วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568

“ไวไว” เดินเกมรุกชานเมืองด้วยกลยุทธ์ Controlled Growth สุดแกร่ง

เปิด “ควิกเทอเรส” สาขา 6 (บ้านแพ้ว) ตั้งเป้าเป็นโชว์รูมสินค้าไวไวครบไลน์ครั้งแรก 

บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควิกแสบ เส้นหมี่อบแห้งไวไว และผงปรุงสำเร็จตรารสเด็ด เดินหน้าเสริมทัพธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ “ควิกเทอเรส (Quick Terrace)” ด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่ “บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร” โดยสาขาล่าสุดนี้สะท้อนวิสัยทัศน์การเติบโตแบบยั่งยืน ควบคุมได้ทุกมิติ และรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้นกว่าเดิม






ายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ควิกเทอเรส สาขา 6 บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เป็นการต่อยอดธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การเร่งขยายแบบหวือหวา หากแต่เป็นการวางรากฐานเพื่อการเติบโตที่แข็งแรงสำหรับอนาคต โดย
ในสาขาบ้านแพ้วนี้ ยังคงนำเสนอเมนูราคาจับต้องได้ อาทิ เมนูยอดนิยมในช่วงราคา 69 / 79 / 89 บาท รวมถึงเมนูพรีเมียมอย่าง “ต้มยำหม้อไฟ” ราคา 199 บาท ที่ยังคงรักษาคุณภาพและความคุ้มค่าตามมาตรฐานของแบรนด์

ทั้งนี้ การขยายควิกเทอเรสยังคงยึดกลยุทธ์การเติบโตแบบควบคุม (Controlled Growth) โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพด้วยตัวเองทุกสาขา 100% ไม่ปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาบริหาร เพราะ “ภาพลักษณ์แบรนด์คือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด และต้องรักษาไว้เหนือสิ่งอื่นใด” พร้อมเสริมว่า “ทุกอย่างค่อย ๆ โตอย่างมั่นคง ใช้ทีมงานที่เรามั่นใจ เพื่อให้คุณภาพยังคงเดิมทุกชาม ทุกวัน ทุกสาขา”


สำหรับการเลือกทำเลของควิกเทอเรส บริษัทจะหลีกเลี่ยงการเปิดสาขาในใจกลางเมืองที่มีการแข่งขันสูงและค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ย 700–800 บาทต่อตารางเมตร และหันไปขยายในย่านชานเมือง พื้นที่ชุมชน และเส้นทางผ่านไปต่างจังหวัด ซึ่งมีศักยภาพมากกว่า ทั้งในแง่จำนวนผู้สัญจรและโอกาสในการซื้อสินค้ากลับบ้าน

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าว่า “ควิกเทอเรสทุกสาขา” จะทำหน้าที่เป็น “โชว์รูมสินค้าไวไวครบไลน์” เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ในเครือไวไวได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งสินค้าใหม่ สินค้าพิเศษ ราคาพิเศษ และสินค้าพรีเมียมที่มีเฉพาะในบางสาขา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสจำหน่ายสินค้า และเสริมความแข็งแรงของแบรนด์ในอีกมิติหนึ่ง

นายยศสรัล กล่าวปิดท้ายว่า การเปิดควิกเทอเรส สาขาใหม่ที่บ้านแพ้วครั้งนี้ เป็นการยืนยันวิสัยทัศน์ของไวไวที่ไม่เพียงต้องการเพิ่มจำนวนสาขา แต่ต้องการสร้าง “ฐานธุรกิจที่มั่นคง แข็งแรง และควบคุมได้ทุกขั้นตอน” พร้อมยกระดับแบรนด์เข้าสู่ร้านอาหารยุคใหม่ ที่เป็นทั้งจุดรับประทานอาหารและโชว์รูมสินค้าในคราวเดียวกัน ช่วยขยายทั้งธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจสินค้าในเครือไปพร้อมกันอย่างมีพลังและยั่งยืน

ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ เปิดตัวแคมเปญ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย”

พร้อมกิจกรรมโรดโชว์ทั่วประเทศ กับผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม คุณวันทนา ทองไทย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ UFM ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งสาลีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ เปิดตัวแคมเปญ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย” จัดกิจกรรมโรดโชว์สาธิตเมนูอาหารที่ใช้ผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม ให้ได้ทดลองใช้และสัมผัสประสบการณ์จริง เพื่อสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพให้ผู้ประกอบการ พ่อค้า แม่ค้า อาหารทอด และผู้บริโภคในกลุ่มสตรีทฟู้ดทั่วประเทศ รวมถึงเป็นการขยายฐานผู้ใช้งานจริง


จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม ไม่ว่าจะชุบทอดผัก หรือเนื้อสัตว์จะคงความกรอบได้นาน ได้เนื้อสัมผัสกรอบ เบา ไม่เลี่ยน ผสมได้ปริมาณมาก สามารถดูดซึมน้ำได้ดี ทำให้ได้ปริมาณแป้งสำหรับชุบทอดเพิ่มขึ้น ซึ่งตอบโจทย์ของผู้ประกอบการด้านอาหารในเรื่องของต้นทุนสินค้า รวมถึงยังได้รับเครื่องหมายฮาลาล โดยผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม มีวางจำหน่ายที่ร้านค้าปลีกและค้าส่งทั่วประเทศ
คุณวันทนา ทองไทย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน)

สำหรับแคมเปญ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย” บริษัทฯ ได้จัดเตรียมฟู้ดทรัค และทีมงาน มืออาชีพเพื่อประกอบอาหารให้ทดลองชิม และยังมีเกมต่างๆให้ร่วมสนุก พร้อมรับแป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม ฟรี เพียงลงทะเบียนผ่าน LINE Official : @ufmflour นอกจากนี้ลูกค้าที่เข้าร่วมระบบสมาชิก ยังสามารถร่วมรับสิทธิ์แลกของรางวัล รวมถึงลุ้นทองคำกับแคมเปญ “ยูเอฟเอ็ม ครบรอบ 60 ปี ทั้งลุ้นทั้งแลก” อีกด้วย โดยแคมเปญ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย” จะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2568 ในพื้นที่ตลาดภาคกลาง และจะขยายกิจกรรมไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

ผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์แป้งทอดกรอบ ตรา ยูเอฟเอ็ม คุณภาพ มาตรฐาน
สามารถพบกิจกรรมโรดโชว์ “UFM ยืนหนึ่ง กรอบนานสะท้านไทย” ได้ที่

·      วันที่ 6-7 ธ.ค. 68 ตลาดสดเทศบาล (ตลาดร่มหุบ) จ.สมุทรสงคราม

·      วันที่ 10-11 ธ.ค. 68 ตลาดท่ารถทัวร์ จ.เพชรบุรี

·      วันที่ 12 ธ.ค. 68 ตลาดสดเทศบาลชะอำ จ.เพชรบุรี

·      วันที่ 13-14 ธ.ค. 68 ถนนคนเดินหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  Facebook : เข้าครัวกับยูเอฟเอ็ม

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568

“คิปโชเก้”ร่วมกิจกรรมไนกี้ย้ำวิ่งให้สนุกแล้วความสำเร็จจะตามมา

กรุงเทพฯ: ๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ความเคลื่อนไหวของ เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เจ้าของ ๒ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ แชมป์ ๑๑ เมเจอร์ ได้ร่วมทำกิจกรรม “ไนกี้ รีคัฟเวอรี่ รัน” (Nike Recovery Run With Kipchoge) ที่สวนสาธารณะ 100 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายหลังได้ร่วมลงวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. ในมหกรรมการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลก “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา


สำหรับกิจกรรม “ไนกี้ รีคอฟเวอรี่ รัน” ครั้งนี้เปิดโอกาสให้แฟนคลับที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับ ไนกี้ และนักวิ่งสมาชิกของไนกี้และพัทธมิตรธุรกิจเข้าร่วมพบปะพูดคุยกับ เอเลียด คิปโชเก้ แบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง
ทั้งนี้ เอเลียด คิปโชเก้ ยังได้แนะนำเทคนิคในการวิ่งมาราธอนให้ประสบความสำเร็จว่า “นอกจากการเตรียมร่างกายให้พร้อม ฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอแล้ว เมื่อเจอข้อผิดพลาดจาการวิ่ง อย่าเสียใจ ให้นับมาปรับปรุงแก้ไจ เราต้องสนุกกับการวิ่งและมีความสุขในทุกๆ ครั้งด้วย” เมื่อแฟนคลับนักวิ่งถามว่าอะไรคือสิ่งที่ชอบเป็นที่สองรองจากการวิ่ง และจากความสำเร็จที่ผ่านมาทำอย่างไรเขาถึงเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ เขาตอบว่า “สำหรับผมๆ ให้ความสำคัญกับความสุขที่ได้วิ่งเข้าเส้นชัย และสิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จคือการใช้ชีวิตให้อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับวันนี้ ไม่ใช่อยู่กับเมื่อวาน ถึงมีเงินคุณก็ไม่สามารถซื้ออดีตกลับมาได้ อย่ากังวัลหรือเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และผมได้ข้อคิดเพิ่มจากการได้เจอ บัวขาว นักมวยไทยที่แม้มีชื่อเสียงโด่งดังก็ยังใช้ชีวิตแบบมีความสุขเช่นคนทั่วไป”
สำหรับการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 Presented by TOYOTA วัตถุประสงค์เพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับกรุงเทพมหานคร, สมาคมกรีฑาโลก และไทยแลนด์ไตรลีก (ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ)



วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของสมาคมกรีฑาโลก (THE OFFICIAL WORLD CAPITAL MARATHON SERIES) เทียบเท่ามาราธอนระดับเมเจอร์โลก เพื่อส่งเสริมให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (SPORTS TOURISM CAPITAL CITY) และมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ จำนวน ๔๘,๐๐ คน ผู้ร่วมเดินทาง เจ้าหน้าที่ และประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า ๘๐,๐๐๐ คน ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่า ๑,๔๐๐ ล้านบาท

“บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” ภูมิคุ้มกันดี ผิวสวยสดใส!


พิเศษรับลมหนาว แบบซอง เพียง 39 บาท ที่เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา!  ลมหนาวมาเยือน...อย่าปล่อยให้สุขภาพอ่อนแอ! ช่วงนี้เป็นเวลาที่ร่างกายต้องการการดูแลเป็นพิเศษ วิตามินซีไม่เพียงแต่ช่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด แต่ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแล ผิวพรรณให้สวยสดใส ไม่หมองคล้ำแม้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศแห้งและเย็น

โปรโมชั่นพิเศษ รับลมหนาว บริษัท บีไชน์ นูทริชั่น พลัส จำกัด จัดโปรโมชั่นต้อนรับลมหนาวด้วย “บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” วิตามินซีธรรมชาติ 100% แบบซองพกพาสะดวก ขนาด 6 เม็ด ราคาพิเศษ เพื่อช่วยดูแลทุกคนให้สุขภาพดีและแข็งแรง เพียงซองละ 39 บาท (จากปกติ 49 บาท) และพิเศษยิ่งขึ้นสำหรับสมาชิก ALL member รับส่วนลดเพิ่มอีก 1 บาท ซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ - 3 มกราคม 2569 ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ


2 คุณประโยชน์ครบถ้วน: สุขภาพแข็งแรงและผิวสวยกระจ่างใส
“บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่” (B Shine NaturC) วิตามินซีจากธรรมชาติ 100% โดดเด่นด้วยอะเซโรลา เชอร์รี่สกัดมากถึง 1000 มก.ต่อเม็ด มาจากผลสด 4000 มก. เข้มข้น 4 เท่า และที่พิเศษกว่าเดิมคือการ เพิ่มปริมาณสารสกัดจากทับทิมมากถึง 70 มก. ซึ่งสารสกัดจากทับทิมนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยเรื่อง ปกป้องผิวจากแสงแดด ลดความหมองคล้ำ และทำให้ผิวสว่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื้น

