วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568

รพ.ซีจีเอช พหลโยธิน เดินหน้ารณรงค์วันเอดส์โลก ให้ความรู้–แจกชุดตรวจ HIV ฟรี

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ร่วมกับ สำนักงานเขตบางเขน และ ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน
จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องใน “วันเอดส์โลก” (World AIDS Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ให้กับประชาชนในพื้นที่เขตบางเขน พร้อมผลักดันให้ชุมชนเข้าถึงบริการตรวจคัดกรอง HIV อย่างทั่วถึง



วันเอดส์โลกถือเป็นวันสำคัญระดับสากลที่ทั่วโลกให้ความสำคัญในการร่วมกันหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV ผ่านการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การป้องกันอย่างเหมาะสม และการตรวจคัดกรองเชิงรุก ซึ่งโรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ได้ให้ความสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายหลักคือ การลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ และสร้างสังคมที่ปลอดการตีตราผู้ติดเชื้อ

กิจกรรมครั้งนี้มีการ ลงพื้นที่ 5 จุดสำคัญในเขตบางเขน โดยทีมสาธารณสุขได้ให้ความรู้ด้านการป้องกัน HIV วิธีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง การตรวจด้วยตนเอง รวมถึงให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลตนเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในกิจกรรมหลักคือการเปิดให้ประชาชน ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนเพื่อรับ “ชุดตรวจ HIV ด้วยตนเอง” ฟรี ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถตรวจคัดกรองเบื้องต้นได้ง่ายขึ้นที่บ้าน สร้างความเป็นส่วนตัว ลดความกังวล และช่วยให้ทราบผลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทาง สำนักงานเขตบางเขน ยังได้ร่วมจัดกิจกรรม แจกถุงยางอนามัย เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมทางเพศอย่างปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงเป็นการสร้างความเข้าใจใหม่ว่าการป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรตระหนัก

กำหนดการลงพื้นที่รณรงค์ วันเอดส์โลก 

✔ วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568

📍 มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

✔ วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2568

📍 ตลาดนัดป้ากิ่ง

✔ วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2568

📍 หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก

✔ วันที่ 1 ธันวาคม – วันเอดส์โลก 2568

📍 ตลาดเทพรักษ์มาร์เก็ตเพลส


เป้าหมายและความสำคัญของกิจกรรม

ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เพิ่มการเข้าถึงชุดตรวจ HIV ในชุมชน

ลดอัตราการติดเชื้อรายใหม่ในเขตบางเขน

สร้างสังคมที่ไม่ตีตราผู้ติดเชื้อ และเปิดกว้างในการเข้ารับการตรวจ

กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองล่วงหน้า






กิจกรรมวันเอดส์โลกปีนี้สะท้อนถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่าง โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน และ สำนักงานเขตบางเขน ในการขับเคลื่อนสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม

รฟฟท. ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สูงสุด ไม่เกิน 40 บาท ตามนโยบายรัฐบาล เริ่ม 1 ธ.ค. 68

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สูงสุด ไม่เกิน 40 บาท ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล เริ่ม 1 ธ.ค. 68

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า รฟฟท. พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ”ดำเนินมาตรการ “บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน” สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง ทั้ง 2 เส้นทาง ได้แก่ สายธานีรัถยา ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีรังสิต และสายนครวิถี ช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – สถานีตลิ่งชัน ร่วมกับ รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) โดยเตรียมจัดเก็บค่าโดยสารสูงสุด 40 บาท/วัน สำหรับประเภทบุคคลทั่วไป(Adult) และจัดเก็บค่าโดยสารสูงสุด 30 บาท/วัน สำหรับประเภทนักเรียน/นักศึกษา(Student) ซึ่งใช้บัตร MANGMOOM EMV บัตร EMV Contactless (บัตรเครดิต บัตรเดบิต) หรือ บัตร MRT EMV สำหรับเดินทางได้ทุกวัน ตั้งแต่เปิดให้บริการจนถึงปิดให้บริการ(05.00 - 24.00 น.) ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม 2568 - 30 พฤศจิกายน 2569 หากผู้ใช้บริการมีการเดินทางในอัตราค่าโดยสารรวมทั้งวันต่ำกว่าอัตราเหมาจ่ายรายวัน จะจัดเก็บค่าโดยสารตามจริง และสำหรับกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็ก รวมถึงกลุ่มผู้ใช้สิทธิ์สวัสดิการแห่งรัฐ ยังคงได้รับส่วนลด หรือยกเว้นค่าโดยสารตามสิทธิประโยชน์เช่นเดิม

ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่ง รฟฟท. พร้อมขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มความสามารถ เพื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการสาธารณะมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ใช้บริการทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงด้วยดีเสมอมา และเราขอสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนา เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกการเดินทาง รวมถึงยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าด้วยมาตรฐานระดับสากล มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการอย่างเต็มความสามารถ 

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET” หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ” รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

คิปโชเก้ร่วมวิ่งเคียงข้างสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี คึกคักที่สุดแห่งปี

กรุงเทพฯ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน ในมหกรรมการแข่งขันวิ่งมาราธอนระดับโลก “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ที่จุดปล่อยตัวหน้าศูนย์การค้า เอ็มบีเค ปทุมวัน และมีจุดเข้าเส้นชัยอยู่ที่สนามหลวง ท่ามกลางสายลมหนาว ขณะที่ปอดเหล็กชาวเอธิโอเปีย กับเคนยา คว้าแชมป์โอเวอร์ออลชาย-หญิงตามคาด ด้าน ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม กับ  ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี ทำเวลาดีสุดของไทย             




เมื่อเสด็จถึงบริเวณจุดปล่อยตัว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันฯ, เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เจ้าของ ๒ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ แชมป์ ๑๑ เมเจอร์ และ ประชาชน นักวิ่งทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า ๔๘,๐๐๐ คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กราบบังคมทูลรายงานการแข่งขันฯ และกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงกดแตรปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอน ระยะ ๔๒.๑๙๕ กม. และทรงร่วมให้กำลังใจนักวิ่งในจุดปล่อยตัวระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม.





สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณฯ เสด็จร่วมวิ่งการแข่งขันมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกในเมืองหลวง ประเภทระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. ด้วยฉลองพระองค์ชุดแขนสั้นแบบนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ทรงเข้าเส้นชัยพร้อมกันกับเอเลียด คิปโชเก้ ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 13 นาที 40 วินาที ท่ามกลางนักวิ่งชาวไทยและจากทั่วโลกกว่า ๘๐ ประเทศ สร้างความปลาบปลื้มยินดีแก่นักกีฬาที่เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก ด้วยพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับประชาชนและเยาวชนรุ่นใหม่ให้หันมาใส่ใจสุขภาพ โดยครั้งนี้มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการจัดการแข่งขันรอเข้าเฝ้ารับเสด็จฯ

บรรยากาศการแข่งขัน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘” ปีนี้เป็นไปอย่างคึกคักและสดชื่นเป็นพิเศษ ด้วยสภาพอากาศเย็นสบายเพียง ๑๕ องศาในช่วงเช้า ส่งผลให้เส้นทางการแข่งขันเต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจของนักวิ่งจากทั่วโลก ด้วยอุณหภูมิที่เอื้ออำนวยช่วยให้นักวิ่งส่วนใหญ่รักษาจังหวะและเร่งสปีดได้ดีกว่าปกติ หลายคนทำเวลาได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตลอดเส้นทางยังเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และบรรยากาศของความสนุกสนาน และการแสดงโดรนเทิดพระเกียรติสุดประทับใจ จนทำให้นักวิ่งต่างยกให้งานนี้ให้เป็น “งานมาราธอนระดับโลกท่ามกลางลมหนาวแห่งความสำเร็จ” อย่างแท้จริง 

นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ปล่อยตัวนักวิ่งระยะ ๑๐ กม. และพระราชทานรางวัลให้แก่นักกีฬาทั้ง ๓ ระยะ 

