วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568

รฟฟท. เพิ่มมาตรการเชิงรุก จับผู้ต้องสงสัยลักลอบตัดสายไฟรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เพิ่มมาตรการเชิงรุก ประสานตำรวจท้องที่ตลอดเส้นทางรถไฟฟ้า จนสามารถจับผู้ต้องสงสัยลักลอบตัดสายไฟรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้พร้อมของกลางบริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์


นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับแจ้งจากชุดสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ซึ่งนำโดย พันตำรวจเอก เด่นโดม  ลาภานันต์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน พร้อมกำลังชุดปฎิบัติงานป้องกันปราบปราม สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 1 คน บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งจากการตรวจค้นพบของกลางจำนวน 21 รายการ ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้

1.สายไฟกราวสีเขียว จำนวน 1 ม้วน    

2.สายไฟทองแดงสี่คอร์ จำนวน 1 ม้วน

3.สายไฟสีดำอลูมิเนียม จำนวน 10 ม้วน 

4.สายไฟกราวทองแดงที่ปอกแล้ว จำนวน 45 ม้วน น้ำหนักรวมประมาณ 74.5 กิโลกรัม 

5.สายไฟกราวทองแดงยังไม่ปอก ยาว 1 เมตร จำนวน 1 เส้น 

6.คีมตัดเหล็กขนาด24นิ้ว จำนวน 1 อัน

7.คีมขนาดเล็ก จำนวน 2 อัน

8.ประแจ จำนวน 2 อัน

9.ประแจบล็อกตัวที จำนวน 2 อัน

10.มีดปอกสาย จำนวน 6 เล่ม

11.รถล้อเลื่อนสามล้อ จำนวน 1 คัน

12.เชือกโรยตัว จำนวน 2 เส้น

13.กระเป๋าสะพายหลังสีแดง จำนวน 1 ใบ

14.กระเป๋าสะพายหลังสีดำ จำนวน 1 ใบ

15.กระเป๋าถือสีน้ำตาล-ดำ จำนวน 1 ใบ

16.กระเป๋าถือแบบล้อลากสีดำ จำนวน 1 ใบ

17.รถเข็นเหล็ก2ล้อสีฟ้า จำนวน 1 คัน

18.ตะกร้าสีเขียว จำนวน 1 ใบ

19.วิทยุอนาล็อกสีดำ จำนวน 1 เครื่อง

20.โทรศัพท์มือถือ สีฟ้า จำนวน 1 เครื่อง

21.รถยนต์ ยี่ห้อ ford สีดำ จำนวน 1 คัน

โดยจากการสอบปากคำผู้ต้องหา ได้ให้การรับสารภาพ และให้การเพิ่มเติมว่ามีผู้เข้าร่วมกระทำการดังกล่าวอีก ทั้งนี้ ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำความผิดในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนตั้งแต่สองคนขึ้นไปภายในสถานีรถไฟ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป และมีหรือใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ยินดีจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเร่งจับกุมกลุ่มผู้ร่วมกระทำการลักลอบตัดสายไฟในพื้นที่รถไฟฟ้าอย่างเต็มความสามารถ 


ทั้งนี้บริษัทฯยังคงมีมาตรการในด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเพิ่มมาตรการเชิงรุก บูรณาการความร่วมมือระหว่างฝ่ายรักษาความปลอดภัย กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ออกตรวจตราตามเส้นทางการให้บริการทุกวัน เพื่อป้องกันการลักลอบตัดสายไฟในระบบของรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และยังคงยึดมั่นในด้านความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ

ปลัด พม. รับรางวัล "กินรีทอง" มหาชน ครั้งที่ 10

พร้อมรับมอบไม้เท้าขาว จำนวน 100 อัน ก่อนส่งต่อให้คนพิการ


เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) รับรางวัล "กินรีทอง" มหาชน ครั้งที่ 10 สาขาผู้ส่งเสริมและสร้างโอกาสแก่สังคมตัวอย่าง จากองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พร้อมรับมอบไม้เท้าขาว จำนวน 100 อัน นำโดยนายกฤต สุวรรณวิไลกุล ประธานองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดงานรางวัลกินรีทอง มหาชน และคณะ โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวง พม. เข้าร่วม ณ บริเวณโถง ชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 


