มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งนี่-นั่นกระจายระหว่างทางที่ไม่ได้คิด เบ็ดเสร็จหักลบค่าต้นทุนกับรายได้ะพอดีกัน กำไรไม่เห็น แต่สิ่งที่ได้ คือ รอยยิ้มและความภาคภูมิใจ ต่อวงจรชีวิตกกเพื่อให้คงอยู่ การปลูกกกที่ไม่ได้หวังเพียงกำไร แต่เห็นรอยยิ้มของคนทำเสื่อ มีกกไว้ใช้ก็ดีใจแล้วทำเท่าที่กำลังไหว และจะทำต่อในวิถีชีวิตแบบคนจันทบุรี เราเข้าใจแล้วว่า ‘ขาดทุนคือกำไร‘ มันมีความหมายอย่างไร แม้จะเหนื่อยแต่มีความสุข 






KORKOK ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและเรื่องราว จากเส้นกกธรรมชาติสู่ดีไซน์ร่วมสมัย ผสานพลังของ ‘แม่ครูทอเสื่อ’ รุ่นเก๋า กับความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ สู่แฟชั่นไอเท็มที่งดงามและเปี่ยมเสน่ห์เหนือกาลเวลาจากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย

ปลุกกก ให้ได้เกิด ทั้งคนปลูก คนทอ คนทำ
TEL: 085 199 2488
FB  : KORKOK
IG  : KORKOKCHAN

CR ภาพ : FB  : KORKOK

CR ภาพ : FB  : KORKOK

#KORKOK
#เสื่อกกจันทบูร
#SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
#KORKOK #เสื่อกกจันทบูร
#มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ
#ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ

ข่าวประชาสัมพันธ์

ช.ส.ท. ขอบคุณผู้ประกอบการร่วมสนับสนุน กิจกรรม “สุขทันทีที่เที่ยวอุตรดิตถ์”

ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว นำโดย นางวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมฯ ขอบคุณพันธมิตร จาก กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกร...

โวยวายดอทคอม