ดังนั้น สูตรใหม่นี้จึงมอบ 2 คุณประโยชน์แบบครบถ้วน ทั้งการ เสริมภูมิคุ้มกันป้องหวัด/ภูมิแพ้ และช่วยให้ ผิวสวยสดใสสุขภาพดี ยิ่งขึ้น บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่ ยังมีสารสกัดที่มีประโยชน์จากผลไม้และผักหลากชนิด ที่อุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์และสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง เช่น ซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ 100 มก., เบอร์รี่มิกซ์ 120 มก., สารสกัดจากเมล็ดลิ้นจี่ และแคโรทีนอยด์ ทานง่าย ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร

ด้วยความเป็นวิตามินซีธรรมชาติ 100% ทำให้ร่างกายสามารถ ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี และคงอยู่ในร่างกายได้นาน ทั้งยังมีซิตรัสไบโอฟลาโวนอยด์ในปริมาณสูงที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และไม่มีสารตกค้างในร่างกาย เพียงรับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร มื้อเช้าหรือเย็น เหมาะสำหรับทั้งวัยหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ

สามารถติดตามข่าวสารโปรโมชั่นและดูข้อมูลเพิ่มเติมของ “บีไชน์ เนเจอร์ซี สูตรใหม่”
ได้ที่ www.bshine.co.th, FB : B Shine และ Line : @Bshine

โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ เปิดเทศกาลแห่งความสุขกับพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปี 2568

โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ เปิดเทศกาลแห่งความสุขกับพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปี 2568 เฉลิมฉลองปีแห่งความสำเร็จ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย, One MICHELIN Key 2025 และการเป็นพันธมิตรกับ Small Luxury Hotels of the World

โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ จัดงาน พิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปี ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่น ณ โถงล็อบบี้สุดหรู โดยมีแขกผู้บริหารระดับสูง เจ้าของกิจการ และพันธมิตรสำคัญของโรงแรมเข้าร่วมอย่างคับคั่ง นำโดย คุณนิจพร จรณะจิตต์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทอิตัลไทย และ คุณวลัยทิพย์ พิริยะวรสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และกรรมการบริษัท กลุ่มบริษัทอิตัลไทย พร้อมด้วยผู้บริหารจากออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้แก่ คุณสรัญญา วัฒนศิริสุข รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลองค์กร และ คุณพรทิพย์ เป้าทอง รองประธานกรรมการแผนกการตลาด คุณจีไฮ คิม รองประธานฝ่ายขาย โดยมี คุณเดนนิส ชอง ผู้จัดการทั่วไปเขต โรงแรมชามา เลควิว อโศก และ คุณยูวิน เทย์เลอร์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ เข้าร่วมเป็นเกียรติ พร้อมด้วยคณะกรรมการเจ้าของร่วม ได้แก่ คุณซัจจาด ราห์มาน และ คุณโธมัส โบอาดิงเจอร์ รวมถึงแขกรับเชิญพิเศษ คุณอภิสรา ธาดาดลทิพย์ (Miss Thailand International 2024) และ คุณปทิตตา สุนทวิจฉ์ (Miss Charm Thailand 2023) ที่มาร่วมสร้างบรรยากาศสุดอบอุ่นให้ค่ำคืนนี้