นายอนุกูล กล่าวว่า ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตนขอขอบคุณองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นำโดยนายกฤต สุวรรณวิไลกุล ประธานองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานจัดงานรางวัลกินรีทอง มหาชน ที่มอบรางวัลกินรีทอง มหาชน ครั้งที่ 10 สาขา ผู้ส่งเสริมและสร้างโอกาสแก่สังคมตัวอย่าง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่ากระทรวง พม. กำลังขับเคลื่อนงานเพื่อสังคมมาในทิศทางที่องค์กรภาคสังคมได้เห็นความสำคัญในการช่วยเหลือประชาชน โดยหน่วยงานที่ทำงานด้านสังคมมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งกระทรวง พม. ไม่สามารถทำงานเพียงหน่วยงานเดียวได้ ต้องทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ อย่างไรก็ตาม รางวัลกินรีทอง มหาชน ที่ได้รับในครั้งนี้ เป็นรางวัลและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนทั้งในภาคสนามและผู้บริหารกระทรวง พม. ทุกคน




นอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณองค์กรส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ที่มอบไม้เท้าขาว จำนวน 100 อัน ให้แก่กระทรวง พม. ซึ่งจะส่งต่อไม้เท้าขาวดังกล่าวให้กับคนพิการทางการเห็น และผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. เพื่อให้ได้ใช้ในชีวิตประจำวันและเกิดประโยชน์สูงสุดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป



#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5x5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ #พันธกิจสำคัญ9ด้าน #กินรีทองมหาชน #ไม้เท้าขาว #คนพิการทางการเห็น

“ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์” จับมือ ม.กรุงเทพธนบุรี มอบทุนวิจัย 2 แสนบาท

พัฒนาองค์ความรู้ด้านประกันภัยยุคดิจิทัล มุ่งสู่ระบบ InsurTech อย่างยั่งยืน

บริษัท ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสร้างองค์ความรู้ในแวดวงประกันภัยยุคใหม่ ล่าสุดประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มอบทุนสนับสนุนงานวิจัยมูลค่า 200,000 บาท ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อ ความไว้วางใจ ความพึงพอใจ และการเลือกใช้บริการของบริษัทนายหน้าประกันภัยเอกชนในยุคดิจิทัล” โดยมีระยะเวลาวิจัยประมาณ 1 ปี คาดว่างานวิจัยจะสามารถนำไปต่อยอดเชิงธุรกิจและเป็นฐานข้อมูลสำคัญในวงการประกันภัย


ดร.ปานวัฒน์ กูรมาภิรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการบริหารงานนายหน้าประกันภัยให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะกระแส “อินชัวร์เทค (InsurTech)” ที่เข้ามามีบทบาทในการซื้อขายประกันภัยผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งแม้จะช่วยเพิ่มความสะดวกและลดต้นทุน แต่บริษัทเชื่อว่า “เจ้าหน้าที่” ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจและดูแลบริการหลังการขายให้กับลูกค้า

“อินชัวร์เทค ไม่ควรเป็นเพียงระบบที่ลดคนทำงาน แต่ต้องเป็นเครื่องมือที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงบริการที่ครบวงจร รวดเร็ว และมีคุณภาพ” ดร.ปานวัฒน์กล่าว

ดร.ปานวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า งานวิจัยนี้จะสะท้อนมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อการซื้อประกันผ่านนายหน้าทั้งในด้านความพึงพอใจ ความเชื่อมั่น และความคาดหวังต่อบริการในยุคดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถออกแบบบริการและพัฒนาระบบ InsurTech ของตนเองได้อย่างตรงจุด ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการวางระบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและนำมาใช้จริงในปี 2569