สรุปผลการแข่งขัน “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ 8” ทั้ง 3 ระยะ มีดังนี้ ประเภทมาราธอน (42.195 กม.) โอเวอร์ออลชาย แชมป์ ได้แก่ เบเกเล่ ชิฟรอว์ เอกูนาฟร์ จากเอธิโอเปีย เวลา 2.14.27 ชม., อันดับ 2 ทาริคู อับดี จากเอธิโอเปีย เวลา 2.19.15 ชม., อันดับ 3 คริสตอฟ ฮาดาส จากโปแลนด์ เวลา 2.19.24 ชม.        

ประเภทมาราธอน โอเวอร์ออลหญิง แชมป์ ได้แก่ อูนีซ ยาวิร่า มูชิรี่ จากเคนยา เวลา 2.39.27 ชม., อันดับ 2 เฮเจอร์ คาห์เซ เบอร์เฮ จากเอธิโอเปีย 2.43.49 ชม., อันดับ 3 เมเซเร็ต เยดาว์ จากเอธิโอเปีย เวลา 2.47.55 ชม.นักกีฬาไทย ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด ระยะมาราธอน ฝ่ายชาย ได้แก่ ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม เวลา 2.30.55 ชม. และฝ่ายหญิง ได้แก่ ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี เวลา 3.00.26 ชม.

ประเภทฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) โอเวอร์ออลชาย แชมป์ ได้แก่ อิตสึกิยูโมโตะ จากญี่ปุ่น เวลา 1.05.29 ชม., อันดับ 2  มูเฮีย อเล็กซานเดอร์ เอ็นจาย จากเคนยา เวลา 1.05.32 ชม., อันดับ 3  อาเหม็ด อัลคาโนกลูจากตุรกี เวลา 1.05.45 ชม.

ประเภทฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) โอเวอร์ออลหญิง แชมป์ ได้แก่ ยาเนต โอลี่ อิรีน่า จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.03 ชม., อันดับ 2 เอ็มเบท เกตาวีย์  เบยีเน่ จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.08 ชม., อันดับ 3 บริฮาน มาร์ทานาทินเซ จากเอธิโอเปีย เวลา 1.21.17 ชม.

นักกีฬาไทยที่ทำเวลาดีที่สุด ระยะฮาล์ฟมาราธอน ฝ่ายชาย ได้แก่ ฐิตินันท์ ทองดี เวลา 1.13.13 ชม.,ฝ่ายหญิง ปิยะนุช สุขชาติ เวลา 1.24.13 ชม.

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดใหญ่ “เทศกาลเมือง (ต้อง)

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดใหญ่ “เทศกาลเมือง (ต้อง) รอง” ชู 55 เมืองรอง ด้วย ‘Hidden Gems’ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเดินหน้ากระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี 2568 ต่อเนื่องถึงปี 2569 ผลักดันศักยภาพ “เมืองรอง” 55 จังหวัด ผ่านงาน “เทศกาลเมือง (ต้อง) รอง” ภายใต้แนวคิด “เมืองรอง เมืองที่ทุกคน ต้องลอง” ต่อยอด จุดแข็งด้านวัฒนธรรม–ธรรมชาติ–วิถีชุมชน เพื่อนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีมูลค่า คาดว่าการจัดงานจะช่วย ผู้ประกอบการและชุมชนกว่า 25,000 ราย และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม กระจายรายได้สู่พื้นที่เมืองรองทั่วประเทศ



นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้ามาตรการเร่งกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทั้งการยกระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ให้มีความสะดวก สะอาด ปลอดภัย ตามมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นป้ายบอกทาง ห้องน้ำสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมรองรับการท่องเที่ยวตลอดปี



นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 2568 ที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในเมืองรอง 50% โครงการ “เที่ยวดีมีคืน” ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท พร้อมบูรณาการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานบริการ ผลักดันเมืองรองให้เป็น MICE Cities รวมทั้งส่งเสริมการจัดงาน เทศกาล และประเพณีท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ ตลอดจนสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) ผ่านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อช่วยฟื้นฟูภาคธุรกิจโรงแรมและบริการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กระทรวงฯได้ตั้งเป้าให้การท่องเที่ยวเมืองรองเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศอย่างยั่งยืน



สำหรับงาน “เทศกาลเมือง (ต้อง) รอง” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เมืองรอง เมืองที่ทุกคน ต้องลอง” ด้วยไฮไลต์สำคัญ 5 MUST DO | 5 HIDDEN GEMS | 55 DESTINATIONS รวบรวมเสน่ห์การท่องเที่ยว วิถีชีวิต และอารยธรรมจากทั้ง 5 ภูมิภาคของประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ครอบคลุมเมืองรอง ทั้ง 55 จังหวัด ไว้ในงานเดียว ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการ Interactive ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก รักษ์ท้องถิ่น และการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบกิจกรรมเสวนาพิเศษ “เมืองรอง…รักษ์โลก” โดยผู้ทรงคุณวุฒิและอินฟลูเอนเซอร์ด้านท่องเที่ยว พร้อมรับชมการแสดงจากศิลปินชื่อดังที่มาสร้างสีสันและดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม งาน “เทศกาลเมือง(ต้อง)รอง” มุ่งหมายให้ประชาชนได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวของเมืองรองในมิติที่ลึกขึ้น พร้อมกระตุ้นให้เกิดการเดินทางสู่เมืองรอง กระจายรายได้ และยกระดับคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่นสู่การรับรู้ในวงกว้าง

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กลุ่มแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เดินเกมรุกต่อเนื่องเปิดตัว “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ”

กลุ่มแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เดินเกมรุกต่อเนื่องเปิดตัว “โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์
พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ” คาดดันรายได้กลุ่มโรงแรมปี 2569 ทะลุ 8,000 ล้าน

กลุ่มบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล (LHMH) ผู้บริหารเครือโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจโรงแรมไทย เดินเกมรุกครั้งสำคัญส่งท้ายปี 2568 ด้วยการเปิดตัว “แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ” (Grande Centre Point Prestige Bangkok) มูลค่าลงทุน 4,500 ล้านบาท Prestige Tier แห่งที่ 2 ของเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ชูกลยุทธ์ Experience Marketing ตอบโจทย์ เทรนด์นักเดินทางรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าและประสบการณ์มากกว่าราคา เตรียมเปิดตัวโรงแรมใหม่ต่อเนื่อง คาดดันรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจโรงแรมในปี 2569 ทะยานแตะ 8,000 ล้านบาท       

คุณสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเติบโตของ “กลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกลและกำลังซื้อสูง” (High Spending) จากยุโรป ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อตลาดโรงแรม 4 - 5 ดาว ในทำเลศักยภาพ ทำให้โจทย์ของการแข่งขันในธุรกิจโรงแรมทวีความท้าทาย ไม่ได้วัดกันที่จำนวนห้องพักหรือราคา แต่แข่งขันกันที่ว่าใครจะสามารถส่งมอบ "ประสบการณ์เฉพาะตัว" ที่เปี่ยมด้วยคุณค่า ซึ่งถือเป็นโอกาสของกลุ่มฯ ที่เน้นลงทุนเชิงคุณภาพ ให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลศักยภาพสูง การออกแบบบริการที่มีเอกลักษณ์ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง            

“ปี 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของเรา ในปีนี้เครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เปิดตัว 2 โรงแรมใหม่ ได้แก่ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี โรงแรมระดับ Prestige Tier แห่งแรกของแบรนด์ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดคือ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ในย่านราชประสงค์ ที่ผสานความหรูหราสไตล์อาร์ตเดโค (Art Deco) เข้ากับเสน่ห์ของศิลปะไทยร่วมสมัย มอบประสบการณ์การพักผ่อนเหนือระดับที่เปี่ยมด้วยความสะดวกสบายสูงสุดใจกลางมหานคร ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ เพื่อยกระดับพอร์ตโฟลิโอของเราไปอีกขั้น ในฐานะผู้นำธุรกิจโรงแรมไทย ที่มีความเข้าใจในหัวใจของความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง และสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างร่วมสมัย”

คุณกิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด กล่าวถึงความพิเศษของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ว่า “ได้ใช้งบลงทุน 4,500 ล้านบาท โดยวางจุดยืนให้เป็นโรงแรมในกลุ่ม ‘Prestige Tier’ หนึ่งในไฮไลต์ที่ทำให้โรงแรมโดดเด่นยิ่งขึ้น คือตั้งอยู่เคียงคู่กับโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการแรกของแบรนด์เปิดตัวไปเมื่อปี 2551 จึงตั้งใจออกแบบให้เป็น “Twin Towers” รวมกันแล้วกว่า 1,000 ห้อง สะท้อนเส้นทางการเติบโตของแบรนด์ จากจุดเริ่มต้นสู่ความหรูหราระดับโลก”            


ทั้งนี้ คุณกิตติยังสะท้อนถึงความสำเร็จของการเปิดตัวโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า “ได้รับกระแสการตอบรับดีมาก ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 80% และมียอดจองเข้าพักล่วงหน้าช่วงไฮซีซันจนถึงต้นปีหน้าสูงถึง 90% ทำให้เชื่อมั่นว่าการเปิดตัวแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ จะทำให้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์รายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมในปี 2568 จะอยู่ที่ราว 6,000 ล้านบาท และด้วยทิศทางของตลาดท่องเที่ยวที่ส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง ทางเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ จึงมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 4 ปี 2569 มีแผนเปิดตัว แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ วอยาจ พัทยา ซึ่งเป็น Limited Tier แห่งที่ 2 ในเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ต่อจากแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา โดยมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ ด้วยสวนน้ำขนาด 20,000 ตารางเมตร จึงคาดการรายได้ในปี 2569 ของกลุ่มโรงแรมเติบโตไปอยู่ที่กว่า 8,000 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 3 ของปี 2571 ทางกลุ่มจะเปิดตัว แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ไชน่าทาวน์ ตั้งอยู่ใจกลางเยาวราชในย่านประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ เท่ากับว่าในปี 2571 บริษัทจะมีโรงแรมเปิดครบ 11 แห่ง รวมกว่า 5,000 ห้อง และคาดว่าจะสร้างรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท”




ด้าน คุณเมสินี แก้วราตรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด เผยถึงแผนการตลาดของเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ว่า “จะมุ่งขยายฐานลูกค้าในกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ และกลุ่มนักเดินทางธุรกิจระดับพรีเมียม ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมของตลาดการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่ม High-Spending และ Long-haul Tourists จากยุโรป สหราชอาณาจักร ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย และรัสเซีย ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมุ่งขยายฐานประชุมสัมมนา อีเวนต์ และจัดเลี้ยง เพื่อ   รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย”            

“หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของเรา คือ Experience Marketing โดยเน้นให้ความสำคัญกับทุก Touch Point ของการเข้าพัก ตั้งแต่การออกแบบทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์บรรยากาศภายในโรงแรม ไปจนถึงการออกแบบบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแขกผู้เข้าพักในทุกกลุ่ม”

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ได้รับการกล่าวถึงและยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้เข้าพักอย่างต่อเนื่อง คือ การให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทางเรามีทีม Social Listening ที่รับฟังความคิดเห็นจากแขกที่เข้าพัก ที่โรงแรมทั้ง 9 สาขาของ เครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ในทุกช่องทางแบบเรียลไทม์ โดยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ถูกนำไปยกระดับบริการได้ทันที ทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้าใหม่ นำไปสู่การออกแบบบริการและที่พักที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ความใส่ใจนี้พิสูจน์ได้จากคะแนนรีวิวจากผู้เข้าพักจริงซึ่งมีคะแนนสูงในทุกช่องทางทั้งทาง OTA และ Social media”


