วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

สถานทูตมาเลเซียจัดงานฉลองวันชาติครบรอบ 68 ปี ตอกย้ำมิตรภาพแน่นแฟ้นไทย-มาเลเซีย

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย นำโดยนายบอง ยิก จุย (H.E. Mr. Bong Yik Jui) อัครราชทูตที่ปรึกษา รักษาการแทนเอกอัครราชทูต จัดงานเลี้ยงฉลองวันชาติครบรอบ 68 ปีของมาเลเซีย (Merdeka Day) อย่างยิ่งใหญ่ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมีแขกผู้มีเกียรติทั้งจากแวดวงการเมือง การทูต ภาครัฐ และเอกชน เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ภายในงานได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญ อาทิ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ตลอดจนเอกอัครราชทูตจากประเทศต่าง ๆ สะท้อนถึงความสำคัญของงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ในการเป็นเวทีเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


นายบอง ยิก จุย กล่าวในพิธีว่า ไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับมาเลเซียมาอย่างยาวนาน ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือรอบด้านเพื่อเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน และยังคงรักษาสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประชาชน โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียกว่า 2.3 ล้านคนเดินทางมาเยือนไทย





ไทยและมาเลเซียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี 2500 โดยมีพรมแดนติดต่อกันทั้งทางบกและทางน้ำใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ด้วยกัน ทั้งนี้ มาเลเซียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของอาเซียนดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2025 โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง และการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ที่จะขับเคลื่อนอาเซียนให้เป็นประชาคมที่มั่นคง มั่งคั่ง และมีเอกภาพ

การจัดงานครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยในการเป็นสื่อกลางเชื่อมสัมพันธ์และเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสองประเทศ ตอกย้ำถึงมิตรภาพและความร่วมมือที่ยั่งยืนของไทย-มาเลเซีย


วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

UFM เขย่าวงการเบเกอรี่ เปิดตัว Master Series

แป้งสาลีพรีเมียมคุณภาพ ที่เหมาะสมกับขนมสไตล์ยุโรป

คุณวันทนา ทองไทย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ UFM ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งสาลีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี บริษัทฯ ยึดมั่นในการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพที่ปลอดภัย พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อสร้างความพึงพอใจและประโยชน์สูงสุดให้กับผู้บริโภค ปัจจุบัน UFM
มีผลิตภัณฑ์แป้งสาลี 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ แป้งข้าวสาลี แป้งพรีมิกซ์ และแป้งพร้อมใช้งาน ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มในปีนี้ บริษัทฯได้เปิดตัว “UFM Master Series” ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มแป้งสาลีระดับพรีเมียม ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมทัพตลาดแป้งสาลี ประกอบด้วย

• แป้งสาลี ยูเอฟเอ็ม มาสเตอร์ซีรีส์ บูล็องเฌอรี ฟลาว (UFM Master Series Boulangerie Flour) 

สำหรับทำขนมปังบาแก็ตฝรั่งเศส เนื้อของแป้งด้านในนุ่มเหนียว ขนมปังเซียบัตต้า ขนมปังสไตล์เวียนนา ให้เนื้อขนมที่นุ่มฟู และรสชาติอร่อย

• แป้งสาลี ยูเอฟเอ็ม มาสเตอร์ซีรีส์ เวียนนัวเซอรี ฟลาว (UFM Master Series Viennoiserie Flour) 

สำหรับขนมอบสไตล์ฝรั่งเศส เช่น ครัวซองต์ เดนิช บริออช พัฟเพสตรี้ เนื้อขนมจะมีความละเอียด 

เบาและขึ้นฟูให้ผลลัพธ์แบบมืออาชีพ

• แป้งสาลี ยูเอฟเอ็ม มาสเตอร์ซีรีส์ พาทิสเซอรี ฟลาว (UFM Master Series Pâtisserie Flour) 

สำหรับขนมหวานและเบเกอรี่เนื้อละเอียด เหมาะสำหรับทำชูเพสตรี้ คุกกี้ เค้ก และขนมอเมริกัน 

เช่น บราวนี่ มัฟฟิน เนื้อสัมผัสจะมีความละเอียดอ่อนนุ่ม

• แป้งสาลี ยูเอฟเอ็ม มาสเตอร์ซีรีส์ เทรดดิชัน ฟลาว (UFM Master Series Tradition Flour) 

สำหรับขนมปังสูตรคลาสสิก เหมาะสำหรับทำขนมปังบาแก็ตสไตล์คันทรี่ ซึ่งเนื้อของแป้งด้านในจะมีความเหนียวหนึบมากกว่าขนมปังบาแก็ตฝรั่งเศสทั่วไป ขนมปังซาวร์โดว์ และขนมปังธัญพืช รสชาติขนมปังทุกชนิดจะมีความเข้มข้น เนื่องจากผ่านกระบวนการหมักที่ยอดเยี่ยม 

• แป้งสาลี ยูเอฟเอ็ม มาสเตอร์ซีรีส์ พิซเซอเรีย ฟลาว (UFM Master Series Pizzeria Flour) 

สำหรับพิซซ่า เนื้อแป้งจะมีความกรอบนอก นุ่มใน เหมาะสำหรับพิซซ่าทุกประเภท

จุดเด่นของแป้งสาลี UFM Master Series คือ แป้งสาลีคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อขนมสไตล์ยุโรปโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยความสดใหม่จากการโม่ภายในประเทศไทย ทำให้ไม่เกิดปัญหาความชื้นระหว่างการขนส่งทางเรือ ทั้งยังมีราคาที่คุ้มค่า หาซื้อได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสินค้าขาดสต็อก อีกทั้งมั่นใจได้ในคุณภาพที่สม่ำเสมอทุกถุง 