ปีนี้โรงแรมได้รับความสำเร็จสำคัญรวม 3 ด้าน ได้แก่
• การคงไว้ซึ่งรางวัล One MICHELIN Key 2025
• รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 15 สาขาความเป็นเลิศด้านโรงแรมหรูหรา
• การเป็นพันธมิตรกับ Small Luxury Hotels of the World (SLH) อย่างต่อเนื่อง
ในงานนี้ คุณ ยูวิน เทย์เลอร์ ผู้จัดการทั่วไป ได้กล่าวอวยพรช่วงเทศกาลว่า:
“เทศกาลคริสต์มาสเตือนให้เรานึกถึงความเมตตา น้ำใจ และความสุขที่เกิดจากการแบ่งปัน แม้ปีนี้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เราก็ยังร่วมกันสร้างความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการคงรางวัล Michelin Key อันทรงเกียรติ การคว้ารางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือและได้รับเกียรติให้เป็นสมาชิก Small Luxury Hotels of the World (SLH)
สำหรับต้นคริสต์มาสปีนี้ เราเลือกใช้ ‘ต้นสนฉัตรของไทย’ ซึ่งเป็นต้นไม้ท้องถิ่นและเป็นต้นจริงที่สามารถนำไปปลูกต่อได้หลังจบเทศกาล สะท้อนถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของโรงแรม และสื่อถึงความหวัง การเติบโต และการเริ่มต้นใหม่ความสำเร็จและโครงการดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นจากการสนับสนุนของทุกท่าน ขอให้ต้นคริสต์มาสนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความอบอุ่นและความหวัง ขอให้ทุกท่านมีความสุขในเทศกาลนี้และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงครับ”

ภายในงานยังมีโซน CSR ของโรงแรม นำเสนอผลิตภัณฑ์พิเศษ ได้แก่ ผ้าพันคอลายลิมิเต็ดของโรงแรม , การ์ดโฮลเดอร์, และ ตุ๊กตา Oriental Bear โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะนำเข้ากองทุน CSR ของโรงแรม เพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมและการพัฒนาชุมชน
โรงแรมขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ พันธมิตร และผู้สนับสนุนทุกท่านตลอดปีที่ผ่านมา และตั้งตารอที่จะได้ต้อน รับทุกท่านในปีใหม่ พุทธศักราช 2569 ที่จะถึงนี้

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568

รพ.ซีจีเอช พหลโยธิน เดินหน้ารณรงค์วันเอดส์โลก ให้ความรู้–แจกชุดตรวจ HIV ฟรี

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ร่วมกับ สำนักงานเขตบางเขน และ ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน
จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องใน “วันเอดส์โลก” (World AIDS Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับประชาชนในพื้นที่เขตบางเขน พร้อมผลักดันให้ชุมชนเข้าถึงบริการตรวจคัดกรอง HIV อย่างทั่วถึง



วันเอดส์โลกถือเป็นวันสำคัญระดับสากลที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในการร่วมกันหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV ผ่านการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การป้องกันอย่างเหมาะสม และการตรวจคัดกรองเชิงรุก ซึ่งโรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ได้ให้ความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายหลักคือ การลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และสร้างสังคมที่ปลอดการตีตราผู้ติดเชื้อ

กิจกรรมครั้งนี้มีการ ลงพื้นที่ 5 จุดสำคัญในเขตบางเขน โดยทีมสาธารณสุขได้ให้ความรู้ด้านการป้องกัน HIV วิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง การตรวจด้วยตนเอง รวมถึงให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลตนเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในกิจกรรมหลักคือการเปิดให้ประชาชน ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนเพื่อรับ “ชุดตรวจ HIV ด้วยตนเอง” ฟรี ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถตรวจคัดกรองเบื้องต้นได้ง่ายขึ้นที่บ้าน สร้างความเป็นส่วนตัว ลดความกังวล และช่วยให้ทราบผลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทาง สำนักงานเขตบางเขน ยังได้ร่วมจัดกิจกรรม แจกถุงยางอนามัย เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมทางเพศอย่างปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงเป็นการสร้างความเข้าใจใหม่ว่าการป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรตระหนัก

