ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท พร้อมลุ้นรับสิทธิ์ร่วมแข่งขันเวทีระดับนานาชาติ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจากกิจกรรม Coding Bootcamp ใน 8 ภูมิภาค กิจกรรมภายใต้โครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย พร้อมประกาศผล 100 ทีม ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่กิจกรรมบ่มเพาะ ติวเข้ม ก่อนชิงแชมป์บนเวที Coding War รอบ Final ระบุโครงการดังกล่าว ช่วยยกระดับทักษะด้านโค้ดดิ้งและเทคโนโลยี แก่กำลังคนดิจิทัลให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง เท่าทันโลกที่เทคโนโลยีมีบทบาท ตอบความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัลของประเทศได้อย่างยั่งยืน
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า กิจกรรม Coding Bootcamp & Roadshow และกิจกรรม Coding War ทั้งรูปแบบ Online และ On Ground ใน 8 ภูมิภาคทั่วประเทศ (จังหวัดขอนแก่น กรุงเทพมหานคร อุบลราชธานี พิษณุโลก เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และสงขลา) กิจกรรมภายใต้โครงการ Coding for Better Life สร้างรากฐานอนาคตประเทศไทย ที่ ดีป้า ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง มีบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน คุณครู ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก สร้างการเข้าถึงการเรียนรู้ด้านดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพแก่เยาวชน เกิดการพัฒนาต่อยอดศักยภาพสู่การประยุกต์ใช้ทักษะโค้ดดิ้ง มีการพัฒนาหลักสูตร และการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ด้านโค้ดดิ้งที่เหมาะสมกับครูและนักเรียน นำไปสู่การยกระดับการเรียนโค้ดดิ้งทั่วประเทศ เป็นการสร้างเมล็ดพันธุ์ดิจิทัล เพื่อสร้างรากฐานอนาคตของประเทศ และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัลอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ภายใต้การดำเนินกิจกรรมในแต่ละรอบภูมิภาค มีผู้เชี่ยวชาญร่วมให้ความรู้ด้านโค้ดดิ้งทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติให้กับทั้งครูและนักเรียน จำนวนกว่า 400 คน จากโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ Coding for Better Life พร้อมเปิดโอกาสให้แต่ละทีม ประกอบด้วยครู 1 คน และนักเรียน 3 คน สร้างผลงานนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ประกวดแข่งขันประชันไอเดียเพื่อชิงความเป็น 1 ใน 10 ทีม ที่มีผลงานโดดเด่นในแต่ละภูมิภาค โดยภายหลังสิ้นสุดกิจกรรม Coding Bootcamp มีผลงานที่ผ่านการคัดเลือกรวม 80 ทีมจากกิจกรรม Coding Bootcamp จาก 8 ภูมิภาค และ อีก 20 ทีมจากกิจกรรม Coding War จากโรงเรียนทั่วประเทศไทยที่สามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดและมีการนำเสนอ (Pitching) กับคณะกรรมการในแต่ละภูมิภาค รวมผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรรมการทั้งหมด 100 ทีมที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันในเวที Coding War รอบ Final ต่อไป
ด้าน รศ.ดร.ปัณรสี ฤทธิประวัติ ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาหลักสูตรของโครงการฯ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับน้อง ๆ ที่ได้ผ่านเข้าสู่การแข่งขัน Coding War ทั้ง 100 ทีม โดยในรอบต่อไปจะเป็นการแข่งขันที่มีความเข้มข้นขึ้น ทางคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องการคัดเลือกตัวแทนที่จะไปแข่งขันต่อในเวทีระดับนานาชาติ จึงพิจารณาผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถนำไปต่อยอดสู่การใช้งานได้จริง มีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆที่น่าสนใจ สิ่งสำคัญ คือ ต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม
“คณะกรรมการยังให้ความสำคัญกับไอเดียใหม่ที่แตกต่าง และการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะการนำไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่แค่คิด และจบอยู่ในห้องเรียน ต้องแสดงให้เห็นถึงการต่อยอดและสร้างความแตกต่าง แสดงให้เห็นได้ว่าตอบโจทย์ได้ดีกว่าเดิม และแสดงกระบวนการพัฒนาผลงาน ตั้งแต่ไอเดียเริ่มต้นจนถึงผลิตภัณฑ์สุดท้าย โดยทีมที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 100 ทีมจะเข้าสู่กิจกรรมบ่มเพาะ ก่อนเข้าสู่สนามแข่งขันในเวทีระดับประเทศ Coding War เพื่อเพิ่มพูนทักษะในการนำเสนอและมุมมองด้านธุรกิจ และเฟ้นหาทีมชนะเลิศเพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทย ไปแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติ ” รศ.ดร.ปัณรสี กล่าว
สำหรับกิจกรรม Coding War รอบ Final มหกรรมการแข่งขันทักษะโค้ดดิ้งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยจะจัดขึ้นที่ MCC Hall เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายนนี้ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดผลงาน ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และรับสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันโค้ดดิ้งเวทีระดับนานาชาติ อย่าง Seoul International Invention Fair 2024 (SIIF 2024) ณ สาธารณรัฐเกาหลี โดยโครงการ Coding for Better Life ยังได้รับความร่วมมือภาคเอกชน อาทิ ผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัด
โดย บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนโครงการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การมอบ Micro:bit ให้โรงเรียนภายใต้กิจกรรมอัปเกรดห้องเรียนโค้ดดิ้ง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และสนับสนุนกิจกรรม Roadshow สร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับ AI ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ให้กับเยาวชน ครู ผู้ปกครอง และบุคคลทั่วไป รวม 8 จังหวัด และในกิจกรรม Coding War ได้สนับสนุนเงินรางวัล และผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัดฟรีตลอด 1 ปี สำหรับทีมผู้ชนะ ในระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา พร้อมรางวัลพิเศษสำหรับระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 600,000 บาท, บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), เอไอเอ ประเทศไทย และ เทโร เพอร์ฟอร์แมนซ์ คอร์ส เป็นต้น ที่มีเป้าประสงค์เดียวกัน คือ การปลูกฝังความรู้ด้านโค้ดดิ้งแก่ประชาชนไทยตั้งแต่ระดับเยาวชน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้เด็กไทยเติบโตไปเป็นกําลังคนดิจิทัลที่มีคุณภาพ และเป็นกําลังสําคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.depa.or.th, CodingforBetterLife.com
และเฟซบุ๊กเพจ depa Thailand และ Coding Thailand by depa