คุณวันทนา กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดตัวแป้ง UFM Master Series ในครั้งนี้ เกิดจากความเชื่อมั่นว่า “แป้ง” คือหัวใจสำคัญของการทำขนมปังและขนมอบ ซึ่งที่ผ่านมาแป้งนำเข้าจากฝรั่งเศสหรือยุโรป มักเผชิญปัญหาหลายด้าน ทั้งคุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอ ความชื้นสะสมระหว่างขนส่ง ความยุ่งยากในการจัดหา และอายุการเก็บรักษาที่จำกัด ดังนั้น UFM จึงได้พัฒนาสูตรแป้งพิเศษที่เหมาะกับขนมสไตล์ยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการของเชฟร้านเบเกอรี่ เชฟโรงแรม ตลอดจนผู้ที่รักการทำขนมสไตล์ยุโรปในทุกระดับ สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายแป้ง UFM Master Series จะครอบคลุมทั้งร้านวัตถุดิบเบเกอรี่ และโมเดิร์นเทรด เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง

สมาคมฝึกการพูด แห่งประเทศไทย "The Speech Training Association of Thailand"

พ.อ.พิเศษ เกษม รัตนปราณี (นายกสมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย) ชวนมาฝึกทักษะ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวเอง ด้วยการฝึกพูดที่สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย!

วัตถุประสงค์และจุดเด่น:-

✨️พัฒนาทักษะการพูด ให้ตรงประเด็น กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ

✨️พูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ และปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

✨️ควบคุมความประหม่า และความตื่นเต้นขณะพูด

✨️ปรับปรุงบุคลิกภาพ สร้างความมั่นใจในการแสดงความคิดเห็น

✨️มีไหวพริบในการโต้ตอบ พร้อมรับฟังความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์



สถานที่ฝึกอบรม:-
สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย ทุกวันเสาร์ (1pm – 6pm)
🚩ณ. อาคารมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย (ถนนสุขุมวิท ซอยทองหล่อ 25) กรุงเทพฯ

เริ่มต้นพัฒนาตัวเองได้แล้ววันนี้!
เพิ่มมูลค่าให้ตัวคุณ ด้วยทักษะการพูดอย่างมืออาชีพ ! 

สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย,   อาคารมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียล,
(สุขุมวิท ซอยทองหล่อ 25) กรุงเทพฯ

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568

หัวเว่ยเตรียมเซอร์ไพรส์ จับมือนักแสดงสาวสุดฮอต เปิดตัว HUAWEI WATCH GT 6 Series ในไทย


หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) เตรียมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ จับมือกับนักแสดงสาวสุดฮอตร่วมเปิดตัวสมาร์ทวอทช์เรือธงรุ่นล่าสุด HUAWEI WATCH GT 6 Series สมาร์ทวอทช์สายแฟชัน แบตเตอรี่ยาวนานสูงสุด 21 วัน พร้อมเอาชนะทุกการผจญภัยและปลดล็อคข้อมูลสุขภาพไปอีกระดับพร้อมกันในประเทศไทยวันที่ 2 ตุลาคม 2568 นี้ มาลุ้นไปพร้อมกันว่าใครจะเป็นนักแสดงที่เป็นทั้งตัวแทนของความหรูหรามีสไตล์ และความเท่ สปอร์ต รักสุขภาพ ที่จะพาทุกคนสัมผัสประสบการณ์ใหม่ไปด้วยกันกับ HUAWEI WATCH GT 6 Series

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาหัวเว่ยได้เปิดตัว HUAWEI WATCH GT 6 Series อย่างเป็นทางการในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ประกอบไปด้วยสมาร์ทวอทช์ที่ผสานดีไซน์แฟชันเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย 2 รุ่นด้วยกันคือ HUAWEI WATCH GT 6 Pro และ HUAWEI WATCH GT 6 ก้าวข้ามขีดจำกัดของความทนทานด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 21 วัน อัดแน่นด้วยโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด มอบความอัจฉริยะในการประมวลผลข้อมูลมากขึ้นโดยเฉพาะสำหรับนักวิ่งเทรล และนักปั่นจักรยาน รวมถึงโหมดกอล์ฟ แลดำน้ำใน HUAWEI WATCH GT 6 Pro นอกจากนี้ยังมอบความอุ่นใจด้วยฟีเจอร์ด้านสุขภาพขั้นสูงอย่างการวัดค่าต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพกาย และสุขภาพจิตด้วยการแสดงผลที่เข้าใจง่าย และล้ำสมัยไปอีกขั้น

ในวันที่ 29 กันยายน 2568 นี้ เตรียมพบกับการเผยโฉมนักแสดงสาวปริศนาที่จะมานำเสนออีกขั้นของของเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่ของหัวเว่ย ยกระดับความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีที่ผสานเข้ากับแฟชันอย่างลงตัว และฟีเจอร์ที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 2 ตุลาคม 2568 #HUAWEIWATCHGT6 #EveryMoveCounts

ติดตามรายละเอียดโปรโมชันอื่นๆ ได้ทาง Facebook Huawei Mobile TH รวมทั้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery

LYKN in Hong Kong ตามรอย 5 จุดถ่ายรูป ‘หน้าเบลอหลังชัด’ ในฮ่องกงกับ LYKN

บอยกรุ๊ปทีป๊อป LYKN เยือนฮ่องกง...เพื่อถ่ายทำการแสดงสุดพิเศษกับซิงเกิลใหม่ล่าสุด ‘หน้าเบลอหลังชัด’ (Foreground) ในโปรเจ็คความร่วมมือระหว่าง รายการ Thailand Music Countdown และการท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board)  ซึ่งได้ออกอากาศให้ LYKYOU ได้ชมกันไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา โดยการแสดงพิเศษครั้งนี้ LYKN ได้พาแฟนๆ ไปทำความรู้จักฮ่องกงในมุมของความเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เหมาะกับการถ่ายรูปฟีลเหงาๆ เข้ากับเนื้อหาของซิงเกิลใหม่ล่าสุดของ LYKN อย่าง ‘หน้าเบลอหลังชัด’ (Foreground) สุดๆ สำหรับใครที่อยากไปตามรอยหนุ่มๆ และถ่ายภาพสวยๆ ให้ได้ฟีลลิ่งเดียวกับในเพลง เราขอเปิดพิกัดโลเคชันที่ LYKN ไปเช็กอินให้ตามรอยกันได้เลย!

สูดความอาร์ตที่ย่าน WestK: M+ และ Art Park

1. M+ 

เริ่มต้นที่ M+ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมภาพสมัยใหม่และร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยของเอเชีย และนานาชาติมากมาย นอกจากผลงานศิลปะ สิ่งที่ทำให้หนุ่มๆ  LYKN ประทับใจสุดๆ คือสถาปัตยกรรมของตัวอาคารที่ไม่ว่าถ่ายรูปมุมไหนก็ให้ฟีลคลีนๆ ในสไตล์มินิมอล ยังมี Roof Garden สวนลอยฟ้าที่สามารถชมวิวอ่าววิคตอเรียได้ และที่โดดเด่นสุดคือ จอ Façade ของ M+ เป็นจอ LED ขนาดใหญ่ฉายภาพผลงานศิลปะมากมาย ทำให้สามารถชมผลงานศิลปะได้จากอีกฝั่งของอ่าววิคตอเรีย 

2. Art Park

มาต่อกันที่ฉากเต้นอันทรงพลังที่ Art Park พื้นที่สีเขียวและพื้นที่จัดกิจกรรมกลางแจ้ง ที่ทุกคนสามารถมาเดินเล่น ปิกนิค และทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ ซึ่งเวลาที่หนุ่มๆ LYKN ถ่ายฉากเต้นที่นี่เป็นช่วงเวลาเย็นๆ ทำให้ได้เห็นวิวอ่าววิคตอเรียในช่วงพระอาทิตย์ตกที่สวยจับใจสุดๆ     

3. เช็กอินแลนด์มาร์กใหม่ที่ สวนกีฬาไคตั๊ก (Kai Tak Sports Park) 

อีกหนึ่งฉากเต้นที่อลังการไม่แพ้กันคือ สวนกีฬาไคตั๊ก (Kai Tak Sports Park) แลนด์มาร์กสุดล้ำแห่งใหม่ของฮ่องกง ที่เป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมกีฬาและความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ภายในมีทั้ง Kai Tak Mall แหล่งช็อปปิ้งสไตล์ “สปอร์ตเทนเมนต์” แห่งแรก และ Kai Tak Stadium สนามกีฬาสุดยิ่งใหญ่ที่จุคนได้ถึง 50,000 คน ซึ่งหนุ่มๆ LYKN ยังแอบกระซิบว่าอยากมาจัดคอนเสิร์ตที่นี่ในอนาคตด้วย!

4. ชมความคลาสสิกปนโมเดิร์นที่ย่านเซ็นทรัล (Central)

ย่านธุรกิจสุดคลาสสิกที่ผสมผสานอาคารเก่าแก่เข้ากับตึกสูงระฟ้าได้อย่างลงตัว หนุ่มๆ LYKN เลือกถ่ายทำที่ Central Market อาคารเก่าแก่สไตล์เบาเฮาส์ที่มีอายุกว่าร้อยปี ซึ่งถูกรีโนเวทให้เป็นแหล่งช็อปปิงสุดชิค และอีกหนึ่งจุดไฮไลต์คือ Central-Mid-Levels escalator ทางเลื่อนสุดไอคอนิกที่เชื่อมทั้งย่านเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีหลายสไตล์ ทั้งวินเทจและโมเดิร์น

5. ดื่มด่ำวิวพาโนรามาที่รูฟท็อปบาร์ “Red Sugar”

ปิดท้ายทริปด้วยฉากสุดโรแมนติกที่ Red Sugar รูฟท็อปบาร์ในโรงแรม Kerry Hotel Hong Kong ที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวอ่าววิคตอเรียแบบพาโนรามา 270 องศา เรียกได้ว่าเป็นโลเคชันที่เหมาะกับการนั่งจิบค็อกเทลเบาๆ พร้อมดื่มด่ำความสวยงามของฮ่องกงยามค่ำคืนอย่างแท้จริง


สำหรับใครที่อยากเห็นภาพและวิดีโอจากกล้องฟิล์มที่หนุ่มๆ LYKN เก็บมาตลอดทริปว่าแต่ละพิกัดจะสวยแค่ไหน สามารถรับชมคลิปวิดีโอ "LYKN in Hong Kong" ได้ทาง FB: DiscoverHongKong (https://www.facebook.com/DiscoverHongKong/videos/1280629713339229
แล้วตามไปสร้างประสบการณ์สุดพิเศษที่ฮ่องกงกันได้เลย!