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศ ISO/IEC 27001 และดำเนินการตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินงาน InsurTech ที่โปร่งใสและปลอดภัย พร้อมกันนี้ บริษัทยังวางเป้าหมายในปี 2572 ในการจัดทำแผน IPO (Initial Public Offering) เพื่อระดมทุนพัฒนาระบบ InsurTech อย่างสมบูรณ์

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ปรักทยานนท์ ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าวว่า งานวิจัยครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการระหว่างภาคธุรกิจและสถาบันการศึกษาอย่างแท้จริง โดยจะศึกษาความไว้วางใจ ความพึงพอใจ และพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกใช้บริการนายหน้าประกันภัย ซึ่งสามารถนำผลลัพธ์ไปประยุกต์ใช้ในการบริหารธุรกิจจริงได้ ทั้งยังถือเป็นแนวทางในการส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในระบบนายหน้าประกันภัย และสามารถใช้เป็นเอกสารอ้างอิงทางวิชาการในอนาคต

“นี่ไม่ใช่แค่งานวิจัยทางวิชาการ แต่เป็นการพัฒนาฐานข้อมูลที่สามารถใช้ได้ทั้งในแวดวงธุรกิจประกันภัย นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป” ผศ.ดร.สุชาติ กล่าว

#ไรเดอร์ โบรกเกอร์ 

#ขายความจริง อิงความซื่อสัตย์

#โบรกเกอร์สีขาว

#ไรเดอร์อินชัว

SACIT พร้อมดันหัตถศิลป์ไทยสู่เวทีโลกในงาน Crafts Bangkok 2025

SACIT หรือ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) พร้อมจัดงาน “Crafts Bangkok 2025” 18-22 มิ.ย. นี้ นำทัพผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย ที่เปี่ยมด้วยทักษะและภูมิปัญญาเชิงช่าง สะท้อนทักษะและภูมิปัญญาอันล้ำลึก จับมือร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน    ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เปิดเผยว่า บทบาทสำคัญของ SACIT คือ การขับเคลื่อนและส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมไทยให้สามารถดำรงอยู่ท่ามกลางบริบทโลกสมัยใหม่ โดยทำหน้าที่อนุรักษ์ภูมิปัญญางานหัตถกรรมท้องถิ่น ผสานความคิดสร้างสรรค์ให้ร่วมสมัยและขยายโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นการเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคทุกเจเนอเรชัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะประเทศไทยมีช่างฝีมือหัตถศิลป์ที่เต็มไปด้วยความสามารถ นักออกแบบ นักเรียนนักศึกษา กลุ่มเปราะบางที่มีพรสวรรค์ แต่ยังไม่มีโอกาสแสดงทักษะ และความสามารถในการสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก 

ในวันนี้ SACIT จึงเป็นองค์กรด้านงานศิลปหัตถกรรมไทยชั้นนำระดับประเทศ ที่พร้อมเป็นที่พึ่งพิง เสริมสร้างช่างศิลปหัตถกรรม ด้วยเสน่ห์แห่งมรดกภูมิปัญญาไทย สู่สากลอย่างภาคภูมิ หรือ Nurturing Thai crafts to global trends โดยการให้ความเชื่อมั่น ดึงศักยภาพของช่างฝีมือที่ซ่อนอยู่ ชี้ทิศทางและโอกาสให้กับงานศิลปหัตถกรรมไทย ในทุกด้าน ทั้งในด้านการอนุรักษ์ การพัฒนา และเพิ่มช่องทางการตลาด เพื่อจับมือเดินเคียงข้างจากชุมชนสู่เมือง    จากฝีมือสู่แบรนด์ จากท้องถิ่นสู่สากลไปพร้อมๆ กับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เสมือนนักปั้นดาวแห่งหัตถศิลป์ไทย ที่ให้ความเชื่อมั่นและคอยสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยอยู่ข้างหลังเสมอมา