กำหนดการลงพื้นที่รณรงค์ วันเอดส์โลก 

✔ วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568

📍 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

✔ วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2568

📍 ตลาดนัดป้ากิ่ง

✔ วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2568

📍 หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก

✔ วันที่ 1 ธันวาคม – วันเอดส์โลก 2568

📍 ตลาดเทพรักษ์มาร์เก็ตเพลส


เป้าหมายและความสำคัญของกิจกรรม

ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เพิ่มการเข้าถึงชุดตรวจ HIV ในชุมชน

ลดอัตราการติดเชื้อรายใหม่ในเขตบางเขน

สร้างสังคมที่ไม่ตีตราผู้ติดเชื้อ และเปิดกว้างในการเข้ารับการตรวจ

กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองล่วงหน้า






กิจกรรมวันเอดส์โลกปีนี้สะท้อนถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่าง โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน และ สำนักงานเขตบางเขน ในการขับเคลื่อนสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม

รฟฟท. ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สูงสุด ไม่เกิน 40 บาท ตามนโยบายรัฐบาล เริ่ม 1 ธ.ค. 68

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สูงสุด ไม่เกิน 40 บาท ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล เริ่ม 1 ธ.ค. 68

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า รฟฟท. พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ”ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง ทั้ง 2 เส้นทาง ได้แก่ สายธานีรัถยา ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีรังสิต และสายนครวิถี ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีตลิ่งชัน ร่วมกับ รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) โดยเตรียมจัดเก็บค่าโดยสารสูงสุด 40 บาท/วัน สำหรับประเภทบุคคลทั่วไป(Adult) และจัดเก็บค่าโดยสารสูงสุด 30 บาท/วัน สำหรับประเภทนักเรียน/นักศึกษา(Student) ซึ่งใช้บัตร MANGMOOM EMV บัตร EMV Contactless (บัตรเครดิต บัตรเดบิต) หรือ บัตร MRT EMV สำหรับเดินทางได้ทุกวัน ตั้งแต่เปิดให้บริการจนถึงปิดให้บริการ(05.00 - 24.00 น.) ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม 2568 - 30 พฤศจิกายน 2569 หากผู้ใช้บริการมีการเดินทางในอัตราค่าโดยสารรวมทั้งวันต่ำกว่าอัตราเหมาจ่ายรายวัน จะจัดเก็บค่าโดยสารตามจริง และสำหรับกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็ก รวมถึงกลุ่มผู้ใช้สิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ ยังคงได้รับส่วนลด หรือยกเว้นค่าโดยสารตามสิทธิประโยชน์เช่นเดิม

ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่ง รฟฟท. พร้อมขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มความสามารถ เพื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการสาธารณะมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ใช้บริการทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงด้วยดีเสมอมา และเราขอสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนา เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกการเดินทาง รวมถึงยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าด้วยมาตรฐานระดับสากล มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการอย่างเต็มความสามารถ 

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET” หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ” รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

คิปโชเก้ร่วมวิ่งเคียงข้างสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี คึกคักที่สุดแห่งปี

กรุงเทพฯ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน ในมหกรรมการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลก “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ที่จุดปล่อยตัวหน้าศูนย์การค้า เอ็มบีเค ปทุมวัน และมีจุดเข้าเส้นชัยอยู่ที่สนามหลวง ท่ามกลางสายลมหนาว ขณะที่ปอดเหล็กชาวเอธิโอเปีย กับเคนยา คว้าแชมป์โอเวอร์ออลชาย-หญิงตามคาด ด้าน ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม กับ  ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี ทำเวลาดีสุดของไทย             




เมื่อเสด็จถึงบริเวณจุดปล่อยตัว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันฯ, เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เจ้าของ ๒ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ แชมป์ ๑๑ เมเจอร์ และ ประชาชน นักวิ่งทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า ๔๘,๐๐๐ คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กราบบังคมทูลรายงานการแข่งขันฯ และกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงกดแตรปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน ระยะ ๔๒.๑๙๕ กม. และทรงร่วมให้กำลังใจนักวิ่งในจุดปล่อยตัวระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม.





สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณฯ เสด็จร่วมวิ่งการแข่งขันมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกในเมืองหลวง ประเภทระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. ด้วยฉลองพระองค์ชุดแขนสั้นแบบนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ทรงเข้าเส้นชัยพร้อมกันกับเอเลียด คิปโชเก้ ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 13 นาที 40 วินาที ท่ามกลางนักวิ่งชาวไทยและจากทั่วโลกกว่า ๘๐ ประเทศ สร้างความปลาบปลื้มยินดีแก่นักกีฬาที่เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก ด้วยพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับประชาชนและเยาวชนรุ่นใหม่ให้หันมาใส่ใจสุขภาพ โดยครั้งนี้มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการจัดการแข่งขันรอเข้าเฝ้ารับเสด็จฯ

บรรยากาศการแข่งขัน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ปีนี้เป็นไปอย่างคึกคักและสดชื่นเป็นพิเศษ ด้วยสภาพอากาศเย็นสบายเพียง ๑๕ องศาในช่วงเช้า ส่งผลให้เส้นทางการแข่งขันเต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจของนักวิ่งจากทั่วโลก ด้วยอุณหภูมิที่เอื้ออำนวยช่วยให้นักวิ่งส่วนใหญ่รักษาจังหวะและเร่งสปีดได้ดีกว่าปกติ หลายคนทำเวลาได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตลอดเส้นทางยังเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และบรรยากาศของความสนุกสนาน และการแสดงโดรนเทิดพระเกียรติสุดประทับใจ จนทำให้นักวิ่งต่างยกให้งานนี้ให้เป็น “งานมาราธอนระดับโลกท่ามกลางลมหนาวแห่งความสำเร็จ” อย่างแท้จริง 

นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ปล่อยตัวนักวิ่งระยะ ๑๐ กม. และพระราชทานรางวัลให้แก่นักกีฬาทั้ง ๓ ระยะ 

สรุปผลการแข่งขัน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ 8” ทั้ง 3 ระยะ มีดังนี้ ประเภทมาราธอน (42.195 กม.) โอเวอร์ออลชาย แชมป์ ได้แก่ เบเกเล่ ชิฟรอว์ เอกูนาฟร์ จากเอธิโอเปีย เวลา 2.14.27 ชม., อันดับ 2 ทาริคู อับดี จากเอธิโอเปีย เวลา 2.19.15 ชม., อันดับ 3 คริสตอฟ ฮาดาส จากโปแลนด์ เวลา 2.19.24 ชม.        

ประเภทมาราธอน โอเวอร์ออลหญิง แชมป์ ได้แก่ อูนีซ ยาวิร่า มูชิรี่ จากเคนยา เวลา 2.39.27 ชม., อันดับ 2 เฮเจอร์ คาห์เซ เบอร์เฮ จากเอธิโอเปีย 2.43.49 ชม., อันดับ 3 เมเซเร็ต เยดาว์ จากเอธิโอเปีย เวลา 2.47.55 ชม.นักกีฬาไทย ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด ระยะมาราธอน ฝ่ายชาย ได้แก่ ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม เวลา 2.30.55 ชม. และฝ่ายหญิง ได้แก่ ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี เวลา 3.00.26 ชม.

ประเภทฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) โอเวอร์ออลชาย แชมป์ ได้แก่ อิตสึกิยูโมโตะ จากญี่ปุ่น เวลา 1.05.29 ชม., อันดับ 2  มูเฮีย อเล็กซานเดอร์ เอ็นจาย จากเคนยา เวลา 1.05.32 ชม., อันดับ 3  อาเหม็ด อัลคาโนกลูจากตุรกี เวลา 1.05.45 ชม.

ประเภทฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) โอเวอร์ออลหญิง แชมป์ ได้แก่ ยาเนต โอลี่ อิรีน่า จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.03 ชม., อันดับ 2 เอ็มเบท เกตาวีย์  เบยีเน่ จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.08 ชม., อันดับ 3 บริฮาน มาร์ทานาทินเซ จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.17 ชม.

นักกีฬาไทยที่ทำเวลาดีที่สุด ระยะฮาล์ฟมาราธอน ฝ่ายชาย ได้แก่ ฐิตินันท์ ทองดี เวลา 1.13.13 ชม.,ฝ่ายหญิง ปิยะนุช สุขชาติ เวลา 1.24.13 ชม.

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดใหญ่ “เทศกาลเมือง (ต้อง)

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดใหญ่ “เทศกาลเมือง (ต้อง) รอง” ชู 55 เมืองรอง ด้วย ‘Hidden Gems’ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเดินหน้ากระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี 2568 ต่อเนื่องถึงปี 2569 ผลักดันศักยภาพ “เมืองรอง” 55 จังหวัด ผ่านงาน “เทศกาลเมือง (ต้อง) รอง” ภายใต้แนวคิด “เมืองรอง เมืองที่ทุกคน ต้องลอง” ต่อยอด จุดแข็งด้านวัฒนธรรม–ธรรมชาติ–วิถีชุมชน เพื่อนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีมูลค่า คาดว่าการจัดงานจะช่วย ผู้ประกอบการและชุมชนกว่า 25,000 ราย และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม กระจายรายได้สู่พื้นที่เมืองรองทั่วประเทศ



นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้ามาตรการเร่งกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทั้งการยกระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ให้มีความสะดวก สะอาด ปลอดภัย ตามมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นป้ายบอกทาง ห้องน้ำสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมรองรับการท่องเที่ยวตลอดปี



นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 2568 ที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในเมืองรอง 50% โครงการ “เที่ยวดีมีคืน” ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท พร้อมบูรณาการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานบริการ ผลักดันเมืองรองให้เป็น MICE Cities รวมทั้งส่งเสริมการจัดงาน เทศกาล และประเพณีท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ ตลอดจนสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) ผ่านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อช่วยฟื้นฟูภาคธุรกิจโรงแรมและบริการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กระทรวงฯได้ตั้งเป้าให้การท่องเที่ยวเมืองรองเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศอย่างยั่งยืน



สำหรับงาน “เทศกาลเมือง (ต้อง) รอง” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เมืองรอง เมืองที่ทุกคน ต้องลอง” ด้วยไฮไลต์สำคัญ 5 MUST DO | 5 HIDDEN GEMS | 55 DESTINATIONS รวบรวมเสน่ห์การท่องเที่ยว วิถีชีวิต และอารยธรรมจากทั้ง 5 ภูมิภาคของประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ครอบคลุมเมืองรอง ทั้ง 55 จังหวัด ไว้ในงานเดียว ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการ Interactive ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก รักษ์ท้องถิ่น และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบกิจกรรมเสวนาพิเศษ “เมืองรอง…รักษ์โลก” โดยผู้ทรงคุณวุฒิและอินฟลูเอนเซอร์ด้านท่องเที่ยว พร้อมรับชมการแสดงจากศิลปินชื่อดังที่มาสร้างสีสันและดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม งาน “เทศกาลเมือง(ต้อง)รอง” มุ่งหมายให้ประชาชนได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวของเมืองรองในมิติที่ลึกขึ้น พร้อมกระตุ้นให้เกิดการเดินทางสู่เมืองรอง กระจายรายได้ และยกระดับคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่นสู่การรับรู้ในวงกว้าง

ข่าวประชาสัมพันธ์

“ไวไว” เดินเกมรุกชานเมืองด้วยกลยุทธ์ Controlled Growth สุดแกร่ง

เปิด “ควิกเทอเรส” สาขา 6 (บ้านแพ้ว) ตั้งเป้าเป็นโชว์รูมสินค้าไวไวครบไลน์ครั้งแรก   บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย...

โวยวายดอทคอม