Link การแสดงพิเศษ https://www.youtube.com/watch?v=mQYoeHbLOb0

แอมเวย์ ไชน่า เลือกไทยจัดประชุมองค์กรใหญ่สุดในอาเซียน

ผู้ร่วมงานจากจีนกว่าหมื่นคน ทีเส็บจัด Slow Living Experience ต้อนรับ

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดแถลงข่าวในงาน IT&CM Asia and CTW Asia-Pacific 2025 ประกาศแอมเวย์ ไชน่า จะนำตัวแทนกว่า 10,000 คน เดินทางมาจัดการประชุมสัมมนาผู้นำประจำปี Amway Leadership Seminar – Bangkok ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 4 มีนาคม – 13 เมษายน 2569 ถือเป็นงานประชุมองค์กรของแอมเวย์ ไชน่าขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมขานรับแนวคิดทีเส็บจัด “Slow Living” Travel Experience ผสมผสานการประชุมทางธุรกิจกับประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมวิถีริมฝั่งน้ำและไลฟ์สไตล์ที่ลึกซึ้งใจกลางกรุงเทพฯ

การจัดงานครั้งนี้ยังตรงกับโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน โดยกรุงเทพฯ ในฐานะ “สะพานแห่งมิตรภาพ” ของสองประเทศจะเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับงานครั้งสำคัญของแอมเวย์ ไชน่าที่เชื่อมโยงประชาชนทั้งสองประเทศอย่างแน่นแฟ้น

การประชุมสัมมนาผู้นำประจำปี Amway Leadership Seminar – Bangkok เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมือที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่า 2 ปี ระหว่างทีเส็บ แอมเวย์ ไชน่า และหน่วยงานพันธมิตรไทย ทั้งนี้ ทีเส็บเคยสนับสนุนการสัมมนาผู้นำในต่างประเทศครั้งแรกของแอมเวย์ ไชน่าที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2540 สำหรับงานปี 2569 ทีเส็บยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและนำเสนอแนวคิด “Slow Living” ชูประสบการณ์วิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กับผู้ร่วมงาน อำนวยความสะดวกด้านการประสานงานหน่วยงานรัฐ การให้บริการตรวจคนเข้าเมืองผ่าน MICE Lane Service สำหรับแขกวีไอพี พร้อมสนับสนุนงานการแสดงทางวัฒนธรรม มอบสิทธิพิเศษจากพันธมิตรภาคธุรกิจ และดูแลมาตรการด้านการต้อนรับ ความปลอดภัย และการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ตอกย้ำบทบาททีเส็บในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ชั้นนำของเอเชีย

ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้แนวคิดทีมไทยแลนด์ เพื่อต้อนรับแอมเวย์ ไชน่า กลับสู่ประเทศไทย การจัดงานที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 คน ไม่เพียงสะท้อนถึงความสัมพันธ์ไทย–จีนที่แน่นแฟ้น แต่ยังแสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพเชิงสร้างสรรค์ของไทยในการมอบประสบการณ์ไมซ์ที่มีคุณค่าและแปลกใหม่นอกกรอบความคิดเดิมๆ เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในอุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยวไทย และเป็น กลยุทธ์ที่ทำให้ประเทศไทยโดดเด่นในฐานะจุดหมายปลายทางระดับพรีเมียม”

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ประเทศไทยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับตัวแทนกว่า 10,000 คน จากแอมเวย์ ไชน่า สู่กรุงเทพฯ เมืองศูนย์กลางแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เต็มไปด้วยพลัง และเป็นเมืองที่หลอมรวมระหว่างความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมกับความก้าวหน้าสมัยใหม่ ภายใต้โครงการ ‘Vibrant Bangkok City’ เราขอเชิญชวนให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ดื่มด่ำไปกับวิถีชีวิตท้องถิ่น ตั้งแต่การลิ้มรสอาหารริมทางที่สืบทอดสูตรมาหลายชั่วอายุคน การค้นพบวัดวาอารามที่ซ่อนตัวท่ามกลางตึกสูง ไปจนถึงการมีส่วนร่วมกับช่างฝีมือที่สืบสานมรดกทางวัฒนธรรมของไทย นี่คือการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ในความหมายที่แท้จริง ซึ่งเปี่ยมด้วยความเป็นต้นตำรับและรังสรรค์ด้วยความใส่ใจ

การสัมมนาครั้งนี้ สะท้อนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการมอบประสบการณ์ไมซ์ระดับโลก ที่มีเอกลักษณ์แบบไทยแท้ พร้อมกันนี้ ยังถือเป็นโอกาสอันดีในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน เราขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เปี่ยมด้วยคุณค่า ทุกการเดินทางจะได้รับการเติมเต็มด้วยการเชื่อมโยงที่แท้จริง และทุกช่วงเวลาจะสร้างความประทับใจที่ยั่งยืน อันเกิดจากความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะสร้างแรงบันดาลใจ เชื่อมโยง และต้อนรับทุกท่านด้วยใจที่เปิดกว้าง”