คุณประวีร์ เหวียนระวี ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ กล่าวถึงจุดเด่นของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ว่า “ตั้งอยู่บนทำเลทองใจกลางย่านราชประสงค์ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส 2 สถานี คือ สถานีราชดำริ และสถานีชิดลม ภายในออกแบบอย่างหรูหรา โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและการพักผ่อนอย่างแท้จริง นอกจากความสะดวกสบายในการพักผ่อนแล้ว ยังพร้อมมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มองหาที่พักหรูในโลเคชั่นที่ดีที่สุด ทั้งลูกค้าต่างชาติและไทย ที่ให้ความสำคัญกับบริการมาตรฐาน กลุ่มครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่ต้องการพื้นที่กว้างและฟังก์ชันครบ นักธุรกิจยุคใหม่ที่ผสมงานกับการพักผ่อน (Bleisure) และกลุ่ม Urban Staycation ที่ต้องการเติมพลังในที่พักพรีเมียมใจกลางเมือง ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนลูกค้าแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จะเป็นนักท่องเที่ยวที่เน้นการพักผ่อน 70% และเป็นการเดินทางมาเพื่อติดต่อธุรกิจอีก 30%”


ทั้งนี้ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ประกอบด้วยห้องพัก ห้องสวีท และเพนต์เฮาส์ จำนวน 509 ห้อง แขกผู้เข้าพักสามารถดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงามได้จากห้องพักทุกห้อง ทั้งวิวเมืองย่านราชประสงค์ที่เต็มไปด้วยสีสัน หรือวิวพื้นที่สีเขียวของสนามราชกรีฑาสโมสร (RBSC) ห้องพักทุกห้องจัดเต็มด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับไฮเอนด์ครบครัน อาทิ สมาร์ท ทีวี, เครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso, ไดร์เป่าผม Dyson และชุดผลิตภัณฑ์ อาบน้ำจาก LRL นอกจากนี้ ยังพร้อมเสิร์ฟประสบการณ์ความอร่อยผ่านร้านอาหารชื่อดัง อาทิ Chef Man Restaurant ร้านกวางตุ้งชื่อดังที่ได้รับการยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ การันตีคุณภาพด้วยเมนูติ่มซำและเป็ดย่างสูตรพิเศษ หรือจะเป็น Brass House Bangkok รูฟท็อปแจ๊ซบาร์ในสไตล์การตกแต่งยุค1920s สุดคลาสสิก พร้อมวิวเมืองยามค่ำคืน เสิร์ฟอาหารไทยร่วมสมัยสไตล์แคสชวลรสชาติต้นตำรับ พร้อมเพลิดเพลินกับค็อกเทลซิกเนเจอร์ และดนตรีแจ๊ซบรรเลงสด Bloom & Brew Café คาเฟ่คอนเซ็ปต์ใหม่ที่นำเสนออาหารไทยร่วมสมัยในสไตล์โมเดิร์น พร้อมบริการอาฟเตอร์นูนที

“ทางโรงแรมยังตอบโจทย์ Wellness Lifestyle มอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจเพลิดเพลินกับ ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ Let's Relax Onsen & Spa ที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย สำหรับแขกที่เข้าพัก โรงแรมมีพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ ครอบคลุม 2 ชั้น ทั้งสระว่ายน้ำลอยฟ้ายาว 50 เมตร ชมวิวเมืองแบบพาโนรามา ฟิตเนส อุปกรณ์พรีเมียม TechnoGym และ Steam Sauna ให้บริการ โดยมีคลาสออกกำลังกาย เช่น มวยไทย โยคะ รองรับทุกความต้องการ สนุกผ่อนคลายได้ทั้งครอบครัวที่ Games Room อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของเครือแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ที่รวบรวมทั้งบอร์ดเกม เกมอาร์เคด และเกมส์ออนไลน์ อีกทั้งยังมีบริการ Kids Club  พร้อมของเล่นเสริมพัฒนาการจาก Plan Toy ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเพลิดเพลินในเวลาเดียวกัน”            

