วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ทีเส็บ แถลงความสำเร็จก้าวแรกของ “ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์” พร้อมแนวผลักดันแผนแม่บทฯ ปี 64

 

11 พฤศจิกายน 2563 กรุงเทพฯ: ทีเส็บแถลงความสำเร็จในปีแรกของ “ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์” (Thailand LOG-IN Events) แผนแม่บทขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ล็อก-อิน และอุตสาหกรรมเป้าหมายผ่านการส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ โดย นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เป็นประธาน พร้อมเปิดตัวพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนที่เข้าร่วมภายใต้แผนแม่บทฯ ในปีนี้อย่างเป็นทางการ รวมถึงประกาศแนวทางผลักดันแผนแม่บทฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า

โดยมี นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ที่ปรึกษานายกเมืองพัทยาด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ดร.คเณศ วังส์ไพจิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)นางสาว กนกพร ดำรงกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) นายศุภกร ภัทรวิเชียร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงคมนาคม นายพงษ์ศักดิ์ ลิมป์พรพิพัฒน์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้นสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ร่วมงาน ณ เกษร เออร์เบิน รีสอร์ท เกษร ทาวเวอร์

นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวถึงแผนแม่บทอุตสาหกรรม “ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์” หนึ่งในแคมเปญสำคัญของการกระตุ้นและสนับสนุนการจัดงานไมซ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตลอดจนฟื้นฟูธุรกิจสาขาต่าง ๆ อย่างเต็มศักยภาพ โดยแผนแม่บทฯ นี้เป็นกลยุทธ์ขับเคลื่อนและส่งเสริมงานแสดงสินค้านานาชาติในกลุ่มโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน (Logistics & Infrastructure หรือ ล็อก-อิน)


“แนวทางการดำเนินงานของแผนแม่บทอุตสาหกรรม ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์ นั้น ตอบโจทย์แนวทางโครงการแผนพัฒนาประเทศระดับมหภาคของรัฐบาล เพราะกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐและเอกชนสร้างงานใหม่ ขยายงานเดิม กระจายงานสู่ภูมิภาค และประมูลสิทธิ์การจัดงานระดับโลกเข้ามาจัดในประเทศไทยหรือในพื้นที่พันธมิตรหลักอย่าง อีอีซี และพัทยา และมีแผนในการขยายพื้นที่เพิ่มเติมในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการด้านงานแสดงสินค้านานาชาติ

แผนแม่บทฯ นี้จะช่วยประสานประโยชน์และส่งเสริมสนับสนุนด้านการจัดงานในด้านต่าง ๆ เช่น สนับสนุนด้านการเงินในการจัดงานแบบวิถีใหม่ (new normal) สนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาศักยภาพการรองรับการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในพื้นที่ อีอีซี การทำกิจกรรมการตลาดและการประชาสัมพันธ์งาน รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้จัดงานแสดงสินค้านานาชาติ

 ซึ่งในปีนี้มีผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมแผนแม่บทฯ ถึง 5 งาน (ทั้งการขยายโพรไฟล์งาน และ นำงานไปจัดในพื้นที่ อีอีซี) ภายใต้ 3 อุตสาหกรรมภายใต้แผนแม่บทฯ นี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมด้านการเดินเรือ และอุตสาหกรรมด้านเมืองอัจฉริยะ และคาดว่าจะมีงานแสดงสินค้านานาชาติภายใต้แผนแม่บทฯ ทั้งงานที่มีการขยายโพรไฟล์ในอุตสาหกรรม ภายใต้แผนแม่บทฯ และงานจัดในพื้นที่อีอีซี รวมถึง 15 งานด้วยกัน ภายในปี 2568”

จากการดำเนินงานข้างต้น ทำให้เกิดความร่วมมือทางด้านพันธมิตรภาครัฐที่เข้าร่วมในแผนแม่บทฯ ได้แก่

- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในฐานะหน่วยงานดูแลพื้นที่หลักสำหรับรองรับการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ พร้อมด้วยสิ่งก่อสร้างและอำนวยความสะดวกอย่างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างสนามบิน ท่าเรือ และเมืองการบิน (Aerotropolis)

- กระทรวงคมนาคม ในฐานะหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ส่งเสริมแผนแม่บทอุตสาหกรรมนี้ผ่านการสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยที่กำลังมีการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ สร้างอุปสงค์จำนวนมากเป็นโอกาสให้งานแสดงสินค้าเข้ามาตอบสนองความต้องการอย่างครบวงจร

- สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) หน่วยงานสำคัญที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน โดยจะร่วมสนับสนุนงานแสดงสินค้านานาชาติภายใต้แผนแม่บทฯ ด้านการให้ความรู้กับกลุ่มนักลงทุนและดิจิทัลสตาร์ทอัพที่มีความสนใจในอุตสาหกรรมดิจิทัล

- เมืองพัทยา ในฐานะศูนย์กลางของพื้นที่ อีอีซี ที่พร้อมนำเสนอแพ็กเกจสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการที่นำงานเข้าไปในจัดพื้นที่




ดร.คเณศ วังส์ไพจิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวว่า “แผนแม่บท ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์ จะมีส่วนช่วยโปรโมทและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อย่างลงตัว เพราะสำนักงาน อีอีซี มีเป้าหมายที่จะพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและบริเวณใกล้เคียงให้เป็นจุดหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยว (Tourist Destination) และเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าครบวงจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Multimodal Logistics) รวมไปถึงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้ อีอีซี และประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์และมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น”

ดร.คเณศ ย้ำเพิ่มเติมว่า “การพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน สนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดและท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 มีความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างมาก และจะพร้อมที่จะให้บริการได้ประมาณปี 2568 - 2569 ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนท์ จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ผ่านการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติอีกด้วย”

นางนิชาภา กล่าวทิ้งท้ายว่า “แนวทางผลักดันแผนแม่บทฯ ในปีหน้า มีแนวทางการดำเนินงานด้านกลยุทธ์เพิ่มเติมขึ้นมาอีก 3 ด้าน ด้านแรกคือ ขยายขอบเขต (Expand EEC and Targeted Industries) ขยายขอบเขตการผลักดันงานแสดงสินค้านานาชาติคลอบคลุมพื้นที่ อีอีซี เช่น ระยอง บางแสน รวมถึง ผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่น ๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัตโนมัติ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการจัดการภัยพิบัติ

ด้านที่สอง คือ เพิ่มพลังความร่วมมือ (Government Partnership) ต่อยอดการทำงานอย่างบูรณาการร่วมกับภาครัฐในพื้นที่ที่ขยายเพิ่มเติม รวมถึงภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมาย

และด้านที่สาม คือ บ่มเพาะผู้ประกอบการ (Incubation Programme: Strengthen Thai Exhibition Stakeholders)สร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการไทยเพื่อพร้อมรองรับการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การจัดทำคู่มือแนวทาง รวมถึงการจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติ

โดยเป้าหมายสำคัญของแผนแม่บทฯ นี้ คือการได้สร้างงานแสดงสินค้าระดับโลกด้านอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อย่าง Thailand International Air Show เป็นครั้งแรกในประเทศไทยในปี 2566 และ จัดงานอย่างเต็มรูปแบบในปี 2568”

ข่าวประชาสัมพันธ์

รองผู้ว่าฯปทุมธานี ชวนพี่น้องชาวปทุมธานี ออกกำลังกายและเล่นกีฬาพร้อมนับแคลอรี

 ผ่าน แอปพลิเคชัน Calories Credit Challenge  “CCC”   วันนี้ (25 ก.ค.67) เวลา 15.30 น. ที่ โรงแรมทินิดี โฮเต็ล บางกอก กอล์ฟ คลับ จังหวัดปทุมธ...

โวยวายดอทคอม