Crafts Bangkok 2025 ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Weaving Past to the Future” เป็นการเปิดประสบการณ์สัมผัสเสน่ห์ของงานฝีมือที่เชื่อมต่อคนหลายเจเนอเรชัน ร้อยเรียงแก่นแท้ของงานฝีมือดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมอันก้าวไกล Crafts Bangkok 2025 จึงเป็นหมุดหมายที่รวมตัวของเหล่าดาวผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ ที่พร้อมนำพางานศิลปหัตถกรรมไทยเข้าไปสู่โลกแห่งความร่วมสมัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับวงการศิลปหัตถกรรมไทย มีศักยภาพในรอบด้าน ทั้งในการออกแบบ การผลิต และมีความมั่นใจในการรองรับความความต้องการของตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเป็นการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่อพฤติกรรมผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันกระแสการตอบรับงานศิลปหัตถกรรมไทยมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ ผสานนวัตกรรม และสะท้อนเรื่องราวทางวัฒนธรรม รวมถึงงานหัตถกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Conscious Craft) และสินค้าที่ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย (Trendy Craft) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม

สำหรับไฮไลต์และกิจกรรมภายในงาน Crafts Bangkok 2025 ผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสประสบการณ์ อันน่าประทับใจกับเสน่ห์แห่งหัตถศิลป์ไทยที่หลากหลาย จากผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย มากกว่า 300 คูหา โดยแบ่งออกเป็นโซนกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

1. Silpacheep: ส่วนจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 

2. SACIT Craft Space: ส่วนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยร่วมสมัย มากกว่า 300 คูหา ผู้เข้าชมงานจะได้เลือกซื้องานศิลปหัตถกรรมที่มีคุณภาพจากผู้ผลิตทั่วประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน ดังนี้

• Meet the masters: งานฝีมือชั้นครู สะท้อนให้เห็นถึงทักษะฝีมือ แห่งมรดกภูมิปัญญา ตั้งแต่ต้นกำเนิดจนถึงการประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน

• Be conscious: งานฝีมือที่สะท้อนความยั่งยืนผสานความคิดสร้างสรรรค์ คลื่นลูกใหม่ของงานฝีมือ สะท้อนศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของความคิดสร้างสรรค์

• Trendy look: งานฝีมือแห่งอนาคต สะท้อนเสน่ห์ของงานฝีมือที่เชื่อมต่อคนหลาย Generation ร้อยเรียงแก่นแท้ของงานฝีมือดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรม

3.  SACIT Studio: พื้นที่แห่งการสร้างแรงบันดาลใจแบ่งเป็น 3 ส่วน 

• จัดแสดงผลงานการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมไทยของ SACIT อาทิ SACIT Concept 2025 SACIT Collection ในรูปแบบ Art toy 

• ชื่นชมงานศิลปหัตถกรรมไทยกับช่างฝีมือรุ่นใหม่ New Young Craft 2025 ที่สร้างสรรค์ งานศิลปหัตถกรรมไทยด้วยทักษะและภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผสมผสานกับแนวคิดและนวัตกรรม

• ชื่นชมและร่วมพูดคุยกับชาวบ้านในชุมชนที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และสืบทอดองค์ความรู้ด้านงานศิลปหัตถกรรมไทยจากรุ่นสู่รุ่น 

4. The Craft Connect: ส่วนจัดแสดงเมืองสร้างสรรค์ (Creative City) ของ UNESCO ทั้ง 7 ประเภทเมืองสร้างสรรค์ของไทย ที่มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ของเมือง

5. Weaving Past to the Future: พื้นที่่รวบรวมผลิตภัณฑ์ และเรื่องราวของช่างฝีมือไทยที่ฝึกฝน พัฒนาผลิตภัณฑ์งานศิลปหัตถกรรม สู่ชิ้นงานคุณภาพ






นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษภายในงานเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการงานศิลปหัตถกรรมไทย อีกมากมาย อาทิ กิจกรรมเสวนาจากกลุ่ม New Young Craft เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิดการสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยในมุมมองใหม่, กิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน, กิจกรรมลุ้นรับของรางวัลทั้งในรูปแบบ On Ground และ Online, กิจกรรมจำหน่ายสินค้าผ่าน Social Media รวมถึงกิจกรรมร่วมสนุกและความบันเทิงจากศิลปิน และกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ตลอดการจัดงาน