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพรสทีจ กรุงเทพฯ พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 โดยติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรม ได้ที่

            • Website: https://grandecentrepointprestige.com/

            • Line@: @gcpprestige

            • Facebook: @gcpprestige

            • Instagram: grandecentrepoint.gcpprestige

            • Email: prestige@gcphotels.com

            • เบอร์โทรศัพท์ : 02 124 1888

#GrandeCentrePointPrestige   
#GrandeCentrePointPrestigeBangkok   
#GrandeCentrePoint

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

“คิปโชเก้ถึงไทย! แฟนแห่ต้อนรับคับคั่ง”


กรุงเทพฯ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ การเดินทางมาถึงประเทศไทยของ เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) รายการอะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025 พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ พร้อมชื่นชมการต้อนรับของคนไทยที่แสนอบอุ่นประทับใจเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่ได้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ในฐานะทูตทางด้านการท่องเที่ยว กีฬา และ วัฒนธรรมของรัฐบาลไทยอีกครั้งในปีนี




ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา เอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยา เจ้าของแชมป์เมเจอร์ ๑๑ สมัย ในฐานะฑูตทางด้านการท่องเที่ยว กีฬา และ วัฒนธรรมของไทย ที่จะลงแข่งขันในระยะ ฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 665 เวลา ๒๑.๑๕ น. โดยมีนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำทีมผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ผู้อํานวยการจัดการแข่งขันฯ ให้การต้อนรับ และยังมีแฟนคลับชาวไทยมาต้อนรับอย่างอบอุ่น สร้างความประทับใจให้ตำนานนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยาผู้นี้เป็นอย่างมาก

ความเคลื่อนไหวก่อนการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 หรือ ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๒.๐๐ ถึง ๑๐.๓๐ น. ณ จุดปล่อยตัว เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ถนนพญาไท เขตปทุมวัน และจุดเส้นชัย ณ ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร ชิงเงินรางวัลรวม ๒,๔๔๐, ๕๐๐ บาท




ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จฯ ร่วมวิ่งการแข่งขันมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับโลกในเมืองหลวง Amazing Thailand Marathon Bangkok 2025 ครั้งที่ ๘ ประเภทระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม.  กับเอเลียด คิปโชเก้ ตำนานนักวิ่งมาราธอนหนึ่งเดียวของโลก ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ โดยมีนักวิ่งจากทั่วโลกสมัครเข้าร่วมกว่า ๔๘,๐๐๐ คน

สำหรับ เอเลียด คิปโชเก้  หลังจากเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว จะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อร่วมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทยและการแข่งขัน อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025 พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ ดังนี้ ในวันที่วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เข้าร่วมงาน Running Zone 10K (RZ10) และ Fan Meet with Eliud Kipchoge ที่สนามศุภชลาศัย  เวลา ๑๗.๐๐ น., วันเสาร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เอเลียด คิปโชเก้ เข้าร่วมกิจกรรม The Footprint Ceremony ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ณ สวนเบญจกิติ เวลา ๐๗.๐๐ น.

ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันจะร่วมงานแถลงข่าว  ELIUD KIPCHOGE  & FAN MEET พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ ณ พารากอนฮอลล์ ชั้น ๕ สยามพารากอน เวลา ๑๒.๓๐ - ๑๔.๐๐ น. ส่วนวันอาทิตย์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน “อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025” พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘” ณ จุดปล่อยตัว MBK เวลา ๐๑.๓๐ น.  และร่วมลงวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑.๑ กม. เส้นทาง MBK Center – สนามหลวง จนถึงพิธีมอบรางวัลการแข่งขัน ณ สนามหลวง เวลา ๐๖.๓๐ น. เป็นต้นไป      

