วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

TCMC เผยผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2568

บริหารต้นทุนเข้มข้น ขาดทุนสุทธิลดลงร้อยละ 23.16 ถึงแม้รายได้ยังไม่ฟื้นตัว เร่งปรับแผนเตรียมฟื้นครึ่งปีหลัง


ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน (TCM Corporation) หรือ TCMC เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มีรายได้รวม 1.2 พันล้านบาท โดยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.77 โดยปัจจัยหลักมาจากผลกระทบจากช่วงนอกฤดูกาลขายของผลิตภัณฑ์กลุ่มวัสดุตกแต่งพื้นผิว รวมถึงความท้าทายของสภาวะตลาดที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในประเทศอังกฤษในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ตลอดจนการหดตัวของการผลิตและยอดขายภายในประเทศจากอุตสาหกรรมยนต์ แต่อย่างไรก็ตามท่ามกลางความผันผวนของภาวะตลาดและเศรษฐกิจโลกบริษัทยังสามารถดำเนินมาตรการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น จำนวน 6.52 ล้านบาท และมีรายได้อื่นเพิ่มมากขึ้นเช่นกันจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้สำหรับครึ่งปีหลังของ 2568 คาดว่าจะฟื้นตัวและพลิกทำกำไรจากปัจจัยสภาวะตลาดที่ฟื้นตัว


 นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TCMC)  เปิดเผยว่า บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (เรียกรวมกันว่า “กลุ่มบริษัท”) มีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 1,292.33 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 18.77 อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 54.54 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 50.82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 63.77 ล้านบาท ดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 82.99 ล้านบาท โดยที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการขยายตลาดใหม่และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาค ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงในช่วงครึ่งปีหลัง

นางสาวปิยพร กล่าวต่อไปว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 แม้ผลการดำเนินงานของบริษัทจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและค่าครองชีพที่สูงจากตลาดในสหราชอาณาจักร ทำให้กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) ยอดขายลดลงร้อยละ 28.59 แต่ทว่าการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กรรับมือกับการเปลี่ยนกลยุทธ์ของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่ไปสั่งสินค้าจากแหล่งอื่นหรือผลิตเอง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 22.74 เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่จากการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารอังกฤษและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มฟื้นตัว คาดว่าจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและตัวธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี

ด้านกลุ่มธุรกิจกลุ่มธุรกิจวัสดุ (TCM Surface) ในไตรมาสที่ผ่านมา รายได้ลดลงร้อยละ 3.46 โดยมีปัจจัยหลักมาจาก การที่ตลาดพรมอยู่ในช่วง Low Season และผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่มธุรกิจยังคงเดินหน้าลงทุนด้านการตลาด โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเทียบสัดส่วนต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากความพยายามในการกระตุ้นยอดขายผ่านการออกงานโชว์ การโปรโมทแบรนด์และผลิตภัณฑ์อคูสติก และการเดินทางของฝ่ายขายในต่างประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผลในเชิงยอดขายช่วงครึ่งหลังของปี

 สำหรับกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive)  มีรายได้ลดลงร้อยละ 14.21  ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด การผลิตรถยนต์ในประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่อหลังจากหักค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงิน และภาษี ทำให้กลุ่มธุรกิจมีผลกำไรสุทธิ 13.64 ล้านบาท แม้จะต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.95 แต่ยังสามารถคงอัตราส่วนต่อยอดขายที่ร้อยละ 8.11 สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการรองรับการฟื้นตัวของตลาดในระยะถัดไป

 สำหรับฐานะทางการเงินของ TCMC กลุ่มบริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่อยู่ในระดับดี โดยมีอัตราส่วนสภาพคล่องทั่วไปอยู่ที่ 1.09 เท่า และอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วที่ 0.67 เท่า ขณะที่สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2567 จำนวน 6.52 ล้านบาท กลุ่มบริษัทยังมีรายได้อื่นจำนวน 6.3 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการขายสินค้าทดลองของกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ รวมถึงรายได้จากดอกเบี้ยรับ ค่าเช่า การจำหน่ายสินทรัพย์ และเศษซากต่าง ๆ ที่ผ่านมา บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารจัดการโครงสร้างหนี้อย่างรอบคอบ โดยมุ่งลดภาระหนี้สินอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งติดตามแนวโน้มการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย เพื่อปรับแผนการบริหารหนี้ระยะยาวให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมและเสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินในระยะยาว ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคง





 "ถึงแม้เศรษฐกิจในปี 2568 ยังคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องนโยบายภาครัฐ และนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ บริษัทมีการปรับตัว วางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และลงทุนในหลายๆ ด้าน เพื่อคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว  พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันผ่านการขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างรอบคอบควบคู่กับการยกระดับระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกมิติ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาใช้ เพื่อยกระดับคุณค่าและประสบการณ์ของลูกค้า ตลอดจนสร้างประโยชน์ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวสู่องค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับห่วงโซ่อุปทานในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล"  นางสาวปิยพร กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์

กระแสแรงเกินต้าน! โครงการ GIT’s World Jewelry Design Awards 2025

  ทุบสถิติใหม่ ทะลุกว่า 899 ผลงาน จาก 37 ประเทศทั่วโลก โครงการประกวดออกแบบเครื่องประดับระดับโลก GIT’s World Jewelry Design Awards 2025 โดยสถ...

โวยวายดอทคอม