มาตรการด้านความปลอดภัยและความมั่นใจเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้เข้าร่วมงาน ทีเส็บได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ จัดเตรียมมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางระหว่างสนามบิน โรงแรม และสถานที่จัดงาน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยบริการ MICE Lane ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมืองแบบรวดเร็วสำหรับวีไอพี ตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการมอบประสบการณ์ไมซ์ระดับโลก ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตรตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางมาถึงความร่วมมือยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ

แอมเวย์ ไชน่า มีความสัมพันธ์อันยาวนานกับประเทศไทย นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2538 และเลือกกรุงเทพฯ เป็นสถานที่จัดสัมมนาผู้นำในต่างประเทศครั้งแรกเมื่อปี 2540 การกลับมาจัดงานในปี 2569 จึงถือเป็นการหวนคืนครั้งสำคัญ สะท้อนถึงมิตรภาพอันยั่งยืน และสอดคล้องกับการเฉลิมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน อีกทั้งการประชุมครั้งนี้ยังเป็นงานองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของแอมเวย์ ไชน่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่ปี 2559 เปิดประสบการณ์ “Bangkok Slow Living”

Amway Leadership Seminar – Bangkok จะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิม ผ่านการนำเสนอวิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้ร่วมงานจะได้สัมผัส “Riverfront Living Circuit” หรือโปรแกรม “Bangkok Slow Living” เพื่อค้นพบกรุงเทพฯ ในมุมมองใหม่ ทั้งกิจกรรมทำสมาธิริมแม่น้ำ การฝึกสติสะท้อนมิติทางวัฒนธรรม การลิ้มรสอาหารท้องถิ่นชื่อดัง ตลอดจนพักผ่อนในโรงแรมหรูชั้นนำที่นำเสนอกิจกรรมผสมผสานการบำบัดแบบสปาไทย โยคะ และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน




ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ การจัดงานครั้งนี้ของแอมเวย์ ไชน่า คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนอย่างมหาศาลแก่ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง และอุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรม อีกทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว “The New Thailand” ที่ผสานมรดกทางวัฒนธรรม สุขภาพ และวิถีชีวิตสมัยใหม่เพื่อดึงดูดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ งานนี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมงานได้ค้นพบประเทศไทยในมุมมองใหม่ อีกทั้งยังเป็นการสานสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับจีน และต้อนรับตัวแทนแอมเวย์ สู่ประสบการณ์ที่น่าจดจำในกรุงเทพฯ

“Amway Leadership Seminar – Bangkok คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 858 ล้านบาท (ประมาณ 26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับอุตสาหกรรมไมซ์และบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย และสร้างงานกว่า 860 ตำแหน่งในภาคการบริการ การจัดเลี้ยง การขนส่ง และบริการด้านอีเวนต์ อีกทั้งยังคาดว่าจะสร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีประมาณ 38 ล้านบาท (1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตอกย้ำบทบาทเชิงกลยุทธ์ของไมซ์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย” ดร. ศุภวรรณ กล่าวทิ้งท้าย

(u/n)branded. จับมือพันธมิตรญี่ปุ่น MW Inc. ยกระดับแบรนด์ดิ้ง-สื่อสารการตลาด ไทย–ญี่ปุ่น

24 กันยายน 2568 – กรุงเทพฯ, (u/n)branded. (อันแบรนด์เด็ด) เอเจนซี่การตลาดจากประเทศไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับบริษัท MW Inc. ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาดจากญี่ปุ่น เพื่อร่วมมือกันพัฒนากลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารข้ามพรมแดน เสริมศักยภาพทางธุรกิจไทย–ญี่ปุ่น และขยายโอกาสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การจับมือครั้งนี้เป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กร โดย (u/n)branded. เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ การสื่อสาร การตลาดดิจิทัล และการใช้ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจ ขณะที่ MW Inc. มีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งและความเข้าใจตลาดญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้งทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ทั้งมิติทางวัฒนธรรมและธุรกิจการค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วยให้แบรนด์ต่างประเทศสามารถเข้ามาทำตลาดในไทยได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนจากทีมงานที่เข้าใจทั้งตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยมีช่องทางและความพร้อมมากขึ้นในการขยายสู่ตลาดญี่ปุ่นผ่านกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์และเข้ากับความต้องการของผู้บริโภค

ด้านนายมาซาโนริ วาตานาเบะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท MW Inc. ระบุว่า จุดแข็งด้านการวางกลยุทธ์และศักยภาพการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัลที่ทันสมัยและความคิดสร้างสรรค์ของ (u/n)branded. จะช่วยเสริมเครือข่ายองค์กรญี่ปุ่น พร้อมยกระดับศักยภาพการแข่งขันของลูกค้าทั้งสองประเทศในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพการเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ทั้งนี้ ความร่วมมือจะครอบคลุมการทำแคมเปญการตลาดระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม และการศึกษาเชิงลึกผู้บริโภคในแต่ละประเทศ โดยมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง และต่อยอดให้ไทยและญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในภูมิภาค

นางศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหารประจำประเทศไทย (u/n)branded. กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนวิสัยทัศน์ของ (u/n)branded. ในฐานะ เอเจนซี่มืออาชีพระดับสากล ที่พร้อมยกระดับมาตรฐานการสื่อสารการตลาดของไทย ด้วยการผสานความคิดสร้างสรรค์ เครื่องมือดิจิทัล และเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างคุณค่าและการเติบโตให้กับแบรนด์และธุรกิจในระยะยาว