ผู้อำนวยการ SACIT คาดหวังว่างาน “Crafts Bangkok 2025” จะเป็นเวทีสำคัญที่รวมดาวเด่นแห่งวงการหัตถศิลป์ไว้ในที่เดียว ถ่ายทอดแรงบันดาลใจ ผ่านผลงานที่ทันสมัย มีนวัตกรรม และยังคงกลิ่นอายแห่งภูมิปัญญาไทย และเชื่อมโยงจากชุมชนสู่เมือง จากฝีมือสู่แบรนด์ และจากท้องถิ่นสู่สากล โดยคาดการณ์ตลอด 5 วันของการจัดงานมีผู้สนใจเข้าชมงานมากกว่า 20,000 ราย เกิดเงินสะพัดภายในงานมากกว่า 80 ล้านบาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มพูนรายได้ให้กับชาวบ้าน ชุมชน และผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน




ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันสนับสนุนงานศิลปหัตถกรรมฝีมือคนไทย ที่มีทั้งความสวยงาม ประณีต และ
เต็มเปี่ยมไปด้วยทักษะและภูมิปัญญาที่งาน Crafts Bangkok 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 22 มิถุนายน 2568 ระหว่างเวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ร่วมกิจกรรม “แหล่งเรียนรู้เพื่อพัฒนา” จังหวัดปทุมธานี

 ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ร่วมกิจกรรม “แหล่งเรียนรู้เพื่อพัฒนา” จังหวัดปทุมธานี

ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ร่วมในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ร่วมกับสมาคม สธทท. หนุนท่องเที่ยววัฒนธรรม นำนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรม “แหล่งเรียนรู้เพื่อพัฒนา” จังหวัดปทุมธานี
7 มิถุนายน 2568 คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว นำ สมาชิก ช.ส.ท. เดินทางร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว กับสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) นำโดยดร.สุเทพ อารมณ์รักษ์ นายกสมาคมฯ ผอ.กันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ ท่านประธานปรึกษาอดีตนายกฯ และ นายรพีพงศ์ อุ่นอบธีรศรี อุปนายกฯ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน โดยนำนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรม แหล่งเรียนรู้เพื่อพัฒนา ตระหนักพิพิธภัณฑ์ธรรมะสร้างคุณค่า เลิศล้ำปัญญาปทุมธานี ซึ่งจัดขึ้นโดยจังหวัดปทุมธานี ณ.วัดปัญญานันทาราม คลองหก อ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

กิจกรรมได้รับเกียรติจากนายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานและผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีนักท่องเที่ยวจากหลากหลายกลุ่ม ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมตลอดทั้งวันายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การเยี่ยมชมวัดปัญญานันทาราม การฟังธรรมบรรยาย การชมพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ นิทรรศการศิลปวัฒนธรรม และการเดินชมตลาดชุมชน ผลิตภัณฑ์ OTOP ตลอดจนการร่วมกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจเพื่อพัฒนาศักยภาพทางจิตใจและจิตวิญญาณ




โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของจังหวัด พร้อมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ของดีประจำถิ่น ให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสเสน่ห์ของปทุมธานีอย่างใกล้ชิด
ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมหลากหลาย ได้แก่
• การจัดกิจกรรม One Day Trip เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
• การเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมผ่านแนวคิดพุทธศาสนา
• Workshop สร้างสรรค์จากภูมิปัญญาชุมชน
• การสะสมแต้มผ่านระบบ QR CODE เพื่อแลกรับของที่ระลึก
พร้อมกันนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปทุมธานี ได้เปิดตัวช่องทางประชาสัมพันธ์ใหม่ "LINE Official Account: @visitpathum" เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด ที่รวบรวมแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางแนะนำ กิจกรรมสำคัญ ข่าวสาร และสิทธิพิเศษต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ที่ต้องการสัมผัสปทุมธานีในมุมมองใหม่
ร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ไปพร้อมกับจังหวัดปทุมธานี ทั้งในแง่มุมของความรู้ ความสนุก และสาระบันเทิง พร้อมร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
● Facebook: สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปทุมธานี
● LINE OA: @visitpathum
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปทุมธานี
โทรศัพท์ 0 2581 2773 / อีเมล: saraban_pathumthani@mots.go.th