เอเลียด คิปโชเก้  กล่าวหลังจากเดินทางถึงประเทศไทยว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมากที่ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง ปีที่แล้วผมสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มและการต้อนรับที่อบอุ่นเป็นกันเองจากคนไทยเสมอ ปีที่แล้วตลอดหลายวันที่อยู่ในกรุงเทพฯ ผมประทับใจกับอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และวัฒนธรรมที่งดงาม สำหรับการแข่งขันปีนี้ ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมวิ่งไปพร้อมกับนักวิ่งชาวไทยและแฟนกีฬามากมาย และหวังว่าพลังของการวิ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนก้าวสู่เป้าหมายของตัวเองไปด้วยกัน”

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวย้ำว่า “การได้ต้อนรับ    เอเลียด   คิปโชเก้ ในฐานะทูตด้านการท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรมของประเทศไทย ถือเป็นโอกาสอันสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) ของประเทศให้โดดเด่นยิ่งขึ้น การที่บุคคลระดับตำนานในวงการมาราธอนโลกมาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร จะช่วยสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยว นักวิ่ง และผู้สนใจกีฬาจากทั่วโลกหันมาสนใจประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ททท. มั่นใจว่าการจัดการแข่งขันปีนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวและสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมทุกคน”

นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ จากบริษัท ไตรลีก (ประเทศไทย) จำกัด  ผู้อํานวยการจัดการแข่งขัน กล่าวเสริมว่า “ปีนี้เป็นปีที่พิเศษมากสำหรับรายการ อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025 พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ เพราะเราได้รับเกียรติจากเอเลียด คิปโชเก้ มาร่วมวิ่งในระยะฮาล์ฟมาราธอน ๒๑ กิโลเมตร พร้อมกับนักวิ่งทั้งหมดในระยะต่างๆ กว่า ๔๘,๐๐๐ คน ซึ่งถือเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้การแข่งขันปีนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เรามุ่งมั่นพัฒนาการจัดการแข่งขันให้เป็นมาตรฐานสากล ตามข้อกำหนดของสหพันธ์กรีฑาโลก (World Athletics)  และผลักดันให้กรุงเทพมหานครก้าวสู่การเป็น ๑ ใน ๑๐ มาราธอนระดับโลกในรายการ World Capital Marathon Series อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าผู้เข้าร่วมทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจและอยากกลับมาร่วมงานนี้อีกในปีต่อ ๆ ไป”

 การแข่งขัน อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอนแบงค็อก 2025 พรีเซ็นต์บาย โตโยต้า ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ จัดโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าภาพร่วมกับกรุงเทพมหานคร, สมาคมกรีฑาโลก และไทยแลนด์ไตรลีก (ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฯ) กำหนดการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองหลวง (World Capital Marathon Series) ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๖๘ รายการ AMAZING THAILAND MARATHON BANGKOK 2025 ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๒.๐๐ ถึง ๑๐.๓๐ น. จุดปล่อยตัว ณ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ถนนพญาไท เขตปทุมวัน และจุดเส้นชัย ณ ท้องสนามหลวง ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร 

วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อผลักดันและยกระดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ รายการวิ่งมาราธอนระดับโลกซึ่งจัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของสมาคมกรีฑาโลก (THE OFFICIAL WORLD CAPITAL MARATHON SERIES) เทียบเท่ามาราธอนระดับเมเจอร์โลก เพื่อส่งเสริมให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (SPORTS TOURISM CAPITAL CITY) และมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย คาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ ผู้ร่วมเดินทาง เจ้าหน้าที่ และประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า ๘๐,๐๐๐ คน ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่น้อยกว่า ๑,๔๐๐ ล้านบาท   

ติดตามรายละเอียดการแข่งขันได้ที่ https://www.facebook.com/amazingthailandmarathonbkk


ข่าวประชาสัมพันธ์

รพ.ซีจีเอช พหลโยธิน เดินหน้ารณรงค์วันเอดส์โลก ให้ความรู้–แจกชุดตรวจ HIV ฟรี

โรงพยาบาลซีจีเอช พหลโยธิน ร่วมกับ สำนักงานเขตบางเขน และ ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องใน “วันเอดส์โลก” (World AIDS Da...

โวยวายดอทคอม