#unbranded #unbrandedAgency #MWJapan #unbrandedxMW #CrossBorderMarketing  #MarketingInnovation #DigitalMarketing #AIPoweredSolutions
#MarketingStrategy #GlobalPartnership #ThailandJapan #เอเจนซี่ไทย #กลยุทธ์การตลาด

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2568

รฟฟท.รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนประเภทรัฐวิสาหกิจ ระดับ “ดีเด่น” ประจําปี 2568

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 (Human Rights Awards 2025) ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ ระดับ ”ดีเด่น” จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม 

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้ารับมอบรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน “ระดับดีเด่น” ประจำปี 2568 (Human Rights Awards 2025) จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลฯ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร



ทั้งนี้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินงานตามหลักสิทธิมนุษยชนในระดับดีเด่น ตอกย้ำความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียมควบคู่กับการให้บริการเดินรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐานในระดับสากล โดยยึดมั่นในการนำหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนมากำหนดเป็นกลยุทธ์และแนวทางในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ให้เป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการ เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนให้องค์กรเติบโตและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยการนำหลักสิทธิมนุษยชนมาประยุกต์ใช้และสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร ส่งเสริมบุคลากรทุกคนให้มีความตระหนัก  ยึดมั่นการสร้างความยุติธรรมและความเท่าเทียม เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ควบคู่กับการสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งยังสร้างการมีส่วนร่วมและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ผู้ใช้บริการ ชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า คู่ค้า และกลุ่มเปราะบาง อันจะส่งผลให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการให้บริการขององค์กรได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเสมอภาค และบริษัทฯจะมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จอย่างยั่งยืน

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม
Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ “RED Line SRTET”
หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ ...ความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568

วศิน วรรณพฤกษ์ รับรางวัล "ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ"

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบุคคลดีเด่นที่ได้รับรางวัล "คุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ” ประจำปี 2568 ในสาขา "ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ"  สาขาหนึ่งของรางวัล "ซึ่งมอบให้กับบุคคลหรือองค์กรที่สร้างคุณประโยชน์และทำความดีต่อสังคมไทยอย่างโดดเด่น เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีงาม เช่น การพัฒนาสังคม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการทำจิตอาสา


โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 แล้วสำหรับปีนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้ทำความดีและสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างโดดเด่น จัดขึ้นโดยมูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีค่านิยมที่ดีงามตามหลักปรัชญา ส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้ศึกษา คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ พัฒนาสังคม อนุรักษ์วัฒนธรรม สืบสานศาสนา ส่งเสริมกีฬา และมุ่งมั่นจิตอาสาแบบบูรณาการ  โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน นักเรียนและนักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมรับรางวัล โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในงาน และนายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มอบรางวัล ซึ่งจัดขึ้น ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ 





The Soul Luxury Wellness & Mindfulness Resort เปิดตัวคอร์ส “Cell Reboot Detox” ครั้งที่ 2

เปิดตัวคอร์ส “Cell Reboot Detox” ครั้งที่ 2 สัมผัสการฟื้นฟูสุขภาพลึกระดับเซลล์ 3 วัน 2 คืน

ดรุณี ภู่ระย้า ผู้จัดการทั่วไป  The Soul Luxury Wellness & Mindfulness Resort กล่าวว่า  โครงการ “Cell Reboot Detox” ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 14–16 พฤศจิกายน 2025 เพื่อมอบประสบการณ์การฟื้นฟูร่างกาย และจิตใจอย่างครบวงจร  บรรยากาศที่สวยงาม สงบ และมีความสุข กับกิจกรรมที่ทำให้ผู้เข้าพักได้รับความสุขอย่างแท้จริง

โปรแกรมพิเศษ 3 วัน 2 คืน (All Inclusive)
ราคาพิเศษ Early Birds!!
• 28,500 บาท/ท่าน (พักคู่)
• 33,500 บาท/ท่าน (พักเดี่ยว)



จากราคาปกติ 48,500 บาท Net / รับจำนวนจำกัดเพียง 32 ท่านเท่านั้น!

ไฮไลท์กิจกรรมบำบัด อาทิ Crystal Singing Bowl: ปรับสมดุลระดับเซลล์ เพิ่มสมาธิและการผ่อนคลายBanana Leaf Bathing Detox: บำบัดสารพิษด้วยพลังธรรมชาติจากคลอโรฟิลล์

Dry Fasting: ดีท็อกซ์ลึก ฟื้นฟูระบบภายในอย่างแท้จริง

Ice Bathing: กระตุ้นการไหลเวียน ซ่อมแซมเซลล์ และเสริมภูมิคุ้มกัน

7 Chakra Healing: ปรับสมดุลพลังงานใน 7 จักระ

Reset Detox: สร้างประสบการณ์การล้างพิษครบวงจร

คอร์สดีท็อกซ์นี้จัดขึ้น ภายใต้การดูแลของ ดร.กัมปนาท บัวฮมบุรา ผู้เชี่ยวชาญด้านคลื่นเสียงบำบัดระดับโลก ที่มีประสบการณ์ยาวนานในการเปลี่ยนแปลงสุขภาพและพลังชีวิตให้กับผู้คนทั่วโลก

อย่าพลาดโอกาสดูแลสุขภาพเชิงลึกในแบบที่คุณคู่ควร
สอบถามเพิ่มเติม และสำรองที่นั่ง
โทร.036-2417777
www.thesoulresort.com

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2568

เที่ยวเมืองชลทั้งที ต้องมาที่นี่! งานมหกรรม "เที่ยวเมืองชล ถนนวัฒนธรรมสร้างสรรค์"