สมาคม สธทท. ในฐานะองค์กรเอกชนด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ยังคงยืนหยัดในการเป็นกำลังสำคัญในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยววิถีไทยอย่างมีคุณค่า ชวนทุกท่านร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่กับกิจกรรม "แหล่งเรียนรู้เพื่อพัฒนา ตระการตาพิพิธภัณฑ์ สรรค์สร้างคุณค่า เลิศล้ำปัญญาปทุมธานี" พร้อมเปิดตัว LINE OA ศูนย์กลางข้อมูลท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด โดยเฉพาะในมิติวัฒนธรรม ศาสนา และภูมิปัญญาท้องถิ่น


ทั้งนี้ ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ขอบคุณจังหวัดปทุมธานี และทุกภาคีที่เกี่ยวข้อง สำหรับความร่วมมืออันดีในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปทุมธานี ได้เปิดตัวช่องทางประชาสัมพันธ์ใหม่ "LINE Official Account: @visitpathum" เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด ที่รวบรวมแหล่งท่องเที่ยว เส้นทางแนะนำ กิจกรรมสำคัญ ข่าวสาร และสิทธิพิเศษต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ที่ต้องการสัมผัสปทุมธานีในมุมมองใหม่ ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ สู่ความยั่งยืนในอนาคต

เบเยอร์ปฏิวัติห้องเรียนไทย พลิกโฉมหลังคาโรงเรียนกิ่งเพชร


เบเยอร์ปฏิวัติห้องเรียนไทย พลิกโฉมหลังคาโรงเรียนกิ่งเพชร ด้วยเทคโนโลยีสีทาหลังคากันร้อนจากแบรนด์ BegerCool ผสานสารสะท้อนความร้อนระดับเดียวกับ NASA ลดอุณหภูมิได้สูงสุดเกือบ 14°C

บริษัท เบเยอร์ จำกัด เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำ “สีบ้านเย็นอันดับ 1 ของไทย” ด้วยการส่งมอบนวัตกรรม BegerCool Roof สู่ โรงเรียนกิ่งเพชร ภายใต้การดูแลของสำนักงานเขตราชเทวี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เย็นสบาย เหมาะสมกับการเติบโตของเยาวชนไทยในยุคปัจจุบัน

โดย BegerCool Roof คือสีทาหลังคากันร้อนสูตรน้ำอะคริลิกแท้ 100% พัฒนาด้วย เทคโนโลยีสะท้อนความร้อนจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ NASA ใช้เคลือบกระสวยอวกาศ ช่วยเปลี่ยนหลังคาทั่วไปให้กลายเป็นเสมือน “ฉนวนกันร้อน” อย่างมีประสิทธิภาพ


จากผลการทดสอบจริง พบว่า BegerCool Roof สามารถ:

-ลดอุณหภูมิพื้นผิวหลังคาได้สูงสุด 13.8°C

-ลดอุณหภูมิภายในอาคารได้ถึง 5–6°C

-ลดเสียงฝนกระทบหลังคา เพิ่มสมาธิและความเงียบสงบในห้องเรียน

-ใช้งานได้กับทั้ง กระเบื้องลอน และ เมทัลชีท — เป็นสีสูตรน้ำตัวเดียวที่ทาเมทัลชีทได้โดยไม่ต้องใช้รองพื้นพิเศษ

จุดเด่นของเทคโนโลยี BegerCool คือ

• พัฒนาโดย ทีมวิจัยและนวัตกรรมของเบเยอร์ ด้วยแนวคิด R-E-I: Reflection + Emission + Insulation