เที่ยวเมืองชลทั้งที ต้องมาที่นี่! งานมหกรรม "เที่ยวเมืองชล ถนนวัฒนธรรมสร้างสรรค์"วันที่ ๒๔ - ๒๘ กันยายนนี้ ที่ หาดพัทยากลาง 

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงานมหกรรม “เที่ยวเมืองชล ถนนวัฒนธรรมสร้างสรรค์” ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๘ กันยายน ๒๕๖๘ ณ บริเวณชายหาดพัทยากลาง พบกับกิจกรรมหลากหลายภายใต้คอนเซ็ปต์ “ชม ชิม ช็อป แชะ ชิล” 


✨️ ชมเส้นทางท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมกว่า ๑๑ เส้นทาง และ Workshop ภูมิปัญญาคนชล 

✨️ ชิมลิ้มลองอาหารท้องถิ่นรสเด็ดจาก ๑๑ อำเภอในชลบุรี 

✨️ ช็อปกระจายของเด็ดของดีฝีมือคนชลบุรีกว่า ๑๐๐ ร้านค้า 

✨️ แชะแอนด์แชร์การแสดงศิลปวัฒนธรรมสุดอลังการ พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน 

✨️ ชิลกับบรรยากาศสุดฟินรับลมยามเย็นริมชายหาดพัทยากลาง

📍 งานนี้เข้าชมฟรีทุกวัน เริ่มตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ น. เป็นต้นไป แล้วมาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองชลไปด้วยกัน

#ชลบุรี 

#เที่ยวชลบุรี 

#เที่ยวไทย 

#สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี 

#กระทรวงวัฒนธรรม

#เที่ยวเมืองชล

#ถนนวัฒนธรรมสร้างสรรค์

#chonburiculturalfestival

JAECOO 5 EV ออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริงในทุกมิติ

ล่าสุด JAECOO 5EV ราคาไม่ถึง 6 แสนบาท แต่จัดเต็มทั้งคัน

JAECOO ชวนคุณสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษขับก่อนสนุกก่อน ได้มีโอกาสไปเทสไดร์ฟรถใหม่ ที่ทุกคนพูดถึงตอนนี้ รถไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับการขับขี่ ความรู้สึกแรกในขณะที่เข้ามาในรถสัมผัสได้ถึงความหรูหรา แพรวพราวตามสไตล์รถไฟฟ้าจากค่ายจีนที่เต็มไปด้วยปุ่มสวิทช์ควบคุม ช่วงกลางคอนโซลมีหน้าจอสัมผัสระบบมัลทิมีเดียคล้ายไอแพดขนาดใหญ่ การถอยจอดมีจอมองหลังและเซนเซอร์เตือนตามจุดต่างๆการถอยจอดมีจอมองหลังและเซนเซอร์เตือนตามจุดต่างๆ  อัตราเร่งทำได้ดีเป็นรถที่ให้ความสบายในการขับขี่ที่ดีมากในขณะต้องออกเดินทางเป็นระยะไกลๆ การเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกทำได้ดี


JAECOO 5EV รถไฟฟ้า 100% ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ยานพาหนะสำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์และไม่อยากทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ที่บ้านตอบโจทย์คนรักสัตว์เลี้ยงพร้อมให้คุณและเพื่อนคู่ใจออกไปทำกิจกรรมด้วยกัน รถยนต์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้บริโภคยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการผจญภัย ครอบครัวที่รักการท่องเที่ยว หรือคนรักสัตว์เลี้ยง เราใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อให้ JAECOO 5 EV เป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ที่ทำให้ทุกการเดินทางมีความหมาย






สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง: ตัวรถเลือกใช้วัสดุหุ้มเบาะที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและทำความสะอาดง่าย พร้อมจุดยึด ISOFIX สำหรับติดตั้งที่นั่งของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพิ่มความปลอดภัยและความสบายใจตลอดการเดินทาง

สำหรับสายผจญภัยและช็อปปิง: พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีขนาดใหญ่ สามารถรองรับอุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้ง เช่น อุปกรณ์แคมปิง, เซิร์ฟบอร์ด หรือจักรยาน ได้อย่างสบาย






http://youtube.com/live/yocM6pYm0JA

ล่าสุด JAECOO 5EV ราคาไม่ถึง 6 แสนบาท แต่จัดเต็มทั้ง

• กล้อง 540°
• ระบบช่วยขับ
 • ดีไซน์แบบพรีเมียม

JAECOO 5 EV นำเสนอทางเลือกให้ผู้บริโภค 2 รุ่นย่อย เพื่อให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างกัน ชวนคุณสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษขับก่อนสนุกก่อนคร้า ได้มีโอกาสไปเทสไดร์ฟรถใหม่ ที่ทุกคนพูดถึงตอนนี้ รถไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับการขับขี่ ความรู้สึกแรกในขณะที่เข้ามาในรถสัมผัสได้ถึงความหรูหรา แพรวพราวตามสไตล์รถไฟฟ้าจากค่ายจีนที่เต็มไปด้วยปุ่มสวิทช์ควบคุม ช่วงกลางคอนโซลมีหน้าจอสัมผัสระบบมัลทิมีเดียคล้ายไอแพดขนาดใหญ่ การถอยจอดมีจอมองหลังและเซนเซอร์เตือนตามจุดต่างๆการถอยจอดมีจอมองหลังและเซนเซอร์เตือนตามจุดต่างๆ  อัตราเร่งทำได้ดีเป็นรถที่ให้ความสบายในการขับขี่ที่ดีมากในขณะต้องออกเดินทางเป็นระยะไกลๆ การเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกทำได้ดี