• สะท้อนความร้อนได้มากกว่า 96.5%*

• ฟิล์มสีทนรังสี UV และทุกสภาพอากาศ

• อายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปี*

• ผ่านผลวิจัยรองรับด้านประสิทธิภาพ ทั้งจากห้องแล็บและการใช้งานจริง


“เบเยอร์เชื่อว่า นวัตกรรมที่ดี ต้องให้ประโยชน์จริงกับผู้คน ไม่ว่าจะในบ้าน อาคาร หรือโรงเรียน เราจะเดินหน้าพัฒนาสีที่เย็น ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมไทยอย่างยั่งยืน” โครงการนี้ สะท้อนจุดยืนของ เบเยอร์ ในการใช้ เทคโนโลยีเพื่อสังคม (Tech for Good) ที่ไม่เพียงลดอุณหภูมิและช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังร่วมสร้างห้องเรียนไทยที่ “เย็นขึ้น คิดดีขึ้น เรียนรู้ได้ไกลขึ้น” ในทุกองศา สามารถเข้าชมกิจกรรมต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์จากทางเบเยอร์ได้ที่ FB: Beger Paint

กลุ่มบริษัทน้ำตาลราชบุรีจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม

เมื่อเร็วๆนี้ นางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโครงการปลูกป่าไม้ "รักษ์โลก รักษ์ดิน ลดร้อน" ณ ต.อ่างหิน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งดร.อารยา อรุณานนท์ชัย ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทน้ำตาลราชบุรีร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สํานักงานสิ่งแวดล้อมภาค 8ราชบุรี โดยมีนายตรีทิพ อรุณานนท์ชัย,นางสาวพวงทอง ลลิตไพศาล, ดร.สุรพล ชามาตย์, นายสุวัฒน์ ชลธารานที, นายพร ขำจา, นายนิติภัทร์ สวนเพลง, ผศ.ดร.ศศิธร หาสิน, นายณรงค์ ครองชนม์ และภาคส่วนต่างๆมาร่วมกันปลูกต้นไม้




กิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ดินด้วยการเร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และปลูกป่าในพื้นที่ดินทราย จัดที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกอ้อยในพื้นที่ 250 ไร่เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยร่วมกันปลูกไม้ป่าในพื้นที่ป่าธรรมชาติ และปลูกต้นกระถินเทพณรงค์ ในพื้นที่ปลูกสร้างสวนป่า และการวัดต้นไม้เพื่อพัฒนาโครงการสำหรับการขอรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกภาคป่าไม้
ทั้งนี้เพื่อลดจุดความร้อนในพื้นที่ดินทรายจัดสร้างสมดุลของระบบนิเวศน์ดิน และน้ำด้วยการช่วยปกป้องผิวดินให้ชุ่มชื้น ดูดซับน้ำฝน และค่อยๆ ปลดปล่อยความชื้นจากพื้นที่ป่าสู่พื้นที่เกษตรกรรมข้างเคียง เพื่อสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลระหว่างบริษัทน้ำตาลราชบุรี จำกัด และชุมชนชนมิตรชาวไร่อ้อย และเพิ่มการดูดซึมก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์จากบรรยากาศ รวมทั้งร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้กับจังหวัดราชบุรี และตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 20 ปี ด้านการสร้างการเติบโตคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนายั่งยืน SDG13 การปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15 เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์หยุดการเสื่อมโทรมของที่ดิน และฟื้นสภาพป่าไม้ให้กลับมาใหม่ตามเป้าหมาย

ข่าวประชาสัมพันธ์

รฟฟท. เพิ่มมาตรการเชิงรุก จับผู้ต้องสงสัยลักลอบตัดสายไฟรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เพิ่มมาตรการเชิงรุก ประสานตำรวจท้องที่ตลอดเส้นทางรถไฟฟ้า จนสามารถจับผู้ต้องสงสัยลักลอบตัดสายไฟรถไฟฟ้าชานเมืองสาย...

โวยวายดอทคอม