สัมผัสประสบการณ์รถยนต์ JAECOO 5 EV เป็นการรังสรรค์ SUV ที่สะท้อนปรัชญา "Origin of Nature" ด้วยเอกลักษณ์ความแข็งแกร่งของ JAECOO และแรงบันดาลใจจากความสมดุลแห่งธรรมชาติ มาพร้อมพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ให้การเดินทางเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย JAECOO 5 EV รถยนต์ไฟฟ้า B-SUV ที่มีดีไซน์หล่อไม่แพ้ Range Rover Evoque ด้วยราคาที่คุ้มค่าตัวเริ่มต้นเพียง 549,000 บาท มี 2 รุ่นให้เลือก ได้แก่ - *JAECOO 5 EV Dynamic*: ราคา 549,000 บาท - *JAECOO 5 EV Max*: ราคา 599,000 บาท *คุณสมบัติเด่น* - *ดีไซน์*: รูปทรงกล่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไฟหน้า LED ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว - *ภายใน*: ห้องโดยสารสไตล์มินิมอล หน้าจอดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 13.2 นิ้ว - *สมรรถนะ*: มอเตอร์ไฟฟ้า 211 แรงม้า แรงบิด 288 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 60.9 kWh วิ่งได้ไกล 461 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง - *ความปลอดภัย*: ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ทำงานร่วมกับเรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร 2 ระบบ และระบบเรดาร์คลื่นมิลิเมตรระยะไกล 1 ระบบ




*การขับขี่* - อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.7 วินาที - ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง - ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ให้ความนุ่มนวลและหนึบ โดยรวมแล้ว JAECOO 5 EV เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ ด้วยดีไซน์ที่หล่อ สมรรถนะที่ดี และราคาที่คุ้มค่า



ท่านใดกำลังหารถไฟฟ้าที่มีความหรูหราระดับพรีเมียม ขับขี่ดี อุปกรณ์เพียบ นาทีนี้คงไม่มีใครเกิน JAECOO 5EV อย่างแน่นอน  ซึ่งของจริงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายอดจองพุ่งไปแล้วหลายพันคัน ทั้งที่หลายคนที่ยังไม่ได้ test drive!สัมผัสประสบการณ์รถยนต์ JAECOO 5 EV 

นัดทดลองขับกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ เช็กสาขาใกล้บ้านคุณที่นี่ https://www.omodajaecoo.co.th/th/dealerslist/








แนวคิดดังกล่าวสะท้อนผ่านฟังก์ชันต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนาน เช่น ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ระบบความบันเทิงครบครัน และโหมดคาราโอเกะในรถ ที่สามารถเปลี่ยนบรรยากาศการเดินทางให้กลายเป็นปาร์ตี้ส่วนตัวได้ทันที

JAECOO 5 EV นำเสนอทางเลือกให้ผู้บริโภค 2 รุ่นย่อย เพื่อให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างกัน
JAECOO 5 EV Long Range Max: รุ่นท็อปที่เน้นความพรีเมียมและสะดวกสบายสูงสุด มาพร้อมเบาะหนังสังเคราะห์, หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 13.2 นิ้ว, ไฟเรืองแสงในห้องโดยสารปรับได้ 64 สี, กล้องมองภาพรอบคัน 540°, หลังคากระจกพาโนรามาขนาด 1.45 ตร.ม. และประตูท้ายไฟฟ้า
JAECOO 5 EV Long Range Dynamic: รุ่นเริ่มต้นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยสไตล์สปอร์ตและทันสมัย ใช้เบาะผ้าดีไซน์พิเศษ พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว และกล้องมองภาพรอบคัน 360°
ฟังก์ชันเด่นเพื่อทุกกิจกรรม: จากทริปแคมปิงถึงการเดินทางของน้องสี่ขา

หนึ่งในจุดขายที่สำคัญของ JAECOO 5 EV คือการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริงในทุกมิติ
สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง: ตัวรถเลือกใช้วัสดุหุ้มเบาะที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและทำความสะอาดง่าย พร้อมจุดยึด ISOFIX สำหรับติดตั้งที่นั่งของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เพิ่มความปลอดภัยและความสบายใจตลอดการเดินทางสำหรับสายผจญภัยและช็อปปิง: พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีขนาดใหญ่ สามารถรองรับอุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้ง เช่น อุปกรณ์แคมปิง, เซิร์ฟบอร์ด หรือจักรยาน ได้อย่างสบาย

JAECOO 5 EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 461 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐานการทดสอบ) ด้านความปลอดภัย ตัวรถมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) ถึง 19 ฟังก์ชัน และใช้โครงสร้างตัวถังที่ทำจากเหล็กกล้ากำลังสูง (High-Strength Steel) ถึง 77% เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร



รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ WWW.OMODAJAECOO.CO.TH
โทร 095 539 5657 คุณชัยวัฒน์ คณโททอง (Sales Consultant) #JAECOO5EV #OMODAANDJAECOOTHAILAND #JAECOO #JAECOOTHAILAND #OMODAJAECOOTH

ข่าวประชาสัมพันธ์

รฟฟท. ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568

  บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2568 ไปถวายพระภิกษุสงฆ์ผู้จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ ว...

โวยวายดอทคอม